ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
ฝั่งขาเข้าของผู้โดยสารภายในประเทศที่แออัดไปด้วยผู้คนที่ต่างคนต่างมารอรับญาติของตัวเองที่เดินทางมาจากต่างประเทศและหนึ่งในผู้โดยสารนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากหนุ่มหล่อใบหน้าคมดวงตาออกสีน้ำตาลเข้มจมูกโด่งคมสันริมฝีปากหนาหยักได้รูป รูปร่างสูงใหญ่ซึ่งตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าสายตาทั้งสาวเล็กและสาวใหญ่กำลังเดินลากกระเป๋าออกมาชายหนุ่มใช้มือล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อสูทก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาแล้วกดเบอร์โทรออกเพื่อต่อสายไปยังปลายทางและก็ใช้เวลารอสายไม่นานปลายสายก็กดรับตอบกลับมา "ฮาโหลลมอยู่ไหนแล้วลูก"เสียงปลายสายที่ดังตอบกลับมาเป็นเสียงของผู้เป็นพ่อหรือเสียงของเอกภพนั่นเองที่เอ่ยถามลูกชาย ลม หรือวายุภักษ์ เศรษฐารักษ์ ลูกชายคนโตของบ้านเศรษฐารักษ์ ที่ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มเรียนจบปริญญาโทรด้านบริหารจากอังกฤษชึ่งตอนแรกเขาก็ยังไม่คิดที่จะกลับมาเมืองไทยเท่าไรหรอกเพราะชายหนุ่มตั้งใจไว้ว่าจะหาประสบการณ์ด้านบริหารที่นั้นต่ออีกสักหนึ่งถึงสองปีก่อนที่จะกลับมารับช่วงสานต่อธุรกิจจากผู้เป็นพ่อ ย้อนกลับไปก่อนที่ชายหนุ่มจะเก็บข้าวของกลับเมืองไทยในเช้าของวันนั้นเขาได้รับโทรศัพท์จากผู้เป็นพ่อว่าให้รีบกลับบ้านด่วนเพราะมีเรื่องเกิดขึ้นกับยายแพรตอนแรกท่านก็ไม่ได้บอกหรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เป็นเขาที่พยายามคาดคั้นให้ท่านพูดเองและนั้นแหละเขาถึงได้รับรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเขาเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา ผู้เป็นพ่อเล่าให้ฟังว่าตอนนี้ยัยแพร กลับมาอยู่เมืองไทยแล้วและเรื่องที่ทำให้เขาต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟคือน้องสาวของเขาท้องแถมคนเป็นพ่อมันยังไม่ยอมรับผิดชอบน้องสาวกับหลานในท้องอีกมันยิ่งทำใจของชายหนุ่มรุ่มร้อนดังไฟเผาหลังจากที่ชายหนุ่มวางสายจากผู้เป็นพ่อเขาก็ โทรไปหาแพรวาและสอบถามเรื่องราวที่เกิดแต่ยัยแพรไม่ยอมแม้แต่ปริปากบอกว่าใครคือพ่อของลูกในท้องจนเขาต้องใช้วิธีการบังคับขั้นเด็ดขาดกับเธอจนเธอต้องเอ่ยปากออกมา หลังจากนั้นเขาก็ยกหูโทรศัพท์โทรหาใครบางคนที่อยู่เมืองไทย หลังจากที่รอสายได้ไม่นาน "ฮาโหลว่าไงว่ะไอ้ลม"เสียงของปลายสายตอบกลับมา "ฉันมีใครบางคนให้แกหาประวัติให้หน่อยว่ะ" "ใครว่ะ" "น่านน้ำ อัครเสนารักษ์" "ทำไมว่ะ" "เอ้อน่าแกหาประวัติมันมาให้ฉันหน่อยฉันขอเป็นเร็วที่สุดและละเอียดที่สุดนะได้พรุ่งนี้เลยยิ่งดี" "เอ้อๆเดี๋ยวฉันจัดการให้" "ขอบใจว่ะ" "อืม" วายุภักษ์กับภาคภูมิเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมหลังจากจบมัธยมวายุภักษ์ก็เดินทางมาเรียนที่ต่างประเทศส่วนภาคภูมิเขาเรียนที่เมืองไทยแต่ทั้งสองก็ยังติดต่อหากันบ่อยๆเพราะต่อให้ห่างไกลกันแค่ไหนพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่เคยที่จะขาดการติดต่อกับพวกเขาทั้งคู่จะโทรหากันประมาณอาทิตย์ละสอง-สามวันจึงทำให้ทั้งคู่รู้ความเคลื่อนไหวของกันและตลอด เมื่อทุกอย่างลงตัวชายหนุ่มเก็บกระเป๋าและบินด่วนกลับประเทศไทยภายในวันนั้นเลยปัจจุบัน..... "ผมลงเครื่องแล้วครับตอนนี้กำลังจะเดินออกจากสนามบินครับพ่อ"ชายหนุ่มตอบกลับผู้เป็นพ่อก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมา "พ่อครับไม่ต้องบอกยัยแพรกับแม่นะครับว่าผมกลับมาแล้วผมจะเข้าไปดูแลโฮมสเตย์กับไร่องุ่นเองครับส่วนพ่อก็คอยจับตาดูยัยแพรให้ดีๆนะครับผมกลัวว่าน้องจะคิดสั้นส่วนเรื่องงานที่บริษัทเดียวพ่อกับผมค่อยสลับสับเปลี่ยนวันกันไปนะครับ" ชายหนุ่มกล่าวกับผู้เป็นพ่อออกก่อนเดินทางไปยังไร่องุ่นต่อไป ชายหนุ่มใช้เวลาในการขับรถจากสุวรรณภูมิถึงวังน้ำเขียวประมาณเกือบสี่ชั่วโมงระยะทางจากถนนเข้าไปในตัวไร่ของเขาใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงซึ่งทั้งสองข้างก่อนที่จะถึงตัวไร่มีต้นไม้ใหญ่ที่โน้มตัวลงมาประสานกันจนกลายเป็นอุโมงค์ทำให้ดูสวยงามเมื่อขับเลยอุโมงค์ต้นไม้ออกมาก็จะเจอกับป้ายขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้สักเขียนไว้อย่างสวยงามว่าไร่วายุภักษ์ ชายหนุ่มขับรถเข้าไปจอดไว้หน้าบ้านทรงไทยหลังหนึ่งที่เป็นบ้านสองชั้นซึ่งตัวบ้านทำมาจากไม้สักทั้งหลังและบริเวรรอบๆบ้านมีรั้วเป็นต้นแก้วเจ้าจอมที่ออกดอกชูช่อและส่งกลิ่นหอมอ่อนๆออกมาให้สูดดมเป็นระยะๆก่อนจะดับเครื่องยนต์และเปิดประตูพร้อมขนสำภาระออกจากรถเพื่อนำไปเก็บยังห้องนอนที่อยู่ชั้นสองของบ้าน ภายในห้องอับต่างๆดูสะอาดตายิ่งหนักเพราะมีคนมาทำความสะอาดอยู่บ่อยๆชายหนุ่มจัดการเก็บข้าวของทุกอย่างเข้าที่และจัดการอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด ขณะที่กำลังจะออกจากห้องน้ำเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูก็ดังขึ้นวายุภักษ์เอื่อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างๆเตียงนอนขึ้นมาดูเมื่อเห็นว่าใครโทรมาเขาก็รีบกดรับสายทันที "ว่าไงว่ะภาค" "ฉันจะโทรมาบอกแกว่าข้อมูลกับประวัติของน่านน้ำฉันส่งไปให้แกทางเมลแล้วนะอย่าลืมเปิดอ่านละ" "อืมขอบใจมากเพื่อน" หลังจากวางสายจากภาคภูมิชายหนุ่มหันไปหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาก่อนจะเปิดเครื่องต่อไวฟายและกดเข้าไปยังกล่องข้อความของอีเมลที่ภาคภูมิเป็นคนส่งมาให้ชายหนุ่มแค่เพียงอึดใจข้อมูลและประวัติส่วนตัวทุกอย่างของน่านน้ำก็มาอยู่ตรงหน้าของเขา น่านน้ำ อัครเสนารักษ์ ลูกชายคนโตของมานพอัครเสนารักษ์ ดีกรีหนุ่มนักเรียนนอกปริญญาโทด้านการบริหารจากฝรังเศษและกำลังจะรับช่วงต่อจากผู้เป็นพ่อในตำแหน่งผู้บริหารบริษัท N&N จำกัด หลังจากอ่านรายละเอียดเรียบร้อยชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มาแล้วกดไปยังเบอร์โทรที่โทรเข้ามาเมื่อกี้อีกครั้งเขาใช้เวลารอสายไม่นานปลายสายก็ตอบกลับมา "ว่าไงว่ะ" "รายละเอียดของคนอื่นในครอบครัวละหรือว่าไม่มีแล้ว"วายุภักษ์เอ่ยถามกับเพื่อนของเขา "ไอ้มีมันก็มีนั้นแหละแต่มันหายากว่ะเพราะฝั่งนั้นเล่นไม่ลงข่าวอะไรเลยที่เกี่ยวกับลูกสาวคนเล็กแถมคนในวงการยังบอกอีกนะว่ามันห่วงลูกมันยิ่งกว่าอะไรดี"ภาคภูมิเล่ารายละเอียดทุกอย่างที่เขาทราบให้ชายหนุ่มฟัง "งั้นแกต้องหาประวัติลูกสาวของ มานพ มาให้ฉันให้ได้ไม่ว่าแกจะมันมาด้วยวิธีไหนก็ตามและฉันก็เชื่อว่าแกต้องทำได้ หลังจากเสร็จจากงานนี้แล้วแกอยากได้อะไรฉันจะให้แกทุกอย่างโอเครนะเพื่อนขอบใจมาก" ทางด้านของภาคภูมิเขาเองก็ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรออกมาวายุภักษ์ก็วางสายเขาไปซะก่อนแล้วเขาจะไปหาข้อมูลมาจากไหนได้วะเนี้ยชายหนุ่มได้แต่สบถด่าตัวเองอยู่ใจอย่างหงุดหงิด หลังจากที่วายุภักษ์วางโทรศัพท์ก็หย่อนตัวนั้งลงบนเตียงก่อนจะเอาโทรศัพท์ไปวางที่โต๊ะข้างๆเตียง จากนั้นเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงสดขนาดกลางออกจากนั้นก็เปิดกล่องแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าผื่นน้อยๆสีชมพูที่ถักขอบสีขาวออกมาคลี่ดูโดยที่ด้านล่างของผ้าเช็ดหน้าปักชื่อไว้ว่า "น่านฟ้า" ชายหนุ่มนั้งมองผ้าเช็ดหน้าด้วยสายตาที่อ่อนโยนและมีประกายแห่งความสุขปะปนรวมอยู่ด้วยเขานึกถึง สาวน้อยน่ารักมีใบหน้าที่จิ้มลิ้มแถมมีลักยิ้มทั้งสองข้างและมีดวงตาที่กลมโตและถักเปียทั้งสองข้างเขายังจำมันได้เสมอว่าครั้งแรกที่เด็กชายอย่างเขาเจอสาวน้อยน่ารักในวันนั้นมันทำให้เหมือนกับโลกทั้งโลกของเด็กชายสดใสและน่าอยู่ขึ้นเพียงเพราะรอยยิ้มของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆถึงแม้ตอนนั้นเขาจะอายุเพียงแค่สิบขวบก็ตามแต่ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นเขาจำมันได้ไม่เคยลืมถึงแม้ตอนนี้มันจะผ่านมาสิบกว่าปีแล้วก็ตาม เพราะตั้งแต่ที่เขาเจอสาวน้อยคนนั้นเขาก็ไม่เคยรู้สึกที่จะสนใจผู้หญิงคนไหนอีกเลยชายหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาทาบกับอกด้านซ้ายก่อนที่จะล้มตัวนอนราบลงไปกับเตียงขนาดใหญ่ "ตอนนี้คงโตเป็นสาวแล้วสินะ" และตัวเขาเองก็หวังว่าเขาจะมีโอกาสเจอกับเธออีกครั้งหลังจากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาจูบก่อนจะเอามันไปกอดไว้ที่หน้าอกแล้วก็หลับตาลงพร้อมกับรอยยิ้ม ชายหนุ่มจะทำแบบนี้ทุกคืนก่อนนอนและทำมันมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาเพราะหากไม่มีผ้าเช็ดหน้าผื่นนี้มันก็เหมือนกับเขาขาดอะไรไปซักอย่างที่มันทำให้เขานอนไม่หลับและนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องพกผ้าเช็ดหน้าผื่นนี้มาตลอดไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหนก็ตามทางด้าน ของมานพ ตอนนี่เขาตามจับคนร้ายที่ยิงน่านฟ้าได้แล้ว และมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหนมันคือคู่แข่งทางธุรกิจของเขานั้นเองในตอนแรกมันกะจะยิงวายุภักษ์แล้วจะโยนความผิดทุกอย่างให้ มานพ แต่มันดันพลาดตรงที่น่านฟ้าลูกสาวของเขาเอาตัวเองไปเป็นโล่กำบังให้กับวายุภักษ์แต่มันก็สะใจดีในเมื่อเล่นงานคนเป็นพ่อไม่ได้ก็เล่นงานลูกสาวมันแทนก็แล้วกันเลยทำให้ผลออกมาเป็นตามที่เห็น แต่มันคงไม่รู้ว่ามันเล่นผิดคนซะแล้วเพราะวายุภักษ์เองก็ใช่คนธรรมดาที่ไหนเขาคือซาตานดีๆ นี้เองในเมื่อมันกล้าทำกันคนที่เขารักขนาดนี้งั้นมันก็ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกในนี้แล้ว และในตอนนี้คู่แข่งทางธุรกิจของ มานพ ก็ได้หายสาบสูญไปจากโลกนี้อย่างไร้ร่องรอยโดยเหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาก่อนณ โรงพยาบาลเช้าวันรุ่งขึ้นรัชชานนท์มาเยี่ยมน่านฟ้าในขณะที่ชายหนุ่มยกมือขึ้นจะเคาะประตูก็มีเสียงดังลอดออกมาก่อนเสียงที่ดังออกมาจากในห้องนั้นทำให้เขาต้องหยุดชะงัก ร่างบางที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงเริ่มมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย เปลือกตาค่อยๆ กะพริบตาปริบๆ ขึ้นลงเพื่อค่อยปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงหญิงไล่สายตาไปรอบๆ ก่อนจะมาสะดุดกับร่างหนาก็ใครบางคนที
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าพูดเท่าไรก็คงไม่ยอมแน่ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปอุ้มหญิงสาวออกจากเตียงก่อนจะพาเดินออกไปจากห้อง น่านฟ้าพยายามดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของวายุภักษ์แต่ไม่ว่าเธอพยายามดิ้นแค่ไหนก็ไม่สำเร็จ จนวายุภักษ์ต้องพูด ออกมาด้วยน้ำเสียงดุๆ''หากคุณไม่กลัวตกบันไดก็ดิ้นต่อไป''หลังจากที่วายุภักษ์พูดจบน่านฟ้าก็ไม่ดิ้นอีกเลย อีกอย่างเธอกลัวว่าลูกในท้องจะเป็นอัตรายด้วยหากเธอตกลงไปชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวมาถึงรถก่อนจะวางลง''ทำไมถึงไม่อยากไปหาหมอ'' วายุภักษ์ถามออกมาอย่างใจเย็น''ก็ฉันไม่ได้เป็นอะไร อ่อ...ถ้าคิดว่าฉันท้องละก็เสียใจด้วยนะคะเพราะว่าวันไม่มีวันที่จะเป็นความจริง''หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียสั่นๆตอนนี้น้ำตาเธอเริ่มไหลออกมาอีกแล้ว''อื่อ! อื่อ! อื่อ!''mเสียงสะอื้นที่ดังออกมาจากคนตัวเล็กทำให้หัวใจของวายุภักษ์เจ็บปวดยิ่งนัก''น้องฟ้าครับพี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง พี่ยอมรับผิด" ชายหนุ่มก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอยิ่งนัก ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขารักผู้หญิงตรงหน้ามากแค่ไหนเขาไม่อยากเสียเธอไปอีกแล้ว''อื่อ! อื่อ! อื่อ!"ยังคงมีแต่เสียงสะอื้นที่ตอบกลับมาเป็นระยะๆ"น้องฟ้าครับพี่ขอโอกาสอีกครั้งได้ไหมคร
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่น่านน้ำและแพรวาปรับความเข้าใจกันเรียบร้อย พ่อและแม่ของแพรวาต่างก็ยอมรับในตัวของลูกเขยคนนี้แต่กว่าจะยอมรับน่านน้ำใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองอยู่เกือบเดือน ทุกอย่างดูเหมือนจะลงเอ่ยด้วยดีณ โรงพยาบาลxxx น่านฟ้าที่รู้สึกว่าตัวเองจะไม่สบายและมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ พะอืดพะอม เป็นๆหายๆมาสักพักแล้วทานยาก็ไม่หายแถมช่วงนี้เธอยังง่วงนอนบ่อยด้วยหญิงสาวเลยตัดสินใจพาตัวเองมาหาหมอ"เชิญคุณเนตรนภา อัครเสนารักษ์ ที่ห้องตรวจเบอร์ 2 ค่ะ""จากที่หมอดูอาการเบื้องต้นหมอคิดว่าหมอพอจะทราบแล้วว่าคุณเป็นอะไรมาแต่เพื่อความแน่ใจหมอขอตรวจปัสสาวะและเลือดเพิ่มเติมหน่อยนะคะ""ได้ค่ะ"หลังจากที่เจาะเลือดและเก็บตัวอย่างปัสสาวะเสร็จหญิงสาวก็ลงไปนั่งรอผลเลือดร้านคาเฟ่ข้างๆโรงพยาบาลเพราะมันต้องใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงผลเลือดถึงจะออกหญิงสาวจึงสั่งเค้กและน้ำผลไม้ปั่นมาทานเพื่อฆ่าเวลา ณ ห้องตรวจ"คุณเนตรนภา เชิญนั่งค่ะ""คุณค่ะ""ผลตรวจออกมาแล้วนะคะ""ค่ะ""หมอยินดีด้วยนะคะตอนนี้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้สองสัปดาห์แล้วค่ะ""ท....ท้อง!""คะ ต่อไปคุณแม่ทำอะไรต้องระวังตัวด้วยนะคะ ห้ามยกของหนัก พยายามอย่างใส่รองเท้า
หลังจากที่นั่งดื่มกันได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือของรัชชานนท์ดังขึ้นเมื่อหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์แปลกๆชายหนุ่มปิดเสียงแล้ววางลงไว้ที่เดิมบนโต๊ะ"พี่นนท์ทำไมไม่รับสายละคะ""เบอร์แปลกครับพี่เลยไม่รับเพราะนี่มันเป็นเวลาส่วนตัวของพี่ครับ""อ่อ...ค่ะ"ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของรัชชานนท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ"พี่นนท์รับสายก่อนก็ได้ค่ะคนที่โทรมาเขาอาจมีธุระอะไรสำคัญก็ได้""ครับงั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวออกรับไปโทรศัพท์ก่อนนะครับน้องฟ้าห้ามลุกไปไหนคนเดียวนะครับ"หลังจากที่รัชชานนท์ไปรับโทรศัพท์ได้ไม่นานน่านฟ้าก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำทางด้านฝั่งของรัชชานนท์หลังจากที่คุยโทรศัพท์เป็นที่เรียบร้อยชายหนุ่มจึงรีบเดินกลับเข้ามาที่โต๊ะเมื่อไม่เห็นคนตัวเล็กเขาก็ยกหูโทรศัพท์เพื่อจะโทรแต่พนักงานของทางร้านก็เดินมาแจ้งว่าหญิงสาวที่มาด้วยตอนนี้กำลังเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับก่อนจะหันสายตาไปมองโต๊ะข้างๆเลยทำให้เห็นว่าตอนนี้วายุภักษ์ก็ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะ ชายหนุ่มจึงเกิดความรู้สึกเป็นห่วงน่านฟ้าขึ้นมาทันทีในขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้น น่านฟ้าก็เดินกลับมาพอดีแต่สีหน้าของเธอในตอนนี้มันไม่ค่อยดีนัก"พี่นนท์คะเรากลับบ้านกันเถอ
ณ ไร่วายุภักษ์เช้านี้บรรยากาศภายในไร่ ท้องฟ้าสดใสแสงแดดยามเช้าตรู่ค่อยๆ สากกระทบเข้ากับต้นองุ่นนาๆชนิดเสียงร้องของนกยามเช้าร้องกระซิบไปมาทำให้ร่างของใครบางคนที่กำลังหลับไหลต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องของนาฬิกาในเครื่องมือสือสารค่อยๆ ดังขึ้นชายหนุ่มจึงใช้มือควานหาเพื่อจะปิดมัน แล้วนอนต่ออีกหน่อยเพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปเกือบสว่างแล้ว สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะเขาคิดถึงสาวน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มผู้เป็นเจ้าของผ้าเช็ดหน้าที่เขากำลังนอนกอดอยู่ เมื่อวานชายหนุ่มตั้งใจที่จะนอนที่โฮมสเตย์แต่เขานอนไม่หลับเพราะทุกๆ คืนที่ผ่านมาชายหนุ่มมักจะมานั้งดื่มเหล้ากับน้าชาติและคนงานจนเมาแล้วก็หลับไปแต่เมื่อคืนน้าชาติไม่อยู่คนงานก็ลากลับบ้านทำให้ชายหนุ่มเจ้าของไร่ไม่คนนั้งดื่มเหล้าด้วยครั้งจะโทรหาภาคภูมิมันก็เกรงใจ อีกอย่างมันก็ดึกมากแล้วเขาเลยต้องข่มตานอนให้หลับแต่ให้ตายเถอะพยายามข่มตาให้หลับแค่ไหนมันก็ไม่ยอมหลับจนกระทั่งสุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็ต้องขับรถกลับมาบ้านท้ายไร่เพื่อมาเปิดกล่องแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา กอดเพียงแค่นั้นแหละเขาก็หลับมาจนถึงตอนนี้ในเวลาต่อมาเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นก่อ
เวลาต่อมาหลังจากที่น่านน้ำพาน่านฟ้าไปส่งที่ห้องและชายหนุ่มก็ฝากให้แก้วเป็นคนดูแลต่อก่อนที่เขาจะเดินไปคุยกับพ่อในห้องทำงาน“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น“ผมเองครับพ่อ”“อืม”ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปแล้วไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้เป็นพ่อก่อนที่ถามคำถามที่มันค้างคาใจเขามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” พ่อครับ ทำไมพ่อทำแบบนั้นครับ “ชายหนุ่มพยายามบังคับน้ำเสียงที่เปล่งออกไปนั้นไม่ให้สั่นทั้งที่ตอนนี้หัวใจของเขามันเจ็บจนไม่มีเหลือชิ้นดีแล้ว” ทำอะไร “คนเป็นพ่อถามออกมาทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าลูกชายหมายถึงอะไร” พ่อทำแบบนั้นกับเมียและลูกของผมได้อย่างไร! “ชายหนุ่มถามออกมาอย่างเหลืออด” ฉันยังไม่ได้ทำอะไร อีกอย่างที่ฉันทำตั้งหมดก็เพื่อตัวแกเองทั้งนั้น “มานพบอกลูกชายอย่างไม่เดือดร้อน” แต่นั้นมันลูกเป็นผมละครับ “” ลูกแกแล้วทำไมในเมื่อผู้หญิงคนนั้นมันง่ายเองและอีกอย่างมันอาจจะเป็นแผนที่นางนั้นมันคิดจะจับแกก็ได้ “ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังในตัวคนเป็นพ่อมาก“ผมจะบอกกับพ่อเป็นครับสุดท้ายว่าแพรวาคือผู้หญิงที่ผมรักและอยากสร้างครอบครัวด้วย เพราะฉะนั้นพ่อเลิกจับคู่ผมกับหลานสาวคุณป้ากันยาได้เพราะมันไ