หน้าหลัก / รักโบราณ / เหมยฮวาฤดูหนาว / ท่านแม่ของคุณหนู ฮูหยินของแม่ทัพ น้องสาวของฮ่องเต้

แชร์

ท่านแม่ของคุณหนู ฮูหยินของแม่ทัพ น้องสาวของฮ่องเต้

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-25 00:16:27

ดวงตาของบุรุษทั้งสองจ้องไปยังร่างบางที่นอนนิ่ง ใบหน้าของคนบนเตียงงดงามพริ้มพราวแต่ขาวซีด ดวงตานางปิดสนิทราวกับกำลังนิทราอย่างเป็นสุข เสียงประสานของฮ่องเต้กับแม่ทัพพลันดังขึ้นพร้อมเพรียงกัน

“ไม่จริง!” 

จ้าวเหมยฮวาจ้องมองร่างมารดา ดวงหน้าจิ้มลิ้มยามนี้เต็มไปด้วยความโศกสลด ดวงตากลมโตพราวพร่างไปด้วยน้ำตา เป็นที่น่าสงสารแก่ผู้พบเห็น หากในใจกลับยกยิ้มขบขันไม่น้อย สมแล้วที่เป็นมารดาของนาง ยอดเยี่ยมเสียจริงๆ ฝีมือในการแสดงนั้น... ช่างไร้ที่ติ

หากก่อนพระสนมว่านเสียนเฟยจะเข้ามาทำร้ายมารดา จมูกของนางไม่บังเอิญได้กลิ่นยาชนิดหนึ่งขึ้นมาเสียก่อน อาจจะหลงเชื่อไปแล้วก็เป็นได้ และยาชนิดนี้นางย่อมเคยได้กลิ่นมาก่อนเป็นแน่ โดยมีมารดาเป็นผู้สอนให้ปรุง และบอกวิธีใช้ให้ด้วยตัวเองนั่นแหละ

“ผงหลอนจิต” 

เจ้ายาผงชนิดนี้ แม้นใครได้สูดดมเข้าไปจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้ สติสำนึกจะขาดการควบคุมยับยั้งชั่งใจโดยสิ้นเชิง ปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ใต้สำนึกภายในใจให้เผยออกมาโดยไม่อาจยับยั้งตัวเองได้

อดีตพระสนมว่านเสียนเฟยนั้นกว่าจะก้าวขึ้นมาในตำแหน่งนี้ได้ นางต้องผ่านความยากลำบากมามิใช่น้อย ปะทะเล่ห์เหลี่ยมกับสตรีในวังหลังมาเท่าไร อีกทั้งดูไปนางก็หาใช่คนเขลาเบาปัญญา

อีกฝ่ายจึงไม่น่าจะกล้าลงมือกับมารดาต่อหน้าพระพักตร์เสด็จลุงได้ เพราะแม้จะไม่คิดถึงตนเอง แต่ตระกูลนางเล่าจะไม่ตระหนักถึงได้เชียวหรือ ยิ่งไปกว่านั้นเหนือสิ่งอื่นใด ด้วยฝีมือและวรยุทธ์ของมารดา สตรีธรรมดาไร้พลังยุทธ์ไม่น่าจะแทงถูกเสียด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่แทงเลย แตะแม้เส้นผมยังยากจะกระทำ นอกเสียจากว่ามารดาเองนั่นแหละ ที่เป็นฝ่ายเปิดโอกาสให้อีกคนได้เข้ามาทำร้ายตนเอง

มารดาเป็นถึงยอดฝีมือคนหนึ่ง แค่วิชาสกัดจุดชีพจรให้หยุดการเคลื่อนไหวของร่างกาย ทำให้ร่างไร้ลมหายใจเหมือนคนตาย แค่นี้มีหรือมารดาของนางจะทำไม่ได้ บอกเลย... ไม่-มี-ทาง

เด็กหญิงจึงแสร้งก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม ร่ำไห้ประดุจกำลังเสียใจมากมาย ทว่าในหัวใจกลับหัวเราะเสียงดังยิ่งนัก เฟยเซียนในยามนั้นนอนหลับตานิ่ง แต่แอบขยับสังเกตการณ์รอบด้านเงียบๆ นางเห็นบุตรสาวมองเขม็งมาด้วยสายตาค้นหา ก็รับรู้ได้ทันทีว่าถูกผู้เป็นบุตรจับได้แล้ว นัยน์ตาหงส์คู่งามจึงลอบขยิบให้บุตรี

จ้าวเหมยฮวานั้นหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นางว่านางแสดงเก่งเล่นได้สมจริงสมจังแล้วนะ ยังต้องชิดซ้ายไปเลยเมื่อเจอมารดา

สวรรค์!

มารดาเป็นดาราระดับตุ๊กตาทองมากกว่านางเสียอีก นับถือๆ ช่างน่านับถือยิ่งนัก ฮูหยินจ้าวกลั้นยิ้มเมื่อเห็นบุตรีตัวน้อยไม่ได้กระโตกกระตากอันใด แถมยังมีท่าทีคล้ายจะรู้เท่าทันในแผนการที่ตนทำ หญิงสาวพลันโล่งใจ ก่อนที่จะลอบผ่อนคลายร่างกาย โคจรปราณให้ลมหายใจกลับมาเป็นปกติช้าๆ

จ้าวหมิงหลงที่กอดซบร่างภรรยาอยู่ชะงักไปพักใหญ่ คล้ายว่าจะรับรู้ได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นแผ่วๆ ของนาง ก่อนชีพจรคนในอ้อมแขนจะเต้นถี่ขึ้นช้าๆ จนเขารู้สึกได้อย่างชัดเจน

“หมอหลวง หัวใจนางเต้นแล้ว” แม่ทัพร้องตะโกนบอกน้ำเสียงยินดี

อวี้หลางยามนี้ในใจพอมีความหวังขึ้นมาหนึ่งส่วน พระหัตถ์แกร่งหันไปคว้าคอหมอหลวงเฒ่า ก่อนจะโยนเจ้าตัวไปทางหมิงหลง ตรัสด้วยสุรเสียงทุ้มเรียบ

“รักษาน้องเราเสีย หากนางไม่พื้น... เราจะส่งเจ้าไปอยู่กับนาง” 

หมอหลวงวัยชราเซไปตามแรงเหวี่ยง ร่างผอมเกร็งงกๆ เงิ่นๆ ตรวจดูอาการร่างบางอีกครั้ง ในใจก็กู่ร้องด้วยความหวาดกลัว หากรักษาไม่ได้ ฮูหยินจ้าวเกิดเป็นอันใดขึ้นมา มิแคล้วมีหวังเขาได้ตายตามนางไปแน่ๆ

“กราบทูลฝ่าบาท อาการของฮูหยินจ้าวตอนนี้ดีขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ฝังเข็มห้ามให้เลือดตรงบาดแผลหยุดไหลแล้ว กินยาอีกเพียงไม่กี่วัน ร่างกายก็น่าจะกลับมาเป็นปกติพ่ะย่ะค่ะ” 

หมอหลวงกราบทูลด้วยน้ำเสียงโล่งอกระคนดีใจ อย่างน้อยๆ วันนี้เขาก็ยังรักษาศีรษะตนเองเอาไว้ได้ จ้าวเหมยฮวามองทุกคนที่ร้อนรน ก่อนจะหันไปมองทางมารดาที่ตอนนี้นอนนิ่งเงียบอยู่บนเตียง ไม่แสดงอาการอะไร ในใจพลันคิดชื่นชมมารดายิ่งนัก

‘อา... ท่านแม่เจ้าคะ ท่านช่างสตรองยิ่งนัก’ 

เหมือนรับรู้ได้ถึงสายตาชื่นชมของบุตรสาว ฮูหยินจ้าวลอบยิ้มในใจน้อยๆ นางเป็นมารดา ในฐานะคนเป็นแม่ เห็นบุตรสาวของตนถูกทำร้ายถูกรังแกเยี่ยงนี้ มีหรือจะไม่โกรธแค้นอีกฝ่าย ทว่าในฐานะฮูหยินก็มิอาจปล่อยให้สามีลงมือสังหารว่านเสียนเฟยได้ มิเช่นนั้นเรื่องยุ่งยากคงจะตามมามากมายเกินจะรับมือ ยิ่งในฐานะน้องสาวจำต้องเห็นใจพี่ชาย หากฝืนดึงดันจะสังหารอีกฝ่ายซึ่งหน้า พี่ชายของนางย่อมมิอาจเลี่ยงคำครหาได้

ดังนั้นนางจึงต้องใช้วิธีนี้ ลอบสลัดผงหลอนจิตใส่นางสนมสารเลวนั่น ก่อนจะทำทีเป็นเหตุสุดวิสัยที่จะป้องกันตนเอง เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้มีจังหวะมาทำร้ายได้

‘บางทีคนเราก็ต้องยอมเฉือนเนื้อเพื่อที่จะตัดกระดูกทิ้ง’ 

ฮูหยินแม่ทัพคิดในใจ พร้อมกับหลิ่วตาให้บุตรีตัวน้อย ยามที่ไม่มีผู้ใดทันได้สังเกตเห็น ซึ่งฝ่ายนั้นก็ยกนิ้วโป้งส่งให้มารดากลับทันทีเช่นกัน เห็นวิธีการสะสางปัญหาของมารดาแล้ว มันช่างทำให้จ้าวเหมยฮวาแสนจะทึ่งยิ่งนัก

‘อา... ดูเหมือนว่านางควรจะต้องฝึกฝนให้มากกว่านี้สินะ’

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   องค์ชาย... แม่ทัพ... ฮ่องเต้...

    อวี้เจี้ยนองค์ชายสามแห่งแคว้นต้าเฉิน ในยามนี้ยืนมองรถม้าที่บรรทุกอัดแน่นด้วยขนมทั้งหลายแหล่ที่ตนสั่งให้นำไปกำนัลแด่สาวเจ้าตัวน้อยเวลานี้มีถึงสี่คัน ซึ่งนำมาจอดเรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ลานหน้าตำหนักส่วนพระองค์ ด้วยสายตาไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ก่อนเจ้าตัวจะหันไปมองโม่ฉีองครักษ์คนสนิท ที่นั่งก้มหน้าคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพลางเอ่ยปากถาม“เกิดอะไรขึ้น?”โม่ฉีเงยหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำขึ้นสบตากับผู้เป็นนาย ในดวงตามีร่องรอยของความเสียใจไม่น้อย “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย เป็นเพราะกระหม่อมนั้นไร้ความสามารถ แม้แต่จะก้าวเข้าประตูจวนไร้พ่ายก็ไม่อาจทำได้“เพราะเหตุใดกัน”โม่ฉีมีดวงตาแดงก่ำยามคิดถึงตอนที่เขานำรถม้าที่บรรทุกขนมไปเต็มคันรถวิ่งเข้าไปจอดหน้าจวนตระกูลจ้าว“ข้าคือองครักษ์ขององค์ชายสาม นามว่าโม่ฉี ได้รับคำสั่งจากองค์ชายของข้าให้นำขนมเหล่านี้มามอบให้แก่คุณหนูจ้าว”สิ้นคำพูดแสดงความจำนง บ่าวคนรับใช้ที่ยืนอยู่หลังประตูก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม“ขอท่านองครักษ์ได้โปรดรอสักครู่ ข้าน้อยจะรีบเข้าไปรายงานนายท่านก่อนขอรับ”พูดจบบ่าวคนดังกล่าวก็วิ่งหายเข้าไปในจวนชั่วครู่หนึ่ง ก่อน

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   มันคือความรู้สึก...?

    ยามค่ำคืน ณ ตำหนักขององค์ชายสามอวี้เจี้ยนร่างสูงที่ย่างเข้าสู่วัยหนุ่มเวลานี้กำลังนั่งเรียบร้อยอยู่บนเก้าอี้ เบื้องหน้าเป็นโต๊ะไม้เนื้อเงางาม ข้างบนมีพิณสีดำตัวใหญ่วางอยู่ นิ้วเรียวยาวของเด็กหนุ่มกรีดกรายไปตามสายอย่างชำนิชำนาญเสียงเพลงแผ่วหวานดังกังวานหนักแน่น แต่บางครั้งก็ทอดเสียงลงคล้ายจะขาดใจ สลับกับรวยระรินคล้ายเสียงสะอื้นไห้ในบางครา จนองครักษ์ประจำตำหนักรู้สึกราวกับตัวเองจะขาดใจตามเสียงนั้นไปด้วย ก่อนเจ้าตัวจะหยุดดีดนิ่งไปเสียดื้อๆ“องค์ชาย ทรงมีอะไรในใจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” โม่ฉีเอ่ยถามเมื่อเห็นองค์ชายหยุดเล่นเพลงกลางคัน เอาแต่ทอดถอนใจดังเฮือกๆ“โม่ฉี เจ้าเคยรู้สึกแบบ... ใจเต้นแรง อึดอัดคล้ายหายใจไม่ออกยามอยู่ใกล้ แต่อยากเห็นหน้าอยากฟังเสียงอยากพูดคุยด้วยเมื่อห่างไกล อะไรแบบนี้บ้างหรือไม่”“เคยสิพ่ะย่ะค่ะ ถ้าให้กระหม่อมเดา คนผู้นั้นคงเป็นเด็กผู้หญิงด้วยใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”อวี้เจี้ยนได้ยินดังนั้นจึงละความสนใจจากพิณตรงหน้า หันมามองหน้าองครักษ์คนสนิทอย่างแปลกใจ“เจ้ารู้ได้อย่างไร” เด็กหนุ่มหันใบหน้าหล่อเหลาที่ออกไปทางหวานดุจสตรีขึ้นมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่กลางฟากฟ้า เอ่ยถ้อยคำต่อด้วยน

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   พ่อบ้านจางฟงแห่งจวนไร้พ่าย

    คุณหนูจ้าวหายตัวไปไม่ทันถึงครึ่งวันท่านแม่ทัพถึงขนาดนำกองกำลังในสังกัดเข้าค้นวังหลวง‘อา... คุณหนูจ้าวผู้นี้ นางช่างเป็นตัวเรียกความวุ่นวายจริงๆ’นั่นเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนคิด หลังจากที่ถูกท่านแม่ทัพบังคับให้ช่วยกันตามหาบุตรสาวสุดรัก ทว่าก็ได้แค่คิดอยู่ในใจ เพราะความจริงไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยแย้งแน่นอนวันนี้ครอบครัวท่านแม่ทัพตัดสินใจออกจากวังกลับสู่จวนตนเอง เพราะทิ้งจวนให้เหล่าคนรับใช้ดูแลกันเอง นานไปก็อดเป็นห่วงไม่ได้เมื่อฮูหยินจ้าวสามารถขยับตัวเดินเหินได้แล้ว ทุกคนจึงตกลงใจกันว่าจะกลับสกุลจ้าว โดยทิ้งให้อวี้หลางฮ่องเต้ที่มีพระพักตร์บูดบึ้งไว้เบื้องหลัง เพราะไม่สามารถเหนี่ยวรั้งให้น้องสาวกับหลานสาวพักอยู่ในวังหลวงต่อไปได้อีก“หลิวกงกง เราคิดอะไรออกแล้ว” ฮ่องเต้รับสั่งกับขันทีคนสนิทสุรเสียงยินดี ก่อนจะสะดุ้งพระวรกายด้วยความเจ็บที่ก้นเมื่อขยับองค์อา... น้องสาวที่ถูกแทงนั้น ขณะนี้สามารถเดินเหินเป็นปกติได้แล้ว แต่พระองค์ที่ถูกกระบองแม่ทัพผู้เป็นน้องเขยฟาดก้นนี่สิ ยามนี้แม้แต่จะลุกหรือนั่งก็ยังไม่อาจทำได้เลย“คิดอะไรออกหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงเงยหน้าขึ้นจากก้นผู้เป็นนายพร้อมกับเอ่ยถามอวี้หลาง

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูอัปลักษณ์แห่งสกุลจ้าวกับองค์ชายทั้งสาม (3)

    ‘อา... องค์ชายสามกับองค์ชายห้าแห่งแคว้นต้าเฉินช่างแปลกประหลาดนัก หากมิใช่เสด็จลุงแล้ว คงหาคนที่เลี้ยงลูกให้กินง่ายอยู่ง่ายเช่นนี้ได้ยากยิ่งเด็กหญิงเฝ้าคิดบอกกับตัวเองแบบนั้นขณะเดินผละออกมา ปล่อยให้องค์ชายห้าผู้ติดดินก้มหน้าก้นโด่งคุ้ยหาไส้เดือนกินต่อไปตามอัธยาศัยร่างเล็กเดินลัดเลาะมาตามแนวร่มไม้ จนป่านนี้นางยังหาทางกลับไม่เจอ หูได้ยินเสียงฝีเท้าอีกหนึ่งเสียงที่ลอบตามมาพักใหญ่แล้วดวงตากลมโตลอบมองคนที่แอบตามมา ก็พบว่าเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งวัยไม่น่าจะห่างจากนางมากนัก เจ้าตัวเดินมากับม้าสีขาวปลอดตัวหนึ่งจ้าวเหมยฮวาแกล้งทอดฝีเท้าเดินช้าบ้างเร็วบ้าง บางครั้งก็แกล้งหยุดเดินเพื่อดูทีท่า ทว่าอีกฝ่ายก็ยังตามติดไม่ลดละ‘ช่างเถอะ เด็กตัวแค่นี้คงไม่ใช่พวกสโตกเกอร์โรคจิต แบบในชาติก่อนที่นางเคยอยู่หรอกน่า’ อวี้เยี่ยนมองร่างเล็กในชุดขาวแล้วลอบกระหยิ่มนึกยิ้มลำพองใจ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายนั้นคงไม่รู้ตัวว่าเขาแอบติดตามนางอยู่อันที่จริงองค์ชายแปดผู้นี้ลอบเดินตามอีกฝ่ายมาตั้งแต่เห็นนางเดินออกจากลานฝึกยุทธ์ของพี่ห้าแล้ว พระมารดาเคยบอกไว้ว่า ถ้าอยากเอาชนะพี่สามกับพี่ห้า อย่างไรเสียเขาก็ต้องแต่งกับบุตรสาวแ

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูอัปลักษณ์แห่งสกุลจ้าวกับองค์ชายทั้งสาม (2)

    ‘องค์ชายสามผู้นี้ช่างเป็นคนพอเพียงนัก อยากกินปลาก็หาจับเอง เสด็จลุงทรงเลี้ยงลูกได้ติดดินจริงๆ’ จ้าวเหมยฮวาคิดสรุปกับตนเองก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้อวี้เจี้ยนผู้เป็นองค์ชายว่ายน้ำดำผุดดำว่ายหาปลาคนเดียวต่อไปตามอัธยาศัยจ้าวเหมยฮวาเดินจากมาแบบงงๆ อยู่พักใหญ่ ก่อนจะได้สตินึกขึ้นได้ว่า...‘อา... จริงด้วย ลืมไปเลย ข้าไม่ได้รอจิงหยู’ ใช่แล้วนางเดินจากมาโดยไม่ได้รอจิงหยู และที่สำคัญตอนนี้นางหลงทางเป็นที่แน่นอนแล้ว เด็กหญิงหันไปมองหาทางเก่าที่เดินจากมา ก็พบว่าเส้นทางทุกด้านดันเหมือนกันไปหมดเลย‘ลองไปข้างหน้าดูก่อนละกัน’ บอกตัวเองในใจ ก่อนจะมุ่งหน้าเดินลัดเลาะไปตามแนวรั้วต้นไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างงดงามมองแล้วให้เพลินตายิ่ง ร่างเล็กยังคงเดินชมนกชมไม้อย่างสบายใจ หากใครได้พบเห็นคงมองดูคล้ายกำลังเดินเล่นเสียมากกว่า ก็นะ นางยามนี้ก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง จะหลงทางบ้างก็คงจะไม่แปลกอันใดคิดเองเออเองอย่างครึ้มอกครึ้มใจ หูพลันแว่วได้ยินเสียงดังแหวกอากาศ ฟังเหมือนมีคนกำลังฝึกยุทธ์ลอยมาจากทางด้านหน้า ร่างเล็กเดินเลาะแนวไม้เพื่อตามหาเสียงดังกล่าว จนมาถึงลานสนามหญ้าเล็กๆ ไม่กว้างนัก ดวงตาคู่ดำเป็นประ

  • เหมยฮวาฤดูหนาว   คุณหนูอัปลักษณ์แห่งสกุลจ้าวกับองค์ชายทั้งสาม (1)

    ในเมืองหลวงของแคว้นต้าเฉินยามนี้เกิดข่าวลือหนาหู ทุกคนต่างรู้ดีว่าต้นเรื่องนั้นคือบุตรีแม่ทัพไร้พ่ายเสียงเล่าลือต่อๆ กันไปว่า คุณหนูตระกูลจ้าวนั้นไม่ใช่แค่เพียงอัปลักษณ์ แต่นางยังเป็นตัวนำความโชคร้ายเข้ามาหาผู้อื่นอีก ดูแค่ก้าวเท้าย่างเข้าวังหลวงเพียงวันเดียวยังนำพาปีศาจร้ายเข้ามาอาละวาดในวังเสียจนพังพินาศไปตามๆ กัน ขนาดฮ่องเต้ผู้เป็นถึงโอรสแห่งสวรรค์ยังถึงกับประชวร ออกว่าราชกิจไม่ได้เป็นเดือนๆอา... สวรรค์ คุณหนูสกุลจ้าวนางช่างน่ากลัวเหลือเกิน“คุณหนูเจ้าคะ จะไปหาฮูหยินเลยไหมเจ้าคะ” จิงหยูเอ่ยถามน้ำเสียงสดใส ดวงตามองทรงผมที่นางขมวดไว้ครึ่งบนติดดอกไม้น่ารัก ปล่อยเรือนผมครึ่งล่างให้ยาวสยายจ้าวเหมยฮวาอยู่ในชุดขาวปักชายด้วยลวดลายบุปผาสีชมพูสดใสที่สาวใช้นำมาบรรจงสวมให้เจ้านาย คุณหนูของนางช่างงามเหลือเกิน จิงหยูลอบชมเจ้านายตัวน้อยในใจ ก่อนจะหันไปหยิบผ้าสีขาวข้างมือมาคลุมผูกไว้บนใบหน้าน่ารัก“ทำไมคุณหนูต้องปิดหน้าด้วยล่ะเจ้าคะ เพราะคุณหนูปิดหน้าแบบนี้ พวกปากมากทั้งหลายเหล่านั้นถึงกล่าวหาว่าท่านอัปลักษณ์ได้” จ้าวเหมยฮวาหัวเราะน้อยๆ เมื่อเห็นสาวใช้พูดด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ ทั้งยังมีท่าทีเป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status