พราวรวีนั่งทำงานต่อจนเกือบเที่ยงคืน ช่วงอีโรติกที่เอามาแก้ไขช่วงแรกเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว หญิงสาวรีบส่งอีเมลไปให้ญาดา จากนั้นก็เตรียมตัวเข้านอน
แม้ว่าจะเหลืออีกหลายช่วงที่ต้องแก้ไข แต่ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาบ้างเพราะหลังจากมีประสบการณ์บนเตียงเกินขึ้นกับตัวเองแล้วเธอก็มองภาพได้ชัดขึ้น
ไม่รู้ว่านิยายเรื่องแรกเธอไปเอาความคิดคำพูดและความรู้สึกของตัวละครมาจากไหน แต่คิดว่าคงเป็นเพราะอ่านมามากเลยจำของนักเขียนท่านอื่นมาปรับใช้ แต่พอเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวก็ไม่ค่อยได้ศึกษางานของคนอื่น เนื่องจากอยากมีงานเขียนที่เป็นเอกลักษณ์จึงไม่อ่านงานของคนอื่นอีกเลย
แต่ผลที่ตามมาก็คืองานสองเล่มล่าสุดยอดขายมีเพียงแค่หยิบมือ เพราะฉะนั้นเล่มที่กำลังเขียนอยู่นี้พราวรวีจึงต้องทำให้ดีที่สุด เธอคงไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกครั้งอย่างแน่นอน แค่นี้ก็เกรงใจพี่ญาดามากพอตัวอยู่แล้ว เพราะญาดาเป็นคนรับหน้ากับเจ้าของสำนักพิมพ์แทนเธอมาตลอด
แสงทองของเช้าวันใหม่จับที่เส้นขอบฟ้า พราวรวีบิดขี้เกียจอยู่บนที่นอนกว้าง มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เธอจะต้องตื่นแต่เช้า เพราะงานที่ทำอยู่ไม่มีใครบังคับว่าจะต้องตื่นเวลาไหน แต่หญิงสาวอยากสร้างวินัยให้ตนเองเธอจึงเข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลาแบบนี้มานานหลายปีแล้ว
สิ่งแรกที่ทำหลังจากตื่นนอนก็คือการฝึกโยคะด้วยตัวเองประมาณครึ่งชั่วโมงจากนั้นดื่มกาแฟกับคุกกี้หรือไม่ก็แซนด์วิชก่อนจะนั่งทำงานต่อ แต่ก็มีบางวันที่ต้องออกไปที่ร้านเครื่องเขียนและไปตรวจดูหอพัก แต่ก็ไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่เพราะน้ำหวานและน้าแก้วตารับผิดชอบงานของตัวเองได้ดีอยู่แล้ว
พราวรวีนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน มือเรียวคลิกเมาส์ไปที่กล่องข้อความเข้าของอีเมลที่ใช้ติดต่องานกับบรรณาธิการ เธอเห็นข้อความที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ให้ก็รีบโทรกลับ
กดโทรออกและรอสายแม่ถึงสิบวินาทีคนที่เป็นทั้งเพื่อน พี่และบรรณาธิการก็กดรับสาย
“สวัสดีค่ะพี่ดา”
“สวัสดีจ้ะน้องพราว พี่อ่านงานของเราแล้วนะ”
“เป็นยังไงบ้างคะ ต้องแก้ตรงไหนอีกหรือเปล่า”
“ไม่เลย พี่ว่ามันดีมาก น้องพราวเขียนได้ดีเลย ช่วงนี้กำลังมีความรักหรือเปล่าน้า งานเขียนถึงได้ดูมีชีวิตชีวาขนาดนี้”
“ไม่มีหรอกค่ะ อย่างพราวจะมีใครที่ไหนล่ะคะ บทที่ต้องแก้บทอื่นพราวจะทยอยส่งให้นะคะ”
“ได้เลยจ้ะ พี่ว่าครั้งนี้งานต้องปังมากๆ แน่เลย พราวเตรียมตัวไปแจกลายเซ็นได้เลยนะ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“เตรียมตัวไว้ดีเหมือนกันนะ” ญาดาบอก เพราะถ้างานนี้ยอดขายดี ทางสำนักพิมพ์ก็จะจัดงานแจกลายเซ็นเพื่อให้นักเขียนกับนักอ่านได้มีโอกาสเจอกัน ซึ่งครั้งล่าสุดที่พราวรวีไปแจกลายเซ็นก็เกือบสามปีแล้ว
“ขอบคุณนะคะพี่ดาที่คอยช่วยเหลือพราวมาตลอด”
“ไม่ต้องขอบคุณพี่ ขอบคุณตัวเองดีกว่าที่ทำผลงานออกมาดี เอาล่ะ พี่ต้องไปประชุมต่อแล้ว มีอะไรก็โทรหาหรือฝากข้อความไว้นะ”
“บ๊ายบายนะคะพี่ดา”
วันนี้พราวรวีอารมณ์ดีขึ้นมาก เธอเริ่มต้นแก้ไขที่เหลืออีกครั้งซึ่งตอนนี้แก้ไขส่งไปให้ธาดาแล้วหนึ่งบทยังเหลืออีก 9 บทแต่คิดว่าคงไม่ได้หนักหนาอะไรเนื่องจากเริ่มเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของตัวละครแล้ว
คนอื่นอาจคิดว่าเธอบ้าที่ทำเรื่องแบบนี้ ตัวเธอเองก็คิดว่ามันไม่ถูกต้อง ถ้าคืนนั้นเธอไม่เมาเรื่องราวก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้ ความเป็นสาวที่เธอหวงแหนมาตลอดหลายปี สุดท้ายเธอก็ไม่ได้มอบมันให้กับคนรัก แต่เพราะมันย้อนเวลาและเรียกร้องสิ่งที่เสียไปแล้วกลับคืนมาได้ เธอก็ควรหาประโยชน์จากมันให้มากที่สุด
หญิงสาวหลับตานึกถึงเรื่องราวคืนนั้น สมองกำลังประมวลประสาทสัมผัสทั้งหมดที่เกินขึ้นและกลั่นกรองออกมาเป็นตัวหนังสืออีกครั้ง
เพียงแค่คิดความรู้สึกร้อนวูบวาบก็เกิดขึ้นกับกับตัวเอง ยิ่งคิดถึงใบหน้าหล่อของผู้ชายตัวโตใบหน้าเธอก็ร้อนผ่าว อย่างน้อยผู้ชายคนแรกของเธอก็ถือว่าหน้าตาหล่อเหลาระดับพระเอกนิยายที่เขียนอยู่ พราวรวีหวังว่าคงไม่ได้ได้เจอเขาอีกแล้วเพราะเมื่อวานก็บอกกับเขาอย่างชัดเจนไปแล้วว่าไม่ต้องการความรับผิดชอบอะไรจากเขา
แต่เพราะคิดถึงแต่ใบหน้าหล่อของกวีวัธน์ งานที่ทำได้จึงคืบหน้าได้เพียงนิด
แล้วในที่สุดงานของเธอก็เสร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ตอนหกโมงเย็นถึงแม้จะช้ากว่าที่คิดไว้แต่ก็มั่นใจว่าพรุ่งนี้คงเขียนได้เยอะกว่า
ท้องเริ่มประท้วงเพราะความหิวพอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดสั่งอาหารเย็นก็เห็นข้อความจากกวีวัธน์ ที่ไลน์มาบอกว่าเย็นนี้จะเขาจะซื้ออาหารเข้ามาทานอาหารกับเธอที่บ้าน
พราวรวีคิดว่าเขาคงมาถึงมืดๆ เหมือนเมื่อวาน หญิงสาวเลยคิดจะหลบหน้า เพราะไม่อยากจะเกี่ยวข้องกันอีก ถ้าเขามาไม่เจอเขาก็จะขู่เธอเรื่องคลิปที่บอกว่าถ่ายไว้ไม่ได้
ไวเท่าความคิดขาเรียวรีบเดินเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมกางเกงยีนขาสั้นกับเสื้อครอปสายเดี่ยวสีดำสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าชีฟองสีขาว สะพายกระเป๋าข้างใบเล็กออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
“จะออกไปไหนเหรอครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อเห็นคนตัวเล็กกำลังรีบร้อนจะเดินออกจากประตูบ้านโดยไม่ทันสังเกตว่าตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ในห้องครัว
“คุณ เข้ามาได้ยังไงคะใครอนุญาต” ทั้งตกใจและแปลกใจที่เขามาถึงเร็วกว่าที่คิดเอาไว้
“ผมคิดว่าบอกคุณแล้วว่าผมจะเข้ามานะครับ”
“แต่ฉันยังไม่อนุญาตเลยนะคะ”
“ผมเห็นว่าคุณอ่านแล้วไม่ตอบก็คิดว่าคุณตกลงตามนั้น ผมว่าเราเสียเวลาเถียงกันเลย ผมหิวแล้ว มากินข้าวเถอะ ผมซื้อมาหลายอย่างไม่รู้ว่าคุณจะชอบไหม”
เพราะยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันพอเห็นอาหารบนโต๊ะบวกกับกลิ่นหอมที่โชยมาแตะจมูก ท้องของพราวรวีก็ร้องประท้วง หญิงสาวเลยกลับมานั่งที่ประจำอย่างช่วยได้
“ต้มยำกุ้งแม่น้ำร้านนี้อร่อยมาก กุ้งก็สดมาก” เขาพูดพลางตักกุ้งแม่น้ำตัวโตมาให้เธออย่างเอาใจ
“ขอบคุณค่ะ” เพราะหิวเกินกว่าจะปฏิเสธ พราวรวีเลยนั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย คิดเอาไว้ว่าทานเสร็จคงต้องคุยกับกวีวัธน์ให้รู้เรื่องว่าเขาไม่ควรมาที่นี่อีก
“อร่อยไหม”
“อือ” หญิงสาวพยักหน้าขณะเคี้ยวทอดมันอยู่เต็มปาก
ปกติแล้วพราวรวีจะทานอาหารคนเดียวจนชิน แต่พอมีคนอื่นมาทานด้วยก็ให้ความรู้สึกไปอีกแบบ มันไม่เหงาและเหมือนจะทานได้เยอะกว่าเดิม
“ขอบคุณนะคะสำหรับอาหารค่ำ” พอทานอิ่มอารมณ์ก็ดีขึ้นมาทันที หญิงสาวเก็บจานชามไปล้างโดยมีกวีวัธน์คอยเป็นลูกมือ
“ห้องครัวมันเล็ก คุณไปนั่งรอที่โซฟานะคะ เดี๋ยวฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ผมนึกว่าคุณจะไล่ผมกลับ”
“วันนี้ไม่ไล่ค่ะ อยากคุยด้วย”
“ครับ” กวีวัธน์ดีใจที่เธออยากคุยกับเขา ชายหนุ่มรีบล้างมือแล้วเดินนั่งรอบนโซฟาแต่โดยดี
ล้างจานเสร็จเธอก็หยิบกล่องใส่ผลไม้ที่สั่งมาแบบพร้อมทานเดินตามชายหนุ่มไปที่ห้องรับแขก
“ผลไม้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ” เขาหยิบฝรั่งไปกัดจากนั้นก็มองหน้าเจ้าของบ้านด้วยความสงสัย วันนี้ท่าทางของเธอแปลกไปกว่าเมื่อวาน
“คุณกวีวัธน์คะ ฉันขอพูดกับคุณตรงๆ นะคะ”
“ครับ ผมรอฟังอยู่”
“ฉันว่าเราไม่ควรเจอกันอีก คุณไม่ควรมาที่นี่” เธอเริ่มเปิดประเด็น
“ทำไมครับ ผมก็แค่มากินข้าวเอง ไม่ได้ทำอะไรคุณสักหน่อย”
“ฉันรู้ว่าคุณมากินข้าว แต่ฉันไม่เชื่อหรอกนะคะว่าคนอย่างคุณจะไม่มีเพื่อนกินข้าว”
“ก็มีอยู่นะ แต่ผมอยากกินข้าวกับคุณมากกว่านี่ครับ”
“ขอเหตุผลได้ไหมคะ”
“ไม่มีครับ แค่อยากมาก็มาแค่นั้นครับ”
“คุณเอาแต่ใจตัวเองเกินไปหรือเปล่าคะ คุณมาบ้านฉันกลางคืนอย่างนี้ถ้าแฟนฉันรู้คงไม่ดีเท่าไหร่”
“แฟนคุณเหรอครับ คนไหนล่ะ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณนักเขียนมีแฟนด้วย”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอกน่าว่าแฟนฉันเป็นใคร แค่รู้ว่ามีก็พอ”
“ผมรู้ว่าคุณไม่มีแฟน เพราะถ้ามีแฟนคุณคงไม่นอนกับผมหรอกจริงไหมครับ” เขาขยับเข้าใกล้กระซิบอยู่ข้างหู หญิงสาวรีบขยับออกแทบไม่ทัน
“อย่าพูดเรื่องนั้นอีกได้ไหมคะ”
“มันเป็นเรื่องปกติของชายหญิงนี่ครับ”
“ฉันรู้ แต่ระหว่างเรา ฉันว่ามันคือความผิดพลาด คืนนั้นฉันเมา”
“แต่ผมไม่เมานี่ครับ”
“นั่นเรื่องของคุณ”
“ไหนๆ ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ผมว่าเรามาตกลงกันดีกว่า คุณไม่มีใคร ผมไม่มีใคร เราลองคบกันดูดีไหม”
“จะบ้าเหรอคุณเราเพิ่งรู้จักกันเองนะ”
“แต่ระหว่างเรามันไกลกว่านั้นแล้วนะ ลองคบกันดูก็ไม่เสียหายอะไร เอ..ไม่ใช่สิคุณเสียหายไปแล้ว”
“ไม่ต้องย้ำได้ไหมคะ”
“ผมรู้ว่าคุณกำลังหาแรงบันดาลใจในการแต่งนิยายอยู่ ผมช่วยคุณได้”
“ยังไง”
“เราก็คบกันแบบคู่นอนไหง ไม่มีข้อผูกมัด ไม่มีความรักหรือความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง”
“คู่นอน เหมือนพวก FWB เหรอคะ”
“อือ สนใจไหม ผมเองก็ยังไม่อยากมีแฟน แต่ที่ยอมคบกับคุณแบบนั้นเพราะผมคิดว่าเราเข้ากันได้ดีเรื่องบนเตียง”
“ฉันไม่ตกลงค่ะ”
“คุณอยากคบแบบแฟนเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้น แต่ฉันว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่”
“ใครเป็นคนตัดสินละครับว่าไม่เหมาะสม เราลองคบกันไปก่อน ถ้าวันข้างหน้าคุณเจอคนที่ใช่ เราก็แยกย้าย หรือเจอคนที่อยากคบเป็นแฟนเรื่องระหว่างเราก็จบแค่นั้นเอง”
“มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ
“ทำไมเราต้องทำให้ทันยุ่งยากด้วยล่ะครับ ผมรู้คนเราย่อมมีความต้องการเรื่องบนเตียงกันทุกคน มันจะดีกว่าไหมถ้าเรามีคู่นอนแค่คนเดียว ระหว่างที่คบกัน”
พราวรวีไม่รู้ว่าจะโกรธเขาดีไหมกับเรื่องที่กำลังพูด เพราะเธอทำตัวง่ายกับเขาไปแล้วทุกอย่างที่เขาพูดออกมานั้นมันเหมือนไม่ให้เกียรติเธอเลยสักนิด
“ฉันว่าคุณกลับไปได้แล้วค่ะ เรื่องนี้ฉันไม่ตกลง”
“อย่าลืมนะครับว่าผมมีคลิปอยู่” เขายกขึ้นมาขู่อีกครั้งและดูเหมือนจะได้ผลเพราะสีหน้าของนักเขียนสาวเปลี่ยนไป
“ถ้าฉันยอมเป็นคู่นอนคุณจะลบคลิปนั้นไหม”
“แน่นอนครับ ผมจะลบ”
“งั้นก็ตกลงค่ะ คุณจัดการลบคลิปได้เลย”
“ดูก็รู้ว่าคุณตั้งใจจะโกงผม ถ้าผมลบคุณก็ยกเลิกสัญญา ผมขอเวลาสามเดือน ถ้าเกินจากนั้นคุณเป็นอิสระได้ และผมจะลบคลิปทันที ตกลงไหมครับ”
“สามเดือน นานไปไหมคะ”
“น้อยไปด้วยซ้ำถ้าแลกกับชื่อเสียงของคุณ”
“งั้นก็ตกลงตามนั้น แต่ระหว่างนี้คุณห้ามแอบถ่ายคลิปอีกเด็ดขาด”
“ได้สิ”
“ฉันไว้ใจคุณได้ใช่ไหมคะ”
“แน่นอนครับ ผมจะให้คุณเก็บโทรศัพท์เอาไว้ทุกครั้งก่อนจะนอนด้วยกันดีไหมล่ะ คุณจะได้สบายใจ”
พราวรวีรู้ว่าตัวเองเสียเปรียบชายคนนี้อยู่มาก แต่ก็ไม่มีทางเลือกเท่าไหร่เพราะกลัวว่าเขาจะเอาคลิปของเธอไปปล่อยลงในอินเทอร์เน็ต เธอไม่รู้ว่าคืนนั้นตัวเองเมาและเผลอทำอะไรที่น่าเกลียดไปบ้าง
“ตอนนี้ดึกแล้ว ฉันว่าคุณควรรีบกลับได้แล้วนะคะ” พอคุยธุระเสร็จก็รีบไล่เขากลับ
“ผมง่วงมาก คงขับรถกลับไม่ไหว”
“เรียกแกรปไหมฉันเรียกให้”
“ดึกขนาดนี้ใครจะมารับกัน ผมไม่ค้างที่นี่หรอกน่า ขอนอนพักสายตาไม่นาน รับรองไม่รบกวนคุณทำงานหรอก”
“ฉันให้ชั่วโมงเดียวนะ ถ้าครบเวลาแล้วคุณต้องกลับ”
“ปลุกผมด้วยละกันนะ”
เขาเอนหลังลงบนโซฟาเสมือนว่านี้เป็นบ้านของตัวเองทำให้พราวรวีเห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้
คุณอนงค์รีบเข้ามายังบริษัทหลังจากมีคนส่งข่าวว่าวันนี้กวีวัธน์เข้ามาทำงานและกำลังร่วมประชุมวางแผนสำหรับโครงการใหญ่ที่บริษัทกำลังยื่นซองประมูล“คิดถึงผมเหรอครับแม่” ชายหนุ่มทักทายมารดาที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก“ใครจะคิดถึงลูกไม่รักดีกัน”“อ้าว แล้วมาทำไมครับ”“ก็จะมาดูว่าแกมาทำงานหรือเปล่า”“วันนี้ผมมาทำงานที่นี่ก็เพราะพราวขอร้อง แต่แม่อย่าลืมขอตกลงที่ให้กับเธอนะครับ”“ทวงจริงเลยนะกลัวไม่ได้แต่งหรือยังไง”“คนที่กลัวไม่ได้แต่งคือผมครับไม่ใช่พราว”“เชอะ เบื่อพวกหลงผิด”“แม่ครับ ผมว่าแม่ยอมให้เราแต่งงานกันเถอะห้ามเราเลย ถ้าไม่อย่างนั้นผมกับพราวคง...”“จะทำอะไรอีก แม่ก็ยอมแล้วไง”“ผมไม่แน่ใจว่าแม่จะยอมจริงไหม ถ้าแม่ประกาศว่าเราสองคนจะแต่งงานกันในงานวันเกิดคุณแม่ที่จะถึงในสัปดาห์หน้าผมถึงจะเชื่อครับ”“อย่ามาบังคับแม่นะ”“ผมไม่ได้บังคับ ผมแค่อยากให้มาทำตามสัญญา วันประมูลโครงการสร้างศูนย์ราชการที่ผมเพิ่งประชุมไปเมื่อกี้คือหลังวันเกิดคุณแม่สองวันนะครับ แล้วตอนนี้ตัวเลขทั้งหมดก็อยู่ในมือผม”“นี่แกกล้าขู่แม่”“เปล่าครับ ผมแค่ทวงสัญญาเท่านั้น แม่ครับ คนที่จะแต่งงานและอยู่กับพราวคือผมนะครับ คนอื่นก
คุณอนงค์กลับมาถึงบ้านก็เด็กรับใช้ช่วยยกหนังสือทั้งหมดเขาไปในห้องหนังสือ เธอสั่งไม่ให้ใครเข้ามายุ่งระหว่างที่เธอกำลังอ่านหนังสือหญิงสูงวัยอ่านหนังสือไปได้เพียงไม่กี่หน้าก็ต้องรีบวางเพราะเนื้อหาส่วนใหญ่มันเกินกว่าที่เธอคิดไว้จากที่คิดจะเปิดใจให้กับว่าที่ลูกสะใภ้ก็ต้องเปลี่ยนใจ เธอเชื่อว่าคนที่เขียนแบบนี้ได้ก็คงผ่านประสบการณ์เรื่องแบบนั้นมาอย่างโชกโชนและด้วยเหตุผลนี้กวีวัธน์ถึงได้หลงผู้หญิงคนนี้อย่างหัวปักหัวปำเรื่องนี้คงต้องเรียกลูกชายมาคุยอีกครั้ง เธอจะไม่บังคับให้เขาแต่งงานกับณัฐณิชา แต่ก็ไม่ยอมให้แต่งงานกับพราวรวีเพราะอับอายเกินกว่าจะมีลูกสะใภ้จัดจ้านแบบนั้นกวีวัธน์พาคนรักมาทานอาหารเย็นที่บ้านของมารดาตามคำชวน วันนี้พี่ชาย พี่สะใภ้และหลานสาวทั้งสองคนไม่อยู่บ้าน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงค่อนข้างเงียบและดุอึดอัดกว่าทุกครั้งหลังทานอาหารท่านเรียกให้ทั้งสองคนเข้ามาที่ห้องหนังสือ พราวรวีมองกองหนังสือบนโต๊ะแล้วก็หน้าซีด เธอไม่คิดว่ามารดาของคนรักจะอ่านหนังสือของตัวเอง“แม่มีอะไรจะคุยกับเราเหรอครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย เพราะวันนี้ดูท่าทางมารดาของตนเองเครียดอยู่ไม่น้อย“เรื่องแต่งงาน”“ค
คำว่ารอบเดียวไม่เคยมีจริงสำหรับคู่รักที่เร่าร้อนทั้งสองคน กว่าสงครามตัณหาจะสงบก็เกือบจะเที่ยง“เราไปทานข้าวกันก่อนดีไหมครับ แล้วพี่ค่อยไปส่งพราว”“ได้ค่ะ”ทั้งสองคนมาร้านอาหารที่อยู่ระหว่างทางกลับบ้าน นั่งทานจนอิ่มขณะกำลังจะออกจากร้านชายหนุ่มก็รับโทรศัพท์จากเลขาแจ้งว่ามีเอกสารเร่งด่วนที่ต้องรีบเข้าไปเซ็น“พราวนั่งแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ พี่ไม่ต้องห่วง”“ตรงนี้แท็กซี่ไม่ค่อยผ่าน ถึงจะเรียกรถจากแอปก็คงต้องรออีกหลายนาที พี่ว่าพราวไปกับพี่ก่อนได้ไหม พอถึงบริษัทแล้วก็เอารถพี่กลับบ้านก็ได้”หญิงสาวไม่อยากให้เขาต้องกังวลจึงยอมตามไปที่บริษัทด้วย“ไหนๆ ก็มาถึงแล้วขึ้นไปข้างบนหน่อยไหม”“ไม่ดีกว่าค่ะ พี่ยังต้องทำงาน”“พี่ชักน้อยใจแล้วนะครับทำไมพราวทำเหมือนไม่อยากไปไหนกับพี่ ไม่อยากเข้ามาในโลกของพี่”“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ก็แค่ไม่อยากกวนเวลางาน”“ไม่ได้กวนอะไรเลย นะครับที่รักขึ้นไปด้วยกันนะ”แล้วเขาก็ทำให้พราวรวีใจอ่อนยอมเดินตามเขาไปในบริษัทพราวรวีเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้นเธอมาในฐานะล่าม แต่ครั้งนี้มันเปลี่ยนไปเพราะกวีวัธน์จับมือเธอไปตลอดทาง หญิงสาวจึงกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนอย่างเลี
กวีวัธน์อุ้มคนรักเข้ามาในบ้านที่มืดสนิท เขาวางเธอลงบนโซฟาเพราะตอนนี้เขาเองก็เหนื่อยจนเดินต่อไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นสองไม่ไหวรอจนเริ่มดีขึ้นก็เดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาส่งให้คนรัก ในขณะที่ร่างกายยังเปลือยเปล่าอากาศเย็นจากฝนที่ตกอย่างหนักทำให้พราวรวีเริ่มหนาว ยิ่งได้ดื่มน้ำเย็นเข้าไปเธอก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว“พี่วัธน์คะ พราวหนาว เราขึ้นข้างบนกับเธอค่ะ”“เดินไหวแน่นะครับ ให้พี่อุ้มไหม”“ไหวค่ะ”“มองเห็นไหมให้พี่เปิดไฟดีหรือเปล่า”“ไม่ต้องค่ะ” หญิงสาวรีบร้องห้ามเพราะตอนนี้เธอกับเขาต่างไม่มีเสื้อผ้าด้วยกันทั้งคู่“เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอาเสื้อคลุมมาให้พราวนอนรอตรงนี้ก่อนนะครับ”“พี่วัธน์ พราวไม่อยากอยู่คนเดียว” เธอขยับเข้าใกล้จนความนุ่มหยุ่นสัมผัสกับท่อนแขนของอีกคน“ขอโทษครับ พี่ลืมว่าพราวไม่ค่อยชอบความืด พี่มีวิธีคลายหนาว”กวีวัธน์พลิกให้พราวรวีขึ้นมานั่งบนตัก ร่างที่เปลือยเปล่าแนบชิดอีกครั้ง ท่อนเอ็นร้อนขยายตัวทีละนิดจนพราวรวีรู้สึกว่ามันกำลังดันบั้นท้ายของเธอ“พี่วัธน์ นี่ห้องรับแขก”“จะกลัวอะไรล่ะครับ บ้านของเรามีแค่เรา ในโรงรถก็เคยมาแล้ว”“พี่วัธน์จะหื่นไปถึงเมื่อไหร่”“หื่นจนกว่า
เมื่อเลือกได้แล้วว่าจะดูหนังเรื่องไหนพราวรวีก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาก็ถึงเวลาที่ต้องเข้าไปในโรงหนังพอดี“ทำไมไม่ดูโรงธรรมดาค่ะ”พราวรวีบอกคนข้างที่เลือกโรงหนังแบบวีไอพีซึ่งทีที่นั่งแบบโซฟาตัวโตที่ปรับเอนได้ถึง 180 องศาเพราะเธอคิดว่ามันสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุ“พี่อยากนั่งแบบสบายๆ นี่ครับ” กวีวัธน์รีบบอกอากาศในโรงหนังค่อนข้างเย็นพราวรวีไม่ได้เตรียมเสื้อคลุมมาด้วยจึงได้แต่นั่งกอดแขนตัวเองเพราะความหนาวกวีวัธน์เลยถอดเสื้อตัวนอกมาคลุม ให้และจับมือเธอส่งผ่านไออุ่นจนหญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเพราะเป็นหนังรักโรแมนติก พระนางของเรื่องจึงแสดงความรักต่อกันมากกว่าปกติ มือที่จับอยู่กระชับแน่นมากขึ้น เขาอยากให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไงพอบีบมือเธอแน่นขึ้นหญิงสาวก็หันมามองหน้าเขา เธอขยับเข้าใกล้ก่อนกระซิบเบาๆ“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”“พราวพี่อยากจูบ” เขากระซิบกลับ“นี่มันในโรงหนังนะคะ”“พี่รู้ แต่แถวที่เรานั่งไม่มีใครเลย ข้างหลังก็ไม่มี นะครับขอจูบนิดเดียว”“แต่ อื้ม”เสียงค้านถูกกลืนหายไปเมื่อเขาบดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว ลิ้นสอดเข้ามาหยอกล้อ พราวรวีตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจ พอจูบจนหนำใจเขาก็ป
กวีวัธน์รีบกลับมาบอกข่าวดีกับพราวรวีหลังจากที่มารดาของตนเองกลับไปได้ไม่นาน“พี่วัธน์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เพราะมันยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน“คิดถึงครับ” ชายหนุ่มนั่งลงข้างเธอที่หน้าโซฟา พิงศีรษะลงบนไหล่ แขนโอบเอวบางพลางหอมแก้มคนรักอีกฟอดใหญ่“บอกพราวมาเถอะค่ะ เรื่องคุณแม่ใช่ไหมคะ”“ครับ”“ทะเลาะกับท่านมาหรือเปล่า พราวขอโทษนะคะที่ทำให้พี่กับแม่มีปัญหากัน”“ขอโทษทำไมครับ พี่กับแม่เข้าใจกันดีแล้ว”“จริงเหรอคะ” หญิงสาวดีใจที่ได้ยินแบบนั้น“จริงสิครับ พี่ถึงรีบกลับมาบอกข่าวดีกับพราวไง”“โทรมาบอกก็ได้ไม่เห็นจะต้องเสียเวลามาเลยนี่ค่ะ”“ไม่เสียเวลาเลยพี่จะมารับพราวออกไปข้างนอกด้วยกัน”“ไปไหนคะ”“ไม่พาไปขายหรอกครับ”“รอแป๊บนะคะ พราวขอไปเปลี่ยนชุดก่อน ใส่กางเกงยีนได้ไหมคะ” เพราะไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหนเธอจึงต้องถาม อย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติคนที่จะไปเจอหรือสถานที่“แต่งตัวตามสบายครับ” กวีวัธน์มองคนรักที่เดินหายเข้าไปในห้องนอนด้วยสายตารักใคร่ เขาไม่เคยรักใครมากเท่าพราวรวีมาก่อน แม้กระทั่งพรลภัสเขาไม่ได้รับมากขนาดนี้ ชายหนุ่มแอบขอบคุณอดีตคนรักที่ทิ้งเขาไปในวันนี้ เพราะถ้าอย่างนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกับพร