เวลาเรียนคาบเช้าหมด ไข่มุกพร้อมด้วยไอริณและฟางฟาง จับกลุ่มเดินออกจากสถานที่เรียน เพราะวันนี้ไม่มีเรียนคาบบ่าย พวกเธอตั้งใจจะไปกินข้าวที่ห้างดัง ร้านอาหารสวยๆ แอร์เย็นๆ อาหารอร่อยๆ และถ่ายรูปร่วมกันในวันเปิดเรียนวันแรกโพสลงโซเชียล
ชายหนุ่มทั้งเจ็ดคนเดินตามหลังพวกเธอ โดยที่สามสาวไม่รู้เลยว่าพวกเขาเดินตามเพื่อจะจีบ มีแต่กัปตันที่ออกตัวแรง เข้าไปขอคุยกับไข่มุกตรงๆ เพราะเขาเป็นคนเล่นกีฬาลักษณะดี
“สวัสดีครับ ชื่ออะไรรึครับ? ผมชื่อกัปตันนะครับ มีแฟนหรือยังครับ?” เขาใช้คำถามยิงยาวจนไข่มุกรู้สึกสับสน มองหน้าไอริณและฟางฟางว่า เธอควรจะตอบไปยังไงดี ระหว่างที่กำลังเดินทางจะไปห้างฯ อยู่บนรถประจำทางแบบนี้ ไม่รู้จะเดินหนีไปไหน...
“เอ่อ...” แววตาหญิงสาวกระสับกระส่าย ไอริณและฟางฟาง แอบเชียร์ให้ไข่มุกตอบรับคำถามเขาไปก่อน ถูกใจหรือไม่ถูกใจก็ว่าไปทีหลัง พวกเธอรู้สึกอิจฉาไข่มุกเล็กๆ ที่มีผู้ชายรูปร่างสูงมาจีบ ท่าทางเขาเหมือนนักกีฬายิ้มแย้มน่ารัก
“ไข่มุกค่ะ ยังไม่มีแฟน...” ไข่มุกรู้สึกแปลกใจว่า คนที่นี่เขาทักทายคุยกันแบบนี้เลยรึ?
“เป็นแฟนผมมั๊ย? ให้ผมเลี้ยงข้าวไข่มุกนะ” กัปตันชิงทำแต้มไม่ให้ปลื้มมาแย่งเสียก่อน สีหน้าเพื่อนหนุ่มเริ่มจะไม่พอใจ เมื่อเพื่อนชายชิงสาวผมยาวไปต่อหน้าต่อตา
“เอ่อ... เอาไงดีวะมึง... มันไม่ได้อยู่ในแผนกูเลย” ไข่มุกเหลือบกายหันมาคุยกับไอริณและฟางฟาง เธอตกใจจนทำตัวไม่ถูก รวดเร็วจนไม่คิดว่าจะมีชายที่ไหนก็ไม่รู้ ใส่ชุดเรียนที่เดียวกันมาขอเป็นแฟน และเลี้ยงข้าว
“ก็ให้เขาเลี้ยงมึงไปสิ... เลี้ยงพวกกูด้วยเลยก็ดีนะ” ไอริณบอกด้วยน้ำเสียงดีใจ เปิดเทอมวันแรกก็มีคนเลี้ยงข้าว ทำไมพวกเธอช่างโชคดีแบบนี้
“อืม... ฉันมีเพื่อนอีกสองคน ... คนนี้ไอริณ และคนนี้ก็ฟางฟาง เลี้ยงข้าวพวกเราได้ใช่มั๊ยล่ะ กัปตัน” ไข่มุกแนะนำเพื่อนสาวให้กัปตันรู้จักอีกสองคน เขาเห็นว่าท่าทางงานนี้จะจ่ายหนัก สีหน้าของปลื้มเริ่มจะหัวเราะ เพราะงานนี้มีแต่เขาที่รับมือได้
“เอ่อ ได้สิ... ผมจะแนะนำเพื่อนให้รู้จักนะ คนนี้ ปลื้มเขาเป็นคนมีฐานะดีมาก, กวนตีนๆ หน่อยชื่อเรย์, เด็กเนิร์ดกลุ่มผมชื่อนาวิน, ไอ้หน้ายุ่นชื่อโชกุน, ไอ้กวนประสาทวายุ และชายเกย์ของกลุ่มคิมหันต์”
“พรีเซ็นต์เสียน่าประทับใจนะ ไอ้กัปตัน” เสียงของคิมหันต์ค่อนข้างนุ่มนวลราวกับเป็นนักร้อง ทำให้แววตาของไข่มุกหันมาสนใจคิมหันต์มากกว่ากัปตันมาขอเป็นแฟน เธอยิ้มพยักหน้า แต่เห็นเขาเชิดใส่ไม่แม้แต่จะแลเธอ ทำให้ใจหญิงสาวห่อเหี่ยวไป
“ยังไงๆ มื้อนี้ผมจะเลี้ยงข้าวฟางฟางนะ” เสียงหนุ่มครึ่งญี่ปุ่นออกตัวแซงเพื่อน หญิงสาวเริ่มตกใจทำตาโต เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาจะเลี้ยงข้าวให้เธอ ซึ่งมิใช่มีแค่ไข่มุกคนเดียว
“โห่... ไม่ทิ้งระยะเลยนะมึง” วายุแซวป่วนเพราะถึงยังไงเขาไม่ได้สนใจสาวๆ กลุ่มนี้อยู่แล้ว แต่มันไปสะดุดใจต่อไอริณ เธอชอบแนวแบดบอยเสียด้วย
“ทำไมพวกแกสองคนโชคดีอะไรแบบนี้วะ” ไอริณบ่นเพราะมีแต่หนุ่มๆ แย่งมาเลี้ยงข้าวไข่มุกกับฟางฟาง เริ่มจะอิจฉาเพื่อนสาวว่าทำบุญมาด้วยอะไร เหลือแค่เธอไม่มีหนุ่มไหนสนใจ
“ถ้างั้นเป็นแฟนผมนะ” กัปตันพูดกับไข่มุกสีหน้าระรื่น มันค่อนข้างจะสับสนต่อเธอมาก แต่ไข่มุกก็ยังรับน้ำใจจากเขา ตามคำแนะนำของไอริณ
และโชกุนเดินไปหาฟางฟางพลางดึงเธอมาโอบกอดทำแต้ม กระซิบข้างหูเพื่อขอเธอเป็นแฟน ฟางฟางเขินอายมากจนก้มหน้าตอบอะไรไม่ถูก แต่กลับพยักหน้ารับอย่างง่ายดาย เพราะเธอเพิ่งจะเลิกกับเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลาย จึงเป็นเหตุให้ผมเคยยาวเท่าไข่มุก กลายเป็นทรงดัดผมหยักศกและมันหดสั้นลงไปหน่อย...
“มาวันแรก ได้แฟนทีเดียวทั้งสองคนเลยนะ พวกเขาก็เป็นเพื่อนกลุ่มใหญ่เสียด้วยสิ” ไอริณแซวหวาน ยิ้มแย้มให้เพื่อนสาวซึ่งแซงหน้าเธอไปในทันที... แก้มเธอแดงระเรื่อ และผมบ๊อบสั้นทำให้เธอดูเด็กสุดๆ
“หัวใจผมยังว่าง อยากจะมาจับจองมั๊ยล่ะ?” เรย์เห็นว่าเพื่อนได้แฟนไปสองคนแล้ว เขาขอกล่าวต่อปิดท้ายเลยล่ะกัน อย่างน้อยๆ วันนี้ก็คงได้คู่แฟนถึงสามคู่ เหลือเพื่อนเขาอีกสี่คนหัวใจเปล่าเปลี่ยวต่อไป
“อ๊ะ! จริงรึ แหมนึกว่าจะไม่จีบเราซะแล้ว ยินดีสิ” ไอริณฉีกยิ้มหวาน โชว์ฟันขาว เพราะอยากมีแฟนในวัยเรียนมหาวิทยาลัยนานแล้ว... ก่อนหน้านั้นเธอเคยอ้วนและไม่เคยสมหวังเรื่องความรักเสียที หากไม่เพราะไข่มุกกับฟางฟาง เป็นกำลังใจให้ ป่านนี้เธอคงผูกคอตายลาโลกไปนานแล้ว
******
พวกเขาเลือกร้านอาหารที่สู้ราคาไหว สำหรับเลี้ยงข้าวสามสาว กัปตันจูงมือไข่มุกทำตัวเป็นแฟนหนุ่มที่น่ารัก ทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดใจ เพราะไม่ได้คิดอะไรเลยกับแฟนใหม่ซึ่งตอบรับ ในขณะเดียวกัน สายตาเธอเหลือบหันไปสนใจคิมหันต์เสียมากกว่า เขาหล่อลึกลับ เธออยากคุยกับเขามาก แต่ท่าทางเขาจะไม่ชอบเธอ
โชกุนโอบกอดรอบไหล่ฟางฟาง ดึงกายบางสาวไว้แนบชิด เขารู้สึกดีมากเมื่อได้เธอไว้แนบกาย น่ารักจนอยากจะจับเธอแก้ผ้าเสียตอนนี้ อยากเชยชมความงามจนแทบจะอดทนไม่ไหว แต่เขาพยายามกัดฟันเพื่อเลี้ยงข้าวเธอให้อิ่ม และจากนั้นเขาอยากจะมีเวลาอยู่กับเธอส่วนตัวบ้าง
แต่สำหรับฟางฟางรู้สึกขัดเขินที่โชกุนปฏิบัติกับเธอเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ก้าวหน้ากับเขาได้มากแค่ไหน เธอยิ้มรับเมื่อเขาหันมาถามประวัติและคุยสารทุกข์สุขดิบ เขาอยากรู้จักเธอให้มากขึ้น เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาว
เพื่อนชายที่เหลือสี่คนเดินเลือกร้านอาหารกัน โดยไม่ได้สนใจเพื่อนทั้งสามคน ซึ่งคว้าสามสาวกลุ่มนี้ไว้เป็นแฟน คิมหันต์ปรึกษากับนาวินว่าจะเลือกร้านไหน แต่สำหรับ ปลื้มและวายุ เขาเหลือบมองไอริณพร้อมกัน ซึ่งเป็นแฟนกับเรย์ ท่าทางเธอดูสดชื่นกว่าไข่มุกกับฟางฟาง พวกเขามองหน้าสบตากัน พร้อมกับยิ้มแย้มและตบไหล่
“นายคิดเหมือนกูใช่ปะ?”
“เออ...”
“เป็นเพื่อนกัน มีอะไรก็แบ่งกัน!” ปลื้มและวายุพูดกันเองสองคนพร้อมกัน โดยไม่ให้เพื่อนคนอื่นๆ ได้ยิน หรือแม้กระทั่งเพื่อนสาวของไอริณ
******
กัปตันเทคแคร์ดูแลไข่มุกอย่างดี ในขณะที่โชกุนพาฟางฟางไปนั่งกินข้าวกันตามลำพังสองต่อสองเป็นการส่วนตัว แต่สำหรับเรย์พาไอริณออกห่างจากเพื่อนสาวทั้งสอง ไปอยู่ร้านอาหารอื่น ยิ่งทำให้ปลื้มและวายุต้องแยกวงตามออกไป
“นั้นแกจะไปกินร้านเดียวกับไอ้เรย์และนางคนนั้นรึ?” คิมหันต์หันไปถามอย่างหงุดหงิด แค่เพื่อนมีแฟน พวกเขาก็เริ่มวงแตกกระจัดกระจาย อย่านึกว่าเขาไม่รู้นะ ว่าเพื่อนแต่ละคนคิดอะไรกัน... มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่รู้ว่าคิดไม่กี่เรื่อง
“เออ... กูไปละ พรุ่งนี้เจอกันคาบบ่าย” ปลื้มกับวายุบอกลา พากันไปสมกับทบเรย์ ซึ่งกำลังเริ่มต้นคบกับไอริณแบบมีกางขวางคอ...
“อ่านการ์ตูนสนุกกว่าเยอะ อย่างน้อยเรายังเหลือเพื่อน” นาวินกล่าวยิ้มหวานพลางแอบลอบมองฟางฟาง ซึ่งเป็นหญิงสาวผมหยักศก ดูแตกต่างกว่าใครแต่เขาคงไม่สามารถไปเทียบอะไรกับโชกุนได้หรอก เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น มีฐานะ การศึกษาก็ดี ส่วนเขามันไม่มีอะไรไปเทียบเพื่อนคนนี้ได้ นอกจากมีการ์ตูนเป็นเพื่อนและเหลือคิมหันต์นั่งกินข้าวด้วย
“จริงของมึงนะ นาวิน” คิมหันต์ไม่ได้สนใจคู่เพื่อนทั้งสองคู่ ปล่อยให้กัปตันกับโชกุนจีบแฟนสาวคนใหม่ต่อไปโดยไม่เหลียวแล...
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้