Masuk"แม่ทัพ ฉินเย่เหวิน ท่านไม่ต้องกลัว ท่านเพียงแค่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามสบาย ชาหอมของข้านั้นเป็นยาพิเศษ มันจะช่วยให้ท่านได้ค้นพบว่าสวรรค์ที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร" หวังเสี่ยวจื้อ ขันทีเฒ่าวัย 65 ปี กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ายวน ขณะที่มือเหี่ยวย่นของเขาค่อยๆ ลูบไล้ไปตามท่อนเนื้อของแม่ทัพหนุ่มอย่างแผ่วเบา ร่างกายของแม่ทัพหนุ่มตอบสนองต่อการสัมผัสนั้นทันที ราวกับว่าความต้องการที่ถูกกระตุ้นโดยผงดอกไม้แดงในน้ำชากำลังควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง
ท่อนเนื้อของฉินเย่เหวินดิ้นสู้มือของขันทีเฒ่าอย่างมาก ราวกับว่ามันมีชีวิตและความต้องการของตัวเอง ความรู้สึกที่พุ่งพล่านในใจและกายของเขาทำให้เขาไม่สามารถขัดขืนการกระทำของหวังเสี่ยวจื้อได้ แม้จิตสำนึกของเขาจะยังพยายามต่อสู้เพื่อรักษาเกียรติและศักดิ์ศรี แต่พละกำลังและความตั้งใจของเขากลับอ่อนลงทุกที
เมื่อมือของขันทีเฒ่าล่วงล้ำเข้าไปจับที่ส่วนกลางระหว่างขาของเขา แทนที่แม่ทัพหนุ่มจะรู้สึกต่อต้าน กลับกลายเป็นว่าร่างกายของเขาตอบสนองต่อสัมผัสนั้นด้วยความยินดี เขารู้สึกถึงความเคลิบเคลิ้มที่ค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ความอายและความกลัวที่เคยมีถูกกลืนกินไปด้วยเปลวไฟแห่งราคะ
"ท่านแม่ทัพ หากท่านยอมเป็นของข้าสักครั้ง ไม่ว่าเรื่องอะไรข้าก็ยินดีที่จะตามใจท่าน" หวังเสี่ยวจื้อกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและแฝงไปด้วยความเย้ายวน พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจให้กับแม่ทัพหนุ่ม ขณะที่ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความพึงพอใจและความมั่นใจในอำนาจที่เขามีอยู่เหนืออีกฝ่ายหนึ่ง
ฉินเย่เหวินรู้ดีว่าตนเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ความต้องการที่เกิดจากฤทธิ์ของผงดอกไม้แดงกำลังเข้าครอบงำสติและการตัดสินใจของเขา แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าตนเองกำลังหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยยึดมั่น ความปรารถนาที่ถูกปลุกขึ้นมานั้นทำให้เขาเริ่มลังเล และค่อยๆ ปล่อยให้ตัวเองลอยล่องไปในทะเลแห่งราคะที่ขันทีเฒ่ากำลังเปิดเผยให้เขาได้เห็น
แม่ทัพหนุ่ม ฉินเย่เหวิน ที่กำลังถูกไฟแห่งราคะเผาไหม้อยู่ภายในจิตใจ พยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถเพื่อควบคุมตนเอง แม้ร่างกายของเขาจะถูกกระตุ้นจนยากจะต่อต้าน แต่ความตั้งใจและเจตนารมณ์ยังคงพยายามดิ้นรนที่จะหลุดพ้นจากสภาพนี้ ในที่สุดเขาก็รวบรวมสติที่เหลืออยู่ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความทรมาน "ถ้าหากว่าข้าต้องเป็นของท่าน... ท่านต้องช่วยให้ข้าเข้าไปภายในตำหนักผีเสื้อ..."
หวังเสี่ยวจื้อ ขันทีเฒ่าที่กำลังยิ้มแย้มอย่างพึงพอใจเมื่อได้ยินคำพูดของแม่ทัพหนุ่ม ยิ้มกว้างขึ้นอีก เขารู้ดีว่าตอนนี้ฉินเย่เหวินอยู่ในจุดที่อ่อนแอที่สุด และสิ่งที่เขาต้องการก็อยู่ใกล้เพียงปลายนิ้ว ขันทีเฒ่ามองแม่ทัพหนุ่มด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ายวน "ถ้าหากท่านต้องการที่จะเข้าไปภายในตำหนักสวรรค์แห่งนั้น... ท่านก็จงมอบสวรรค์ให้ข้าก่อน"
คำพูดของหวังเสี่ยวจื้อแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้งที่แม่ทัพหนุ่มไม่อาจปฏิเสธได้ ความรู้สึกภายในที่ทั้งร้อนรุ่มและเร่าร้อนทำให้เขาต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก แม้ในใจลึกๆ เขาจะรู้ว่านี่คือกับดักที่เขากำลังจะตกลงไป แต่พลังของยาที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูพร่ามัวและไม่ชัดเจน
ขณะที่เขามองเข้าไปในดวงตาของขันทีเฒ่า ฉินเย่เหวินรู้ดีว่าทางเลือกของเขานั้นมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น สวรรค์ที่เขาต้องการจะเข้าถึงอยู่ตรงหน้านี้แล้ว แต่ราคาที่ต้องจ่ายกลับสูงเกินกว่าจะนึกถึงได้...
เมื่อแม่ทัพหนุ่ม ฉินเย่เหวิน ตัดสินใจปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนเอง เรือนร่างของเขาก็เผยออกมาอย่างช้าๆ ให้เห็น
เรือนร่างของแม่ทัพหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความสง่างามและความแข็งแกร่ง ช่วงไหล่ของเขากว้างและมีมัดกล้ามที่ดูโดดเด่น เส้นสายของกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและมีสัดส่วนที่พอดีแสดงให้เห็นถึงการฝึกฝนและการดูแลร่างกายอย่างดี ช่วงอกของเขายิ่งใหญ่และมีเส้นกล้ามเนื้อที่ชัดเจน ทำให้ดูมีพลังและความมั่นคง ส่วนเอวที่เรียวคอดูเข้ากันกับกล้ามเนื้อท้องที่มีลักษณะเด่นชัด การเคลื่อนไหวของเขาขณะปลดเปลื้องเสื้อผ้าสะท้อนถึงความสง่างามและความมั่นใจในร่างกายของตนเอง
ลำตัวของเขามีความเพรียวและกล้ามเนื้อที่สวยงาม ส่วนท่อนขาของเขาก็แข็งแกร่งและมีลักษณะเฉพาะที่แสดงถึงความแข็งแรงและความคล่องแคล่ว บริเวณผิวหนังที่เปิดเผยออกมานั้นเนียนละเอียดและมีประกายของสุขภาพที่ดี
ขันทีเฒ่า หวังเสี่ยวจื้อ ยืนมองแม่ทัพหนุ่มด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหลและความพอใจ ดวงตาของเขาเปล่งประกายและไม่สามารถละสายตาไปจากเรือนร่างที่แสนจะสมบูรณ์แบบนี้ได้ แววตาของขันทีเฒ่าแสดงออกถึงความพอใจอย่างชัดเจน ความหลงใหลในเรือนร่างของแม่ทัพหนุ่มสะท้อนออกมาในท่าทางและการมองของเขา ช่วงเวลานี้ดูเหมือนว่าเขาได้พบกับสิ่งที่เขาตามหาอย่างแท้จริง
เมื่อขันทีเฒ่าหวังเสี่ยวจื้อจ้องมองตรงกลางระหว่างขาของแม่ทัพหนุ่ม ฉินเย่เหวิน เขาเห็นว่าท่อนเนื้อของแม่ทัพหนุ่มนั้นแข็งผงาดและตั้งชูชันอย่างเต็มที่ รูปลักษณ์ของมันมีความสง่างามและความพิเศษที่ทำให้ดึงดูดสายตาได้เป็นอย่างดี ขันทีเฒ่ามองด้วยความหลงใหลและพึงพอใจ
รูปลักษณ์ของท่อนเนื้อที่แข็งแกร่งนั้นสะท้อนถึงพละกำลังและความเร่าร้อนภายใน ร่างกายของแม่ทัพหนุ่มที่ได้รับผลกระทบจากยาแสดงถึงความพร้อมและความกระตือรือร้น ซึ่งทำให้มันดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหลอย่างยิ่ง
ขันทีเฒ่าหวังเสี่ยวจื้อไม่สามารถละสายตาไปจากท่อนเนื้อของแม่ทัพหนุ่มได้ เขามองด้วยความพอใจและความใคร่ในความสวยงามของเรือนร่างที่แสดงออกมาเป็นอย่างดี
ฉวบ ฉวบ ฉวบ ขันทีเฒ่าอ้าปากของตนจนกว้างหลังจากนั้นก็กลืนกินดุ้นของแม่ทัพหนุ่มเข้าไป
อ๊า...อ๊า....แม่ทัพ ฉินเย่เหวิน ถึงกับส่งเสียงร้องครางออกมาทางลำคอเมื่อถูกขันทีเฒ่าดูดเลียท่อนเนื้อของเขาอย่างหิวกระหายความเสียวที่เขาได้รับในช่วงเวลานี้นั้นมันเป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ ฉินเย่เหวิน ในตอนนี้ตัวของเขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้วเขาสนใจแต่เพียงแค่ความเสียวที่อยู่ตรงหน้าเขายัดท่อนเนื้อของเขาเข้าไปภายในปากของขันทีเฒ่าอย่างดุเดือดและหิวกระหาย
ร่างกายของเขามีลักษณะเป็นผู้สูงอายุด้วยผิวหนังที่เริ่มมีรอยย่นและขาดความตึงตัวตามธรรมชาติจากวัยที่มากขึ้น แม้จะมีความเปลือยเปล่า แต่กล้ามเนื้อของเขายังคงมีความแข็งแรงบางส่วน ข้อความนี้สามารถสะท้อนถึงทั้งความเก่าแก่และความประสบการณ์ที่สะสมมาหลายปี
การปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาเผยให้เห็นถึงสภาพของร่างกายที่ไม่ได้อยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาวแล้ว แต่ยังคงมีลักษณะเฉพาะที่แสดงถึงการดูแลตัวเองในระดับหนึ่ง สภาพของเขานั้นมีความรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาและประสบการณ์ชีวิตที่สะสมไว้
แม่ทัพ ฉินเย่เหวิน จ้องมองเรือนร่างของขันทีเฒ่าด้วยความพึงพอใจถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะเป็นขันทีอายุ 65 ปี ก็ตามเขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้วเพราะช่วงเวลานี้ตนกำลังถูกไฟราคะเข้าเล่นงาน แม่ทัพหนุ่มใช้ท่อนเนื้อคู่ใจยัดเข้าไปที่ช่องแคบของตาเฒ่า ความรู้สึกแรกที่ได้ค้นพบนั้นมันฟิตและแน่นเป็นอย่างมาก ขันทีเฒ่าถึงกับเบิกตากว้างเมื่อโดนอาวุธคู่ใจของท่านแม่ทัพเข้าไป
“หากท่านเรียกร้องดุ้นของข้านักได้ ข้าจะจัดให้ท่านตามขอ” แม่ทัพ ฉินเย่เหวิน กล่าวออกมาด้วยความหื่นกระหายเขากระแทรกเรือนร่างขอขันทีเฒ่าอย่างรุนแรงและดุเดือด
"ท่านแม่ทัพตัวของท่านช่างเร่าร้อนนัก" หวังเสี่ยวจื้อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความพอใจและความตกตะลึง “ไฟราคะของท่านที่ระเบิดเข้ามาภายในเรือนร่างของข้านั้น ทำให้ข้าสัมผัสได้ถึงความร้อนแรงที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าสวรรค์ที่แท้จริงเป็นเช่นไร”
เสียงของเขาแสดงถึงความรู้สึกที่ได้รับจากฤทธิ์ของผงดอกไม้แดงและความเร่าร้อนที่กระตุ้นขึ้นภายในใจ ความรู้สึกนี้เหมือนจะเปิดเผยประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความพอใจและความตื่นเต้นต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้
พร๊วดดดด อ๊า.... ร่างกายของขันทีเฒ่าถึงกับสั่นกระตุกด้วยความเสียวสะท้านเมื่อตนเองถูกแม่ทัพหนุ่มปลดปล่อยน้ำราคะออกมา จิตวิญญาณของขันทีเฒ่าล่องลอยไปไกลแสนไกลราวกับว่าได้ขึ้นไปสู่ดินแดนสวรรค์
หลังจากที่หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ ประสบความเจ็บป่วยอย่างหนัก องค์ฮองเฮาหลี่หวงซินได้ตัดสินใจทุบกำแพงที่แยกตำหนักส่วนตัวของนางกับจวนของแม่ทัพฉินเย่เหวิน และสร้างพื้นที่ร่วมกันใหม่ ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย นางได้แปลงตำหนักของนางให้กลายเป็นสถานที่ที่คล้ายหลุดออกจากโลกภายนอกพื้นที่ในตำหนักของนางถูกปกคลุมด้วยความลับและความเย้ายวนใจ ไม่มีข้อบังคับทางศีลธรรมมาขวางกั้น ความหลงใหลและความปรารถนาของนางกับแม่ทัพหนุ่มจึงถูกปลดปล่อยอย่างเต็มที่ ทุกวัน แม่ทัพฉินเย่เหวินจะมอบความเร่าร้อนและความพึงพอใจให้แก่องค์ฮองเฮาอย่างดุเดือด นางร้องครวญครางด้วยความสุขจนเต็มอิ่มเสียงครางจากองค์ฮองเฮาดังขึ้น "ท่านแม่ทัพ แรงอีก แรงอีก ข้าเสียวจนข้าจะไม่ไหวอยู่แล้ว" นางร้องออกมาด้วยความรู้สึกอันร้อนแรงและเต็มไปด้วยความพอใจในขณะที่ภาพความรักอันร้อนแรงเผยออกมา ภายในตำหนักที่เปล่าเปลือยแห่งนี้ นางสนมจากตำหนักผีเสื้อยืนอยู่ด้วยความหลงใหลและชื่นชม การมองดูฉากนี้ราวกับเป็นการแสดงถึงความงดงามและอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนางสนมราวกับถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์อันล้ำลึกของฉากที่พวกนางเฝ้าดู ร่างกายของพวกนางทั้งหมดรวม 100 ชีวิต นุ่งน้อยห่
หลังจากที่หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ล้มป่วยและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตำหนักผีเสื้อซึ่งเคยเป็นสวนสวรรค์ของพระองค์ก็ขาดคนดูแล สถานที่นี้เต็มไปด้วยนางสนมร้อยกว่าคนที่มีลีลาในการร่วมรักที่สุดแสนจะร้อนแรงพวกนางถูกรวบรวมมาจากทั่วทั้งแผ่นดินไม่ว่าจะผิวพรรณหน้าตารวมไปถึงความหื่นกระหายของพวกนางนั้นนับว่าเป็นหนึ่งแม่ทัพฉินเย่เหวินได้เชิญนางสนมทั้งหมดให้ย้ายมาอยู่กับตนชายหนุ่มผู้มีพลังอำนาจมากที่สุดภายในเมืองหลวงแห่งนี้นั้นเป็นเขามีหรือที่พวกนางนั้นจะตอบปฏิเสธจวนของท่านแม่ทัพในยามนี้นั้นเปรียบเสมือนสวรรค์บนดินที่ไม่ว่าผู้ใดต่างก็อยากที่จะมาเยือนสักครั้งในกลุ่มนางสนมมีซูเหม่ยฉิงซึ่งเป็นอดีตภรรยาคนรักของแม่ทัพ ฉินเย่เหวิน นางได้กลับมาด้วยความเต็มใจเพื่อรับหน้าที่ในการดูแลแม่ทัพและรับผิดชอบในการให้ความสุขทางกายแก่เขา ซูเหม่ยฉิงมีลีลาที่เร่าร้อนและประสบการณ์อันลึกซึ้งจากอดีตที่ผ่านมา ความรักและราคะที่เคยมีต่อกันทำให้เธอเต็มใจและพร้อมที่จะรับภาระหนักในการรองรับความต้องการของชายผู้เป็นอดีตสามีของเธอคืนนี้ ซูเหม่ยฉิงได้เตรียมตัวอย่างดีด้วยการสวมใส่ชุดนอนบางเบาที่เผยให้เห็นรูปร่างอันเย้ายวนใจของเธออย่า
แม่ทัพฉินเย่เหวินได้สร้างผลงานที่น่าจดจำอีกครั้งด้วยการปราบจอมโจรที่มีชื่อเสียง จึงได้รับการเลื่อนขั้นจากตำแหน่งแม่ทัพเป็น "แม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวง" การเลื่อนขั้นนี้เกิดขึ้นด้วยการสนับสนุนจากองฮองเฮาหลี่หวงซิน ซึ่งไม่เพียงแค่ให้การสนับสนุนด้านตำแหน่ง แต่ยังมอบจวนแม่ทัพหลังใหม่ที่มีขนาดใหญ่โตและกว้างขวางยิ่งกว่าเดิมจวนใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวินตั้งอยู่ใกล้กับตำหนักขององฮองเฮาหลี่หวงซิน นางให้เหตุผลว่าการมีเขาใกล้ชิดจะทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น เพราะเขาสามารถคอยปกป้องเธอและลูกได้ตลอดเวลา ความใกล้ชิดนี้ยังแสดงถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งฮ่องเต้เองก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใด ๆ ต่อการเลื่อนขั้นและการมอบจวนใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวิน เนื่องจากเขาตระหนักถึงความสำคัญและความสามารถของแม่ทัพหนุ่มในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของราชสำนักในช่วงกลางดึกของคืนหนึ่ง องฮองเฮาหลี่หวงซินได้แอบลอบเข้ามาภายในจวนหลังใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวิน ความรู้สึกของนางที่ไม่อาจต้านทานความต้องการในใจ ทำให้นางตัดสินใจเดินทางจากตำหนักของตนไปยังจวนใหม่ของแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักของนางเพียงไม่กี่ก้าวค่ำคืนนี้ช
แม่ทัพฉินเย่เหวินจ้องมองเรือนร่างของนางโจรสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ท่อนเนื้อแข็งผงาดขึ้นมาด้วยความปรารถนา เขารู้สึกถึงความร้อนรุ่มที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ความคิดในใจเต็มไปด้วยภาพของนางที่ชัดเจนทุกอณู เนื้อหนังของนางที่อ่อนนุ่มและโค้งเว้าอย่างน่าหลงใหลทำให้เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้บรรยากาศรอบกายเริ่มเปลี่ยนแปลง กลิ่นอายแห่งราคะค่อยๆ ลอยปกคลุมทั่วบริเวณ ความต้องการในใจของแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ทวีความรุนแรงขึ้น เขารู้ดีว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้คือความพึงพอใจอย่างสุดขีดในเรือนร่างของนาง และไม่อาจหลบหนีจากเสน่ห์ที่นางมีต่อเขาได้เลยร่างกายของจอมโจรสาวเริ่มสั่นเทาด้วยความรู้สึกที่เธอไม่อาจควบคุมได้ เปลวไฟแห่งราคะกำลังลุกไหม้ไปทั่วร่างของเธอ หลังจากที่ดื่มชาที่มีส่วนผสมปลุกอารมณ์เข้าไป ความร้อนรุ่มก็เริ่มแผ่กระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย สายตาของเธอพร่ามัวด้วยแรงปรารถนา หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกจากอก ความคิดที่เคยเข้มแข็งและมุ่งมั่นของเธอถูกแทนที่ด้วยความต้องการที่รุนแรง เธอรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตั
ในช่วงนี้ ทางตอนใต้ของเมืองหลวงต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากจอมโจรภูเขาที่กำลังระบาดหนัก พวกมันปล้นฆ่าไม่เลือกหน้า สร้างความหวาดกลัวและความเดือดร้อนไปทั่วทั้งแถบ ชาวบ้านต่างต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดผวาและไม่มีความสงบสุข แม่ทัพฉินเย่เหวิน ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะนักรบผู้เก่งกาจและกล้าหาญ จึงขออาสาออกไปปราบปรามโจรร้ายเหล่านี้ เพื่อสร้างผลงานและคืนความสงบสุขให้กับบ้านเมืองจอมโจรภูเขาเลือกตั้งฐานที่มั่นในพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร เป็นดินแดนที่เข้าถึงได้ยากและเต็มไปด้วยภูมิประเทศที่ท้าทาย การเดินทางไปยังถิ่นของพวกมันจึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก ทั้งเส้นทางที่คดเคี้ยวและอันตราย รวมถึงการต้องระมัดระวังการซุ่มโจมตีจากพวกโจรที่ชำนาญพื้นที่แม่ทัพฉินเย่เหวินไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขานำกำลังพลติดตามไปเพียง 100 คน เป็นทหารที่เชี่ยวชาญและไว้วางใจได้ ความมุ่งมั่นในสายตาของแม่ทัพหนุ่มฉายชัด เขารู้ดีว่านี่เป็นโอกาสที่จะสร้างผลงานและแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาอีกครั้งเมื่อออกเดินทางเข้าสู่พื้นที่อันทุรกันดาร กองกำลังของแม่ทัพฉินเย่เหวินต้องเผชิญกับเส้นทางที่ยากลำบาก ฝ่าดงพงไพรและข้ามภูเขาที่สูงชัน แม้ความเหน็ดเหนื่อยจ
ในวังหลวงที่ถูกปิดบังด้วยกำแพงสูงตระหง่านและเงาของราชบัลลังก์ ความลับที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ความสง่างามขององฮองเฮาหลี่หวงซินนั้นกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้ แม่ทัพฉินเย่เหวิน ผู้เป็นดั่งยอดฝีมือในสนามรบ กลับพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์ของนางผู้เลอโฉม ทั้งสองแอบมีสัมพันธ์ลับอันเร่าร้อนซึ่งถูกปิดซ่อนไว้ในม่านความลับในช่วงที่แม่ทัพฉินเย่เหวินทำหน้าที่สอนวิชาเชิงดาบให้กับองค์ชายหวังอี้เฟิง เขาไม่อาจหักห้ามใจจากการพบปะกับนางได้ ทุกครั้งที่หยุดพัก ทั้งสองจะพากันหายลับไปยังมุมอันเงียบสงบของพระราชวัง ดวงตาของพวกเขามักเต็มไปด้วยความปรารถนา มันแผดเผาใจทำให้พวกเขาไม่อาจละสายตาจากกันได้นับวันผิวพรรณของหลี่หวงซินยิ่งงดงามขึ้น ดวงตาเป็นประกายสดใส ผิวเนียนนุ่มดั่งผลท้ออ่อน นางดูเปล่งปลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความลับของความงามนี้อยู่ที่ไฟราคะอันร้อนแรงของแม่ทัพหนุ่มผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อศึกใด ไม่เว้นแม้แต่ศึกรักก็เช่นกันเขามักจะอัดฉีดน้ำกามของตนเข้าไปภายในเรือนร่างของนางทุกครั้งเพื่อที่จะแสดงความเป็นเจ้าของ“อ๊า...ข้าเสียวเหรอเกิน” องฮองเฮาหลี่หวงซิน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความพึงพอใจยามที่น้ำกามของชู้รั







