สองวันมานี้หนิงเซียนเอาแต่หมกตัวอยู่ในครัว ยามต้องการความสงบและใช้ความคิด แต่ความเป็นจริงแล้วนางหนีเพราะความอับอายมากกว่า ตั้งแต่เหลียงเฟิงเข้ามาพักรักษาตัว ห้องนอนที่มีอยู่เพียงห้องเดียวในบ้าน ได้เป็นของเขาไปโดยปริยาย นางจึงกลายเป็นดั่งผู้ขออาศัย มากกว่าจะเป็นเจ้าของบ้าน
บ้านหลังนี้จากที่เล็กอยู่แล้ว พอมีคนเข้ามาเพิ่มก็ยิ่งดูเล็กแคบเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว จึงค่อนข้างจะดูแออัดไปสักหน่อย ไม่เหมาะกับการอยู่หลายคนนัก ครั้นจะไล่พวกเขากลับไปก็มิได้ ด้วยตระหนักถึงสถานะเป็นอย่างดี
ไม่นานมานี้หนิงเซียนก็เพิ่งได้รู้ ที่ดินที่นางอาศัยอยู่ท่านอ๋องเป็นเจ้าของที่แท้จริง นั่นเท่ากับว่าตัวนางเองต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์ใด ๆ เป็นเพียงผู้อยู่อาศัย เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและไม่เป็นการเอาชีวิตของตนเองเข้าไปเสี่ยง นางจึงจำเป็นต้องทำตัวสงบเสงี่ยมเข้าไว้
อีกไม่นานพ่อตัวร้ายก็จะต้องเดินทางเพื่อไปปราบโจรป่า ในระหว่างที่ต้องปะทะกับกองโจรเขาได้รับบาดเจ็บกลับมา แต่เยว่สือนางเอกของเรื่องก็มิได้ไยดีตัวร้ายแม้แต่น้อย เพราะคิดว่าเหลียงอ๋องเพียงแกล้งบาดเจ็บ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากนางเช่นที่เคยกระทำมาตลอด
เยว่สือให้ความสนใจไปที่รองแม่ทัพหยางซึ่งเป็นพระเอกของเรื่อง และเป็นคนรักในความลับ เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะว่าต่างฝ่ายต่างไม่กล้าเปิดเผยความในใจซึ่งกันและกัน ทำให้สถานะของพวกเขาคลุมเครือ ทำให้ตัวร้ายสามารถเข้าแทรกกลางระหว่างทั้งสองได้อย่างง่ายดาย และยังคอยทำลายความรักของพวกเขาทั้งสองทุกเมื่อยามมีโอกาส
เพราะการต่อสู้กับโจรป่าในครั้งนั้น ทำให้เหลียงอ๋องต้องนอนบาดเจ็บสาหัสจนเกิดความคับแค้นใจ เป็นเหตุให้เขาเอาคืนด้วยการใส่ร้ายป้ายสีตระกูลหยาง ร้ายแรงถึงขั้นที่ว่าแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นผู้นำตระกูลถูกถอดออกจากตำแหน่งอย่างไม่เป็นธรรม นั่นยิ่งทำให้เยว่สือยิ่งเกลียดชังเหลียงอ๋องเข้ากระดูกดำ
เพราะเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า ทำให้หนิงเซียนต้องมารื้อความทรงจำด้านการแพทย์อีกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดความแค้นเคือง อันเป็นต้นเหตุการณ์แก้แค้นกันไปมาไม่รู้จบ ฉะนั้นการไปทำภารกิจครั้งนี้ ท่านอ๋องจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวน้อยเนื้อต่ำใจที่ใคร ๆ ก็ต่างเมินเฉยต่อพระองค์ แต่ในครั้งนี้นางจะทำให้เขาเป็นผู้ที่ทุกคนต่างก็ต้องอิจฉา
หญิงสาวเปิดตำราเกี่ยวกับสมุนไพรและตำราการแพทย์ออกมากางเต็มโต๊ะ หาข้อมูลเกี่ยวกับยาที่ใช้ในการรักษาแผลทั้งภายนอกและภายใน ดีที่หนิงเซียนนำติดตัวมาด้วยตั้งแต่ครั้งถูกขับไล่จากวังอ๋อง
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าตัวนางเองต้องการมีชีวิตรอด ถ้าหากนางช่วยเหลือตัวร้ายไม่ให้ชะตาเขาต้องตายอย่างเดียวดายได้ หนิงเซียนก็อาจจะไม่ต้องตายด้วยเช่นกัน ในตอนจบทุกอย่างจะต้องจบแบบแฮปปีเอนดิง
“อ๊ะ! ข้าเจอแล้ว ยาแก้ช้ำในอยู่หน้านี้นี่เองหาเสียตั้งนาน” ในหน้างามยิ้มกว้าง หลังจากที่เปิดหาวิธีการทำยาอย่างเอาเป็นเอาตายมาเกือบชั่วยาม ในที่สุดท้ายนางก็หาพบจนได้
ในนิยายส่วนหนึ่งเล่าว่า ในขณะที่ทั้งสองช่วยกันปราบโจร รองแม่ทัพหยางและเหลียงอ๋องถูกลอบวางยาพิษ รองแม่ทัพเกือบสิ้นชื่อในสนามรบเพราะได้รับพิษเข้าไปมาก ยังดีว่าเยว่สือค้นพบบ่อน้ำมรกต ซึ่งเป็นน้ำอันบริสุทธิ์และยังมีสรรพคุณในการเร่งคุณสมบัติตัวยานั้น ๆ ให้ได้ผลลัพธ์เป็นเลิศ กลายเป็นยาวิเศษที่ผู้คนเล่าลือไปทั่วแคว้น
น้ำมรกตที่ว่าหนิงเซียนก็ได้มันมาแล้ว และเหมือนโชคจะเข้าข้าง ที่นางพอจะรู้จักเรื่องยาอยู่บ้าง เพราะเดิมทีหนิงเซียนเป็นบุตรสาวของหมอชาวบ้านธรรมดา
ความทรงจำของร่างเดิมก็ยังคงอยู่ทั้งหมดรวมทั้งความทรงจำของเบลด้วย จึงไม่ยากนักหากนางจะทำยาสามัญประจำบ้านทั่วไปขึ้นมาได้ เพียงแค่เพิ่มน้ำมรกตเข้าไปเล็กน้อย จากยาธรรมดาก็กลายเป็นยาที่แสนวิเศษได้เช่นกัน แม้จะรู้สึกผิดที่นำความรู้ของเยว่สือมาใช้ แต่จะทำอย่างไรได้ก็นางไม่มีทางเลือก
แรกเริ่มนางเพียงแค่อยากจะหนีให้พ้นความตายจากเนื้อเรื่องอันน่าปวดหัว ไปใช้ชีวิตของหนิงเซียนคนเดิมอย่างคุ้มค่า แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด จึงเปลี่ยนความตั้งใจเสียใหม่
“ไฉฉือหยุดความคิดของเจ้าเดี๋ยวนี้” คำพูดจากปากสาวเจ้าไม่ค่อยจะเข้าหู มู่หลางพยายามข่มกลั้นความโกรธของตนเองอย่างสุดความสามารถ“พวกเจ้าเป็นอันใดกัน น่ารำคาญยิ่งนัก จะไปไหนก็ไป” หลังจากเขากับภรรยาแอบฟังมู่หลางพูดคุยอยู่นาน ได้จังหวะเหมาะจึงแสร้งทำเป็นไม่พอใจไล่คนทั้งสองไปที่อื่นเสีย“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมขอเวลาสักครู่พ่ะย่ะค่ะ” หากวันนี้ตกลงกันไม่เข้าใจ เห็นทีว่าไฉฉือคงต้องได้ยืดเวลากลับบ้านไปหาท่านป้าแล้ว“ไม่ต้อง อีกสองวันค่อยกลับมาทำหน้าที่ของเจ้า ไปแก้ปัญหาให้จบ อย่าให้ข้าเห็นเช่นนี้อีก” เหลียงเฟิงตวาดเสียงดุ ความจริงแล้วเขาก็อยากจะเล่นงิ้วต่อ แต่ภรรยาสุดที่รักกลับให้เขารีบจบบทบาทเจ้านายอารมณ์ร้ายนั่นเสีย ช่างน่าเสียดาย“ขออภัยอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก” องครักษ์หนุ่มสำนึกผิดที่ตนทำให้นายเหนือหัวต้องรำคาญใจ ทั้งที่วันนี้ท่านอ๋องกับหวังเฟยควรจะได้ออกมาทานข้าวนอกอย่างสำราญใจแท้ ๆ กายหนาหันกลับไปคว้ามือเล็กคนข้างกาย พาอีกฝ่ายขึ้นชั้นสามไปอย่างรวดเร็ว“ว๊าย! พี่มู่เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ” ไฉฉือร้องทัดทาน มือบางรวบเก็บชุดส่วนบนไว้แน่น ยิ่งพี่มู่ของนางดึงแรงเพียงใด
“เป็นอะไรไปไฉฉือ” หนิงเซียนเอ่ยถามขึ้น เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินผิด ๆ ถูก ๆ“นายหญิงเจ้าคะ ให้ข้ากลับเถอะเจ้าค่ะ คนมองเต็มเลย สงสัยข้าน้อยแต่งตัวประหลาด” หญิงสาวกระซิบกระซาบเสียงเบา ตั้งแต่นางพาเข้าในโรงเตี๊ยม ก็ถูกผู้คนจับต้องตลอดทางเดิน ทำให้นางไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใดนัก“เป็นเพราะเจ้างดงามพวกเขาจึงได้มอง ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่อยากเจอพี่มู่ของเจ้าหรือ”“พี่มู่อยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ” เมื่อนายหญิงเอ่ยชื่อพี่ชายที่แสนดี หญิงสาวก็หูผึ่งขึ้นมาทันที หลงลืมความอายไปชั่วขณะ“ใช่แล้ว ไปกันเถอะ” มู่หลางจงจำไว้ที่เจ้าพูดว่าจะไม่แต่งงานน่ะ ข้าจำคำนั้นขึ้นใจเชียวละ หุ หุเพราะหลายครั้งที่นางได้ยินคำนี้ออกจากปากองครักษ์หนุ่ม หนิงเซียนก็เฝ้ารอวันที่มู่หลางจะพลาดพลั้งบ้าง ส่วนมากคนพูดเช่นนี้ก็มักจะไม่พ้นผิดไปจากที่พูดเสียทุกรายมู่หลางหายใจฟึดฟัดเมื่อเห็นอีกคนเดินเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยม วันนี้ไม่รู้ว่าท่านอ๋องคิดอะไรอยู่ ถึงได้ออกมานั่งรอหวังเฟยที่โต๊ะด้านนอก แทนที่จะเปิดห้องพิเศษเหมือนทุกครั้งไป นั่นใครสั่งใครสอนให้แต่งกายประหลาดเช่นนั้น เดินทีกระโปรงเปิดเปลือยไปถึงขาอ่อน แต่งมายั่
“น้องสาวทางสายเลือดหรือไม่” ตรงส่วนนี้ที่นางรู้สึกสงสัย ก็ไหนมู่หลางเคยบอกว่าไม่มีครอบครัวแล้วอย่างไร เหตุใดถึงได้มีน้องสาวโผล่มาได้“ไม่ ๆ เจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นเพียงบุตรสาวคนข้างบ้านพี่มู่ แต่ว่าเติบโตมาด้วยกันจึงสนิทกันเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบชี้แจงให้นายหญิงคนงามเข้าใจ นางและพี่มู่ห่างกันตั้งหกปี แม้จะเคยสนิทสนมกันมาก ทว่าเมื่อโตขึ้นพี่มู่กลับเว้นระยะห่าง แม้แต่เคยเล่นกอดคอกันเมื่อตอนเด็ก ๆ เขายังสั่งห้ามมิให้เข้าใกล้ ซึ่งนางก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าใดนัก“จริงหรือ แล้วเขาดูแลเจ้าดีหรือไม่” ที่หนิงเซียนซักถามเช่นนั้น ก็เพราะว่ามู่หลางเป็นคนค่อนข้างจะทึ่มทื่อปากหนักในเรื่องชายหญิง นางก็อยากจะรู้เขาจะมีความรู้สึกพิเศษอะไรกับไฉฉือหรือไม่ สตรีหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักออกปานนี้ ไม่มีความรู้สึกอันใดก็คงจะแปลกไม่น้อย“ดีมากเจ้าค่ะ มีอะไรก็นึกถึงข้ากับท่านแม่ตลอดเลย นี่ก็ห่วงว่าพี่มู่จะหาภรรยาไม่ได้ แก่ไปคงได้อยู่ตัวคนเดียว ท่านแม่จึงให้ข้ามาดูให้เห็นกับตาเจ้าค่ะ” ด้วยความใสซื่อ ไฉฉือจึงพูดออกมาอย่างไม่มีปิดบัง แต่เมื่อถึงตอนนั้น หากเขามีคนรักขึ้นมาจริง นางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะทำใจรับได้หรือไม่ ที่ผ่านมาต
ไฉฉือสาวน้อยจากหมู่บ้านชนบทยืนชะเง้อคอยาวอยู่หน้าประตูวังอันใหญ่โต นางไม่คิดว่าพี่มู่จะอยู่ดีเกินคาดไปมาก เมื่อได้เห็นกับตาก็สบายใจไปเปลาะหนึ่งที่ผ่านมานางและมารดากลัวว่าเขาจะอยู่อย่างยากลำบาก เงินที่แบ่งปันให้นางกับครอบครัวทุกเดือนก็มากโข แล้วไหนจะมีของฝากราคาแพงอีกมากมาย เพราะแบบนี้มารดาจึงไม่สบายใจ เกรงว่ามู่หลางจะเอาแต่ทำงานหนักไม่รู้จักดูแลตนเอง เงินที่ได้มาก็คงจะส่งให้พวกตนทั้งหมด ด้วยเขามีนิสัยคิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเองเสมอครอบครัวไฉฉือและมู่หลางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่อย่างใด เป็นเพียงเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันเท่านั้น ตอนเด็กนางและเขาสนิทกันมาก ในตอนมู่หลางอายุได้สิบหนาวบิดามารดาตายจากด้วยโรคระบาด ไม่มีญาติมิตรคอยดูแล มารดาไฉฉือสงสารจึงได้ส่งเสียเลี้ยงดูราวกับลูกในไส้ สำหรับสายตาของหญิงสาว มารดาออกจะรักมู่หลางมากกว่านางที่เป็นบุตรสาวแท้ ๆ เสียอีกเมื่อเติบโตต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ไฉฉือเป็นเพียงสตรีจึงทำได้แค่ช่วยมารดาทำสวนทำไร่อยู่บ้านนอก ส่วนมู่หลางเขาได้เดินทางมาเมืองหลวงเพื่อหางานทำ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย มีเพียงจดหมายพร้อมกับตั๋วเงินแนบมาให้ในทุก ๆ เดื
เด็ก ๆ สามคน รวมไปถึงมู่หลางนั่งล้อมวงดื่มชากินขนมกันอยู่ศาลาพัก พร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จวนแม่ทัพหยางให้ความเอ็นดูเด็กแฝดเป็นอย่างมาก ฮูหยินหยางอยากให้บุตรชายได้มีบุตรแบบนี้สักคู่ทว่าแต่งงานมาได้สองปีกลับยังไม่มีหลานให้อุ้ม พวกเขาจึงแก้เหงาด้วยการขอท่านหญิงน้อย ท่านอ๋องน้อย มาเล่นที่จวนแม่ทัพในบางครั้งขนมพร้อมกับน้ำชาแสนอร่อยถูกลำเลียงมาวางจนเต็มโต๊ะ ทำเอาเด็ก ๆ ทั้งสามตาลุกวาวอย่างถูกอกถูกใจ มาจวนแม่ทัพทีไรล้วนแล้วแต่มีของอร่อยให้ได้กินจนเต็มคราบแต่เมื่อกลับถึงวังของหวานเหล่านี้จะกินตามใจปากไม่ได้แล้ว เพราะท่านแม่มักจะจำกัดการกินของพวกเขาเสมอ ท่านแม่บอกว่าเด็กกินของหวานไม่ดี ฟันจะผุ ถูกแมลงตัวร้ายกินหมดปาก“เฮ้อ” เด็กหญิงเคี้ยวขนมแก้มตุ่ย นั่งถอนหายใจราวกับมีเรื่องให้หนักใจเป็นหนักหนา กระนั้นก็ยังยกขนมในมือขึ้นกัดเข้าไปอีกคำโต“ไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะท่านหญิง” หลี่หยุนรีบวางขนมในมือทันที พร้อมกับถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง“เราไม่เป็นไร เราแค่กังวลใจ”“ท่านหญิงกังวลใจเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ เล่าให้กระหม่อมฟังได้หรือไม่” มู่หลางรู้สึกเป็นห่วง ท่านหญิงเป็นเด็กร่าเริง น้อยนักท
“หนิงหนิง พี่ทนไม่ไหวแล้ว”กายหนาจับภรรยาหันหน้าเข้าผนังห้องทันที ก่อนจะถลกกระโปรงหญิงสาวขึ้นถึงเอว จากนั้นท่อนเนื้ออันใหญ่โตสอดเข้าผสานเนินสาวอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังออกแรงโยกไปตามอารมณ์ดิบเข้าออกเป็นจังหวะช้าเร็วตามแรงอารมณ์ ไม่แม้แต่จะเล้าโลมให้เสียเวลา“ท่านพี่เดี๋ยวก่อน” หนิงเซียนบัดนี้นางได้ถูกคนตัวโตตอกอัดตนเองเข้ากับผนังอย่างไม่ทันตั้งตัว นางและเขาใช้ชีวิตรักฉันสามีภรรยามานาน จนบุตรแฝดทั้งสองอายุได้สามหนาวแล้ว ทว่าความต้องการของสามีก็มิได้ลดน้อยลงจากเดิม ในบางครั้งออกจะมีความต้องการมากล้นเสียด้วยซ้ำตั้งแต่เจ้าสองแสบเริ่มโต นางและเขาก็มิได้มีเวลาให้กันมากเท่าใดนัก ด้วยบุตรทั้งสองต่างงอแงอ้อนขอนอนด้วยทุกค่ำคืน แม้พวกเขาจะโตมากพอที่จะแยกห้องนอนกันได้แล้ว แต่ก็ยังเกาะติดผู้เป็นมารดาราวกับลูกลิง บิดาผู้หลงบุตรมีหรือจะไม่ยอมตามใจ ผลกรรมทั้งหมดได้ตกมาอยู่ที่เขาแทน“พี่ขอเถอะ ประเดี๋ยวลูกก็คงกลับจากเรียนวิชาดาบแล้ว” เขาอดกินภรรยามาเกือบเจ็ดวันแล้ว เวลานี้ได้โอกาสเหมาะ จึงไม่พลาดที่จะกลืนกินภรรยาสาว ทุกเวลาล้วนมีค่าสำหรับเขา“อ๊ะ! แรงไปแล้วนะเจ้าคะ” หนิงเซียนหัวโยกหัวคลอน เขาไม่ยอมผ่อน