Home / วาย / เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde / บทที่ 20 พร้อมจะทำตามใจตัวเองหรือยัง

Share

บทที่ 20 พร้อมจะทำตามใจตัวเองหรือยัง

last update Last Updated: 2025-07-09 13:00:33

ในยามเช้าของสวนรัตติกาล แสงอาทิตย์แรกแย้มอาบไล้ไปตามพื้นดิน เคลยืนอยู่เงียบ ๆ หน้าหลุมศพสองหลุม หลุมหนึ่งคือหลุมของราชินีโรซาลี และอีกหลุมคือพ่อของเขา อัศวินผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยเป็นทั้งผู้นำและผู้เสียสละชีวิตเพื่อหน้าที่

เขาก้มมองแผ่นจารึกของราชินีโรซาลี แผ่นจารึกที่บันทึกความรัก ความเสียสละ และความเจ็บปวดที่ไม่มีวันลืมเลือน สายตาของเคลเต็มไปด้วยความเศร้า

“ฝ่าบาท...” เขากระซิบเสียงเบา ราวกับไม่ต้องการให้เสียงนั้นรบกวนความสงบของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ “ผมทำทุกอย่างเพื่อสวน เพื่อเจ้าชาย แต่ตอนนี้...ผมไม่แน่ใจแล้วว่าผมทำถูกไหม”

เขาหันไปมองหลุมศพของพ่อ ราวกับจะขอคำตอบจากใครสักคน “พ่อ...ท่านเคยบอกผมว่า ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการเสียสละ แต่ตอนนี้ผมสงสัย...ว่ามันคือการเสียสละทุกอย่างจริงหรือ? แล้วผมจะเสียสละหัวใจตัวเองเพื่อหน้าที่นี้ได้จริงหรือ?”

เคลเงยหน้าขึ้น มองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีจากฟ้าสางเป็นทองแดง ความทรงจำในวัยเด็กหมุนวนในหัว ราวกับคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่ง เขาจำได้ถึงดวงตาสีสดใสของรินในวันที่พวกเขาพบกันครั้งแรก เด็กชายตัวเล็กที่วิ่งเล่นในสวน ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา

แต่เขาก็จำได้ชัดเจนถึงวันที่ฝ่าบาททรงจากไป วันที่สวนกลายเป็นเงามืด เขายังจำได้ถึงคำพูดสุดท้ายของพ่อที่กำชับเขาให้ปกป้องสวนและตามหาเจ้าชาย

“เคล เจ้าคือดาบของสวน จงเป็นผู้ปกป้องสวนและเจ้าชายคนที่จะนำสวนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”

ตอนนี้ รินคือคนคนนั้น คนที่เขาต้องปกป้อง แต่รินก็ไม่ใช่แค่เจ้าชายสำหรับเขาอีกต่อไป เคลรู้สึกหนักอึ้งในใจ ความคิดวิ่งวุ่นยุ่งเหยิง

“ฝ่าบาท...พ่อ...” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ผมทำได้ดีหรือยัง? ผมทำตามหน้าที่ที่ได้รับมาแล้วหรือยัง? แต่ถ้าผมบอกว่าผมรักริน ไม่ใช่แค่ในฐานะคนที่ต้องปกป้อง แต่ในฐานะคนคนหนึ่งที่หัวใจของผมอยากปกป้องไปตลอดชีวิต...มันผิดไหม?”

เขาหลับตาแน่น ความเจ็บปวดพุ่งเข้ามาในใจราวกับหนามแหลมแทงเข้า “ผมไม่อยากเป็นแค่ผู้พิทักษ์ ผมอยากเป็นคนที่รินสามารถพึ่งพาได้ ผมอยากเป็นคนที่รินรักเหมือนที่ผมรักเขา”

เย็นวันนั้น สวนรัตติกาลที่กำลังสะท้อนกับแสงสีทองอ่อน ๆ จากพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า เอร่าก้าวเข้ามาในลานสวนที่เคลกำลังจัดระเบียบอาวุธของเขา ดูเหมือนจะเป็นกิจกรรมที่เขาใช้หลีกเลี่ยงสายตาของริน

“เคล” เอร่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ตั้งใจและจริงจัง ผิดจากปกติที่มักจะล้อเลียนอยู่เสมอ “นายมีอะไรในใจหรือเปล่า?”

เคลชะงักเล็กน้อย มือที่กำลังขัดดาบหยุดชั่วคราว แต่เขายังไม่เงยหน้าขึ้น “ไม่มีอะไรหรอก”

“อย่ามาโกหก!” เอร่ากล่าวพลางเดินเข้าไปใกล้ “ตั้งแต่รินได้ความทรงจำกลับคืน นายก็ไม่เหมือนเดิม นายหลบหน้าเขา นายเว้นระยะห่าง และตอนนี้รินเองก็เริ่มรู้สึกแล้ว นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”

เคลถอนหายใจเฮือกใหญ่ วางดาบลงช้า ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิท “ฉันแค่...มันซับซ้อน เอร่า ฉันไม่รู้ว่าฉันควรทำยังไงดี”

“ซับซ้อนยังไง? เพราะรินเป็นเจ้าชายอย่างนั้นเหรอ? หรือเพราะนายคิดว่าหน้าที่ของนายมันขัดกับความรู้สึกในหัวใจ?” เอร่าขมวดคิ้วแน่น

เคลเงียบไปสักพักก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “ใช่...เพราะเขาเป็นเจ้าชาย และฉันเป็นแค่อัศวิน คนที่ต้องปกป้องเขา ไม่ใช่รักเขาแบบนี้ ฉันกลัวว่าถ้าฉันทำตามหัวใจ ทุกอย่างที่ฉันสัญญาไว้กับพ่อ กับฝ่าบาท...มันจะกลายเป็นเรื่องเห็นแก่ตัว”

เอร่าหัวเราะเบา ๆ แต่เป็นเสียงหัวเราะที่ปนด้วยความหงุดหงิด “เห็นแก่ตัว? เคล นายฟังตัวเองพูดไหม? นายกำลังใช้เหตุผลพวกนั้นเพื่อหนีจากความรู้สึกของตัวเอง นายรักรินไหม?”

เคลมองเอร่าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง “ฉันรักเขา...รักมากจนไม่รู้ว่าความรักนี้จะทำร้ายเขาหรือเปล่า”

เอร่าส่ายหน้า เดินไปวางมือบนไหล่ของเคล “นายมันโง่จริง ๆ เคล รินไม่ได้ต้องการแค่การปกป้องจากนาย เขาต้องการนายในฐานะคนที่อยู่เคียงข้างเขา ในฐานะคนที่เขาไว้ใจได้ นายรู้ไหมว่าตอนนี้เขากำลังเจ็บปวด เพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงเปลี่ยนไป”

เอร่าหายใจลึกก่อนจะพูดต่อ “เคล ถ้านายยังมัวแต่คิดแบบนี้ นายอาจจะเสียรินไป ไม่ใช่เพราะเขาไม่รักนาย แต่เพราะนายผลักเขาออกไปเอง ฉันไม่รู้หรอกว่าความรักที่นายมีให้เขามันจะไปไกลแค่ไหน แต่นายต้องเริ่มจากการไม่ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว นั่นคือสิ่งที่นายควรทำ”

เคลมองหน้าเอร่า คำพูดของเพื่อนดังสะท้อนในหัว ราวกับเป็นระฆังที่ปลุกให้เขาตื่นจากความคิดที่วุ่นวาย

“ฉัน...” เคลเริ่มพูด แต่เอร่าชูมือขึ้นสื่อความว่าให้หยุด

“ฉันไม่ได้ขอให้นายเปลี่ยนทันที เคล แต่ฉันขอให้นายลองมองในมุมของริน ถ้าเขาไม่ใช่เจ้าชาย ถ้าเขาเป็นแค่รินคนเดิม นายจะปฏิเสธความรู้สึกตัวเองหรือเปล่า?”

คำถามนั้นกระแทกใจเคลอย่างแรง เขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าลึก และเมื่อเปิดตาขึ้นมา ดวงตาของเขามีประกายแห่งความมุ่งมั่น

“นายพูดถูก เอร่า ฉันมันโง่เองที่คิดมากไปแบบนั้น” เคลพูดเสียงต่ำแต่หนักแน่น “รินสำคัญสำหรับฉันมากกว่าแค่หน้าที่ ถ้าฉันทำให้เขาเจ็บปวด ฉันจะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง”

เอร่าตบไหล่เพื่อนด้วยรอยยิ้ม “ดีแล้วเคล แต่ขออย่างเดียว ถ้านายคิดจะบอกความในใจ อย่าทำเป็นพิธีการเหมือนขอเจ้าชายในนิทาน บอกเขาด้วยหัวใจของนาย”

“ฉันจะลองดู เอร่า...ขอบใจนะ” เคลหัวเราะเบา ๆ เป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน

เอร่ายิ้มแซว “เลิกคิดมาก แล้วทำตามใจตัวเองซะ ฉันอยากมีเพื่อนเป็นราชินีเร็ว ๆ”

“ฉันไม่รู้ว่าจะต้องขอบคุณหรือโกรธนายดี เอร่า” เคลหัวเราะเบา ๆ พลางส่ายหน้า

“ขอบคุณสิ เพราะนายคงคิดไม่ได้เองหรอก” เอร่ายิ้มขี้เล่นก่อนจะตบไหล่เคลเบา ๆ อีกครั้ง “ไปเถอะ นายมีคนที่รอให้นายเลิกทำตัวโง่อยู่”

หลังจากเอร่าจากไป เคลยืนอยู่เพียงลำพังในสวน เขาหันไปมองทิศทางที่รินอยู่ ใบหน้าของเขาผ่อนคลายกว่าเดิม รอยยิ้มบาง ๆ พลันปรากฏขึ้น

“ฝ่าบาท...” เคลกระซิบเบา ๆ สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ผมจะปกป้องริน ไม่ใช่แค่ในฐานะเจ้าชาย แต่ในฐานะคนที่ผมรัก...ผมสัญญา”

สวนดูเหมือนจะตอบรับคำสัญญานั้นด้วยสายลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่าน ดอกไม้แบ่งบานขึ้นอย่างน่าประหลาด ราวกับสนับสนุนการตัดสินใจของเขา

เคลหันหลังเดินกลับไปพร้อมกับหัวใจที่เบาขึ้น แต่ยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน...พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่จะตามมาในอนาคต

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 33 วิหารเงาแสงสะท้อนแสงแห่งชีวิต

    ทุกคนเดินไปยังเขต วิหารเงาแสง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของสวน รินไม่เคยมาเยือนเขตนี้มาก่อน จ้องมองรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น วิหารตั้งอยู่กลางพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้สูงใหญ่กิ่งก้านแผ่ขยายทับซ้อนจนแทบไม่เห็นท้องฟ้า ยกเว้นช่องเล็ก ๆ ที่แสงจันทร์ลอดผ่านลงมา แสงเหล่านั้นตกลงบนตัววิหารที่ทำจากหินขาวเรืองรอง ราวกับมีแสงสว่างในตัว“วิหารนี้เหมือนกับ...ลมหายใจของสวน” รินพึมพำ “สมัยเด็ก ผมได้แต่มองมันจากระยะไกล ไม่เคยได้เข้ามาเลย”เคลที่เดินอยู่ข้าง ๆ เอื้อมมาจับมือรินเบา ๆ “ตอนนี้คุณได้เห็นด้วยตัวเองแล้ว และคุณก็เป็นเจ้าของที่แท้จริงของมัน”“หวานกันอีกแล้ว...จินเจอร์ ถ้าเราไม่มีของกิน ให้ไปกัดขาเคลนะ” เอร่าไม่พลาดที่จะแซวจินเจอร์ร้องเหมียวเสียงยาว เหมือนจะเห็นด้วยเคียแรนส่ายหน้าและหัวเราะเบา ๆ “เอร่า นายจะช่วยสงบสักนิดได้ไหม? ตอนนี้พวกเราจริงจังอยู่นะ”เอร่าหันมามองเคียแรน พร้อมยักคิ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 32 อาณาจักรของสวนรัตติกาล

    เช้าวันใหม่เริ่มต้นพร้อมกับความกระตือรือร้นในสวนรัตติกาล ทุกคนรวมตัวกันที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่กลางสวน ริน เคล เอร่า และเคียแรนล้อมวงฟังเอลดรินที่กำลังเปิดตำราโบราณอย่างระมัดระวัง หน้ากระดาษที่เก่าแก่เปราะบางเหมือนจะขาดได้ทุกเมื่อ เสียงนกร้องเป็นฉากหลังที่สงบ แต่บรรยากาศรอบโต๊ะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง“ตำราเล่มนี้บันทึกเรื่องราวของสวนรัตติกาลอย่างละเอียดที่สุด” เอลดรินเริ่มพูด พร้อมเปิดไปยังหน้าที่มีแผนที่โบราณของสวน ตัวอักษรจางหายไปบางส่วนจากกาลเวลา “นี่เป็นผลงานของอัศวินผู้พิทักษ์สวนคนแรก ๆ ที่อาศัยอยู่ในยุคสร้างหัวใจแห่งอาราเลีย”เคลเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ แววตาเต็มไปด้วยความสนใจ “นี่คือแผนที่ของสวนทั้งหมดหรือครับ? ดูละเอียดกว่าที่ผมเคยเห็นมาอีก”เอลดรินพยักหน้า “ใช่ มันไม่เพียงแค่บอกทาง แต่ยังอธิบายถึงพลังและความเชื่อมโยงของพื้นที่ในสวนด้วย”เคียแรนที่เพิ่งมาอยู่สวนได้ไม่นานขมวดคิ้วเล็กน้อย “แล้วสวนนี้แบ่งเป็นเขตชัดเจนเลยหรือครับ? ผ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 31 ปัญหาเรื่องเดิมอีกครั้ง

    หลังจากการพูดคุยอย่างเคร่งเครียดเกี่ยวกับหัวใจแห่งอาราเลียและแผนการของมาร์คัส รินที่มองเอลดรินสังเกตเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของชายชรา เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “เอลดริน ท่านดูเหนื่อยมากเลย ท่านเดินทางไกลมาขนาดนี้แล้ว ยังต้องเล่าเรื่องที่หนักหนาอีก ท่านควรพักก่อนดีไหม?”เอลดรินยิ้มอ่อน เมื่อเห็นความกังวลในสายตาของริน “ผมสบายดี แต่ก็ยอมรับว่าร่างกายไม่เหมือนเก่าแล้ว”“ถ้าอย่างนั้น” รินหันไปมองทุกคน “พวกเราควรพักก่อนดีไหม? การตามหาหัวใจแห่งอาราเลียไม่น่าจะเร่งด่วนถึงขนาดรอไม่ได้ เราเตรียมตัวให้พร้อมและเริ่มกันพรุ่งนี้เช้าดีกว่า”“ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง! พูดตรงๆ นะ ตอนนี้ผมหิวสุดๆ ถ้าพรุ่งนี้เช้าต้องเริ่มตามหาทันที โดยที่ไม่มีมื้อเย็นนี่ ผมคงหมดแรงแน่ๆ” เอร่ายกมือขึ้นเห็นด้วยทันทีเคลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รินพยักหน้าเห็นด้วย “ฟังดูเข้าท่า แต่เราต้องเตรียมที่พักให้เอลดรินด้วย มีห้องว่างอยู่ท้ายสวน มันค่อนข้างเงียบสงบและมีข้าวของเครื่องใช้ครบ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 30 หัวใจแห่งอาราเลีย

    เอลดรินนั่งลงข้างโต๊ะหินกลางสวนรัตติกาล ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านใบไม้ลงมา ท่าทางของเขาเคร่งขรึมและดวงตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ริน เคล เคียแรน และเอร่าล้อมรอบเขา บรรยากาศเงียบสงบในสวนดูเหมือนจะถูกแทนที่ด้วยความตึงเครียด“ท่านดูเหมือนคนที่ผ่านอะไรมาเยอะ ทำไมท่านถึงมาที่นี่ในเวลานี้?” รินมองเอลดรินด้วยความสงสัยเอลดรินถอนหายใจยาว น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความกังวล “ผมไม่มีทางเลือก ผมต้องรีบเตือนพวกท่าน กลุ่มซินดิเคทกำลังสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับหัวใจแห่งอาราเลีย และพวกมันไม่สนใจว่าวิธีการนั้นจะชั่วร้ายแค่ไหน คนของผมหลายคนถูกทำร้าย บางคน...ก็ตาย หนังสือโบราณจำนวนมากถูกพวกมันแย่งชิงไป”คำพูดของเอลดรินเหมือนเปลวไฟที่จุดประกายความโกรธ รินลุกขึ้นทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “มาร์คัสอีกแล้ว! มันเป็นปีศาจ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์แค่เพราะต้องการอำนาจ! ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังไม่หยุด”“และตอนนี้พุ่งเป้ามาที่สวน ถ้าเขาคิดว่าพวกเราจะยอมให้เขาได้หัวใจแ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 29 อำนาจที่ไม่เคยได้รับ ความรักที่ไม่เคยได้ชม

    หลังจากคืนกวาดล้างครั้งใหญ่ มาร์คัสยืนอยู่บนยอดของอำนาจ เขามองลงไปยังซากปรักหักพังของกลุ่มคนที่ครั้งหนึ่งเคยยืนอยู่ข้างไอเดนและต่อต้านเขา ความพึงพอใจฉายชัดในแววตา ราวกับว่าเขาได้ปลดปล่อยพันธนาการที่เคยกดขี่มาตลอดชีวิตในห้องโถงใหญ่ของฐานทัพซินดิเคท มาร์คัสจัดงานเลี้ยงฉลองที่เต็มไปด้วยความหรูหราและมัวเมา บรรดาลูกน้องและพวกขุนนางชั้นต่ำที่หวังเกาะกระแสอำนาจของเขาต่างร่วมยินดี แต่ในใจของทุกคนแฝงไปด้วยความกลัวต่อความโหดเหี้ยมของชายผู้ไร้ความปรานีมาร์คัสไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว หลังจากกำจัดไอเดนและควบคุมกลุ่มซินดิเคท เขาเริ่มสั่งให้ทำการกวาดล้างทุกคนที่เขาสงสัยว่าอาจทรยศ สายลับและนักฆ่าถูกส่งไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อกำจัดศัตรูเก่าและใหม่ รวมถึงผู้ที่เคยช่วยไอเดนหนีรอดในอดีต“ฉันไม่ต้องการสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบ” มาร์คัสกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ขณะมองดูรายชื่อเป้าหมายการลอบสังหารที่ยาวเหยียดในมือของเขา “หากพวกมันไม่ก้มหัวให้ฉัน ก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกมันจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”&nbs

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 28 ผู้อาวุโสผู้มาพร้อมกับข่าวร้าย

    เช้าวันหนึ่งที่แสงอาทิตย์สาดแสงอ่อนโยนทอดผ่านกลีบดอกไม้ที่แบ่งบาน สวนเต็มไปด้วยเสียงนกร้องเพลงคลอเคล้ากับเสียงลมพัดเบา ๆ ทว่าความเงียบสงบนั้นถูกทำลายโดยกระแสลมแปลกประหลาดที่พัดวูบหนึ่ง ใบไม้ปลิวไหวในทิศทางที่ไม่มีใครคาดคิด กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ถูกแทนที่ด้วยกลิ่นชื้นคล้ายควันไม้และกลิ่นหญ้าหลังฝนตกเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นจากส่วนลึกของสวน ทั้งที่ไม่มีใครเปิดประตูให้ เสียงนั้นเหมือนจะสะท้อนในอากาศราวกับมาจากทุกทิศทาง เคลสัมผัสถึงบางสิ่งผิดปกติในทันที เขาขยับตัวมาข้างหน้า มือจับด้ามดาบแน่น ดวงตาคมมองตรงไปยังต้นเสียง ขณะที่เคียแรนก้าวมาข้างหน้าเพื่อปกป้องริน“ใครกันที่กล้าบุกรุกมาที่นี่?” เคลเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำเย็น ดวงตาจับจ้องไปยังเงาที่ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นจากเงามืดในหมู่แมกไม้ ชายชราผู้หนึ่งก้าวออกมาช้า ๆ เสื้อคลุมสีมอมแมมของเขาปลิวไสวไปตามลม แม้เสื้อผ้าจะดูธรรมดา แต่ตัวเขากลับมีบางสิ่งดึงดูดความสนใจได้ในทันที มือถือไม้เท้าที่มีลวดลายแกะสลักงดงาม เรืองแสงเบาบางเหมือนกับมีพลังบางอย่างซ่อนอยู่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status