เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ร้านขนมเค้กแห่งหนึ่งภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ใบหน้าสดสวยของวารินทร์งอง้ำอย่างขัดใจเมื่อพยายามเป็นครั้งที่ร้อยแล้ว แต่เพื่อนสาวที่รักยังไร้ร่องรอย เบอร์ที่ยัยเพิร์ลให้ไว้มันติดต่อไม่ได้ สงสัยว่าเจ้าหล่อนคงเปลี่ยนเบอร์ไปแล้ว
สมาร์ตโฟนแบรนด์หรูถูกวางลงบนโต๊ะอย่างกระแทกกระทั้น เธออุตส่าห์วางแผนกลับเมืองไทยก่อนกำหนดเพื่อมาเซอร์ไพรส์เพื่อนรัก แต่อีกฝ่ายกลับติดต่อไม่ได้ เธอนึกเคืองสมองกลวงๆ ของตัวเองอยู่เหมือนกันที่ไม่ยอมซักถามประวัติแม่เพื่อนรักให้ดี เลยต้องมานั่งอารมณ์เสียอยู่อย่างนี้
ใบหน้าสดสวยงอง้ำก็จริงแต่มือเรียวไม่ยอมละเลยเจ้าเค้กสุดโปรดตรงหน้า ยังเพียรตักมันเข้าปากคำแล้วคำเล่า ดวงตาช่างสังเกตกวาดมองไปรอบๆ ร้าน ดีที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุด เลยไม่ต้องลำบากแย่งโต๊ะกับพวกเด็กวัยรุ่นที่ชอบมานั่งที่ร้านเค้กแห่งนี้
นัยน์ตาสีนิลคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อต้องเพ่งไปยังมุมหนึ่งของร้าน บุรุษร่างหนากำยำ เจ้าของหนวดเครารกรุงรัง เขานั่งนิ่งเป็นรูปสลักราวกับรอคอยอะไรบางอย่าง ชุดคาวบอยเต็มยศที่เขาสวมมันทำให้เขาแปลกประหลาดจากคนอื่นๆ มันช่างไม่เข้ากับบรรยากาศร้านเค้กเอาเสียเลย
วารินทร์แอบว่าเขาอยู่ในใจ เธอพาลไปทั่วเพราะอารมณ์ขุ่นมัวในอก ใบหน้าของชายที่อุดมด้วยหนวดเครารกครึ้ม ทำให้เธอต้องชอนไชสายตา เพื่อค้นหาความหล่อเหลาของพ่อคาวบอยเพื่อแก้เซ็ง จมูกก็โด่งคมสันพอดิบพอดี ไม่ขาดไม่เกิน ริมฝีปากหยักถูกซ่อนไว้ใต้เคราหนา เธอมองเห็นเพียงรำไร และนัยน์ตาเขา น่าเสียดายนัก เธอคงเห็นมันแน่ๆ หากไม่มีเจ้าแว่นตาสีชามาขวางกั้น
วารินทร์สะดุ้งเฮือก รีบยืดตัวนั่งตรงแล้วเสมองไปทางอื่นเมื่อพ่อคาวบอยขยับแว่นสีชามองสวนกลับมาอย่างรู้ทัน เธอแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ เรื่องกลบเกลื่อนละก็ถนัดที่สุด ถึงแม้ว่าจะแอบมองเขาอยู่ แต่จะให้ยอมรับนั่นหรือ ไม่มีวันเสียหรอก
หญิงสาวรอคอยจนกระทั่งชายหนุ่มก้าวขายาวๆ ของเขาเดินผ่านหน้าเธอออกไปจากร้าน นั่นแหละคุณหนูคนสวยแห่ง GB จึงได้พ่นลมออกจากปากอิ่มอย่างโล่งอกโล่งใจ
“น้องคะ” เธอเรียกพนักงาน พลางหยิบเครดิตการ์ดแบบไม่จำกัดวงเงินส่งให้
“ขอโทษครับ โต๊ะนี้เคลียร์บิลเรียบร้อยแล้วครับ” คำตอบของพนักงานหน้าตี๋ทำเอาคนสวยงงเป็นไก่ตาแตก รีบหันไปมองที่โต๊ะเดิมของพ่อคาวบอย แต่คงไม่ใช่หรอกน่า ไม่รู้จักกันซะหน่อย แล้วจะมาเลี้ยงทำไม
พนักงานหนุ่มมองตามสายตาของลูกค้าคนงาม ก่อนที่เขาจะตอบยิ้มๆ ว่า
“ใช่ครับ พี่ที่ใส่ชุดคาวบอยนั่นแหละครับ เป็นคนจ่ายเงิน แล้วก็...”
บริกรใจดียื่นบางอย่างมาให้วารินทร์ เธอเอื้อมมือไปรับกระดาษแผ่นน้อยแล้วรีบคลี่ออกอ่าน
พี่ชายเธอทำฉันเจ็บเหลือเกินวารินทร์ มันคงไม่มีหัวใจถึงรักใครไม่เป็น หัวใจน้ำแข็งของมันด้านชาจนทำร้ายคนที่มันรักให้เจ็บช้ำ ฉันหวังว่าสักวันจะได้เห็นพี่ชั่วๆ ของเธอได้รับการลงทัณฑ์ที่สาสม เพราะฉะนั้นเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี เธอคือคนสำคัญที่ฉันจะใช้เฉือนหัวใจ ไอ้วาคิม! อีกไม่นานเกินรอ ‘นางบำเรอของฉัน’
เมฆา
วารินทร์อ้าปากค้างเมื่ออ่านจบ มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่ เธอกำลังเผชิญกับอะไรกันแน่ ผู้ชายโรคจิตคนหนึ่ง เกมทางธุรกิจของพี่ชายหรือว่ามีอะไรมากกว่านั้น เธออยากจะกรีดร้องให้หายเจ็บใจ แต่ไม่หรอก ไม่มีทาง เธอไม่โง่ขนาดนั้น เธอต้องมีสติ
หญิงสาวพยายามใจเย็นอย่างที่สุด สัมภาระบนโต๊ะถูกกวาดลงกระเป๋าราคาแพงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้ามันมาคล้องแขนแล้วก้าวฉับๆ ออกจากร้าน ดวงตาคู่สวยยังสอดส่ายหาคู่กรณี ทว่าไร้วี่แวว
เธอมั่นใจว่าพ่อคาวบอยโรคจิตยังอยู่แถวนี้เพื่อรอสะใจกับท่าทีตื่นตระหนกของเหยื่อสาวแน่ๆ แต่ฝันไปเถอะ คุณหนูวารินทร์ไม่ได้โง่ขนาดนั้น เธอไม่มีทางเป็นเหยื่อผู้อ่อนแออย่างแน่นอน
หางตาของวารินทร์แลเห็นปีกหมวกคาวบอยแวบๆ ที่มุมหนึ่งของร้านหนังสือซึ่งอยู่เยื้องออกไปจากร้านเค้ก แล้วพลันรอยยิ้มอย่างผู้ชนะก็ผุดพรายเต็มวงหน้า หญิงสาวก้าวเดินต่อไปด้วยความสะใจ บ่าตั้ง หลังตรง ใบหน้าเชิดน้อยๆ อย่างคุณหนูผู้ดื้อรั้นไม่ยอมคน
ที่มุมหนึ่งของร้านหนังสือ เมฆาก้าวออกมาจากที่ซ่อนด้วยความคับแค้นใจ ยัยคุณหนูไฮโซนิ่งกว่าที่เขาคิดไว้ ไม่ได้ดั่งใจจริงๆ เขานึกว่าจะได้เห็นท่าทางตื่นตระหนกหวาดกลัวของเจ้าหล่อน แต่เปล่าเลย!
วารินทร์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงได้เต้นเป็นเจ้าเข้า บางทีพวกหล่อนอาจจะวิ่งโร่ไปแจ้งตำรวจด้วยซ้ำ เห็นทีว่าสงครามประสาทคงใช้ไม่ได้ผลกับยัยคุณหนูนี่ หึๆๆ ร้ายจริงนะ ทั้งพี่ทั้งน้อง น่าเจ็บใจนัก!
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ร้านขนมเค้กแห่งหนึ่งภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ใบหน้าสดสวยของวารินทร์งอง้ำอย่างขัดใจเมื่อพยายามเป็นครั้งที่ร้อยแล้ว แต่เพื่อนสาวที่รักยังไร้ร่องรอย เบอร์ที่ยัยเพิร์ลให้ไว้มันติดต่อไม่ได้ สงสัยว่าเจ้าหล่อนคงเปลี่ยนเบอร์ไปแล้วสมาร์ตโฟนแบรนด์หรูถูกวางลงบนโต๊ะอย่างกระแทกกระทั้น เธออุตส่าห์วางแผนกลับเมืองไทยก่อนกำหนดเพื่อมาเซอร์ไพรส์เพื่อนรัก แต่อีกฝ่ายกลับติดต่อไม่ได้ เธอนึกเคืองสมองกลวงๆ ของตัวเองอยู่เหมือนกันที่ไม่ยอมซักถามประวัติแม่เพื่อนรักให้ดี เลยต้องมานั่งอารมณ์เสียอยู่อย่างนี้ใบหน้าสดสวยงอง้ำก็จริงแต่มือเรียวไม่ยอมละเลยเจ้าเค้กสุดโปรดตรงหน้า ยังเพียรตักมันเข้าปากคำแล้วคำเล่า ดวงตาช่างสังเกตกวาดมองไปรอบๆ ร้าน ดีที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุด เลยไม่ต้องลำบากแย่งโต๊ะกับพวกเด็กวัยรุ่นที่ชอบมานั่งที่ร้านเค้กแห่งนี้นัยน์ตาสีนิลคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อย เมื่อต้องเพ่งไปยังมุมหนึ่งของร้าน บุรุษร่างหนากำยำ เจ้าของหนวดเครารกรุงรัง เขานั่งนิ่งเป็นรูปสลักราวกับรอคอยอะไรบางอย่าง ชุดคาวบอยเต็มยศที่เขาสวมมันทำให้เขาแปลกประหลาดจากคนอื่นๆ มันช่างไม่เข้ากับบรรยากาศร้าน
[3]แผนพิศวาส___________ตึก GB ค่ำวันถัดมาเกล็ดมุกกวาดตามองไปรอบกาย ห้องชุดสุดหรูดูช่างเงียบงันเมื่อไร้วี่แววเจ้าของ ปกติวาคิมจะนั่งเช็กอีเมลอยู่หน้าโน้ตบุ๊กที่เก้าอี้ตัวนั้น บางทีตอนนี้เขาอาจจะอยู่กับคนพิเศษเขาก็เป็นได้ แค่คิดหัวใจเจ้ากรรมก็ปวดหนึบ น้ำตาพานจะไหล หากว่าอ้อมแขนที่คุ้นเคยจะไม่สวมกอดจากด้านหลังเสียก่อน เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ“คุณวา อย่าแกล้งสิคะ ให้มุกอาบน้ำก่อน เหนียวตัวจะแย่”เธอคัดค้านการรุกรานของเขา ผลักร่างหนาออกจากตัวด้วยแรงที่มี แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อคนตัวโตส่งสายตาเว้าวอนอย่างที่เธอรู้ทันทีว่าเขาต้องการอะไร“คุณขึ้นมาตอนไหนคะไม่ยักเห็น นึกว่าติดประชุม...อยู่...ซะอีก” ท้ายประโยคขาดเป็นห้วงๆ เพราะต้องอดทนต่อการปลุกเร้าอารมณ์อย่างช่ำชองของวาคิม“อย่าเพิ่งถามได้ไหม รู้หรือเปล่าว่าฉันอยากทำอย่างนี้กับเธอตั้งแต่เมื่อคืน เธอมันแม่มดตัวร้ายที่คอยตามรังควานฉันแม้แต่ในความฝัน” เขาว่าพลางถลกกระโปรงตัวสวยให้ขึ้นมากองอยู่รอบเอว
ความเงียบงันครอบคลุมภายในรถยนต์คันงาม ราวกับว่ามันได้สิงสถิตในนั้น กระทั่งเข้าเขตเมือง หญิงสาวจึงขยับยืดตัวตรงแล้วกล่าวกับเขาในที่สุด“จอดหน้าห้างก็ได้ค่ะ” เธอบอกสั้นๆ หยิบกระเป๋าถือมาแนบกาย ไม่มองหน้าเขาแม้แต่น้อยวาคิมจอดรถตามคำขอ นึกสงสัยว่าบ้านของหล่อนอยู่แถวนี้หรืออย่างไร ในประวัติของพนักงานบอกว่าไม่ใช่แถวนี้นี่นา เขาไม่ได้เอ่ยถามในสิ่งที่ข้องใจ เมื่อหล่อนลงจากรถ เขาก็หมุนพวงมาลัย ขับรถต่อไปในทันทีเกล็ดมุกถอนใจเฮือกใหญ่ เธออยากให้เขาออกปากว่าจะไปส่ง แต่ว่าคงฝันเฟื่องเกินไป เธอหันซ้ายแลขวา ก่อนจะเดินเข้าไปหลบแดดใต้ต้นไม้ใกล้ๆ มือเรียวล้วงเอาสมาร์ตโฟนออกมากดเบอร์ที่บ้าน ไม่นานนักรถยุโรปคันหรูก็วิ่งมาเทียบริมฟุตบาทเกล็ดมุกก้าวขึ้นไปนั่งด้วยท่าทีของนางพญา บ่าตั้งหลังตรง ใบหน้าเนียนเชิดน้อยๆ ไม่ได้ใกล้เคียงท่าทางของเกล็ดมุกคนเมื่อสักครู่สักกระผีก และหากใครทันสังเกตก็จะเห็นว่าที่ด้านข้างของตัวรถนั้น มีสัญลักษณ์อย่างหนึ่งสามารถการันตีฐานะความมั่งคั่งของคนที่เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ‘เพิร์ล’ 
[2]เพราะรักจึงยอม________________เกล็ดมุกตื่นแต่เช้าตรู่ อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดสบายๆ คือเสื้อโปโลสีครีมอ่อนกับกางเกงผ้านิ่มสีเดียวกัน มันถูกคาดทับด้วยเข็มขัดหนังริ้วเล็กๆ สานจนเป็นเส้นโต เส้นผมสีนิลสนิทเป็นลอนสวยถูกเจ้าของจับยกช่อขึ้นไปลวกๆ ลูกผมบางส่วนเลยคลอเคลียที่ลำคอเรียวระหงวาคิมยืนนิ่งที่หน้าประตู นัยน์ตาสีนิลของเขาถูกตรึงไว้ด้วยวงหน้าหวานหยดและเรือนร่างนาฬิกาทรายตรงหน้า ใบหน้าเนียนใสของหล่อนเกลี้ยงเกลาดุจสาวรุ่น จมูกโด่งรั้นได้รูป พวงแก้มแดงระเรื่อน่าดมดอม และท้ายสุดริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบสีชมพูเหลือบมุกมันวาว มันช่างน่าจุมพิตหนักๆ ให้หนำใจสักที“เธอจะไปไหน”เสียงเรียบเย็นเอ่ยขึ้นเมื่อได้สติ ความน่ารักน่าใคร่ของหล่อนกำลังปลุกบางส่วนในร่างกายเขาให้ตื่นเพริดพร้อมรบเกล็ดมุกสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกไป“ไป...ไปวัดค่ะ ไปทำบุญวันเกิด”เขาพยักหน้ารับรู้ เกล็ดมุกลอบถอนหายใจ หันไปจัดการกับสำรับอาหารที่เตรียมไปใ
ที่ออฟฟิศชั้นล่าง แม้ยังเช้าอยู่ แต่พนักงานบางก็ส่วนเริ่มมาทำงานกันบ้างแล้ว“มาแต่เช้าเชียวหนูมุก”เสียงทุ้มนุ่มเย็นอย่างผู้ใหญ่ใจดีของวัลลภ ผู้รับผิดชอบด้านบัญชีของ GB เอ่ยทักเลขารุ่นลูกอย่างเป็นกันเอง“ถ้ามาเช้าจริงๆ คุณอาคงไม่ต้องเดินออกมาชงกาแฟดื่มเองอย่างนี้หรอกค่ะ” เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม เรียกเสียงหัวเราะน้อยๆ จากบุรุษวัยใกล้เกษียณ เมื่อรู้ว่าถูกเลขาสาวย้อนเข้าให้“ฮ่าๆๆ จริงๆ เอาเป็นว่าอย่างน้อยๆ เราก็มาเช้ากว่าพนักงานคนอื่น และขยันๆ อย่างหนูมุกนี่ ลูกชายคนแรกยกให้เลยเอาไหม จะได้มาเป็นลูกสะใภ้ของอาไง”“ขอบคุณล่วงหน้าเลยแล้วกันค่ะ แต่ถ้าจะให้รอน้องนนท์ มุกคงแก่หง่อมก่อนพอดี” เธอนึกถึงใบหน้าขาวๆ แก้มยุ้ยๆ ของน้องนนท์แล้วก็ต้องอมยิ้ม น้องนนท์ของคุณอาเพิ่งจะสิบขวบเท่านั้นเอง“ท่าจะจริงอย่างที่หนูมุกว่า ทำไงได้ล่ะ เพิ่งมามีลูกหลงเอาตอนแก่ก็อย่างนี้แหละ ชาตินี้จะได้อุ้มหลานหรือเปล่าก็ไม่รู้”“โธ่คุณอาละก็ ไม่จริงหรอกค่ะ คุณอายังหล่อเฟี้ยวขนาดนี้มีน้องให้น้องนนท์อีกคนสองคนยังไหวค่า”“ฮ่าๆๆ ขอให้จริงเถอะหนูมุก ขอให้จริง”วัลลภเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะเดินเข้าห้องด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงคำยกยอของเล
แรงรักทวงแค้น[1]เพราะรัก_____________ร่างสูงใหญ่เกินมาตรฐานชายไทยของ วาคิม กิติบวร ยืนนิ่งตรง สองมือไขว้หลัง สายตาคู่คมทอดลงสู่ผืนแม่น้ำเจ้าพระยาเบื้องล่าง จากชั้นสูงสุดของตึก GB ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำสายนี้ คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อสมองทบทวนเรื่องที่มารดาฝากฝังเอาไว้ ท่านอยากให้เขากับนางแบบสาวอย่างแพรวรุ้งลงเลยกันเสียที ความจริงการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ มันก็มีแต่ผลกำไรจะเพิ่มพูน เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังไม่คิดหาห่วงมาผูกคอ และแม้ว่า GB ที่เขาเพียรสร้างมาจะไม่รวมนามสกุลกับตระกูลไหนๆ ผลกำไรที่ได้ในแต่ละปี มันก็มากจนมารดาไม่กล้าทักท้วงคำปฏิเสธของเขาเมื่อเย็นวานนี้“อาหารเช้าเสร็จแล้วค่ะ”เสียงหวานใสดังมาก่อนตัว หญิงสาวร่างบอบบางเดินยิ้มสดใสออกมาจากห้องครัว พร้อมกับอาหารเช้าในจานสวยเหมือนอย่างที่เคยทำทุกวัน หล่อนอาจเป็นอีกหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากแต่งงาน ไม่ใช่เพราะรัก แต่เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้เขามั่นใจว่า ‘เงิน’ สามารถบันดาลได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งคำว่ารัก โดยไม่สำคัญว่าจะมีการแต่งงานเกิดขึ้นหรือไม่ แล้วเขาจะดิ้นรนหาความรักและการแต่งงานไปทำไม ในเมื่อเงินทองที่เขามี