ฝนที่เคยสองสามวันตกสักครั้งก็กลายเป็นตกแทบจะทุกวัน ในบางวันก็กระหน่ำตกทั้งวันทั้งคืนไม่ได้หยุด ยิ่งทำให้หนิงเซียนที่ว่างงานอยู่แล้วก็ว่างมากกว่าปกติ หรือจะบอกว่าว่างก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะเรือนหลังเก่าค่อนไปทางทรุดโทรมนี้ ยามเมื่อฝนตกหลังคารั่วทำให้หญิงสาวต้องวุ่นวายหาถ้วยชามมารองน้ำฝน เพื่อไม่ให้ข้าวของภายในบ้านเปียกน้ำเสียหาย
“องครักษ์มู่ ตรงข้างหน้าต่างเจ้าค่ะ” ร่างบางที่กำลังเอาถ้วยรองน้ำฝนอีกฝั่งหนึ่ง ชี้บอกจุดหลังคารั่ว เพื่อให้องครักษ์หนุ่มหาอะไรไปรองน้ำที่กำลังหยดลงมาไม่ขาดสาย พื้นบ้านบางจุดเกิดเป็นรอยน้ำชื้นแฉะไปหมด ทำให้ต้องหาผ้ามาเช็ดให้แห้งป้องกันการลื่นล้มให้เกิดอันตราย
“อนุหนิงท่านไปนั่งพักเถอะขอรับ เรื่องรองน้ำฝนข้าจัดการเอง” หากเรื่องนี้ไปถึงหูท่านอ๋องเข้าไม่ดีแน่ คนที่ซวยจะเป็นเขาเสียเอง
“ไม่เป็นไรช่วยกันจะได้เสร็จเร็ว ๆ” นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หญิงสาวไม่เข้าใจ บ้านทรุดโทรมถึงเพียงนี้เหตุใดถึงไม่สร้างขึ้นใหม่ มิใช่ว่านางไม่เคยพูดเรื่องนี้กับท่านอ๋อง หากแต่คำตอบที่ได้ก็คือไม่คำเดียว หลังจากนั้นก็ทำเพียงแค่ให้คนมาซ่อมแซมส่วนที่ผุพัง
“เชื่อข้าเถอะขอรับ ท่านไปนั่งพักจะดีกว่า”
“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ” หนิงเซียนยอมถอยออกไปนั่งตามที่อีกฝ่ายบอกแต่โดยดี ร่างบางนั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเบื่อหน่าย พลางนึกย้อนกลับไปเมื่อตอนที่นางมาที่นี่ในวันแรก มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
เมื่อก่อนหนิงเซียนแทบจะเป็นอากาศธาตุก็ว่าได้ ท่านอ๋องไม่เคยเรียกหาไม่เคยปกป้อง ถูกเหล่านางสนมและอนุคนอื่นรังแกเหยียบย่ำให้ได้เจ็บช้ำใจ แต่หลังจากที่นางเข้ามาสวมร่าง ท่านอ๋องก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แม้จะยังคงปากร้ายเข้าใจยาก ทว่าการเอาใจใส่ก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันนัก มันเกิดอะไรขึ้นกับนิยายเรื่องนี้กันแน่
และเรื่องสำคัญนางจะต้องรู้เรื่องนี้ให้จงได้ ตั้งครรภ์ นางตั้งครรภ์ได้อย่างไรในเมื่อจำได้ว่าเคยร่วมเตียงกับท่านอ๋องเพียงแค่ครั้งเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะน้ำยาดีเพียงแค่ครั้งนั้นก็ทำให้นางมีเด็กอยู่ในท้องได้ อีกทั้งหากนับวันเวลาก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ นางจะต้องได้คำตอบในเรื่องนี้
“องครักษ์มู่ข้ามีเรื่องจะถามท่านเล็กน้อย” หญิงสาวมองไปยังมู่หลางด้วยสายตาคาดคั้น
“ถ้าเป็นเรื่องที่ข้าพูดได้ก็จะตอบขอรับ”
“หลังจากที่ส่งข้ามาอยู่ที่นี่ ท่านอ๋องเคยเสด็จมาหาข้าบ้างหรือไม่” ไม่ต้องตอบนางก็พอจะรู้คำตอบแล้ว ก็ในเมื่ออีกฝ่ายหลบสายตานางทันทีที่พูดถึง และท่าทางมีพิรุธนั่นยิ่งตอกย้ำความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
“เคยเสด็จมาขอรับ แต่รายละเอียดมากกว่านี้ข้าคงจะตอบท่านไม่ได้” หลังจากตอบคำถามนายหญิงแล้วมู่หลางจึงได้ขอตัวออกมาทันที ได้แต่ภาวนาให้ท่านอ๋องรีบเสด็จกลับมาเสียที
“เท่านี้ข้าก็พอจะรู้คำตอบแล้ว ว่าอ๋องน้อยในท้องข้ามาได้อย่างไร” เอาไว้นางจะหาโอกาสดี ๆ ไต่สวนให้รู้ความให้จงได้ ก่อนจะลูบหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นเล็กน้อยด้วยความรักใคร่ แม้จะเกิดมาด้วยความไม่ตั้งใจของทั้งสองฝ่าย ทว่าในเมื่อเขาเกิดมาแล้วนางก็พร้อมจะรักและปกป้องเด็กคนนี้จนกว่า.....
“แม่จะปกป้องเจ้าจนกว่าเจ้าของร่างตัวจริงจะกลับมา เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจงเติบโตและเป็นเด็กน้อยที่สดใสใช้ชีวิตดั่งเช่นที่เจ้าต้องการให้ได้นะลูกแม่” แม้ร่างนี้จะไม่ใช่ของนางก็จริง ทว่าเด็กน้อยคนนี้เกิดมาในตอนที่นางเข้ามาสวมร่างแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาก็เป็นบุตรคนหนึ่งของนางเช่นกัน และไม่รู้ว่าเมื่อตนจากไปจะสามารถทำใจจากไปได้หรือไม่ หรือว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงแค่ฝันหนึ่งตื่น ถึงจะเช่นนั้นแล้วอย่างไรก็ในเมื่อตนได้ผูกพันไปแล้ว
กายหนาลุกขึ้นเต็มความสูง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก้าวอาด ๆ ออกจากห้องไป โดยมีมู่หลางองครักษ์คนสนิทคอยติดตาม เหลียงอ๋องสั่งระดมพลเรียกองครักษ์ฝีมือดีที่สุด จากนั้นได้ออกคำสั่งเพื่อให้พวกเขาออกตามหาสิ่งที่ตนเองต้องการเหล่าองครักษ์ผู้ภักดีต่างแยกย้ายกันไปตามหาที่ที่คิดว่าจะหาสิ่งนั้นเจอ ทว่าเวลาผ่านไปนับเดือนก็ไร้ซึ่งข่าวคราว จดหมายรายงานถูกส่งมาจากทั่วสารทิศ แต่ก็มีเพียงความล้มเหลวที่ได้รับ เหลียงเฟิงปาจดหมายรายงานแต่ละฉบับทิ้ง กายหนาอาละวาดไม่เว้นแต่ละวัน ตนอยากจะออกตามหาด้วยตนเอง แต่ก็มิอาจทิ้งภรรยาและลูกน้อยไปได้ใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง หน้าดำคล้ำเครียดและยังซูบผอมลงไปถนัดตา ไร้สง่าราศีของผู้เป็นอ๋อง บุตรตัวน้อยหรือก็ร้องไห้จ้าไม่ยอมหยุด เมื่อใดแฝดน้อยทั้งสองถูกวางไว้ข้างกายมารดา พวกเขาก็จะหยุดร้อง นอนเล่นพูดคุยอ้อแอ้กันทั้งวันไม่มีงอแง แต่ก็ไม่สามารถให้เด็กเล็กอยู่กับคนป่วยได้ตลอดเวลา จึงจำใจแยกพวกเขาออกจากภรรยา และอนุญาตให้อยู่ด้วยกันได้เพียงวันละไม่เกินหนึ่งชั่วยามเท่านั้น (2 ชั่วโมง)หลังจากระบายอารมณ์ความอัดอั้นจึงใจเย็นลงไปได้บ้าง ชายหนุ่มได้เตรียมตัวทำหน้าที่ด
“ชายารองชีพจรอ่อนมาก พวกเจ้าไปตามหมอที” หมอตำแยช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ ทั้งที่ชายารองก็มิได้ตกเลือด หรือเสียเลือดมากจนทำให้สลบไปทั้งอย่างนั้นได้ จะพูดให้ถูกก็คงจะเป็นหาสาเหตุของการหมดสติไปในครั้งนี้ไม่ได้นั่นเอง ซึ่งหมอตำแยเช่นนางถึงจะเชี่ยวชาญด้านการทำคลอด แต่นี่ดูเหมือนจะเกินขอบเขตความสามารถไปเสียแล้วทุกคนภายในห้องทำคลอดต่างร้อนรนและร้อนใจ เพราะไม่เพียงชายารองที่เข้าขั้นวิกฤต พวกตนก็อาจจะต้องตายอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ถ้าหากนางเป็นอะไรไปคนทั้งห้องนี้ก็คงจะรับโทสะของท่านอ๋องไม่ไหว มีเพียงอาผิงเท่านั้นที่ยังพอมีสติ หญิงสาวตรงดิ่งไปตามท่านหมอทันทีที่หมอตำแยพูดจบ ทว่าเมื่อเปิดประตูออกไปก็พบเข้ากับหมอหลวงต้วนเข้าพอดี“ผู้ใดไม่เกี่ยวข้องออกไปรอด้านนอก” ต้วนชิงเจาได้มารออยู่ก่อนแล้ว เขาได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้มาเป็นตัวแทนพระองค์พร้อมกับเฉียนกงกง ด้วยเล็งเห็นว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ทุกเมื่อ อย่างน้อยมีเขาอยู่ด้วยก็สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงทีเหล่านางกำนัลและหมอตำแยได้พากันออกไปรอด้านนอก เหลือไว้เพียงอาผิง เหลียงอ๋อง คอยเป็นลูกมือให้ท่านหมอเท่านั้น“หนิงหนิง อดทนเข้าไว้นะ
“เหลียงเฟิงเจ้าออกไปรอด้านนอกเถอะ ท่านหมอมาแล้ว” หลังจากเยว่ฮูหยินสั่งการบ่าวไพร่ให้เตรียมของใช้เอาไว้สำหรับทำคลอด ระหว่างนั้นหมอตำแยได้มาถึงพอดี นางจึงต้องเรียกหลานชายออกมาเพื่อไม่ให้เกะกะหมอตำแยทำคลอด“หลานไม่ไป หลานจะอยู่กับหนิงหนิง” ชายหนุ่มยืนกรานที่จะไม่ออกไปเด็ดขาด เขาอยากอยู่ในทุกช่วงเวลาร่วมกับนาง ถึงแม้ว่าจะรับเอาความเจ็บปวดมาไว้ที่ตนเองไม่ได้ก็ตาม“เจ็บจังเลยเพคะ ท่านอ๋องข้าเจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว” คราวนี้แรงบีบมามากกว่าปกติ น้ำตาที่พยายามจะกลั้นเอาไว้ บัดนี้นางทนไม่ไหวแล้ว หากผู้ใดจะมองว่าอ่อนแอก็ช่างปะไร“หนิงหนิง” เหลียงเฟิงเองก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้ หากจะสกัดจุดก็เกรงว่าหนิงหนิงของเขาจะเป็นอันตรายปัง“ท่านหมอมาแล้วเพคะ” อาผิงวิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมกับหมอตำแยถึงสองคน นางและสหายนางกำนัลหิ้วปีกหมอตำแยเข้ามาอย่างรีบร้อน ช่วยไม่ได้ในเมื่อท่านหมอมัวแต่ชักช้า วิ่งไม่ทันใจเอาเสียเลย“ข้าขอผู้ช่วยสามคน ที่เหลือออกไปรอด้านนอกให้หมด” หมอตำแยเห็นท่าไม่ดี รีบสั่งการให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปด้านนอกให้หมด การคลอดลูกฝาแฝดพบได้ไม่บ่อยนัก ต้องอาศัยประสบการณ์และความระมัดระวังในการทำคลอดม
เหลียงเฟิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ตนเองไม่สบายถึงเพียงนี้ ยังต้องรักษาน้ำใจผู้อื่นไปเพื่ออะไรอีก ชายหนุ่มลุกขึ้นประคองร่างอุ้ยอ้ายของภรรยา เพื่อออกไปต้อนรับฮูหยินเยว่ตามความต้องการของเจ้าตัว“มา ๆ นั่งตรงนี้” เยว่ฮูหยินปราดเข้าไปประคองหนิงเซียนอีกคน ตั้งแต่ได้เจอกันจากการแนะนำของว่าที่บุตรเขย นางรู้ได้ในทันทีว่าหนิงเซียนสมควรแล้วที่หลานชายหลงรัก ก็ในเมื่อเจ้าตัวทั้งน่ารักจิตใจดี และมักจะคิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอ ทำให้นางพลอยเอ็นดูเหมือนลูกหลานไปด้วยอีกคน“คารวะท่านป้าเจ้าค่ะ วันนี้มาแต่เช้าเชียว” หญิงสาวเย้าแหย่ไปตามประสาคนคุ้นเคย เยว่ฮูหยินมักจะมาแต่เช้าเช่นนี้เสมอ เมื่อผ้าปักลายใหม่ส่งมาจากหมู่บ้านหนานชุนมาถึง“แหม เจ้าละก็ ป้าก็อยากจะชื่นชมผ้าปักลายใหม่ ๆ เผื่อว่าถูกใจจะได้เลือกสักม้วนสองม้วน” เยว่เจินหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ ก็ในเมื่อตอนนี้ในหมู่ฮูหยินด้วยกัน นางได้กลายเป็นผู้นำความนิยมด้านการแต่งกายไปเสียแล้ว มีหรือจะพลาดของสวย ๆ งาม ๆ ไปได้“ของเพิ่งจะมาถึง มีหลายลายให้ท่านป้าเลือกเยอะเลยเจ้าค่ะ”“ดี ๆ ข้าชักจะทนรอไม่ไหวเสียแล้วสิ”หลังจากทุกคนนั่งลงประจำที่ หนิงเซียนได้สั่งให้บ่าวรั
อายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่เก้า หน้าท้องเริ่มยื่นและใหญ่ขึ้นจนน่าตกใจในสายตาผู้พบเห็น ด้วยความเป็นห่วงภรรยามากเกินไปของเหลียงอ๋อง เขาจึงสั่งห้ามไม่ให้หนิงเซียนทำงานใด ๆ โดยเด็ดขาด ร้านค้าผ้าที่กิจการกำลังไปได้ด้วยดี ได้ยกให้เป็นหน้าที่ม่อตานและนางกำนัลผิงเป็นผู้ดูแลชั่วคราว ด้วยเหตุนี้ทำให้หนิงเซียนว่างจนรู้สึกเบื่อหน่ายเหลือเกินถึงจะรู้สึกขัดใจที่ถูกห้ามไปหมดเสียทุกอย่าง ทว่านางก็เข้าใจในความหวังดีของสามีในข้อนี้ดี จึงปล่อยเลยตามเลยได้แต่จำยอมอยู่แต่ในตำหนัก วันทั้งวันทำแค่กิน นอน เดินเล่นเพียงเท่านั้นส่วนเรื่องของเยว่สือกับท่านรองแม่ทัพตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้งสองครอบครัวต่างก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี จะเหลือก็แต่รอให้ถึงกำหนดฤกษ์ดี เขาทั้งสองก็จะเข้าพิธีได้ร่วมหมอนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง นี่แหละหนาการเกิดมาเป็นพระเอกกับนางเอก ทุกอย่างล้วนแล้วแต่จัดการได้โดยง่าย ไร้ซึ่งปัญหาให้หนักใจ ไม่เหมือนตนที่เป็นเพียงตัวประกอบ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่รู้ว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง“หนิงหนิงทำอะไรอยู่หรือ” กายหนากลับจากปฏิบัติภารกิจตามรับสั่งพระบิดาก็ตรงดิ่งกลับจวนทันที พักหลังมานี้เสด็จพ่ออ่อน
“คารวะฮูหยินเยว่ขอรับ” ชายหนุ่มโค้งคำนับอย่างนอบน้อม พร้อมกันนั้นยังคอยสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายไปด้วย เพื่อประเมินสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น“ทำตัวตามสบายเถอะท่านรองแม่ทัพ มาหาข้าวันนี้มีธุระอะไรหรือ” เรื่องของบุตรสาวกับเหลียงเฟิงนางก็พอทำใจได้บ้างแล้ว ในตอนแรกตนตั้งแง่กับบุรุษผู้นี้มากเกินไป ก็ด้วยมีความหวังว่าบุตรสาวจะลงเอยกับหลานชาย ทว่าเมื่อคืนตนและบุตรสาวได้เปิดอกพูดคุยให้เข้าใจกันแล้ว เยว่สือเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวนางก็อยากจะให้ลงเอยกับบุรุษที่ดีพร้อม แม้พลาดจากเหลียงเฟิงไปแต่แม่ทัพหยางผู้นี้ก็ไม่เลว“เรียนฮูหยินที่ข้ามาในวันนี้ เพื่อจะขอคบหากับบุตรสาวท่านอย่างเปิดเผยขอรับ” ชายชาติทหารยืดอกพูดอย่างหนักแน่น ได้แต่หวังว่าฮูหยินจะเห็นใจพวกเขาทั้งสองบ้าง“ในเมื่อท่านรองแม่ทัพกล้าพูดออกมาตรง ๆ เช่นนี้ จะให้ข้าอนุญาตก็ต้องมาดูกัน ว่าท่านมีดีมากพอแค่ไหน ที่ข้าจะยอมยกบุตรสาวให้” ฮูหยินเยว่แสดงออกว่าหากอีกฝ่ายมีข้อเสนอไม่ดีพอ นางก็จะไม่ยกบุตรสาวให้เด็ดขาด“ข้าหยางจวินให้คำมั่นสัญญา ขอมีนางเพียงผู้เดียว จะรักและดูแลสือเอ๋อร์ไม่เสื่อมคลาย ให้เหมือนกับวันแรกที่ได้รักกัน และข้าขอเอาชีวิตเป็นเ