Share

บทที่ 4 ความทรงจำฟื้นคืน

last update Huling Na-update: 2025-06-22 16:15:30

แม้จะมีคนอยู่เป็นเพื่อน แต่เมื่อรินเข้านอนก็มักจะฝันร้ายอยู่เสมอ เขาได้ยินชื่อผู้หญิง ‘โรซาลี’ ในความฝันและตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อเย็น ๆ ภาพเหล่านั้นคือความทรงจำในวัยเด็ก คืนที่เขาต้องวิ่งหนีสุดชีวิตท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ

คืนนั้นเคลเองก็ถูกกวนใจด้วยความฝันเช่นกัน ภาพพ่อของเขาพยายามพูดบางอย่าง ในขณะที่ชี้ไปยังต้นไม้ลับในสวน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะค้นหาความจริง เคลเริ่มทำการสืบสวน

คืนหนึ่งขณะที่สวนรัตติกาลเงียบสงบ ภายใต้แสงจันทร์ เคลและรินนั่งอยู่ข้างสระน้ำ ไหล่ของพวกเขาสัมผัสกัน อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้ที่บานในตอนกลางคืน สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น เคลมองไปที่ริน สังเกตเห็นว่าแสงจันทร์ทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายนุ่มนวลขึ้น

“ริน” เคลพูดเบาๆ “ผมดีใจจริงๆ ที่คุณอยู่ที่นี่ คุณนำสิ่งพิเศษมาสู่ที่นี่”

รินหันมาหาเคล ดวงตาของเขาเปล่งประกาย “ผมก็รู้สึกเหมือนกัน เคล สวนนี้…และคุณ…มันเหมือนผมได้พบชิ้นส่วนของตัวเองที่ไม่รู้ว่าขาดหายไป”

หัวใจของเคลเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเอนเข้ามาใกล้ ใบหน้าของพวกเขาห่างกันไม่กี่นิ้ว ชั่วขณะหนึ่งโลกดูเหมือนจะหยุดหายใจ พวกเขาเข้าใกล้กันมากขึ้นคล้ายมีแรงดึงดูดที่ไม่อาจปฏิเสธได้

เพียงแค่ริมฝีปากของพวกเขากำลังจะสัมผัสกัน ก็มีเสียงดังโครมลั่นไปทั่วสวน ทั้งคู่ผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว เห็นเอร่าและจินเจอร์กอดกันอยู่เพราะเหยียบถังน้ำจนล้ม

“เอร่า!” เคลร้องออกมา ครึ่งขำครึ่งเอือมระอา

เอร่ายิ้มแบบรู้สึกผิด ดึงตัวเองออกจากจินเจอร์ “โอ๊ะ ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะ แต่เฮ้ ผมกับจินเจอร์แค่อดใจไม่ไหวที่จะแอบดูรักใหม่ของสวนเรา”

รินหน้าแดงจัดขณะที่เคลพยายามจะทำตัวให้สงบ

“พวกนายสองคนนี่จริงๆ เลย” เอร่าพูดพลางส่ายหัว ก่อนจะขยิบตาอย่างซุกซน “ผมจะว่าไงดี เราอยู่เพื่อสร้างความบันเทิง”

ขณะที่เอร่าและจินเจอร์ถอยกลับไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ เคลหันกลับมาหารินที่กำลังหัวเราะเบา ๆ ช่วงเวลานั้นผ่านไปแล้ว แต่ความอบอุ่นระหว่างพวกเขายังคงอยู่

คืนนั้น เคลเดินไปยังต้นโอ๊กลึกลับที่ตั้งตระหง่านอยู่ในสวนมานานหลายศตวรรษ เขาปัดใบไม้ออกจากแผ่นจารึกที่ฐานของมันและเห็นชื่อหนึ่งสลักอยู่

‘โรซาลี ราชินีแห่งสวนรัตติกาล’

ชื่อนี้หมายถึง “ดอกกุหลาบ” หัวใจของเขาเต้นแรง เคลรีบค้นบันทึกสวนรัตติกาลที่ได้รับจากพ่อขอเขา พบว่าผู้สืบทอดบัลลังก์สามารถทำให้ต้นโอ๊กลึกลับส่องแสงได้ และสามารถทำให้ดอกกุหลาบต้องห้ามบานได้

การเปิดเผยนี้ทำให้เคลหนักใจ เพราะเขาเคยได้ยินรินละเมอเรียกชื่อนี้ เรื่องราวต่าง ๆ ที่เพิ่งรู้ทำให้เขาต้องค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับอดีตของรินเพิ่มเติม รวมไปถึงสายสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับสวนแห่งนี้ ขณะที่รุ่งสางเริ่มขึ้น เขาตัดสินใจที่จะค้นหาความลับของสวนให้มากยิ่งขึ้น หวังว่าจะพบคำตอบที่สามารถช่วยรินได้

เคลมีความทรงจำราง ๆ ในวัยเด็กเกี่ยวกับการที่เขาเคยพบโรซาลี ราชินีแห่งสวน และเจ้าชาย ลูกชายของเธอ เขายังเด็กเกินกว่าจะจำรายละเอียดได้ชัดเจน แต่ภาพเหล่านั้นยังคงอยู่ในใจเสมอ ตอนนี้เมื่อมองดูภาพของโรซาลีในบันทึกสวนรัตติกาล เขาเห็นความคล้ายคลึงกันอย่างมากระหว่างเธอกับริน ท่าทางที่สง่างามและแววตาอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความหยิ่งทะนง

เวลาผ่านไป เคลสังเกตเห็นรินอย่างต่อเนื่อง และความฝันเกี่ยวกับพ่อของเขายังคงดำเนินต่อไป โดยชี้ไปที่ต้นไม้ลับเสมอ เคลเห็นลักษณะของราชินีในท่าทางและการแสดงออกของริน สัญชาตญาณของเขาในฐานะอัศวินบอกว่า รินมีสายสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับสถานที่นี้

วันหนึ่งขณะที่พวกเขากำลังดูแลสวน เคลตัดสินใจเล่าเรื่องคาใจให้เอร่าฟัง พวกเขานั่งอยู่ข้างสระน้ำ โดยมีจินเจอร์เล่นกับนิ้วของเอร่า

“เอร่า ช่วงนี้ฉันฝันแปลก ๆ พ่อชี้ไปที่ต้นไม้ลับ และต้นไม้ก็มีชื่อของโรซาลี ฉันคิดว่ารินอาจมีความเกี่ยวข้องกับเธอ” เคลพูดด้วยเสียงจริงจัง

“ถ้ารินเป็นเจ้าชาย นั่นหมายความว่าถ้าพวกนายแต่งงานกัน นายจะเป็นราชินีแห่งอาราเลีย และรินจะเป็นราชาอย่างนั้นเหรอ? จินเจอร์ นายคิดยังไง?” เอร่าไม่วายถามอย่างคนขี้เล่น

จินเจอร์ร้องเมี้ยวตอบเสียงดัง ทำให้ทั้งสองคนหัวเราะออกมา

เคลกลอกตาแต่ยิ้ม “เอร่า นายนี่จริงๆ เลย ตกลงเราจะทำยังไงกันดี?”

สีหน้าของเอร่าเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ทำไมนายไม่พารินไปที่ต้นไม้แล้วดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น? มันอาจจะให้คำตอบที่เราต้องการก็เป็นได้”

หลังจากเอร่ากลับ เคลจึงไปหารินหลังจากนั้น “ริน มีบางอย่างที่ผมต้องการให้คุณเห็น มันสำคัญมาก”

รินตามเคลไปที่ต้นไม้ลับ ความอยากรู้อยากเห็นและความรู้สึกไม่ดีผสมกันในใจ ขณะที่พวกเขายืนอยู่หน้าต้นโอ๊กโบราณ รินก้าวเดินไปยังต้นโอ๊กลึกลับที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสวนรัตติกาล แต่ละก้าวที่เดินเข้าไปใกล้ อากาศรอบตัวดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไป ลมหายใจของเขาหนักหน่วงขึ้นเล็กน้อย แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ เขารู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในสวนกำลังจับจ้องมาที่เขา

ทันใดนั้น ลมที่เคยพัดเอื่อยเฉื่อยก็เปลี่ยนเป็นกระแสลมอ่อนโยน ต้นไม้โดยรอบเริ่มโยกไหวอย่างช้า ๆ ราวกับพวกมันกำลังโค้งคำนับต้อนรับการมาถึงของริน ใบไม้สีเขียวสดเรืองแสงจาง ๆ ดอกไม้หลากสีที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เริ่มบานสะพรั่งอย่างพร้อมเพรียง กลีบดอกสีขาวส่องแสงระยิบระยับเหมือนคริสตัลที่ลอยละล่องในอากาศ [KV1] 

เสียงกระซิบแผ่วเบาของใบไม้เสียดสีกันดังขึ้นรอบตัว ฟังดูราวกับเป็นเพลงบรรเลงของธรรมชาติ มันไม่ได้เป็นเพียงเสียงธรรมดา แต่เป็นเสียงที่เหมือนกำลังพูดกับเขา เชื้อเชิญให้เข้าไปหาต้นโอ๊กที่ดูเหมือนจะเป็นหัวใจของสวนรัตติกาล

รากของต้นโอ๊กโบราณแผ่ขยายลึกลงไปในดินราวกับกำลังกุมหัวใจของโลกเอาไว้ เปลือกไม้ที่ดูเก่าแก่กลับเปล่งแสงอุ่น ๆ ออกมา เส้นสายเรืองแสงสีทองบางเบาวาดลวดลายอันงดงามไปทั่วต้นไม้ ราวกับเป็นลายแทงความทรงจำที่สลักเอาไว้ด้วยกาลเวลา

ทุกสิ่งในสวนดูเหมือนจะตอบสนองต่อพลังของต้นโอ๊กที่แผ่ออกมา อากาศที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยพลังงานที่จับต้องไม่ได้ แต่มันชัดเจนจนรินรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในอก

“นี่คือ…” รินพึมพำเสียงเบา หยุดนิ่งกลางทางก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก

ในขณะที่เขาก้าวเดินต่อ ดอกไม้ที่อยู่ใกล้ต้นโอ๊กกลับทำบางสิ่งที่ยิ่งน่าทึ่ง กลีบดอกไม้ค่อย ๆ เคลื่อนไหว เหมือนพวกมันกำลัง “มองดู” เขา บางดอกแย้มบานช้า ๆ ราวกับกำลังเผยตัวตนเพื่อต้อนรับการมาของใครบางคนที่พวกมันรอคอยมานานแสนนาน

เมื่อรินเข้าไปใกล้จนอยู่ใต้ต้นโอ๊ก พลังงานจากต้นไม้แผ่ออกมาห่อหุ้มเขาเหมือนม่านแสงที่มองไม่เห็น รินรู้สึกเหมือนว่ายามนี้กำลังถูกโอบอุ้มด้วยอ้อมแขนอันอบอุ่น แม้ว่าเขาจะอยู่เพียงลำพังก็ตาม

รินรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนบางเบาจากรากไม้ที่แผ่ขยายอยู่ใต้ฝ่าเท้า เสียงเหมือนการเต้นของหัวใจที่ดังอยู่ลึกลงไปในดิน มันเป็นจังหวะที่สงบและหนักแน่น ราวกับกำลังเชื่อมต่อจิตใจของเขาเข้ากับหัวใจของสวนทั้งสวน

“นายกลับมาแล้ว…” เสียงแผ่วเบาในหัวของรินดังขึ้น น้ำเสียงนั้นนุ่มนวลและทรงพลัง ราวกับเป็นเสียงของต้นโอ๊กเอง

รินชะงัก น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตาโดยไม่รู้ตัว ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกปลอบโยนและแตกสลายในเวลาเดียวกัน เขาเอื้อมมือไปแตะที่เปลือกไม้ ราวกับตอบรับการเรียกหาของมัน

ในขณะที่นิ้วมือของรินสัมผัสต้นไม้ พลังงานที่ไม่อาจอธิบายได้พลันไหลทะลักเข้ามาในร่างกาย ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ขณะที่ความทรงจำแสนเศร้าของโรซาลีไหลเข้าสู่จิตใจพร้อมกัน หยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่เขาไม่อาจละมือออกจากต้นไม้ได้ มันเหมือนมีสายสัมพันธ์ที่ดึงเอาไว้

ในเวลาเดียวกัน ต้นไม้เริ่มเปล่งแสงเรืองรองสว่างขึ้นกว่าเดิม พลังงานนั้นแผ่ออกไปทั่วสวน ดอกไม้หลากสายพันธุ์เริ่มเปล่งแสงตามต้นโอ๊ก ราวกับพวกมันกำลังตอบรับการกลับมาของริน

เคลที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดิน เขาเห็นว่าทุกสิ่งในสวนกำลังเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา ใบไม้ทุกใบ ดอกไม้ทุกดอก ลำต้นทุกต้นกำลังมีชีวิตชีวาขึ้นเหมือนกำลังเฉลิมฉลอง

“นี่มัน…” เขาพึมพำ ราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง

ต้นโอ๊กและพืชพรรณทั้งสวนดูเหมือนกำลังต้อนรับนายที่แท้จริง ราวกับรู้ว่าผู้สืบทอดที่พวกมันรอมานานได้กลับมาอยู่ในที่ที่ควรจะอยู่

ทันทีที่นิ้วมือสัมผัสเปลือกไม้ โลกทั้งใบของรินก็พลันระเบิดด้วยภาพความทรงจำที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ใบหน้าแสดงถึงความเจ็บปวด ร่างกายสั่นสะท้าน แต่ไม่อาจถอนมือออกจากต้นไม้ได้

“ริน ลูกแม่...” เสียงหัวเราะที่อบอุ่น เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่เรียกชื่อเขา

ภาพของหญิงสาวผมยาวสลวย ใบหน้าของเธอสง่างามและอ่อนโยน เธอกำลังปกป้องเขา เอาตัวเองเข้าไปรับการโจมตีแทนเขา

“เธอสละชีวิตเพื่อปกป้องสวนนี้…” เสียงหนึ่งกระซิบในหัว เสียงนั้นเหมือนเป็นเสียงของสวนเอง

น้ำตาของรินเริ่มไหลออกมา ความทรงจำแสนเศร้าและความเจ็บปวดกำลังท่วมท้นในจิตใจ เขาเห็นแม่ของเขา โรซาลี ในช่วงสุดท้ายของชีวิต เธอหันมายิ้มให้เขาด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก แม้จะรู้ว่าตนต้องจากไปตลอดกาล

“ริน ลูกคือความหวังเดียวของสวนรัตติกาล…” เสียงของเธอดังก้องในหัว ราวกับกำลังพูดกับเขาในตอนนี้

“ไม่…!” รินร้องออกมาด้วยเสียงสะอื้น ร่างกายของเขาทรุดลงกับพื้น ขณะที่มือยังคงแตะต้นไม้ เขารู้สึกเหมือนหัวใจกำลังแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เคลที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ รีบวิ่งเข้ามา พร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวล

“ริน! เกิดอะไรขึ้น?” เขาถามขณะจับตัวรินไว้ไม่ให้ล้มลง

ทันใดนั้น ร่างของเคลก็แข็งทื่อเมื่อสัมผัสริน ความทรงจำที่หลั่งไหลจากต้นไม้ไปหารินได้ส่งต่อมายังเคลเช่นกัน ภาพในอดีตที่เคลไม่เคยเห็นมาก่อนพุ่งกระทบจิตใจของเขาอย่างรุนแรง ราวกับสวนรัตติกาลกำลังถ่ายทอดเรื่องราวให้รับรู้

เขาเห็นโรซาลีในชุดสง่างาม ท่ามกลางการต่อสู้กับพลังมืดที่รุกรานสวน เธอใช้พลังเฮือกสุดท้ายสร้างกำแพงปกป้องสวนแห่งนี้ และส่งพลังทั้งหมดเข้าสู่ต้นโอ๊ก ก่อนจะหันไปมองลูกชายของเธอที่กำลังร้องไห้

“ดูแลเขาด้วย…” เสียงของโรซาลีดังขึ้นในจิตใจของเคล ราวกับคำสั่งที่ส่งตรงมาถึงเขา

เคลปล่อยรินให้ทรุดลงช้า ๆ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง พลางหอบหายใจเหมือนคนที่เพิ่งหลุดพ้นจากฝันร้าย

“คุณคือ…ผู้สืบทอด” เคลกระซิบ ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาหันไปมองต้นไม้ที่กำลังเรืองแสงราวกับว่าตอบรับการกลับมาของริน

“เคล... อัศวินของผม” ดวงตาของรินกะพริบเปิด ก่อนกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบา

“ผมอยู่ที่นี่ ริน คุณปลอดภัยแล้ว” หัวใจของเคลเจ็บปวดกับคำพูดเหล่านั้น

น้ำตาไหลลงอาบใบหน้าของริน ขณะที่ความทรงจำเกี่ยวกับแม่ไหลท่วมกลับมา

“แม่...แม่เป็นราชินี แม่สละชีวิตเพื่อปกป้องผม และตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมผมถึงรู้สึกผูกพันกับที่นี่ มันเป็นสถานที่สำคัญของผม เป็นบ้านของผม”

เคลกอดรินแน่นด้วยความรู้สึกขมขื่น เขาจูบไปทั่วใบหน้าของรินอย่างอ่อนโยน ตั้งแต่หน้าผาก แก้ม ดวงตา ก่อนจะจูบประทับบนริมฝีปาก รินตอบกลับด้วยความอ่อนโยนเท่าๆ กัน รู้สึกถึงความอบอุ่นและความรักของเคล

ขณะที่ความรู้สึกของพวกเขาไหลเวียนรอบตัว สวนดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้น ดอกไม้บานอย่างงดงาม และอากาศเต็มไปด้วยเสียงใบไม้กระทบกันและน้ำไหล ราวกับว่าสวนกำลังเฉลิมฉลองความรักของพวกเขา

รินมองเข้าไปในดวงตาของเคล เห็นความรักและความมุ่งมั่นลึกซึ้ง “ขอบคุณนะเคลที่เป็นอัศวินของผม ขอบคุณที่อยู่ที่นี่”

เคลยิ้ม ใช้นิ้วมือค่อย ๆ เกลี่ยน้ำตาให้และโอบกอดรินอย่างอ่อนโยน หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสุข

ขณะที่พวกเขากอดกัน สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในสวนนั้นตอบสนองต่อความรักและความสามัคคีที่แผ่ออกมาจากเคลและริน กุหลาบต้องห้ามที่ซ่อนอยู่ในสวนเริ่มมีชีวิต กลีบดอกเริ่มเปิดช้าๆ ภายใต้แสงยามเย็น

การเดินทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เคลและรินรู้ว่าพวกเขามีกันและกัน และด้วยสายสัมพันธ์นี้ พวกเขาสามารถเผชิญหน้ากับอะไรก็ได้ที่จะเข้ามา

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 5 เงามืดของซินดิเคท

    อาราเลียมีด้านมืดของมัน แต่ไม่มีด้านไหนที่ลึกและมืดเท่าซินดิเคท ภายใต้การนำที่ไร้ความปรานีของวิกเตอร์ พ่อของมาร์คัส ซินดิเคทเจริญรุ่งเรืองด้วยอำนาจและความกลัว วิกเตอร์มีรูปร่างสูงใหญ่และมีดวงตาที่คำนวณทุกอย่างไร้ความปรานี ปกครองผู้คนด้วยไม้แข็ง ใช้การข่มขู่และความรุนแรงทำให้พวกเขาภักดี ความทะเยอทะยานของวิกเตอร์ไม่มีขอบเขต เขาปรารถนาที่จะควบคุมสวนรัตติกาลด้วยในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้มหานครอาราเลีย แสงไฟสลัวจากโคมระย้าห้อยต่ำ สะท้อนผิวโลหะของโต๊ะยาว ตัวห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของอำนาจและความกลัวที่จับต้องได้ บนผนังมีแผนที่ของเมืองอาราเลียถูกปักหมุดไว้ หลายพื้นที่มีเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงการยึดครองของซินดิเคทวิกเตอร์ยืนตระหง่านตรงหัวโต๊ะ ดวงตาของเขาเป็นเหมือนเปลวไฟที่ไม่มีวันดับ ลุกโชนด้วยความทะเยอทะยานและความโหดเหี้ยม ใบหน้าที่นิ่งเฉยเหมือนถูกแกะสลักจากหินเย็นยะเยือก แต่กลับแฝงความอันตรายที่แผ่ซ่านออกมารอบตัวประตูห้องประชุมเปิดออก ชายคนหนึ่งถูกลูกน้องสองคนของวิกเตอร์ลากเข้ามา เขาคือหนึ่งในสมาชิกร

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 4 ความทรงจำฟื้นคืน

    แม้จะมีคนอยู่เป็นเพื่อน แต่เมื่อรินเข้านอนก็มักจะฝันร้ายอยู่เสมอ เขาได้ยินชื่อผู้หญิง ‘โรซาลี’ ในความฝันและตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อเย็น ๆ ภาพเหล่านั้นคือความทรงจำในวัยเด็ก คืนที่เขาต้องวิ่งหนีสุดชีวิตท่ามกลางสายฝนกระหน่ำคืนนั้นเคลเองก็ถูกกวนใจด้วยความฝันเช่นกัน ภาพพ่อของเขาพยายามพูดบางอย่าง ในขณะที่ชี้ไปยังต้นไม้ลับในสวน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะค้นหาความจริง เคลเริ่มทำการสืบสวนคืนหนึ่งขณะที่สวนรัตติกาลเงียบสงบ ภายใต้แสงจันทร์ เคลและรินนั่งอยู่ข้างสระน้ำ ไหล่ของพวกเขาสัมผัสกัน อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้ที่บานในตอนกลางคืน สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น เคลมองไปที่ริน สังเกตเห็นว่าแสงจันทร์ทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายนุ่มนวลขึ้น“ริน” เคลพูดเบาๆ “ผมดีใจจริงๆ ที่คุณอยู่ที่นี่ คุณนำสิ่งพิเศษมาสู่ที่นี่”รินหันมาหาเคล ดวงตาของเขาเปล่งประกาย “ผมก็รู้สึกเหมือนกัน เคล สวนนี้…และคุณ…มันเหมือนผมได้พบชิ้นส่วนของตัวเองที่ไม่รู้ว่าขาดหายไป”หัวใจของเคลเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเอนเข้ามาใกล้ ใบหน้าของพวกเขาห่างกันไม่กี่นิ้ว ชั่วขณะหนึ่งโลกดูเหมือนจะหยุดหายใจ พวกเขาเข้าใกล้กันมากขึ้นคล้ายมีแรงดึงดูดที่ไม่อาจปฏิเส

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 3 การเริ่มต้นใหม่ในสวน

    รินยืนอยู่ตรงทางเข้าสวนรัตติกาล ดวงตาจับจ้องไปยังสวนที่เปล่งประกายใต้แสงจันทร์ หัวใจของเขาเต้นระรัว ความหวังผสมปนเปกับความกลัว มือกำเข้าหากันแน่นจนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เขาก้าวถอยหลังเล็กน้อย ราวกับลังเลที่จะเข้าไป“นายจะทำอะไร? ไปบอกเขาว่านายไม่มีที่ไป? นายอาจถูกปฏิเสธก็ได้ เขาแทบไม่รู้จักนายด้วยซ้ำ” น้ำเสียงเยาะเย้ยเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว“แต่เขาก็เคยชวนมาสวนตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เขาดูเป็นคนที่พึ่งพาได้ นายรู้สึกได้ว่าที่นี่ปลอดภัย” อีกเสียงหนึ่งที่ฟังนุ่มนวลกว่าเถียงกลับ แต่ก็เจือไปด้วยความกังวล“ถ้าผิดล่ะ? ถ้าเขาไม่ยอมให้อยู่ นายจะทำยังไง? แต่...ที่นี่...มันให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมากกว่าสถานที่ไหนที่นายเคยไปมา” รินหลับตาลง พยายามหาคำตอบเสียงหนึ่งในหัวหัวเราะหยัน “นั่นแหละคือปัญหา นายกำลังเชื่อในความรู้สึกโง่ ๆ ที่นายไม่สามารถอธิบายได้ นายเพิ่งเจอเขาแค่ครั้งเดียวเอง!”รินสูดลมหายใจลึก พยายามระงับความวุ่นวายในจิตใจ “มันอาจจะเป็นเรื่องโง่จริง ๆ แต่...มันคือโอกาสสุดท้ายของฉัน ฉันไม่มีที่อื่นจะไปแล้ว”เขาลืมตาขึ้น ดวงตาฉายแววแน่วแน่ ทว่าก็ยังแฝงด้วยความลังเลอยู่ลึก ๆ เขาตัดสินใจก้าวเข้าไป

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 2 สวนรัตติกาล

    พวกเขามาถึงประตูที่ซ่อนอยู่หลังกลุ่มไม้เลื้อย เคลเปิดมันออก เผยให้เห็นสวนรัตติกาลภายใต้แสงจันทร์ สวนดูเหมือนจะมีแสงส่องประกาย ดอกไม้หลากหลายชนิดที่บานเฉพาะตอนกลางคืนแย้มรับแสงจันทร์ พืชพรรณแปลกใหม่ที่มีใบเรืองแสงดูเหมือนจะเต้นรำตามสายลมอ่อน ๆ อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเย็นของดอกมะลิและดอกไผ่กลางคืน สวนนี้เป็นซิมโฟนีของสีสันและกลิ่นหอม เป็นโอเอซิสที่มีเวทมนตร์กลางใจเมืองสวนรัตติกาลไม่ใช่แค่สถานที่ที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งพลังงาน สวนนี้มีเวทมนตร์ที่ช่วยปกป้องเมืองจากพลังมืดและสร้างความสมดุลในอาราเลีย กล่าวกันว่ารากของสวนแผ่ลึกลงไปในดิน เชื่อมโยงกับหัวใจของอาราเลีย และพลังงานของมันไหลผ่านเมืองเหมือนเส้นชีพจรรินก้าวเข้ามาในสวนด้วยความประหลาดใจ สวนดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาเมื่อรินปรากฏตัว ดอกไม้บานอย่างมีชีวิตชีวา กลิ่นหอมของดอกไม้ชัดเจนขึ้น และบรรยากาศที่ดูเหมือนจะรายล้อมไปด้วยพลังงาน ราวกับว่าสวนสื่อสารกับรินได้และกำลังต้อนรับเขากลับบ้าน“ว้าว” รินพูดเบา ๆ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “ที่นี่มหัศจรรย์จริงๆ”เคลยิ้ม แม้จะมีความสงสัยอยู่ในใจ “นี่คือที่พักพิงของผม ผมมาที่นี่เพ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 1 การพบกันโดยบังเอิญ

    อาราเลีย เมืองที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งความทันสมัยและประวัติศาสตร์ที่ถักทอเป็นหนึ่งเดียวกัน เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเซราฟีน แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านกลางเมือง แบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่ง เชื่อมต่อกันด้วยสะพานที่มีทั้งความเก่าแก่และความทันสมัย คล้ายกับผสานอดีตและปัจจุบันไว้ด้วยกันย่านใจกลางเมืองเต็มไปด้วยตึกระฟ้าสูงตระหง่าน ท้องฟ้าที่สะท้อนกับกระจกของอาคารทำให้ดูเหมือนว่าตึกเหล่านี้กลืนรวมกับท้องฟ้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตึกทั้งหลายเป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำ ศูนย์การค้า และโรงแรมหรู ถนนในย่านนี้ปูด้วยแผ่นหินเรียบเนียน มีทางเดินเท้ากว้างขวาง ต้นไม้ที่เรียงรายตามทางเดินและสวนสาธารณะพร้อมน้ำพุให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย เสียงน้ำกระเซ็นจากน้ำพุและเสียงหัวเราะจากกลุ่มคนที่เดินผ่านไปมาสร้างบรรยากาศที่คึกคักแต่สงบสุขแต่เมื่อเข้าสู่ย่านเมืองเก่า ถนนแคบ ๆ ที่ปูด้วยหินโบราณและอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยอิฐแดงและหินสีอ่อนนำพาความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป อาคารเหล่านี้ทรุดโทรมตามกาลเวลา บ้างมีเถาไม้เลื้อยเกาะเต็มกำแพง บ่งบอกถึงความเก่าแก่และเรื่องราวที่ถูกลืม ถนนในย่านนี้คดเคี้ยวและซับซ้อน ทำให

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status