หลังจากความจริงปรากฏในคืนนั้นมา... วิภาวีทำตัวอยู่ห่างๆ เตชิดในยามกลางวัน และเมื่อในเวลากลางคืนเข้ามา หลังจากทุกๆ คนในบ้านเข้านอน วิภาวีกางมุ้งและเข้านอนตามปกติ และนอนรออยู่ภายในห้องเพียงลำพัง เพื่อปล่อยให้เตชิดปีนหน้าต่างอย่างใจจดจ่อ
หัวใจหญิงสาวตื่นเต้นตูมตาม ใจหายวาบทุกๆ ครั้งที่รอชายอื่นซึ่งมิใช่สามี เข้ามาเสพสุขบนเรือนกายเธอ ความเปล่าเปลี่ยวไร้สามีมอบรสรักให้ ทำให้เธอต้องเลือกเตชิดมาทำแทน เมื่อทักษ์ดนัยไปบวชพระ
เรือนกายบอบบางหญิงสาวถูกเปลือยออก ราวกับไม่ต้องกลัวโจรชิงสวาทอีกต่อไป ในเมื่อเธอยอมให้เขาหมดใจ เมื่อรู้ความจริงว่า เตชิดก็รักเธอ และอยากทำให้เธอมีความสุขมากเพียงใด
เตชิดเปลื้องผ้า พร้อมปฏิบัติการปรนเปรอความสุขด้วยองคชาติ มือหนารูดอย่างดีปลุกอารมณ์ เพื่อป้อนมันเข้าไปในช่องสวาทบอบบาง นอนราบถ่างขาบนเหนือกายหนุ่ม
เรือนร่างชายแน่นมีซิกแพ็ค ปลุกอารมณ์หญิงสาวให้ลุ่มหลง เธอยอมถ่างขาเพื่อปล่อยให้เขาร่วมรักอย่างเต็มใจ องคชาติสอดใส่ล้วงลึก สร้างอารมณ์แห่งความสุข ยามเมื่อทะลวงเข้าไปจนสุดโคน ยิ่งเขาซอยนานมากเท่าไหร่ เธอยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น จนลืมหน้าทักษ์ดนัยไปจากใจ...
“เตชิด... พี่เสียวจังเลย อ๊า...!!!” วิภาวีครวญร้องหันเรือนหน้าไปกระซิบที่ข้างหูเตชิด ชายหนุ่มใช้สองแขนแกร่ง โอบกายบอบบางเธอเอาไว้แน่น พลางยกสะโพกตนดันองคชาติสอดใส่ให้แรงและลึกมากที่สุด
หญิงสาวหลับตาพริ้มอย่างพึงพอใจ เมื่อความต้องการเหล่านั้นถูกปลดเปลื้องด้วยองคชาติใหญ่ยาว อวบอิ่ม กำลังไหลเวียนอยู่ภายในกายเธอ วิภาวีไม่สนใจอะไรอีกแล้ว นอกจากอย่าปล่อยให้เรื่องนี้มีคนรู้...
หญิงสาวหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า แต่ยังไม่อยากหยุดการร่วมรัก เตชิดจึงปล่อยกายบางวางบนเตียงผ้าปู อยากจะเปลี่ยนท่าร่วมรักกับเธอบ้าง ในเมื่อวิภาวียินยอมพร้อมใจ ปล่อยให้เขากลายเป็นส่วนหนึ่งในความรักนี้กับเธอ
******
หญิงสาวกางขาทั้งสองกว้าง ปล่อยให้ชายหนุ่มแทรกเรือนกายรูปงาม เข้ามาใกล้ หัวเข่าหนุ่มคืบคลานเข้ามาอย่างแผ่วเบา แทรกแก่นกายปะทะกับกลีบงาม ปล่อยให้ปลายหัวองคชาติแหวกร่องสวาท ทะลวงลึกหนักหน่วง สร้างอารมณ์เสียวกระสันให้แก่เธอ
หญิงสาวกัดขบฟันแน่น เมื่อมันทำให้เธอรู้สึกดีได้เพียงไร และมากกว่าทักษ์ดนัย เพราะเตชิดลากจังหวะช้า กระแทกลึกและแรงหน่วง ภายในกายเธอร้อนรุ่มแทบทนไม่ไหว อยากให้เขาซอยให้เธอถี่รัวเร็ว เร้าอารมณ์กระสันซ่าน
“ใจเย็นๆ สิครับ พี่วิ ผมลากช้า พักสักแปบ...” แม้เตชิดจะบอกว่าพัก แต่องคชาติใหญ่ยาว ไหลเวียนลากถูภายในช่องสวาทอวบอิ่มคับบวม อัดเข้าไปในช่องท้องน้อยแทบทะลวงปริปากมดลูก หญิงสาวอ้าปากอย่างเสียวซ่าย พลางงอหัวเข่าเข้าหากายสาว
ชายหนุ่มจับสองขาเรียวงาม พาดคอพลางกระแทกหนักรัว ซอยถี่เร็วจนหญิงสาวกลั้นเสียงไม่ไหว เขาจูบปากเธอบดเบียดเร่งเร้าอารมณ์ วิภาวีเสร็จน้ำแตกใส่ปลายองคชาติภายในช่องสวาท และชายหนุ่มยิ่งกระแทกหนักรัวเสยขึ้น มิให้พื้นบ้านเรือนไม้กระเทือนส่งเสียง
“ผมรักพี่วินะครับ” เตชิดกระซิบข้างหู ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกดีตอบ ขมิบช่องคลอดบีบรัดให้องคชาติอวบอิ่ม เสียวกระสันระหว่างกระแทกใส่ เตชิดรับรู้ถึงความสุขอันนี้จึงแตกน้ำใส่ปากมดลูกอีกตามเคย มอบความรักด้วยแรงกระสันเสียวสุขทั้งมวลนี้ เพื่อวิภาวีเพียงผู้เดียว
เขายังคงสอดใส่องคชาติ เร่งความเร็วซอยรัว เพื่อสร้างความสุขให้แก่วิภาวี จนเสร็จสมน้ำแตกใส่ภายในช่องสวาทให้ เธอสุขสันต์เพ้อเสียวกระสันได้อย่างเคย....
******
และเป็นเช่นนี้อยู่ตลอดสามเดือน เตชิดแอบลักลอบได้เสียกับวิภาวีอยู่ทุกๆ คืน หรือบางคืนเขาไม่ได้เข้ามาอยู่กับเธอ เพราะบางทีมีบางคนภายในบ้านไม่หลับ ไม่นอน หรืออาจจะตื่นเร็ว
บ้างเตชิดถูกสงสัยว่า ทำอะไรลับๆ ล่อๆ ผิดปกติ ยิ่งไปกว่านั้นเขาพยายามปกป้องวิภาวี ไม่ให้ถูกสงสัยว่า แอบได้เสียกับชายอื่น ระหว่างสามีไปบวชพระ...
ยามเช้าวันพระ วิภาวีออกไปใส่บาตรให้พระทักษ์ดนัย และกลับมาทำงานบ้านตามปกติ แต่ในยามค่ำคืน เธอหลับนอน ได้เสียกับเตชิด ชนิดไม่เกรงใจความต้องการของตัวเอง...
สามเดือนผ่านไป เธออาเจียน ป่วยเป็นไข้ ไม่สามารถทำงานบ้าน หรือออกไปใส่บาตรพระได้เหมือนก่อน และใกล้วันทักษ์ดนัยลาสิกขา... เธอไปหาหมอ และตรวจสุขภาพ ทราบผลว่า เธอตั้งครรภ์แล้ว...
******
อีกอาทิตย์สุดท้าย พระทักษ์ดนัย จะลาสิกขาเป็นทิศ แต่ถึงกระนั้นก่อนเวลาอันสุขสมของเตชิดกับวิภาวีจะสิ้นสุด แม้เธอจะตั้งครรภ์ แต่ความต้องการของเธอยิ่งทะยานอยากมีเพศสัมพันธ์กับเตชิดมากยิ่งขึ้น
หญิงสาวโก่งสะโพกงามให้แก่เตชิด น้องชายสามีเสยองคชาติลึกๆ หนักหน่วง ปลดเปลื้องอารมณ์แพ้ท้อง สร้างอารมณ์สุขสันต์ ก่อนสามีจะกลับมาบ้าน เธอนึกอยากภาวนามีโอกาสดีๆ กับเตชิดบ้าง โดยไม่ให้สามีล่วงรู้หากกลับมาแล้ว
“พี่วิครับ... ผมมีอะไรจะบอก...” เตชิดค่อนข้างกลัดกลุ้ม หลังจากร่วมรักกับเธอเสร็จแล้ว
“อะไรรึ? หรือว่าเราจะไม่ได้ทำอะไรแบบนี้อีก?” วิภาวีรู้สึกแย่ที่คิดกับเตชิดเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่สามีของเธอกำลังจะลาสิกขากลับมาบ้าน เพื่อหลับนอนกับเธอซึ่งเป็นภรรยา
“ผมกำลังจะไปเกณฑ์ทหาร และผมคงจะไม่กลับมาบ้าน เพื่อความปลอดภัยของพี่วิ... รักษาตัวด้วยนะครับ” เตชิดบอกพลางสวมกอดหญิงสาวที่รัก เพราะไม่อยากให้วิภาวี และตัวเขาถูกสงสัยจากคนในครอบครัว เธอจะถูกครหา และลำบากมาก
“เตชิด พี่จะไปอยู่ด้วยได้มั๊ย?” วิภาวีพูดโดยลืมตัว เธอต้องการเขาจนลืมทักษ์ดนัยไปจากใจ
“ไม่ได้หรอกครับ ยกเว้นว่าพี่จะไม่ได้อยู่กับพี่ทักษ์ดนัย แต่มันไม่ควรเกิดขึ้น มันจะทำให้ชีวิตพี่ลำบากนะครับ” เตชิดบอกอย่างห่วงใย พลางจูบบดเบียดริมฝีปาก
เมื่อสายธารน้ำตาเธอหลั่งไหล เธอรักเตชิด หลังจากแอบลักลอบร่วมหลับนอนมาสองเดือนกว่า จนท้อง... เธอมั่นใจว่า ลูกในท้องเป็นลูกของเตชิด...
“พี่คงจะคิดถึงเตชิดมาก” วิภาวีคิดถึงองคชาติและการร่วมรักอันเร่าร้อน ดังไฟเพลิงโหมกระหน่ำให้เธอ ได้พบกับความสุขจากสรวงสวรรค์เสียมากกว่า
“ผมก็เหมือนกันครับพี่ ดูแลตัวเองมากๆ นะครับ คลอดเมื่อไหร่ ผมจะลากลับบ้านมาสักวัน” เตชิดบอกอย่างยิ้มแย้ม เพื่อได้พบกับวิภาวี และลูกน้อยในท้องเธอ อีกหกเดือนข้างหน้า...
หญิงสาวสวมกอดน้องชายสามี เพื่อร่วมรักอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยให้เขาไปเกณฑ์ทหาร และอีกไม่กี่วันทักษ์ดนัยลาสิกขากลับมาบ้าน กราบไหว้พ่อแม่ และสวมกอดภรรยา เขาดีใจมาก เมื่อรู้ว่า... เธอไม่มีใครอื่น ไม่ได้นอกใจ หรือออกจากบ้านไปเจอชายอื่นนอกบ้าน
และที่ดีใจมากไปกว่านั้น... วิภาวีกำลังตั้งครรภ์ เพื่อคลอดลูกน้อยให้แก่ ทักษ์ดนัย...
[จบตอนสั้น น้องผัวที่แสนดี]
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้