ปลาย พวกเธอกำลังยืนรอไข่มุกอยู่หน้าห้อง ไอริณตัดผมบ๊อบสั้นระดับบ่า มีรองเท้าผ้าใบตามสั่งจากรุ่นพี่ พอๆ กับฟางฟางมีเส้นผมหยิกหยักศกดำสนิท แต่ยาวเลยไหล่ สวมเสื้อผ้าและรองเท้าแบบเดียวกับไอริณและไข่มุก ตามคำสั่งรุ่นพี่เหมือนๆ กัน
“ไวๆ ไข่มุก เขาจะเริ่มเรียนกันแล้วนะ” ไอริณมองเห็นไข่มุกอยู่ไกลรำไร จึงรีบตะโกนกวักมือ แม้จะรู้ว่าไม่ควรส่งเสียงดังก็ตาม ฟางฟางยกแขนสูงเพื่อเรียกเพื่อนสาวให้มาสมทบไวๆ
โดยหารู้ไม่ว่าพวกเธอตกเป็นเป้าหมายตาของใครหลายๆ คน เพราะไอริณส่งเสียงตะโกน และไข่มุกกำลังวิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ หน้าอกกระเพื่อมใหญ่ใต้เสื้อขาวขึ้นลง โดยมีกลุ่มผู้ชายกลุ่มใหญ่ นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ พวกเขาไม่มีอาการเร่งรีบเข้าห้องเรียนเลย...
******
สามสาวเดินเข้าห้องเรียนพร้อมกันในวิชาศึกษาทั่วไป โดยพยายามมองหาเก้าอี้มีพนักโต๊ะนั่งอยู่ใกล้ๆ กันสามคน อย่างน้อยๆ ก็ยังเหลือเพื่อนไปเรียนด้วยกันยังอุ่นใจได้บ้าง
“นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้วนะ” ไอริณทักเพื่อนสาวยังหายใจกระหืดกระหอบ ค่อยๆ ตั้งสติก่อนจะตั้งใจเรียนเบื้องหน้า เพราะเสียงเพลงที่เปิดดังๆ ให้นศ.ตื่นตัว เขาลดเสียงและจะเริ่มการเรียนบรรยายในห้องแอร์ที่แสนเย็นเฉียบ
“ต้องทันสิ เปิดวันแรก ยังไงก็ต้องมาเรียนให้ทันในช่วงเช้า รถติดชะมัดยากเลย” ไข่มุกบ่น เพราะบ้านของเธออยู่ไกล ไม่เหมือนกันไอริณและฟางฟาง บ้านอยู่ใกล้ตลาดและยังใกล้สถานที่เรียนมหาวิทยาลัยอีก...
“เรียนคาบเช้าเสร็จแล้ว เราค่อยไปหาอะไรทานด้วยกันนะ แถวนี้มีของอร่อยๆ ตั้งเยอะเลยละ” ฟางฟางทักตอบ เพราะก่อนเธอจะมาเรียน สำรวจพื้นที่สำหรับท่องเที่ยว และร้านอาหารไว้หมดแล้ว
“แปลว่าไปเซอร์เวย์มาหมดแล้วสิ” ไข่มุกหันไปกระซิบถาม เพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่นเรียนหนังสือ
“อืม” ฟางฟางและไอริณพยักหน้าพร้อมกัน อย่างน้อยการเรียนในระดับเตรียมอุดมศึกษา พวกเธอยังอยู่ด้วยกัน
******
“คนผมยาวของกู กูชอบหน้าอกเขาว่ะ น่าจะเต็มไม้เต็มมือ” กัปตันเป็นชายหนุ่มรูปงาม ร่างสูงโปร่งเพราะเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลสมัยเรียนมัธยมปลาย เขามองเธอไม่วางตาตอนที่วิ่งไปสมทบกับเพื่อน
“เฮ้ย มึงมั่นใจหรอ? ว่าเขาจะสนใจมึง เขาต้องชอบคนมีตังค์อย่างกูสิ” ปลื้มเป็นลูกคนมีตังค์ อยากจะทำอะไรก็แค่จ่ายเงิน แม้เขาอยากได้รถสักคัน พ่อแม่เขาก็ตามใจเพื่อให้เขามาเรียนหนังสือ รับใบปริญญาตรีดีๆ สักใบ
“มึงสองคนไม่ต้องเถียงกันหรอก ยังไม่ได้รู้จักกับนางเลย คิดว่าเขาจะเอาพวกมึงกันง่ายๆ หรอ? เขาจะเป็นคนดีหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” เสียงของโชกุนทักท้าน เพราะสายตาเขาไม่ได้สนใจสาวผมยาว แต่แววตากลับไปสนใจ สาวผมหยิกผิวดำแดง น่าค้นหาและอยากจะเห็นเธอทั้งตัว
“พ่อคนดี ไม่ต้องมาเสร่อ... เหม็นความดีจริงๆ ” เรย์ดักโชกุนทักท้านสิ่งที่ดีงาม เพราะเขาเองก็มองเหมือนกับกัปตันและปลื้ม ขอสอยฟรีๆ ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ความดีอะไรกันจะดลใจนอกจากอารมณ์ล้วนๆ
“ดีแต่พูดด่าเพื่อน... แล้วมึงชอบคนไหนล่ะ? พวกนั้นมีแค่สามคน คงจะมีคนแดกแห้วแน่เลยว่ะ” ชายสวมแว่นตาราวกับเด็กเนิร์ด สวนห้วนๆ นาวินด่าเพื่อน ทำเป็นแย่งกันอยู่ได้ เพราะเขาไม่ได้สนใจนอกจากหนังสือการ์ตูนในมือ
“อย่างน้อยคนที่แห้วคงไม่กูหรอกนะ นาวิน” วายุแทรกกลับ เพราะเขาเหล่สามสาวกลุ่มนั้น ท่าทางดูสว่างสไว น่าสนใจตอนที่รวมตัวกัน และพากันขึ้นไปเรียน นึกอยากจะพาขึ้นห้อง เข้าโรงแรม สอยกันมันๆ ให้กรีดร้องกันเพลินๆ
“ทำอย่างกับพวกนางจะเอามึง พวกเรามีตั้งเจ็ดคน งานนี้มีแห้วแน่ๆ เลยว่ะ ญ.ทั้งมหาวิทยาลัยไม่มีให้มึงหรือไงวะ? " คิมหันต์ด่าดักเพื่อนทุกคนกลับ เขาไม่คิดจะคบกับญ.ในที่เรียนเดียวกันอยู่แล้ว เพราะแต่ละคนที่มา เด็กบ้านนอกคอกนา ตัวดำผมหยิก อีกอย่างไม่ได้สวยระดับนางแบบ เขาไม่สนใจพวกเธอแน่นอน...
“ไม่รู้ล่ะ กูชอบของกูแบบนี้ ใครอย่ามาแย่งสาวผมยาวของกูก็แล้วกัน กูจะจีบเขาหลังเลิกเรียนศึกษาทั่วไปนี่ล่ะ” กัปตันพูดจองเอาไว้ก่อน เขามองแต่หน้าอกใหญ่กลม กระเพื่อมเมื่อยามเธอวิ่ง แม้จะเรียนวันนี้ในห้องแอร์อยู่ท้ายห้อง เขาไม่ได้สนใจคำบรรยายใดๆ นอกจากแอบลอบมองเธอตั้งแต่วินาทีแรกเจอ...
“แล้วสาวผมบ๊อบล่ะ? เสียงดีแบบนั้น กูพยายามนึกอยู่นะ เวลากูจะฟันเขา เสียงจะครางยังไง?” เรย์พยายามนึกภาพ จินตนาการตอนเปลื้องผ้าขอฟันเธอสักดอก แววตาเพื่อนที่เหลือเบ้ใส่พลางโห่ใส่
“เขาไม่รู้จักมึง แน่ใจหรอว่าเขาจะยอมให้มึงฟัน 555+” นาวินสวนกลับแรงๆ เพราะสำหรับตัวเขา คงไม่มีทางได้สาวคนใดมาเป็นแฟนอยู่แล้ว สำหรับคนติดการ์ตูนหนักอย่างเขา
“ถ้าไม่มีใครขัด กูจะจีบสาวผมหยักศกล่ะกัน กูชอบสเป็คนี้แหละ” โชกุนจึงพูดโพรงขึ้นมาทันควัน เพราะเขาเป็นลูกชายครึ่งญี่ปุ่นคนเดียวที่ผ่านผู้หญิงง่ายๆ มามากมาย แค่อยากจะพิสูจน์สาวผมหยักศกผมคล้ำ ว่าจะง่ายเหมือนคนอื่นๆ หรือเปล่า เขารู้สึกถูกใจเธอตั้งแต่เห็นยืนยกแขนกวักมือเรียกแม่สาวผมยาววิ่งเข้าไปหา
“แปลว่าเพื่อนเราอีกสามคนต้องกินแห้ว...?” คิมหันต์มองเพื่อนที่เหลือพลางแซว ทำให้พวกเขาต้องเหล่ตาหันมาทางคิมหันต์ในจุดเดียว
“มึงไม่คิดจะหาแฟนตอนเรียนรึ?” ปลื้มถามด้วยความสงสัย มาเรียนถึงจุดนี้แล้ว ต้องหาหญิงมาเป็นแฟน เรียนไปฟันไป มันจะได้ไม่เครียดจบสบายๆ แบบชิลล์ๆ
“ระดับกูไม่ต้องมาแย่งกับพวกมึง แค่ญ.สามคนหรอก สวยๆ กว่าพวกนั้น น่าสนใจกว่าเยอะ” คิมหันต์ยกตัวเองสูง ระหว่างนั่งอยู่ในห้องศึกษาทั่วไป รวมกับเพื่อนๆ อีกหลายห้อง พวกเขาจับกลุ่มคุยกันเสียมากกว่าจะมาเรียน
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้