“ซุนโฉวอยู่ที่ใด?” เซี่ยหวั่นเฉินถามทันที เลี่ยอู๋ซินกล่าวคำข้างต้นเสร็จ ก็ไม่ได้เอ่ยต่อ ทุกคนกำลังรอฟังเขาอยู่ หลังเงียบไปสักพัก เลี่ยอู๋ซินจึงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ซุนโฉวมิได้มีคนเดียว” เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว “มีอยู่หลายคนหรือ?” เลี่ยอู๋ซินพยักหน้าให้นาง “เจ้าเดาไม่ผิด ซุนโฉวมีหลายคน พวกเขาเป็นคนของมหาเสนาบดีเหิงแห่งจวนตระกูลหยวน มีหน้าที่ในการวางยาพิษมนุษย์โอสถโดยเฉพาะ” เลี่ยอู๋ซินค้นพบเบาะแสมากมาย แต่ยังไม่พบว่า ชื่อจริงของมหาเสนาบดีเหิงคือเซียวเหิง ทั้งยังเป็นเสด็จอาของเซียวอวี้ และเป็นกบฏของแคว้นหนานฉี ครั้นเซี่ยหวั่นเฉินรู้ว่ามีซุนโฉวหลายคน คิ้วที่ขมวดพลันคลายออก “มองจากมุมนี้ พวกเราจะมีโอกาสชนะมากขึ้นแล้ว” เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับคิดว่า เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เลี่ยอู๋ซินจะตามสืบเรื่องนี้เป็นเวลานาน กลับยังจับตัวซุนโฉวไม่ได้ เซียวอวี้ถามเสียงเย็นชา “เจ้าบอกว่าเจ้ารู้ที่อยู่ของซุนโฉว บอกตำแหน่งที่เจาะจงได้หรือไม่?” เลี่ยอู๋ซินจิบชา “ชานเมืองตะวันออก ที่เนินป่าช้า” เซียวอวี้ขมวดค
วันรุ่งขึ้น ฮ่องเต้ทรงเรียกพบหยวนจั้น และมอบคดีลักพาตัวหยวนตั๋วให้เขาไปสืบสวน หยวนจั้นทูลถามอย่างประหลาดใจ “ฝ่าบาท เรื่องทางค่ายทหาร กระหม่อมต้องทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?” เขาเป็นแม่ทัพที่ได้รับการแต่งตั้งโดยฮ่องเต้ หน้าที่รับผิดชอบนั้น สำคัญกว่าการค้นหาหยวนตั๋วมิใช่หรือ? ฮ่องเต้มีท่าทีเคร่งขรึม “เรื่องกิจการทหาร เจ้าสามารถฝากไว้กับรองแม่ทัพเป็นการชั่วคราว “ตอนนี้มีไส้ศึกอยู่ในตระกูลหยวน หากเอ่ยให้เป็นเรื่องใหญ่ นั่นคือมีสายลับแฝงอยู่ในแคว้นตงซานของเรา “เรื่องนี้จะต้องแก้ไขโดยเร็วที่สุด!” หยวนจั้นน้อมรับพระบัญชา “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” หลังหยวนจั้นออกจากวัง ก็เข้าพบรัชทายาทเป็นการส่วนตัว เขาแจ้งรัชทายาทว่า ฝ่าบาทต้องการให้เขาสืบสวนคดีหยวนตั๋ว รัชทายาทหาได้แปลกใจสักนิดไม่ “เป็นข้าแนะนำเจ้าให้กับเสด็จพ่อเอง” หยวนจั้นยิ่งประหลาดใจมากขึ้น “เหตุใดองค์ชายจึงทำเช่นนี้?” เซี่ยหวั่นเฉินมองหยวนจั้น “เพราะเมื่อเทียบกับการฝึกทหารแล้ว ตอนนี้เจ้ามีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ” หยวนจั้นยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของรัชทายาท เซี่ยหวั่
เมื่อเซียวเหิงปลอบประโลมภรรยาเสร็จ ก็ไปที่ห้องหนังสือ องครักษ์คนหนึ่งรออยู่ก่อนแล้ว เซียวเหิงมองเขาอย่างเย็นชา “ยังไม่มีข่าวของคุณชายอีกรึ?” องครักษ์ส่ายศีรษะ “ค้นหาทั่วเมืองแล้ว…” เพียะ! เซียวเหิงไม่อยากฟังเขาอธิบาย พลันฟาดฝ่ามือตบหน้าองครักษ์ จนหน้าหัน ทันใดนั้น องครักษ์คุกเข่าข้างหนึ่ง กอดกระบี่ทำความเคารพ “ข้าน้อยยินดีรับโทษ!” เซียวเหิงดวงตาเหี้ยมโหด “หากไม่พบคุณชาย ภายในสามวัน จงนำศีรษะเจ้ามาแทน!” “ขอรับ!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วออกไป ในห้องหนังสือ เซียวเหิงสีหน้ามืดหม่น รู้สึกอย่างเลือนรางว่าบุตรชายกำลังเรียกเขาอยู่ ปัง—— เขาต่อยหมัดลงไปอย่างแรง จนโต๊ะพังทลายลงทันที ณ หอเทียนเซียง เสียวอู่หลบอยู่ข้างหลังอู๋ไป๋ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเลี่ยอู๋ซิน เขาถามด้วยเสียงเบา “พี่อู๋ไป๋ คนก็ถูกสอบปากคำเสร็จแล้ว ไฉนคนแซ่เลี่ยยังไม่กลับไปอีก? มิใช่อยากให้เราเลี้ยงข้าวกระมัง?” เลี่ยอู๋ซินนั่งอยู่ริมโต๊ะ หยิบกาสุราขึ้นมา แล้วกรอกใส่ปากโดยตรง ทำให้เสียวอู่ต้องกลืนน้ำลาย ไม่มีองครักษ์คนใดนั่งลง รวมถ
เลี่ยอู๋ซินมักจะมีวิธีการสอบสวนผู้คนเสมอ ทว่า เขาได้ผลลัพธ์รวดเร็วขนาดนี้ เกินความคาดหมายของเฟิ่งจิ่วเหยียนนัก นางไม่ได้สัมผัสกับหยวนตั๋วมากนัก แต่จากความรู้สึกที่หยวนตั๋วมอบให้นาง หาใช่คนที่จะยอมรับสารภาพง่าย ๆ ไม่ ดูเหมือนจะเป็นน้ำมือของการเล่นงานจากเลี่ยอู๋ซินเสียมากกว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบถามผลสอบปากคำทันที เฉินจี๋ส่งจดหมายลับให้นาง จดหมายฉบับนี้เขียนโดยอู๋ไป๋ ในจดหมายอธิบายคำสารภาพของหยวนตั๋วอย่างละเอียด ตอนนี้เซียวอวี้รู้สึกตัวแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงอ่านพร้อมกับเขา “ตามที่หยวนตั๋วกล่าว เขาไม่รู้ว่ามนุษย์โอสถกลุ่มใหม่นี้ ถูกสร้างจากยาชนิดใด รู้เพียงคร่าว ๆ ว่า ยานั้นผสมพิษมนุษย์โอสถกับพิษหนอนกู่ของหนานเจียง แล้วจึงใช้พลังของราชาพิษหนอนกู่เพื่อควบคุมมนุษย์โอสถที่ถูกพิษกู่” เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยเสียงทุ้มเบา เซียวอวี้พยักหน้า “เขาบอกอีกว่า บิดาของเขาและซุนโฉวมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับคดีมนุษย์โอสถ ดูเหมือนกุญแจสำคัญจะอยู่ที่สองคนนี้” เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกโชคดีที่ให้เลี่ยอู๋ซินไปสอบปากคำก่อน มิฉะนั้น หากต้องลำบากลำบนเพื่อพ
ณ หอเทียนเซียงยามที่เสียวอู่เห็นเลี่ยอู๋ซิน พลันรู้สึกเย็นวาบไปทั่วแผ่นหลังกลิ่นอายดุร้ายบนตัวของคนผู้นี้เข้มข้นมากเป็นกลิ่นอายที่ยากจะอธิบาย เหมือนเพชฌฆาต ฆาตกร เพียงใช้สายตาก็เปี่ยมไปด้วยไอสังหารอันดุร้าย เพียงขยับตัวก็ทำให้หวาดกลัวจนตัวสั่นเสียวอู๋เข้าใจโดยพลันว่าทำไมเวลามีเรื่องประหารจึงต้องตามหาคนผู้นี้อู๋ไป๋กับเลี่ยอู๋ซินเป็นคนรู้จักเก่าเขาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น“สหายเลี่ย!ช่วงนี้สบายดีหรือไม่? ครั้งนี้ขอรบกวนเจ้าด้วย!”ไม่ได้เจอกันนาน เลี่ยอู๋ซินดูจะเงียบขรึมพูดน้อยกว่าเมื่อก่อนอู๋ไป๋ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อยเลี่ยอู๋ซินมองรอบ ๆ ห้อง“คนล่ะ?”เขารีบร้อนจะจัดการุธุระให้เสร็จอู๋ไป๋รีบตอบสนอง ชี้ไปทางม่านเตียง“อยู่ข้างในนั้น กำลังรอเจ้าลงดาบอยู่!”เลี่ยอู๋ซินยิ้มเยาะ“วางบนเตียง? ไม่กลัวสกปรกหรือไร?”อู๋ไป๋ส่งเสียงพูด“เจ้าจะสอบสวนอย่างไรตามสบาย หากทำพื้นที่สกปรก พวกข้าชดใช้เอง”เลี่ยอู๋ซินไม่พูดพร่ำทำเพลง ควักกริซออกมากริซเล่มนั้นพิเศษมาก มีตะขอปลายกลับติดอยู่ด้วยคนอื่นเห็นเช่นนั้น ก็ออกห่างทันที ไปเฝ้าข้างนอกห้องแทนเสียวอู่ยังเดินตามเลี่ยอู๋ซินเข้
เมื่อมีเซี่ยหวั่นเฉินกับหยวนจั้นคอยจัดการให้ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็พาเซียวอวี้เข้ามาอยู่ในเรือนพักบนเขาแห่งหนึ่งในเรือนมีหมอเทวดาอาศัยอยู่หลายคนเซี่ยหวั่นเฉินไม่ปิดบัง บอกกับเฟิ่งจิ่วเหยียน“หมอเทวดาแต่ละท่านล้วนเป็นคนที่ข้าเชิญมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อศึกษาพิษมนุษย์โอสถโดยเฉพาะ“ความจริงแล้ว ไม่ได้มีเพียงแคว้นหนานฉี แคว้นตงซานเองก็ทุกข์ทนกับพิษมนุษย์โอสถมานานแล้ว“ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต่างถูกจับไปทดลองยา จนตอนนี้ยังตามกลับมาไม่ได้”เขาพูดถึงเรื่องนี้ทีไร ยังคงเจ็บปวดใจอย่างมากเฟิ่งจิ่วเหยียนคิดถึงประชาชนทางเมืองชายแดนเหล่านั้นพวกเขาล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ประสบภัย“ฝาบาททรงห่วงใยประชาชน ต้องขจัดภัยอันตายให้ประชาชนได้ในเร็ววันเป็นแน่”เซี่ยหวั่นเฉินพยักหน้าเบา ๆ“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”“ได้ยินว่าก่อนหน้านี้แคว้นหนานฉีมีหมอเทวดาเหยียน ปรุงยาถอนพิษมนุษย์โอสถออกมา“ตอนนั้นข้ายังดีใจกับเรื่องนี้ไปด้วย“ไม่คิดเลยว่าเซียวเหิงจะว่องไวเช่นนี้ ได้สร้างพิษมนุษย์โอสถขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว“เพื่อปรุงยาถอนพิษ หมอเทวดาทั้งหลายในเรือนจึงไม่ได้พักผ่อนดี ๆ มานานแล้ว“ตอนนี้มีฮ่องเต้ฉี ไม่แน