“ฮึ น่าสนุกดีนี่” เอาเป็นว่าเขาจะอยู่เล่นสนุกกับอนุคนงามไปสักพักก็แล้วกัน
“เรียนท่านอ๋อง คนที่เราจับได้ไม่ยอมปริปากและยังชิงฆ่าตัวตายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” คนร้ายที่อนุหนิงตีจนสลบไปเมื่อวาน พวกเขาเค้นความลับจนสุดความสามารถ ทว่าก็ยังพลาดให้มันชิงฆ่าตัวตายไปเสียได้ วันนี้เขามาเพื่อจะขอรับโทษในความผิดพลาด
“ช่างเถอะ เอาไว้ค่อยคิดบัญชีภายหลัง” เหลียงเฟิงมิได้ใส่ใจอะไรกับคำรายงานมากนัก เขาโบกมือไล่ให้องครักษ์คนสนิทออกไปพร้อมกับหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ตอนนี้เขาต้องการพักผ่อนและใช้ความคิด ไม่รู้ว่านักฆ่าพวกนั้นมาจากที่ใดกันแน่ ใครคือผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง รับรองเลยว่าเขาจะเอาคืนให้อย่างสาสม
“ขอบคุณท่านอ๋อง” หลังจากที่ท่านอ๋องมิได้เอาความอะไรกับเขา มู่หลางผู้ซึ่งเป็นองครักษ์มือขวามาเนิ่นนานได้ล่าถอยออกไปทันที ปล่อยให้นายเหนือหัวได้พักผ่อนตามต้องการ
เดิมทีมู่หลางตั้งใจจะออกไปสั่งการบรรดาลูกน้องที่ติดตามมา พร้อมกับตรวจสอบความปลอดภัยบริเวณโดยรอบ เพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายแก่เจ้านายทั้งสอง อีกทั้งเขายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ คงต้องส่งคนไปสืบหาความจริงเรื่องนี้เสียแล้ว ปล่อยไว้นานไม่ดีแน่ ไม่รู้ว่าเมื่อไรพวกมันจะกลับมาอีก
ชายหนุ่มได้เร้นกายหายไปชั่วพริบตา โดยไม่รู้ว่าหนิงเซียนที่กำลังนั่งเด็ดพริกหยวกอยู่หลังกระท่อมเห็นเต็มสองตา ไม่คาดคิดว่าจะได้มาเห็นของจริง
“โอ้โห! ก็รู้อยู่หรอกว่าเป็นโลกนิยายอะไรก็เป็นไปได้ แต่ข้าก็ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นกับตาเช่นนี้” หญิงสาวยกมือขึ้นขยี้ตาเบา ๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าคนเราจะหายตัวได้ราวกับเป็นผู้วิเศษ หากเป็นโลกที่นางจากมาเห็นทีว่าจะมีผู้คนเข้ามารุมล้อม พากันเอาพวงมาลัยและผ้าเจ็ดสีกราบไหว้ไปแล้ว หรือบางทีก็อาจจะโดนประแป้งแล้วถูขอหวยก็ได้
หลังจากหายตะลึงในวรยุทธ์อันล้ำเลิศ นางจึงหันกลับมาวุ่นวายกับพืชผักสวนครัวต่อ อาหารเย็นมื้อนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคน จำเป็นต้องทำอาหารให้มากขึ้นจะได้เพียงพอสำหรับคนที่เข้ามาเพิ่ม หญิงสาวเก็บผักจนเต็มตะกร้า จากนั้นจึงได้กลับเข้าครัวเพื่อทำอาหารต่อ
หนิงเซียนขะมักเขม้นทำอาหารโดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง นางนำผ้ากันเปื้อนที่ทำขึ้นเองผูกเอว จากนั้นก็ทำการหั่นผักและสับหมูให้ละเอียด ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงที่พอจะทดแทนกันได้ก็เป็นอันเสร็จ ก่อนนำพริกยัดไส้หมูสับลงไปทอดกับน้ำมันร้อน ๆ พอสุกได้ที่ก็ตักใส่ชาม เป็นอันเสร็จพร้อมทานไปหนึ่งอย่าง
หลังจากอาหารจานแรกผ่านไป หญิงสาวก็ได้เริ่มทำอย่างที่สองทันที จัดการตั้งหม้อใส่รากผักชี กระเทียม พร้อมกับใส่ผงปรุงรสสูตรพิเศษที่ทำขึ้นเอง เพราะคนที่นี่ค่อนข้างทานรสจืดกัน ด้วยเครื่องปรุงมิได้มีอะไรมาก นอกจากเกลือ น้ำตาล และน้ำปรุงที่ทำจากถั่วเหลืองเป็นหลัก นางจึงทำผงปรุงไว้ใช้เองมันเสียเลย ต้องขอบคุณความจำที่ได้จากการท่องโลกอินเทอร์เน็ตยามว่าง ทำให้นางสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
เมื่อทำแกงจืดเต้าหู้ถั่วเขียวเสร็จเป็นอาหารอย่างที่สอง หญิงสาวจึงหันไปสนใจข้าวสวยร้อน ๆ ที่กำลังสุกพอดี ก่อนจะยกหม้อข้าวออกไปตั้งพักไว้แล้วนำกระทะตั้งเตาต่อเพื่อทอดเนื้อแดดเดียว ก็เป็นอันเสร็จสิ้นสำหรับอาหารค่ำ
ถึงยามโหย่ว(17.00-18.59 น.) หนิงเซียนจึงได้นำอาหารทั้งหมดออกขึ้นโต๊ะอาหาร จัดเตรียมพร้อมสำหรับทานสองที่ ช่วงเวลาอาหารนี่แหละที่นางมีความสุขที่สุด
ทุกกิริยาท่าทางของหนิงเซียนล้วนแล้วแต่อยู่ในสายตาเหลียงเฟิงทั้งหมด นางดูมีความสุขกับแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัว เพียงแค่จัดอาหารขึ้นโต๊ะ ก็ทำให้นางยิ้มและหัวเราะออกมาได้ บางครั้งเขาก็อยากจะละทิ้งทุกสิ่งอย่างเพื่อมาใช้ชีวิตธรรมดาดูบ้าง แต่ว่าภาระหน้าที่ที่ต้องจัดการ ทำให้ไม่สามารถทำได้ดั่งที่ใจต้องการ
“ไฉฉือหยุดความคิดของเจ้าเดี๋ยวนี้” คำพูดจากปากสาวเจ้าไม่ค่อยจะเข้าหู มู่หลางพยายามข่มกลั้นความโกรธของตนเองอย่างสุดความสามารถ“พวกเจ้าเป็นอันใดกัน น่ารำคาญยิ่งนัก จะไปไหนก็ไป” หลังจากเขากับภรรยาแอบฟังมู่หลางพูดคุยอยู่นาน ได้จังหวะเหมาะจึงแสร้งทำเป็นไม่พอใจไล่คนทั้งสองไปที่อื่นเสีย“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมขอเวลาสักครู่พ่ะย่ะค่ะ” หากวันนี้ตกลงกันไม่เข้าใจ เห็นทีว่าไฉฉือคงต้องได้ยืดเวลากลับบ้านไปหาท่านป้าแล้ว“ไม่ต้อง อีกสองวันค่อยกลับมาทำหน้าที่ของเจ้า ไปแก้ปัญหาให้จบ อย่าให้ข้าเห็นเช่นนี้อีก” เหลียงเฟิงตวาดเสียงดุ ความจริงแล้วเขาก็อยากจะเล่นงิ้วต่อ แต่ภรรยาสุดที่รักกลับให้เขารีบจบบทบาทเจ้านายอารมณ์ร้ายนั่นเสีย ช่างน่าเสียดาย“ขออภัยอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก” องครักษ์หนุ่มสำนึกผิดที่ตนทำให้นายเหนือหัวต้องรำคาญใจ ทั้งที่วันนี้ท่านอ๋องกับหวังเฟยควรจะได้ออกมาทานข้าวนอกอย่างสำราญใจแท้ ๆ กายหนาหันกลับไปคว้ามือเล็กคนข้างกาย พาอีกฝ่ายขึ้นชั้นสามไปอย่างรวดเร็ว“ว๊าย! พี่มู่เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ” ไฉฉือร้องทัดทาน มือบางรวบเก็บชุดส่วนบนไว้แน่น ยิ่งพี่มู่ของนางดึงแรงเพียงใด
“เป็นอะไรไปไฉฉือ” หนิงเซียนเอ่ยถามขึ้น เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินผิด ๆ ถูก ๆ“นายหญิงเจ้าคะ ให้ข้ากลับเถอะเจ้าค่ะ คนมองเต็มเลย สงสัยข้าน้อยแต่งตัวประหลาด” หญิงสาวกระซิบกระซาบเสียงเบา ตั้งแต่นางพาเข้าในโรงเตี๊ยม ก็ถูกผู้คนจับต้องตลอดทางเดิน ทำให้นางไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใดนัก“เป็นเพราะเจ้างดงามพวกเขาจึงได้มอง ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่อยากเจอพี่มู่ของเจ้าหรือ”“พี่มู่อยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ” เมื่อนายหญิงเอ่ยชื่อพี่ชายที่แสนดี หญิงสาวก็หูผึ่งขึ้นมาทันที หลงลืมความอายไปชั่วขณะ“ใช่แล้ว ไปกันเถอะ” มู่หลางจงจำไว้ที่เจ้าพูดว่าจะไม่แต่งงานน่ะ ข้าจำคำนั้นขึ้นใจเชียวละ หุ หุเพราะหลายครั้งที่นางได้ยินคำนี้ออกจากปากองครักษ์หนุ่ม หนิงเซียนก็เฝ้ารอวันที่มู่หลางจะพลาดพลั้งบ้าง ส่วนมากคนพูดเช่นนี้ก็มักจะไม่พ้นผิดไปจากที่พูดเสียทุกรายมู่หลางหายใจฟึดฟัดเมื่อเห็นอีกคนเดินเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยม วันนี้ไม่รู้ว่าท่านอ๋องคิดอะไรอยู่ ถึงได้ออกมานั่งรอหวังเฟยที่โต๊ะด้านนอก แทนที่จะเปิดห้องพิเศษเหมือนทุกครั้งไป นั่นใครสั่งใครสอนให้แต่งกายประหลาดเช่นนั้น เดินทีกระโปรงเปิดเปลือยไปถึงขาอ่อน แต่งมายั่
“น้องสาวทางสายเลือดหรือไม่” ตรงส่วนนี้ที่นางรู้สึกสงสัย ก็ไหนมู่หลางเคยบอกว่าไม่มีครอบครัวแล้วอย่างไร เหตุใดถึงได้มีน้องสาวโผล่มาได้“ไม่ ๆ เจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นเพียงบุตรสาวคนข้างบ้านพี่มู่ แต่ว่าเติบโตมาด้วยกันจึงสนิทกันเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบชี้แจงให้นายหญิงคนงามเข้าใจ นางและพี่มู่ห่างกันตั้งหกปี แม้จะเคยสนิทสนมกันมาก ทว่าเมื่อโตขึ้นพี่มู่กลับเว้นระยะห่าง แม้แต่เคยเล่นกอดคอกันเมื่อตอนเด็ก ๆ เขายังสั่งห้ามมิให้เข้าใกล้ ซึ่งนางก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าใดนัก“จริงหรือ แล้วเขาดูแลเจ้าดีหรือไม่” ที่หนิงเซียนซักถามเช่นนั้น ก็เพราะว่ามู่หลางเป็นคนค่อนข้างจะทึ่มทื่อปากหนักในเรื่องชายหญิง นางก็อยากจะรู้เขาจะมีความรู้สึกพิเศษอะไรกับไฉฉือหรือไม่ สตรีหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักออกปานนี้ ไม่มีความรู้สึกอันใดก็คงจะแปลกไม่น้อย“ดีมากเจ้าค่ะ มีอะไรก็นึกถึงข้ากับท่านแม่ตลอดเลย นี่ก็ห่วงว่าพี่มู่จะหาภรรยาไม่ได้ แก่ไปคงได้อยู่ตัวคนเดียว ท่านแม่จึงให้ข้ามาดูให้เห็นกับตาเจ้าค่ะ” ด้วยความใสซื่อ ไฉฉือจึงพูดออกมาอย่างไม่มีปิดบัง แต่เมื่อถึงตอนนั้น หากเขามีคนรักขึ้นมาจริง นางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะทำใจรับได้หรือไม่ ที่ผ่านมาต
ไฉฉือสาวน้อยจากหมู่บ้านชนบทยืนชะเง้อคอยาวอยู่หน้าประตูวังอันใหญ่โต นางไม่คิดว่าพี่มู่จะอยู่ดีเกินคาดไปมาก เมื่อได้เห็นกับตาก็สบายใจไปเปลาะหนึ่งที่ผ่านมานางและมารดากลัวว่าเขาจะอยู่อย่างยากลำบาก เงินที่แบ่งปันให้นางกับครอบครัวทุกเดือนก็มากโข แล้วไหนจะมีของฝากราคาแพงอีกมากมาย เพราะแบบนี้มารดาจึงไม่สบายใจ เกรงว่ามู่หลางจะเอาแต่ทำงานหนักไม่รู้จักดูแลตนเอง เงินที่ได้มาก็คงจะส่งให้พวกตนทั้งหมด ด้วยเขามีนิสัยคิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเองเสมอครอบครัวไฉฉือและมู่หลางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่อย่างใด เป็นเพียงเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันเท่านั้น ตอนเด็กนางและเขาสนิทกันมาก ในตอนมู่หลางอายุได้สิบหนาวบิดามารดาตายจากด้วยโรคระบาด ไม่มีญาติมิตรคอยดูแล มารดาไฉฉือสงสารจึงได้ส่งเสียเลี้ยงดูราวกับลูกในไส้ สำหรับสายตาของหญิงสาว มารดาออกจะรักมู่หลางมากกว่านางที่เป็นบุตรสาวแท้ ๆ เสียอีกเมื่อเติบโตต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ไฉฉือเป็นเพียงสตรีจึงทำได้แค่ช่วยมารดาทำสวนทำไร่อยู่บ้านนอก ส่วนมู่หลางเขาได้เดินทางมาเมืองหลวงเพื่อหางานทำ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย มีเพียงจดหมายพร้อมกับตั๋วเงินแนบมาให้ในทุก ๆ เดื
เด็ก ๆ สามคน รวมไปถึงมู่หลางนั่งล้อมวงดื่มชากินขนมกันอยู่ศาลาพัก พร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จวนแม่ทัพหยางให้ความเอ็นดูเด็กแฝดเป็นอย่างมาก ฮูหยินหยางอยากให้บุตรชายได้มีบุตรแบบนี้สักคู่ทว่าแต่งงานมาได้สองปีกลับยังไม่มีหลานให้อุ้ม พวกเขาจึงแก้เหงาด้วยการขอท่านหญิงน้อย ท่านอ๋องน้อย มาเล่นที่จวนแม่ทัพในบางครั้งขนมพร้อมกับน้ำชาแสนอร่อยถูกลำเลียงมาวางจนเต็มโต๊ะ ทำเอาเด็ก ๆ ทั้งสามตาลุกวาวอย่างถูกอกถูกใจ มาจวนแม่ทัพทีไรล้วนแล้วแต่มีของอร่อยให้ได้กินจนเต็มคราบแต่เมื่อกลับถึงวังของหวานเหล่านี้จะกินตามใจปากไม่ได้แล้ว เพราะท่านแม่มักจะจำกัดการกินของพวกเขาเสมอ ท่านแม่บอกว่าเด็กกินของหวานไม่ดี ฟันจะผุ ถูกแมลงตัวร้ายกินหมดปาก“เฮ้อ” เด็กหญิงเคี้ยวขนมแก้มตุ่ย นั่งถอนหายใจราวกับมีเรื่องให้หนักใจเป็นหนักหนา กระนั้นก็ยังยกขนมในมือขึ้นกัดเข้าไปอีกคำโต“ไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะท่านหญิง” หลี่หยุนรีบวางขนมในมือทันที พร้อมกับถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง“เราไม่เป็นไร เราแค่กังวลใจ”“ท่านหญิงกังวลใจเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ เล่าให้กระหม่อมฟังได้หรือไม่” มู่หลางรู้สึกเป็นห่วง ท่านหญิงเป็นเด็กร่าเริง น้อยนักท
“หนิงหนิง พี่ทนไม่ไหวแล้ว”กายหนาจับภรรยาหันหน้าเข้าผนังห้องทันที ก่อนจะถลกกระโปรงหญิงสาวขึ้นถึงเอว จากนั้นท่อนเนื้ออันใหญ่โตสอดเข้าผสานเนินสาวอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังออกแรงโยกไปตามอารมณ์ดิบเข้าออกเป็นจังหวะช้าเร็วตามแรงอารมณ์ ไม่แม้แต่จะเล้าโลมให้เสียเวลา“ท่านพี่เดี๋ยวก่อน” หนิงเซียนบัดนี้นางได้ถูกคนตัวโตตอกอัดตนเองเข้ากับผนังอย่างไม่ทันตั้งตัว นางและเขาใช้ชีวิตรักฉันสามีภรรยามานาน จนบุตรแฝดทั้งสองอายุได้สามหนาวแล้ว ทว่าความต้องการของสามีก็มิได้ลดน้อยลงจากเดิม ในบางครั้งออกจะมีความต้องการมากล้นเสียด้วยซ้ำตั้งแต่เจ้าสองแสบเริ่มโต นางและเขาก็มิได้มีเวลาให้กันมากเท่าใดนัก ด้วยบุตรทั้งสองต่างงอแงอ้อนขอนอนด้วยทุกค่ำคืน แม้พวกเขาจะโตมากพอที่จะแยกห้องนอนกันได้แล้ว แต่ก็ยังเกาะติดผู้เป็นมารดาราวกับลูกลิง บิดาผู้หลงบุตรมีหรือจะไม่ยอมตามใจ ผลกรรมทั้งหมดได้ตกมาอยู่ที่เขาแทน“พี่ขอเถอะ ประเดี๋ยวลูกก็คงกลับจากเรียนวิชาดาบแล้ว” เขาอดกินภรรยามาเกือบเจ็ดวันแล้ว เวลานี้ได้โอกาสเหมาะ จึงไม่พลาดที่จะกลืนกินภรรยาสาว ทุกเวลาล้วนมีค่าสำหรับเขา“อ๊ะ! แรงไปแล้วนะเจ้าคะ” หนิงเซียนหัวโยกหัวคลอน เขาไม่ยอมผ่อน