หลังจากได้ดื่มนมจนอิ่มเด็กทั้งสองจึงหลับไปอีกครั้ง ต่อจากนี้ก็ถึงเวลาบิดามารดาได้มีช่วงเวลาส่วนตัวเสียที เหลียงเฟิงก็ไม่พลาดที่จะเข้าไปออดอ้อนภรรยา กายหนานั่งพิงหัวเตียงโดยมีภรรยาซ้อนทับอิงแอบอกกว้าง
“อีกสามเดือน เอาไว้ให้เด็ก ๆ แข็งแรงกว่านี้อีกหน่อย เราไปไหว้หลุมศพท่านหมอเฉิงดีหรือไม่” เขารู้มาว่านี่เป็นคำขอสุดท้ายของบุตรสาวท่านหมอเฉิง ผู้ซึ่งเคยช่วยเขาจากอาการบาดเจ็บหลังจากต่อสู้กับศัตรู แม้ก่อนตายหมอเฉิงจะขอให้เขารับบุตรสาวเข้าวังก็ตาม แต่ตนก็มีส่วนผิดที่ไม่เคยดูแลนางให้ดีตามที่เคยรับปาก
“ดีเจ้าค่ะ ท่านพี่รู้ใจข้าที่สุด” ร่างงามอิงแอบซบอกสามี ไม่คิดว่าจากจุดเริ่มต้นแห่งความไม่เข้าใจและไม่ลงรอยกัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าสุดท้ายจะรักกันได้
“ก็เพราะพี่รักเจ้าที่สุด” ชายหนุ่มก้มลงหอมแก้มภรรยาฟอดใหญ่ ถึงแม้ในตอนนี้เขาอยากจะทำรักกับภรรยาใจแทบขาด แต่ก็ต้องยั้งตนเองไว้เพราะนางเพิ่งคลอดบุตรได้ไม่นาน และอยากจะให้หนิงเซียนแข็งแรงมากกว่านี้
“ข้าก็รักท่านเจ้าค่ะ” หลังจากรู้ใจตัวเอง ทั้งเขาและนางต่างก็บอกรักกันเช่นนี้เสมอ ท่านอ๋องเคยบอกนางว่าถ้าเอาแต่เหนียมอายไม่กล้าพูด ต้องรอให้ตายจากกันหรือถึงจะพูดมันออกมาได้
หลังจากผ่านเรื่องร้าย ๆ และความวุ่นวายมาได้ ทุกวันผ่านไปได้ด้วยดี ถ้าหากไม่มีข่าวลือจากวังหลวงหลุดรอดออกมา เรื่องที่ว่าฝ่าบาทจะทรงประทานสมรสพระราชทานให้กับเหลียงอ๋อง ผู้คนต่างคิดเดาถึงไปต่าง ๆ นานา หวังเฟยคนใหม่จะมาจากตระกูลใดกันแน่
ยามนี้ข่าวเรื่องเหลียงอ๋องเป็นผู้ครอบครองร้านรวงกว่าครึ่งของเขตการค้าช่างชุ่ยได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง จะมีผู้ใดกันไม่อยากเกี่ยวดอง
เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างก็หวังว่าบุตรสาวของพวกเขาจากจวนใดจวนหนึ่ง จะได้รับความเมตตาจากฝ่าบาท ถึงแม้เหลียงอ๋องจะไม่ได้รับความสนพระทัยเท่าโอรสพระธิดาองค์อื่นก็ตาม
ทว่าเรื่องการค้าที่อยู่ในการครอบครองก็หักล้างข้อนี้ลงไปได้ หากบุตรสาวพวกเขาได้ตบแต่งเข้าวังเหลียงอ๋อง คงสุขสบายไปทั้งชาติรวมไปถึงครอบครัวพวกนางด้วยเช่นกัน
เมื่อข่าวการมอบสมรสพระราชทานมาถึงหูหนิงเซียน ทำให้นางรู้สึกว้าวุ่นใจไม่น้อย จะให้ขัดราชโองการก็คงเป็นไปไม่ได้ ให้หย่าร้างกับสามีก็ยิ่งทำไม่ได้เช่นกัน จึงได้แต่วางแผนรับมือภรรยาใหม่ของสามี ไม่รู้ว่าสตรีผู้นั้นจะมีนิสัยใจคอเช่นไรบ้าง
ถึงแม้จะได้คำมั่นจากสามียืนยันไม่แต่งสตรีอื่นเข้าวัง แต่หนิงเซียนก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง ขนบธรรมเนียมของที่นี่ยังเก่าและล้าสมัยนัก บุรุษหนึ่งภรรยาหากได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะชายสูงศักดิ์ด้วยแล้ว การมีมากภรรยาก็เหมือนกับการขยายอำนาจไปในตัว
“หนิงหนิงไม่ต้องกังวล พี่จะเข้าวังไปทูลขอให้เสด็จพ่อยกเลิกราชโองการเดี๋ยวนี้” เหลียงเฟิงใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มรีบเร่งแต่งกายเสียใหม่เพื่อให้ดูเป็นทางการ เขาต้องเข้าวังขอเข้าพบฮ่องเต้ผู้เป็นบิดาเป็นการด่วน เหตุใดเสด็จพ่อทำอะไรไม่ปรึกษาเขาบ้าง
“อาจจะเป็นแค่ข่าวลือก็ได้นะเจ้าคะ ท่านอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ประเดี๋ยวฝ่าบาทไม่พอพระทัยขึ้นมา ข้ากลัวท่านจะถูกลงโทษ” หนิงเซียนช่วยสามีแต่งตัว แต่ก็ไม่ลืมกำชับไม่ให้เขาวู่วามทำอะไรลงไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
“เรียนท่านอ๋อง ชายารอง ขบวนข้าหลวงมารออยู่หน้าเรือนแล้วเพคะ” อาผิงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงานด้วยความร้อนรน จากที่คิดว่าเป็นเพียงข่าวลือของผู้ไม่ประสงค์ดี กลับกลายเป็นเรื่องจริงหรือนี่
“เสด็จพ่อ!” เหลียงเฟิงสบถเรียกบิดาออกมาเสียงแข็ง พูดยังไม่ทันขาดคำราชโองการก็มาเยือนถึงที่
สองผู้เป็นใหญ่ในวังเหลียงอ๋องออกมารับหน้าขบวนข้าหลวงด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ทว่าอารมณ์กลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ข้าหลวงแย้มยิ้มยินดีกับเจ้าของวัง
ด้านเหลียงเฟิงนั้นรู้ดีว่าตนไม่สามารถขัดรับสั่งได้ แต่คอยดูเถิด ผลออกมาเป็นของจวนใด เขาจะเผาจวนผู้นั้นทิ้งให้วอดทั้งหลัง ให้ไม่เหลือแรงมาทำร้ายหนิงหนิงและลูกของเขาได้ หรือจะเอาให้ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ทั้งตระกูลดี
“ไฉฉือหยุดความคิดของเจ้าเดี๋ยวนี้” คำพูดจากปากสาวเจ้าไม่ค่อยจะเข้าหู มู่หลางพยายามข่มกลั้นความโกรธของตนเองอย่างสุดความสามารถ“พวกเจ้าเป็นอันใดกัน น่ารำคาญยิ่งนัก จะไปไหนก็ไป” หลังจากเขากับภรรยาแอบฟังมู่หลางพูดคุยอยู่นาน ได้จังหวะเหมาะจึงแสร้งทำเป็นไม่พอใจไล่คนทั้งสองไปที่อื่นเสีย“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมขอเวลาสักครู่พ่ะย่ะค่ะ” หากวันนี้ตกลงกันไม่เข้าใจ เห็นทีว่าไฉฉือคงต้องได้ยืดเวลากลับบ้านไปหาท่านป้าแล้ว“ไม่ต้อง อีกสองวันค่อยกลับมาทำหน้าที่ของเจ้า ไปแก้ปัญหาให้จบ อย่าให้ข้าเห็นเช่นนี้อีก” เหลียงเฟิงตวาดเสียงดุ ความจริงแล้วเขาก็อยากจะเล่นงิ้วต่อ แต่ภรรยาสุดที่รักกลับให้เขารีบจบบทบาทเจ้านายอารมณ์ร้ายนั่นเสีย ช่างน่าเสียดาย“ขออภัยอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก” องครักษ์หนุ่มสำนึกผิดที่ตนทำให้นายเหนือหัวต้องรำคาญใจ ทั้งที่วันนี้ท่านอ๋องกับหวังเฟยควรจะได้ออกมาทานข้าวนอกอย่างสำราญใจแท้ ๆ กายหนาหันกลับไปคว้ามือเล็กคนข้างกาย พาอีกฝ่ายขึ้นชั้นสามไปอย่างรวดเร็ว“ว๊าย! พี่มู่เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ” ไฉฉือร้องทัดทาน มือบางรวบเก็บชุดส่วนบนไว้แน่น ยิ่งพี่มู่ของนางดึงแรงเพียงใด
“เป็นอะไรไปไฉฉือ” หนิงเซียนเอ่ยถามขึ้น เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินผิด ๆ ถูก ๆ“นายหญิงเจ้าคะ ให้ข้ากลับเถอะเจ้าค่ะ คนมองเต็มเลย สงสัยข้าน้อยแต่งตัวประหลาด” หญิงสาวกระซิบกระซาบเสียงเบา ตั้งแต่นางพาเข้าในโรงเตี๊ยม ก็ถูกผู้คนจับต้องตลอดทางเดิน ทำให้นางไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใดนัก“เป็นเพราะเจ้างดงามพวกเขาจึงได้มอง ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่อยากเจอพี่มู่ของเจ้าหรือ”“พี่มู่อยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ” เมื่อนายหญิงเอ่ยชื่อพี่ชายที่แสนดี หญิงสาวก็หูผึ่งขึ้นมาทันที หลงลืมความอายไปชั่วขณะ“ใช่แล้ว ไปกันเถอะ” มู่หลางจงจำไว้ที่เจ้าพูดว่าจะไม่แต่งงานน่ะ ข้าจำคำนั้นขึ้นใจเชียวละ หุ หุเพราะหลายครั้งที่นางได้ยินคำนี้ออกจากปากองครักษ์หนุ่ม หนิงเซียนก็เฝ้ารอวันที่มู่หลางจะพลาดพลั้งบ้าง ส่วนมากคนพูดเช่นนี้ก็มักจะไม่พ้นผิดไปจากที่พูดเสียทุกรายมู่หลางหายใจฟึดฟัดเมื่อเห็นอีกคนเดินเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยม วันนี้ไม่รู้ว่าท่านอ๋องคิดอะไรอยู่ ถึงได้ออกมานั่งรอหวังเฟยที่โต๊ะด้านนอก แทนที่จะเปิดห้องพิเศษเหมือนทุกครั้งไป นั่นใครสั่งใครสอนให้แต่งกายประหลาดเช่นนั้น เดินทีกระโปรงเปิดเปลือยไปถึงขาอ่อน แต่งมายั่
“น้องสาวทางสายเลือดหรือไม่” ตรงส่วนนี้ที่นางรู้สึกสงสัย ก็ไหนมู่หลางเคยบอกว่าไม่มีครอบครัวแล้วอย่างไร เหตุใดถึงได้มีน้องสาวโผล่มาได้“ไม่ ๆ เจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นเพียงบุตรสาวคนข้างบ้านพี่มู่ แต่ว่าเติบโตมาด้วยกันจึงสนิทกันเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบชี้แจงให้นายหญิงคนงามเข้าใจ นางและพี่มู่ห่างกันตั้งหกปี แม้จะเคยสนิทสนมกันมาก ทว่าเมื่อโตขึ้นพี่มู่กลับเว้นระยะห่าง แม้แต่เคยเล่นกอดคอกันเมื่อตอนเด็ก ๆ เขายังสั่งห้ามมิให้เข้าใกล้ ซึ่งนางก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าใดนัก“จริงหรือ แล้วเขาดูแลเจ้าดีหรือไม่” ที่หนิงเซียนซักถามเช่นนั้น ก็เพราะว่ามู่หลางเป็นคนค่อนข้างจะทึ่มทื่อปากหนักในเรื่องชายหญิง นางก็อยากจะรู้เขาจะมีความรู้สึกพิเศษอะไรกับไฉฉือหรือไม่ สตรีหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักออกปานนี้ ไม่มีความรู้สึกอันใดก็คงจะแปลกไม่น้อย“ดีมากเจ้าค่ะ มีอะไรก็นึกถึงข้ากับท่านแม่ตลอดเลย นี่ก็ห่วงว่าพี่มู่จะหาภรรยาไม่ได้ แก่ไปคงได้อยู่ตัวคนเดียว ท่านแม่จึงให้ข้ามาดูให้เห็นกับตาเจ้าค่ะ” ด้วยความใสซื่อ ไฉฉือจึงพูดออกมาอย่างไม่มีปิดบัง แต่เมื่อถึงตอนนั้น หากเขามีคนรักขึ้นมาจริง นางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะทำใจรับได้หรือไม่ ที่ผ่านมาต
ไฉฉือสาวน้อยจากหมู่บ้านชนบทยืนชะเง้อคอยาวอยู่หน้าประตูวังอันใหญ่โต นางไม่คิดว่าพี่มู่จะอยู่ดีเกินคาดไปมาก เมื่อได้เห็นกับตาก็สบายใจไปเปลาะหนึ่งที่ผ่านมานางและมารดากลัวว่าเขาจะอยู่อย่างยากลำบาก เงินที่แบ่งปันให้นางกับครอบครัวทุกเดือนก็มากโข แล้วไหนจะมีของฝากราคาแพงอีกมากมาย เพราะแบบนี้มารดาจึงไม่สบายใจ เกรงว่ามู่หลางจะเอาแต่ทำงานหนักไม่รู้จักดูแลตนเอง เงินที่ได้มาก็คงจะส่งให้พวกตนทั้งหมด ด้วยเขามีนิสัยคิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเองเสมอครอบครัวไฉฉือและมู่หลางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่อย่างใด เป็นเพียงเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันเท่านั้น ตอนเด็กนางและเขาสนิทกันมาก ในตอนมู่หลางอายุได้สิบหนาวบิดามารดาตายจากด้วยโรคระบาด ไม่มีญาติมิตรคอยดูแล มารดาไฉฉือสงสารจึงได้ส่งเสียเลี้ยงดูราวกับลูกในไส้ สำหรับสายตาของหญิงสาว มารดาออกจะรักมู่หลางมากกว่านางที่เป็นบุตรสาวแท้ ๆ เสียอีกเมื่อเติบโตต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ไฉฉือเป็นเพียงสตรีจึงทำได้แค่ช่วยมารดาทำสวนทำไร่อยู่บ้านนอก ส่วนมู่หลางเขาได้เดินทางมาเมืองหลวงเพื่อหางานทำ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย มีเพียงจดหมายพร้อมกับตั๋วเงินแนบมาให้ในทุก ๆ เดื
เด็ก ๆ สามคน รวมไปถึงมู่หลางนั่งล้อมวงดื่มชากินขนมกันอยู่ศาลาพัก พร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จวนแม่ทัพหยางให้ความเอ็นดูเด็กแฝดเป็นอย่างมาก ฮูหยินหยางอยากให้บุตรชายได้มีบุตรแบบนี้สักคู่ทว่าแต่งงานมาได้สองปีกลับยังไม่มีหลานให้อุ้ม พวกเขาจึงแก้เหงาด้วยการขอท่านหญิงน้อย ท่านอ๋องน้อย มาเล่นที่จวนแม่ทัพในบางครั้งขนมพร้อมกับน้ำชาแสนอร่อยถูกลำเลียงมาวางจนเต็มโต๊ะ ทำเอาเด็ก ๆ ทั้งสามตาลุกวาวอย่างถูกอกถูกใจ มาจวนแม่ทัพทีไรล้วนแล้วแต่มีของอร่อยให้ได้กินจนเต็มคราบแต่เมื่อกลับถึงวังของหวานเหล่านี้จะกินตามใจปากไม่ได้แล้ว เพราะท่านแม่มักจะจำกัดการกินของพวกเขาเสมอ ท่านแม่บอกว่าเด็กกินของหวานไม่ดี ฟันจะผุ ถูกแมลงตัวร้ายกินหมดปาก“เฮ้อ” เด็กหญิงเคี้ยวขนมแก้มตุ่ย นั่งถอนหายใจราวกับมีเรื่องให้หนักใจเป็นหนักหนา กระนั้นก็ยังยกขนมในมือขึ้นกัดเข้าไปอีกคำโต“ไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะท่านหญิง” หลี่หยุนรีบวางขนมในมือทันที พร้อมกับถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง“เราไม่เป็นไร เราแค่กังวลใจ”“ท่านหญิงกังวลใจเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ เล่าให้กระหม่อมฟังได้หรือไม่” มู่หลางรู้สึกเป็นห่วง ท่านหญิงเป็นเด็กร่าเริง น้อยนักท
“หนิงหนิง พี่ทนไม่ไหวแล้ว”กายหนาจับภรรยาหันหน้าเข้าผนังห้องทันที ก่อนจะถลกกระโปรงหญิงสาวขึ้นถึงเอว จากนั้นท่อนเนื้ออันใหญ่โตสอดเข้าผสานเนินสาวอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังออกแรงโยกไปตามอารมณ์ดิบเข้าออกเป็นจังหวะช้าเร็วตามแรงอารมณ์ ไม่แม้แต่จะเล้าโลมให้เสียเวลา“ท่านพี่เดี๋ยวก่อน” หนิงเซียนบัดนี้นางได้ถูกคนตัวโตตอกอัดตนเองเข้ากับผนังอย่างไม่ทันตั้งตัว นางและเขาใช้ชีวิตรักฉันสามีภรรยามานาน จนบุตรแฝดทั้งสองอายุได้สามหนาวแล้ว ทว่าความต้องการของสามีก็มิได้ลดน้อยลงจากเดิม ในบางครั้งออกจะมีความต้องการมากล้นเสียด้วยซ้ำตั้งแต่เจ้าสองแสบเริ่มโต นางและเขาก็มิได้มีเวลาให้กันมากเท่าใดนัก ด้วยบุตรทั้งสองต่างงอแงอ้อนขอนอนด้วยทุกค่ำคืน แม้พวกเขาจะโตมากพอที่จะแยกห้องนอนกันได้แล้ว แต่ก็ยังเกาะติดผู้เป็นมารดาราวกับลูกลิง บิดาผู้หลงบุตรมีหรือจะไม่ยอมตามใจ ผลกรรมทั้งหมดได้ตกมาอยู่ที่เขาแทน“พี่ขอเถอะ ประเดี๋ยวลูกก็คงกลับจากเรียนวิชาดาบแล้ว” เขาอดกินภรรยามาเกือบเจ็ดวันแล้ว เวลานี้ได้โอกาสเหมาะ จึงไม่พลาดที่จะกลืนกินภรรยาสาว ทุกเวลาล้วนมีค่าสำหรับเขา“อ๊ะ! แรงไปแล้วนะเจ้าคะ” หนิงเซียนหัวโยกหัวคลอน เขาไม่ยอมผ่อน