แชร์

บทที่ 4 ความทรงจำฟื้นคืน

ผู้เขียน: Snowflake on Cherry Blossom
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-22 16:15:30

แม้จะมีคนอยู่เป็นเพื่อน แต่เมื่อรินเข้านอนก็มักจะฝันร้ายอยู่เสมอ เขาได้ยินชื่อผู้หญิง ‘โรซาลี’ ในความฝันและตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อเย็น ๆ ภาพเหล่านั้นคือความทรงจำในวัยเด็ก คืนที่เขาต้องวิ่งหนีสุดชีวิตท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ

คืนนั้นเคลเองก็ถูกกวนใจด้วยความฝันเช่นกัน ภาพพ่อของเขาพยายามพูดบางอย่าง ในขณะที่ชี้ไปยังต้นไม้ลับในสวน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะค้นหาความจริง เคลเริ่มทำการสืบสวน

คืนหนึ่งขณะที่สวนรัตติกาลเงียบสงบ ภายใต้แสงจันทร์ เคลและรินนั่งอยู่ข้างสระน้ำ ไหล่ของพวกเขาสัมผัสกัน อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้ที่บานในตอนกลางคืน สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น เคลมองไปที่ริน สังเกตเห็นว่าแสงจันทร์ทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายนุ่มนวลขึ้น

“ริน” เคลพูดเบาๆ “ผมดีใจจริงๆ ที่คุณอยู่ที่นี่ คุณนำสิ่งพิเศษมาสู่ที่นี่”

รินหันมาหาเคล ดวงตาของเขาเปล่งประกาย “ผมก็รู้สึกเหมือนกัน เคล สวนนี้…และคุณ…มันเหมือนผมได้พบชิ้นส่วนของตัวเองที่ไม่รู้ว่าขาดหายไป”

หัวใจของเคลเต้นแรงเมื่ออีกฝ่ายเอนเข้ามาใกล้ ใบหน้าของพวกเขาห่างกันไม่กี่นิ้ว ชั่วขณะหนึ่งโลกดูเหมือนจะหยุดหายใจ พวกเขาเข้าใกล้กันมากขึ้นคล้ายมีแรงดึงดูดที่ไม่อาจปฏิเสธได้

เพียงแค่ริมฝีปากของพวกเขากำลังจะสัมผัสกัน ก็มีเสียงดังโครมลั่นไปทั่วสวน ทั้งคู่ผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว เห็นเอร่าและจินเจอร์กอดกันอยู่เพราะเหยียบถังน้ำจนล้ม

“เอร่า!” เคลร้องออกมา ครึ่งขำครึ่งเอือมระอา

เอร่ายิ้มแบบรู้สึกผิด ดึงตัวเองออกจากจินเจอร์ “โอ๊ะ ขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะ แต่เฮ้ ผมกับจินเจอร์แค่อดใจไม่ไหวที่จะแอบดูรักใหม่ของสวนเรา”

รินหน้าแดงจัดขณะที่เคลพยายามจะทำตัวให้สงบ

“พวกนายสองคนนี่จริงๆ เลย” เอร่าพูดพลางส่ายหัว ก่อนจะขยิบตาอย่างซุกซน “ผมจะว่าไงดี เราอยู่เพื่อสร้างความบันเทิง”

ขณะที่เอร่าและจินเจอร์ถอยกลับไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ เคลหันกลับมาหารินที่กำลังหัวเราะเบา ๆ ช่วงเวลานั้นผ่านไปแล้ว แต่ความอบอุ่นระหว่างพวกเขายังคงอยู่

คืนนั้น เคลเดินไปยังต้นโอ๊กลึกลับที่ตั้งตระหง่านอยู่ในสวนมานานหลายศตวรรษ เขาปัดใบไม้ออกจากแผ่นจารึกที่ฐานของมันและเห็นชื่อหนึ่งสลักอยู่

‘โรซาลี ราชินีแห่งสวนรัตติกาล’

ชื่อนี้หมายถึง “ดอกกุหลาบ” หัวใจของเขาเต้นแรง เคลรีบค้นบันทึกสวนรัตติกาลที่ได้รับจากพ่อขอเขา พบว่าผู้สืบทอดบัลลังก์สามารถทำให้ต้นโอ๊กลึกลับส่องแสงได้ และสามารถทำให้ดอกกุหลาบต้องห้ามบานได้

การเปิดเผยนี้ทำให้เคลหนักใจ เพราะเขาเคยได้ยินรินละเมอเรียกชื่อนี้ เรื่องราวต่าง ๆ ที่เพิ่งรู้ทำให้เขาต้องค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับอดีตของรินเพิ่มเติม รวมไปถึงสายสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับสวนแห่งนี้ ขณะที่รุ่งสางเริ่มขึ้น เขาตัดสินใจที่จะค้นหาความลับของสวนให้มากยิ่งขึ้น หวังว่าจะพบคำตอบที่สามารถช่วยรินได้

เคลมีความทรงจำราง ๆ ในวัยเด็กเกี่ยวกับการที่เขาเคยพบโรซาลี ราชินีแห่งสวน และเจ้าชาย ลูกชายของเธอ เขายังเด็กเกินกว่าจะจำรายละเอียดได้ชัดเจน แต่ภาพเหล่านั้นยังคงอยู่ในใจเสมอ ตอนนี้เมื่อมองดูภาพของโรซาลีในบันทึกสวนรัตติกาล เขาเห็นความคล้ายคลึงกันอย่างมากระหว่างเธอกับริน ท่าทางที่สง่างามและแววตาอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความหยิ่งทะนง

เวลาผ่านไป เคลสังเกตเห็นรินอย่างต่อเนื่อง และความฝันเกี่ยวกับพ่อของเขายังคงดำเนินต่อไป โดยชี้ไปที่ต้นไม้ลับเสมอ เคลเห็นลักษณะของราชินีในท่าทางและการแสดงออกของริน สัญชาตญาณของเขาในฐานะอัศวินบอกว่า รินมีสายสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับสถานที่นี้

วันหนึ่งขณะที่พวกเขากำลังดูแลสวน เคลตัดสินใจเล่าเรื่องคาใจให้เอร่าฟัง พวกเขานั่งอยู่ข้างสระน้ำ โดยมีจินเจอร์เล่นกับนิ้วของเอร่า

“เอร่า ช่วงนี้ฉันฝันแปลก ๆ พ่อชี้ไปที่ต้นไม้ลับ และต้นไม้ก็มีชื่อของโรซาลี ฉันคิดว่ารินอาจมีความเกี่ยวข้องกับเธอ” เคลพูดด้วยเสียงจริงจัง

“ถ้ารินเป็นเจ้าชาย นั่นหมายความว่าถ้าพวกนายแต่งงานกัน นายจะเป็นราชินีแห่งอาราเลีย และรินจะเป็นราชาอย่างนั้นเหรอ? จินเจอร์ นายคิดยังไง?” เอร่าไม่วายถามอย่างคนขี้เล่น

จินเจอร์ร้องเมี้ยวตอบเสียงดัง ทำให้ทั้งสองคนหัวเราะออกมา

เคลกลอกตาแต่ยิ้ม “เอร่า นายนี่จริงๆ เลย ตกลงเราจะทำยังไงกันดี?”

สีหน้าของเอร่าเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ทำไมนายไม่พารินไปที่ต้นไม้แล้วดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น? มันอาจจะให้คำตอบที่เราต้องการก็เป็นได้”

หลังจากเอร่ากลับ เคลจึงไปหารินหลังจากนั้น “ริน มีบางอย่างที่ผมต้องการให้คุณเห็น มันสำคัญมาก”

รินตามเคลไปที่ต้นไม้ลับ ความอยากรู้อยากเห็นและความรู้สึกไม่ดีผสมกันในใจ ขณะที่พวกเขายืนอยู่หน้าต้นโอ๊กโบราณ รินก้าวเดินไปยังต้นโอ๊กลึกลับที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสวนรัตติกาล แต่ละก้าวที่เดินเข้าไปใกล้ อากาศรอบตัวดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไป ลมหายใจของเขาหนักหน่วงขึ้นเล็กน้อย แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ เขารู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในสวนกำลังจับจ้องมาที่เขา

ทันใดนั้น ลมที่เคยพัดเอื่อยเฉื่อยก็เปลี่ยนเป็นกระแสลมอ่อนโยน ต้นไม้โดยรอบเริ่มโยกไหวอย่างช้า ๆ ราวกับพวกมันกำลังโค้งคำนับต้อนรับการมาถึงของริน ใบไม้สีเขียวสดเรืองแสงจาง ๆ ดอกไม้หลากสีที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เริ่มบานสะพรั่งอย่างพร้อมเพรียง กลีบดอกสีขาวส่องแสงระยิบระยับเหมือนคริสตัลที่ลอยละล่องในอากาศ [KV1] 

เสียงกระซิบแผ่วเบาของใบไม้เสียดสีกันดังขึ้นรอบตัว ฟังดูราวกับเป็นเพลงบรรเลงของธรรมชาติ มันไม่ได้เป็นเพียงเสียงธรรมดา แต่เป็นเสียงที่เหมือนกำลังพูดกับเขา เชื้อเชิญให้เข้าไปหาต้นโอ๊กที่ดูเหมือนจะเป็นหัวใจของสวนรัตติกาล

รากของต้นโอ๊กโบราณแผ่ขยายลึกลงไปในดินราวกับกำลังกุมหัวใจของโลกเอาไว้ เปลือกไม้ที่ดูเก่าแก่กลับเปล่งแสงอุ่น ๆ ออกมา เส้นสายเรืองแสงสีทองบางเบาวาดลวดลายอันงดงามไปทั่วต้นไม้ ราวกับเป็นลายแทงความทรงจำที่สลักเอาไว้ด้วยกาลเวลา

ทุกสิ่งในสวนดูเหมือนจะตอบสนองต่อพลังของต้นโอ๊กที่แผ่ออกมา อากาศที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยพลังงานที่จับต้องไม่ได้ แต่มันชัดเจนจนรินรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในอก

“นี่คือ…” รินพึมพำเสียงเบา หยุดนิ่งกลางทางก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก

ในขณะที่เขาก้าวเดินต่อ ดอกไม้ที่อยู่ใกล้ต้นโอ๊กกลับทำบางสิ่งที่ยิ่งน่าทึ่ง กลีบดอกไม้ค่อย ๆ เคลื่อนไหว เหมือนพวกมันกำลัง “มองดู” เขา บางดอกแย้มบานช้า ๆ ราวกับกำลังเผยตัวตนเพื่อต้อนรับการมาของใครบางคนที่พวกมันรอคอยมานานแสนนาน

เมื่อรินเข้าไปใกล้จนอยู่ใต้ต้นโอ๊ก พลังงานจากต้นไม้แผ่ออกมาห่อหุ้มเขาเหมือนม่านแสงที่มองไม่เห็น รินรู้สึกเหมือนว่ายามนี้กำลังถูกโอบอุ้มด้วยอ้อมแขนอันอบอุ่น แม้ว่าเขาจะอยู่เพียงลำพังก็ตาม

รินรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนบางเบาจากรากไม้ที่แผ่ขยายอยู่ใต้ฝ่าเท้า เสียงเหมือนการเต้นของหัวใจที่ดังอยู่ลึกลงไปในดิน มันเป็นจังหวะที่สงบและหนักแน่น ราวกับกำลังเชื่อมต่อจิตใจของเขาเข้ากับหัวใจของสวนทั้งสวน

“นายกลับมาแล้ว…” เสียงแผ่วเบาในหัวของรินดังขึ้น น้ำเสียงนั้นนุ่มนวลและทรงพลัง ราวกับเป็นเสียงของต้นโอ๊กเอง

รินชะงัก น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตาโดยไม่รู้ตัว ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกปลอบโยนและแตกสลายในเวลาเดียวกัน เขาเอื้อมมือไปแตะที่เปลือกไม้ ราวกับตอบรับการเรียกหาของมัน

ในขณะที่นิ้วมือของรินสัมผัสต้นไม้ พลังงานที่ไม่อาจอธิบายได้พลันไหลทะลักเข้ามาในร่างกาย ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ขณะที่ความทรงจำแสนเศร้าของโรซาลีไหลเข้าสู่จิตใจพร้อมกัน หยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่เขาไม่อาจละมือออกจากต้นไม้ได้ มันเหมือนมีสายสัมพันธ์ที่ดึงเอาไว้

ในเวลาเดียวกัน ต้นไม้เริ่มเปล่งแสงเรืองรองสว่างขึ้นกว่าเดิม พลังงานนั้นแผ่ออกไปทั่วสวน ดอกไม้หลากสายพันธุ์เริ่มเปล่งแสงตามต้นโอ๊ก ราวกับพวกมันกำลังตอบรับการกลับมาของริน

เคลที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดิน เขาเห็นว่าทุกสิ่งในสวนกำลังเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตา ใบไม้ทุกใบ ดอกไม้ทุกดอก ลำต้นทุกต้นกำลังมีชีวิตชีวาขึ้นเหมือนกำลังเฉลิมฉลอง

“นี่มัน…” เขาพึมพำ ราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง

ต้นโอ๊กและพืชพรรณทั้งสวนดูเหมือนกำลังต้อนรับนายที่แท้จริง ราวกับรู้ว่าผู้สืบทอดที่พวกมันรอมานานได้กลับมาอยู่ในที่ที่ควรจะอยู่

ทันทีที่นิ้วมือสัมผัสเปลือกไม้ โลกทั้งใบของรินก็พลันระเบิดด้วยภาพความทรงจำที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ใบหน้าแสดงถึงความเจ็บปวด ร่างกายสั่นสะท้าน แต่ไม่อาจถอนมือออกจากต้นไม้ได้

“ริน ลูกแม่...” เสียงหัวเราะที่อบอุ่น เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่เรียกชื่อเขา

ภาพของหญิงสาวผมยาวสลวย ใบหน้าของเธอสง่างามและอ่อนโยน เธอกำลังปกป้องเขา เอาตัวเองเข้าไปรับการโจมตีแทนเขา

“เธอสละชีวิตเพื่อปกป้องสวนนี้…” เสียงหนึ่งกระซิบในหัว เสียงนั้นเหมือนเป็นเสียงของสวนเอง

น้ำตาของรินเริ่มไหลออกมา ความทรงจำแสนเศร้าและความเจ็บปวดกำลังท่วมท้นในจิตใจ เขาเห็นแม่ของเขา โรซาลี ในช่วงสุดท้ายของชีวิต เธอหันมายิ้มให้เขาด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก แม้จะรู้ว่าตนต้องจากไปตลอดกาล

“ริน ลูกคือความหวังเดียวของสวนรัตติกาล…” เสียงของเธอดังก้องในหัว ราวกับกำลังพูดกับเขาในตอนนี้

“ไม่…!” รินร้องออกมาด้วยเสียงสะอื้น ร่างกายของเขาทรุดลงกับพื้น ขณะที่มือยังคงแตะต้นไม้ เขารู้สึกเหมือนหัวใจกำลังแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เคลที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ รีบวิ่งเข้ามา พร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวล

“ริน! เกิดอะไรขึ้น?” เขาถามขณะจับตัวรินไว้ไม่ให้ล้มลง

ทันใดนั้น ร่างของเคลก็แข็งทื่อเมื่อสัมผัสริน ความทรงจำที่หลั่งไหลจากต้นไม้ไปหารินได้ส่งต่อมายังเคลเช่นกัน ภาพในอดีตที่เคลไม่เคยเห็นมาก่อนพุ่งกระทบจิตใจของเขาอย่างรุนแรง ราวกับสวนรัตติกาลกำลังถ่ายทอดเรื่องราวให้รับรู้

เขาเห็นโรซาลีในชุดสง่างาม ท่ามกลางการต่อสู้กับพลังมืดที่รุกรานสวน เธอใช้พลังเฮือกสุดท้ายสร้างกำแพงปกป้องสวนแห่งนี้ และส่งพลังทั้งหมดเข้าสู่ต้นโอ๊ก ก่อนจะหันไปมองลูกชายของเธอที่กำลังร้องไห้

“ดูแลเขาด้วย…” เสียงของโรซาลีดังขึ้นในจิตใจของเคล ราวกับคำสั่งที่ส่งตรงมาถึงเขา

เคลปล่อยรินให้ทรุดลงช้า ๆ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง พลางหอบหายใจเหมือนคนที่เพิ่งหลุดพ้นจากฝันร้าย

“คุณคือ…ผู้สืบทอด” เคลกระซิบ ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาหันไปมองต้นไม้ที่กำลังเรืองแสงราวกับว่าตอบรับการกลับมาของริน

“เคล... อัศวินของผม” ดวงตาของรินกะพริบเปิด ก่อนกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบา

“ผมอยู่ที่นี่ ริน คุณปลอดภัยแล้ว” หัวใจของเคลเจ็บปวดกับคำพูดเหล่านั้น

น้ำตาไหลลงอาบใบหน้าของริน ขณะที่ความทรงจำเกี่ยวกับแม่ไหลท่วมกลับมา

“แม่...แม่เป็นราชินี แม่สละชีวิตเพื่อปกป้องผม และตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมผมถึงรู้สึกผูกพันกับที่นี่ มันเป็นสถานที่สำคัญของผม เป็นบ้านของผม”

เคลกอดรินแน่นด้วยความรู้สึกขมขื่น เขาจูบไปทั่วใบหน้าของรินอย่างอ่อนโยน ตั้งแต่หน้าผาก แก้ม ดวงตา ก่อนจะจูบประทับบนริมฝีปาก รินตอบกลับด้วยความอ่อนโยนเท่าๆ กัน รู้สึกถึงความอบอุ่นและความรักของเคล

ขณะที่ความรู้สึกของพวกเขาไหลเวียนรอบตัว สวนดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้น ดอกไม้บานอย่างงดงาม และอากาศเต็มไปด้วยเสียงใบไม้กระทบกันและน้ำไหล ราวกับว่าสวนกำลังเฉลิมฉลองความรักของพวกเขา

รินมองเข้าไปในดวงตาของเคล เห็นความรักและความมุ่งมั่นลึกซึ้ง “ขอบคุณนะเคลที่เป็นอัศวินของผม ขอบคุณที่อยู่ที่นี่”

เคลยิ้ม ใช้นิ้วมือค่อย ๆ เกลี่ยน้ำตาให้และโอบกอดรินอย่างอ่อนโยน หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสุข

ขณะที่พวกเขากอดกัน สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในสวนนั้นตอบสนองต่อความรักและความสามัคคีที่แผ่ออกมาจากเคลและริน กุหลาบต้องห้ามที่ซ่อนอยู่ในสวนเริ่มมีชีวิต กลีบดอกเริ่มเปิดช้าๆ ภายใต้แสงยามเย็น

การเดินทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เคลและรินรู้ว่าพวกเขามีกันและกัน และด้วยสายสัมพันธ์นี้ พวกเขาสามารถเผชิญหน้ากับอะไรก็ได้ที่จะเข้ามา

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 33 วิหารเงาแสงสะท้อนแสงแห่งชีวิต

    ทุกคนเดินไปยังเขต วิหารเงาแสง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของสวน รินไม่เคยมาเยือนเขตนี้มาก่อน จ้องมองรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น วิหารตั้งอยู่กลางพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้สูงใหญ่กิ่งก้านแผ่ขยายทับซ้อนจนแทบไม่เห็นท้องฟ้า ยกเว้นช่องเล็ก ๆ ที่แสงจันทร์ลอดผ่านลงมา แสงเหล่านั้นตกลงบนตัววิหารที่ทำจากหินขาวเรืองรอง ราวกับมีแสงสว่างในตัว“วิหารนี้เหมือนกับ...ลมหายใจของสวน” รินพึมพำ “สมัยเด็ก ผมได้แต่มองมันจากระยะไกล ไม่เคยได้เข้ามาเลย”เคลที่เดินอยู่ข้าง ๆ เอื้อมมาจับมือรินเบา ๆ “ตอนนี้คุณได้เห็นด้วยตัวเองแล้ว และคุณก็เป็นเจ้าของที่แท้จริงของมัน”“หวานกันอีกแล้ว...จินเจอร์ ถ้าเราไม่มีของกิน ให้ไปกัดขาเคลนะ” เอร่าไม่พลาดที่จะแซวจินเจอร์ร้องเหมียวเสียงยาว เหมือนจะเห็นด้วยเคียแรนส่ายหน้าและหัวเราะเบา ๆ “เอร่า นายจะช่วยสงบสักนิดได้ไหม? ตอนนี้พวกเราจริงจังอยู่นะ”เอร่าหันมามองเคียแรน พร้อมยักคิ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 32 อาณาจักรของสวนรัตติกาล

    เช้าวันใหม่เริ่มต้นพร้อมกับความกระตือรือร้นในสวนรัตติกาล ทุกคนรวมตัวกันที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่กลางสวน ริน เคล เอร่า และเคียแรนล้อมวงฟังเอลดรินที่กำลังเปิดตำราโบราณอย่างระมัดระวัง หน้ากระดาษที่เก่าแก่เปราะบางเหมือนจะขาดได้ทุกเมื่อ เสียงนกร้องเป็นฉากหลังที่สงบ แต่บรรยากาศรอบโต๊ะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง“ตำราเล่มนี้บันทึกเรื่องราวของสวนรัตติกาลอย่างละเอียดที่สุด” เอลดรินเริ่มพูด พร้อมเปิดไปยังหน้าที่มีแผนที่โบราณของสวน ตัวอักษรจางหายไปบางส่วนจากกาลเวลา “นี่เป็นผลงานของอัศวินผู้พิทักษ์สวนคนแรก ๆ ที่อาศัยอยู่ในยุคสร้างหัวใจแห่งอาราเลีย”เคลเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ แววตาเต็มไปด้วยความสนใจ “นี่คือแผนที่ของสวนทั้งหมดหรือครับ? ดูละเอียดกว่าที่ผมเคยเห็นมาอีก”เอลดรินพยักหน้า “ใช่ มันไม่เพียงแค่บอกทาง แต่ยังอธิบายถึงพลังและความเชื่อมโยงของพื้นที่ในสวนด้วย”เคียแรนที่เพิ่งมาอยู่สวนได้ไม่นานขมวดคิ้วเล็กน้อย “แล้วสวนนี้แบ่งเป็นเขตชัดเจนเลยหรือครับ? ผ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 31 ปัญหาเรื่องเดิมอีกครั้ง

    หลังจากการพูดคุยอย่างเคร่งเครียดเกี่ยวกับหัวใจแห่งอาราเลียและแผนการของมาร์คัส รินที่มองเอลดรินสังเกตเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของชายชรา เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “เอลดริน ท่านดูเหนื่อยมากเลย ท่านเดินทางไกลมาขนาดนี้แล้ว ยังต้องเล่าเรื่องที่หนักหนาอีก ท่านควรพักก่อนดีไหม?”เอลดรินยิ้มอ่อน เมื่อเห็นความกังวลในสายตาของริน “ผมสบายดี แต่ก็ยอมรับว่าร่างกายไม่เหมือนเก่าแล้ว”“ถ้าอย่างนั้น” รินหันไปมองทุกคน “พวกเราควรพักก่อนดีไหม? การตามหาหัวใจแห่งอาราเลียไม่น่าจะเร่งด่วนถึงขนาดรอไม่ได้ เราเตรียมตัวให้พร้อมและเริ่มกันพรุ่งนี้เช้าดีกว่า”“ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง! พูดตรงๆ นะ ตอนนี้ผมหิวสุดๆ ถ้าพรุ่งนี้เช้าต้องเริ่มตามหาทันที โดยที่ไม่มีมื้อเย็นนี่ ผมคงหมดแรงแน่ๆ” เอร่ายกมือขึ้นเห็นด้วยทันทีเคลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รินพยักหน้าเห็นด้วย “ฟังดูเข้าท่า แต่เราต้องเตรียมที่พักให้เอลดรินด้วย มีห้องว่างอยู่ท้ายสวน มันค่อนข้างเงียบสงบและมีข้าวของเครื่องใช้ครบ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 30 หัวใจแห่งอาราเลีย

    เอลดรินนั่งลงข้างโต๊ะหินกลางสวนรัตติกาล ท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านใบไม้ลงมา ท่าทางของเขาเคร่งขรึมและดวงตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ริน เคล เคียแรน และเอร่าล้อมรอบเขา บรรยากาศเงียบสงบในสวนดูเหมือนจะถูกแทนที่ด้วยความตึงเครียด“ท่านดูเหมือนคนที่ผ่านอะไรมาเยอะ ทำไมท่านถึงมาที่นี่ในเวลานี้?” รินมองเอลดรินด้วยความสงสัยเอลดรินถอนหายใจยาว น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความกังวล “ผมไม่มีทางเลือก ผมต้องรีบเตือนพวกท่าน กลุ่มซินดิเคทกำลังสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับหัวใจแห่งอาราเลีย และพวกมันไม่สนใจว่าวิธีการนั้นจะชั่วร้ายแค่ไหน คนของผมหลายคนถูกทำร้าย บางคน...ก็ตาย หนังสือโบราณจำนวนมากถูกพวกมันแย่งชิงไป”คำพูดของเอลดรินเหมือนเปลวไฟที่จุดประกายความโกรธ รินลุกขึ้นทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “มาร์คัสอีกแล้ว! มันเป็นปีศาจ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์แค่เพราะต้องการอำนาจ! ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังไม่หยุด”“และตอนนี้พุ่งเป้ามาที่สวน ถ้าเขาคิดว่าพวกเราจะยอมให้เขาได้หัวใจแ

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 29 อำนาจที่ไม่เคยได้รับ ความรักที่ไม่เคยได้ชม

    หลังจากคืนกวาดล้างครั้งใหญ่ มาร์คัสยืนอยู่บนยอดของอำนาจ เขามองลงไปยังซากปรักหักพังของกลุ่มคนที่ครั้งหนึ่งเคยยืนอยู่ข้างไอเดนและต่อต้านเขา ความพึงพอใจฉายชัดในแววตา ราวกับว่าเขาได้ปลดปล่อยพันธนาการที่เคยกดขี่มาตลอดชีวิตในห้องโถงใหญ่ของฐานทัพซินดิเคท มาร์คัสจัดงานเลี้ยงฉลองที่เต็มไปด้วยความหรูหราและมัวเมา บรรดาลูกน้องและพวกขุนนางชั้นต่ำที่หวังเกาะกระแสอำนาจของเขาต่างร่วมยินดี แต่ในใจของทุกคนแฝงไปด้วยความกลัวต่อความโหดเหี้ยมของชายผู้ไร้ความปรานีมาร์คัสไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว หลังจากกำจัดไอเดนและควบคุมกลุ่มซินดิเคท เขาเริ่มสั่งให้ทำการกวาดล้างทุกคนที่เขาสงสัยว่าอาจทรยศ สายลับและนักฆ่าถูกส่งไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อกำจัดศัตรูเก่าและใหม่ รวมถึงผู้ที่เคยช่วยไอเดนหนีรอดในอดีต“ฉันไม่ต้องการสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบ” มาร์คัสกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ขณะมองดูรายชื่อเป้าหมายการลอบสังหารที่ยาวเหยียดในมือของเขา “หากพวกมันไม่ก้มหัวให้ฉัน ก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกมันจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”&nbs

  • เสียงเพรียกแห่งสวนรัตติกาล | Whispers of the Midnight Garde   บทที่ 28 ผู้อาวุโสผู้มาพร้อมกับข่าวร้าย

    เช้าวันหนึ่งที่แสงอาทิตย์สาดแสงอ่อนโยนทอดผ่านกลีบดอกไม้ที่แบ่งบาน สวนเต็มไปด้วยเสียงนกร้องเพลงคลอเคล้ากับเสียงลมพัดเบา ๆ ทว่าความเงียบสงบนั้นถูกทำลายโดยกระแสลมแปลกประหลาดที่พัดวูบหนึ่ง ใบไม้ปลิวไหวในทิศทางที่ไม่มีใครคาดคิด กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ถูกแทนที่ด้วยกลิ่นชื้นคล้ายควันไม้และกลิ่นหญ้าหลังฝนตกเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นจากส่วนลึกของสวน ทั้งที่ไม่มีใครเปิดประตูให้ เสียงนั้นเหมือนจะสะท้อนในอากาศราวกับมาจากทุกทิศทาง เคลสัมผัสถึงบางสิ่งผิดปกติในทันที เขาขยับตัวมาข้างหน้า มือจับด้ามดาบแน่น ดวงตาคมมองตรงไปยังต้นเสียง ขณะที่เคียแรนก้าวมาข้างหน้าเพื่อปกป้องริน“ใครกันที่กล้าบุกรุกมาที่นี่?” เคลเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำเย็น ดวงตาจับจ้องไปยังเงาที่ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นจากเงามืดในหมู่แมกไม้ ชายชราผู้หนึ่งก้าวออกมาช้า ๆ เสื้อคลุมสีมอมแมมของเขาปลิวไสวไปตามลม แม้เสื้อผ้าจะดูธรรมดา แต่ตัวเขากลับมีบางสิ่งดึงดูดความสนใจได้ในทันที มือถือไม้เท้าที่มีลวดลายแกะสลักงดงาม เรืองแสงเบาบางเหมือนกับมีพลังบางอย่างซ่อนอยู่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status