แชร์

บทที่ 22 หม้อไฟหมาล่า (1)

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-21 11:56:09

บทที่ 22

หม้อไฟหมาล่า (1)

            เช้าตรู่วันต่อมา นายหน้าพาเหล่าลูกจ้างที่ตงตงกับจางไคเฮ่อเลือกนั่งรถม้ามาส่งถึงหน้าโรงเตี๊ยมตระกูลจาง

            ตงตงรับสัญญาซื้อขาย และจ่ายเงินให้กับนายหน้าในราคาตามที่ตกลง

            เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ตงตงพาพวกเขามาที่หลังร้าน เด็กใหม่ 3 คน ผู้หญิงชื่อว่า เสี่ยวซิน ผู้ชายอีกสองคนชื่อว่า เสี่ยวกวางกับอาฉี

            ตงตงมอบหมายให้จิ่งฝางเป็นคนสอนงานทั้งสามคนนี้ และยังเลื่อนตำแหน่งให้จิ่งฝางเป็นหัวหน้าคนงานด้วย

            ในส่วนของแม่ม่ายหยู ทุกคนเรียกนางว่าหยูฮูหยิน ตงตงพานางมาที่ห้องครัว ช่วงแรกให้ช่วยหั่นผักและทอดปาท่องโก๋ที่หลังร้านไปก่อน หากหยูฮูหยินคุ้นเคยกับครัวแล้ว ค่อยสอนนางทำอาหารตามสูตร

            ตงตงต้องการใครสักคนเป็นแม่ครัวประจำร้านแทนนาง 

            อีกอย่างหนึ่ง!

            ถึงจะตั้งเป้าหมายสู่ความร่ำรวย แต่ตงตงไม่ได้อยากทำงานหนักจนสายตัวแทบขาดเหมือนชาติก่อน

            เป็นเจ้าของธุรกิจแล้วก็ต้องใช้คนให้ถูกกับงาน

            ผ่านไปเพียงไม่ถึงครึ่งวัน เมนูอาหารเช้าในร้านก็ขายหมดเกลี้ยง

            พอเก็บร้านแล้ว ตงตงเรียกทุกคนมากินข้าวด้วยกัน ทั้งยังห่อซาลาเปาที่เก็บเอาไว้ให้พวกเขาเอากลับไปคนละห้าลูก

            …..

            .….

            3 วันให้หลัง เป็นวันหยุดประจำของร้าน

            เนื่องจากตงตงจะเปิดโรงเตี๊ยมตระกูลจางอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทุกคนจึงใช้วันหยุดช่วยกันทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมของโรงเตี๊ยม รวมถึงโต๊ะเก้าอี้และห้องส่วนตัวที่อยู่บนชั้นสองด้วย  

            ในขณะที่ทุกคนช่วยกันทำความสะอาด ลูกจ้างร้านหลวมโลหะก็ได้นำของมาส่ง

            เวลานี้ตงตงกับหยูฮูหยินเตรียมของอยู่ในครัว จิ่งฝางกับคนอื่นๆ จึงออกไปรับสินค้าแทน 

            เขากับเด็กๆ ช่วยกันขนของมาที่หลังร้าน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย 

            “นี่คือ ‘หม้อไฟหมาล่าหยินหยาง’ ใช่หรือไม่ ของจริงเป็นแบบนี้เองหรือ!” จิ่งฝางหมุนหม้อทองแดงกลับไปกลับมา ดวงตาเบิกกว้างเพราะเพิ่งเคยเห็น

            พวกเสี่ยวซิน เสี่ยวกวางและอาฉีก็ทำหน้าสงสัยไม่ต่างกัน  

            ตงตงหัวเราะพร้อมกับตอบว่า “ชื่อเรียกยาวไปแล้วพี่จิ่งฝาง”  

            จิ่งฝางพ่นเสียงหัวเราะพรืด ก่อนถามตงตงว่าจะให้เรียกเมนูใหม่นี้ว่าอะไร 

            ตงตงตอบ “เรียกหม้อไฟหมาล่าก็พอ”

            “อืม หม้อไฟหมาล่า” จิ่งฝางทวนชื่อเมนู

            คนงานทั้งสามพยักหน้าทวนชื่อเช่นเดียวกัน

            อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องจดจำชื่อเมนูไว้ตอนที่ลูกค้าสั่งจะได้ไม่งง

            “เอาละ พวกเจ้าเอาหม้อพวกนี้ไปล้างให้สะอาด แล้วก็เตรียมเตาไฟกับถ่านไว้ด้วย” ตงตงบอก 

            “ขอรับ/เจ้าค่ะ”

            ทั้งสามคนตอบพร้อมเพรียง

            จากนั้นเสี่ยวซินกับเสี่ยวกวางหิ้วหม้อหมาล่าไปล้าง ส่วนอาฉีออกไปเตรียมเตากับถ่าน

            จิ่งฝางยังอยู่ในครัวต่อ ยืนมองตงตงเคี่ยวน้ำซุป

            “แล้วนั่น ตงตงกำลังทำอะไรอยู่หรือ”

            ตอนนี้ตงตงกำลังยืนอยู่หน้าเตา ตรงหน้าคือหม้อน้ำซุปใบใหญ่ น้ำซุปในหม้อถูกเคี่ยวจนเป็นสีขาวนวลเหมือนน้ำนม กลิ่นหอมฉุยของกระดูกหมูชวนน้ำลายสอ

            อีกเตาหนึ่ง ตงตงตั้งกะทะร้อนๆ ผัดรากบัวกับเครื่องเทศเข้าด้วยกัน

            เครื่องเทศในกะทะส่งกลิ่นหอมฉุนแบบเผ็ดร้อน พอคลุกเคล้าเข้าที่ ตงตงก็ตักน้ำซุปจากหม้อน้ำซุปกระดูกหมูเติมลงไป สีสันในกะทะยิ่งดูจัดจ้านกว่าเดิม

            จิ่งฝางนึกสงสัยว่าจะกินได้จริงหรือ เพราะมันดูเผ็ดมาก

            “ข้ากำลังเตรียมน้ำซุปหม้อไฟทั้งสองแบบน่ะ” ตงตงตอบพลางยิ้ม

            จิ่งฝางพยักหน้าส่งเสียงว่า “อ๋อ”

            ตอนนั้นเอง หยูฮูหยินเตรียมผักกับเนื้อเสร็จพอดี จึงขอแรงจิ่งฝางให้ช่วยยกของทั้งหมดออกไปวางที่โต๊ะ

            “เสี่ยวฝาง เจ้าว่างหรือไม่ ช่วยข้ายกจานพวกนี้ไปวางที่โต๊ะบนชั้นสองที”

            จิ่งฝางตอบว่า ได้ จากนั้นทั้งสองคนก็ช่วยกันจานเนื้อกับผักออกจากครัว

            ทางด้านเด็กทั้งสามเตรียมหม้อกับเตาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

            “งั้นข้าไปเรียกท่านน้าจางกับน้องเหยียนหลิ่วก่อนนะ” จิ่งฝางอาสาไปตามทั้งสองคน

            จางไคเฮ่อกับเหยียนหลิ่วอยู่ที่ลานกว้างหลังโรงเตี๊ยม หลังจากพวกเขาช่วยกันผ่าฟืนเสร็จก็ฝึกร่างกายและวิชาต่อสู้กันต่อ 

            เพียงไม่นาน ทุกคนก็มารวมตัวกันที่ชั้นสอง

            เนื่องจากโต๊ะสำหรับกินหม้อไฟไม่เหมือนกับโต๊ะทั่วไป ตงตงจึงจัดโต๊ะนั่งสำหรับกินหม้อไฟที่ชั้นสอง โต๊ะทั้ง 10 ตัวนี้ นางให้ช่างไม้ช่วยปรับแก้ ด้วยการเจาะตรงกลางโต๊ะไว้สำหรับวางเตาถ่าน

            ตงตงยกหม้อน้ำซุปวางบนเตาไฟ ทุกคนเห็นว่าน้ำซุปทั้งสองฝั่งสีสันไม่เหมือนกัน ต่างก็เบิกตามองอย่างสงสัย

            “ฝั่งนี้คือซุปกระดูกหมูสำหรับเด็กเล็กหรือคนไม่ชอบเผ็ด ส่วนฝั่งนี้คือน้ำซุปหมาล่า สำหรับคนชอบรสเผ็ดร้อน” ตงตงอธิบายพร้อมกับย่อนก้นนั่งลงข้างๆ จางไคเฮ่อ “วิธีกินหม้อไฟคือจะเทผักกับเนื้อลงไปต้มทีเดียว หรือจะจุ่มเอาแบบนี้ก็ได้เหมือนกัน”

            ไม่พูดเปล่า ตงตงคีบเนื้อหมูที่แล่บางเฉียบลงไปแกว่งในน้ำซุปร้อนๆ ฝั่งที่เป็นรสหมาล่า

            เมื่อเนื้อหมูสุกกำลังพอดี ตงตงวางเนื้อหมูบนจานของจางไคเฮ่อ

            “ท่านพ่อลองชิมเจ้าค่ะ”

            จางไคเฮ่อคีบหมูส่งเข้าปาก พลันน้ันร้องชมว่า ‘อร่อย’  

            เสี่ยวซินเห็นสีหน้าของเถ้าแก่ใหญ่ก็อยากลองกินบ้าง หากก็ยังมีคำถาม

            “แล้ว…เนื้อหมูที่แล่บางๆ แบบนี้ หากลูกค้าบ่นว่าไม่อิ่ม และตำหนิว่าเอาเปรียบ ควรจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”

            ตงตงยิ้มให้กับคำถามอันไร้เดียงสาของเสี่ยวซิน แล้วอธิบายเพิ่ม “จานเดียวย่อมไม่อิ่ม เพราะอย่างนั้น ลูกค้าจะสั่งอีกเรื่อยๆ แต่เป้าหมายที่แล่เนื้อบาง ข้าไม่ได้จะเอาเปรียบลูกค้า เนื้อที่แล่บางจะดูดซึมน้ำซุปได้ดีกว่าเนื้อชิ้นหนา”

            “แบบนี้นี่เอง” เสี่ยวซินพึมพำตอบ

            จางไคเฮ่อคีบเนื้อหมูที่แล่บางๆ อย่างสม่ำเสมอกันทุกชิ้นขึ้นมา “หยูฮูหยินมีฝีมือแล่เนื้อ หั่นได้เสมอกันทุกชิ้น เป็นข้าคงทำไม่ได้ เยี่ยมยอด”

            “ขอบคุณเจ้าค่ะ เถ้าแก่ใหญ่”

            “เอาละๆ มากินต่อดีกว่า”

            จากนั้น ทุกคนก็กินหม้อไฟหมาล่าตามคำชี้แนะของตงตง

            น้ำซุปที่ซึมเข้าเนื้อหมูอร่อยและแปลกใหม่ยิ่งนัก กินในช่วงอากาศหนาวๆ แบบนี้ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นด้วย!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status