LOGINลู่เสี่ยนยิ้มเอียงอาย แม้วั่งซูจะเป็นเด็กชายเพียงสิบขวบ แต่คารมและใบหน้าที่งดงาม รูปร่างที่ดูเหมือนจะโตเกินวัย ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ทำให้จิตใจของนางสั่นไหว ทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มและดวงตาเช่นนี้
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นเล่าวีรกรรมของใครก็ได้ ให้ข้าฟังไปด้วยได้หรือไม่”
“ลู่เสี่ยน นี่ไม่ใช่เวลาเรียนนะ เจ้าจะให้ข้าท่องจำตลอดเวลาเลยรึไง ไม่เอาหรอก เจ้านั่นแหละทำไปด้วยร้องเพลงให้ข้าฟังด้วย”
“ได้อย่างไร เช่นนี้คุณชายกำลังเอาเปรียบข้าอยู่นะ”
เฉิงวั่งซู ยิ้มให้นาง แล้วล้วงมือลงไปในถุงผ้าใบใหญ่ ที่วางอยู่ข้างที่นอน “ให้เจ้า แบบนี้เอาเปรียบอยู่หรือไม่”
“อะไรเจ้าคะ” หญิงสาวมองถุงผ้าแพรสีชมพูอ่อนด้วยความใคร่รู้
“แป้งหอม ข้าซื้อมาให้เจ้า”
ลู่เซี่ยนยิ้มกว้าง รีบรับของจากมือเจ้านายด้วยความดีใจ “ขอบคุณเจ้าค่ะ”
"ใช้มันเลยสิ ข้าอยากรู้ว่าแป้งนั่นจะหอมมากแค่ไหน ตาแก่เจ้าของร้าน ตื้อให้ข้าซื้อ ดูสิข้าเป็นบุรุษจะมีเหตุผลใดต้องใช้แป้งหอม ของสิ่งนี้เลยเหมาะสมกับเจ้า ลองเลย ตาแก่บอกข้าว่ากลิ่นนี้หอมชื่นใจ”
สาวใช้คนสวย รีบล้วงดึงเอาตลับภายในถุงผ้าออกมา ตลับไม้แกะสลักลวดลายดอกไม้สวยงาม ดูภายนอกก็รู้ว่ามีมูลค่ามากเพียงใด นางหมุนเปิดฝาออกดมกลิ่นหอมจากผงเนื้อแป้งสีขาวนวล ก่อนจะลงมือใช้ปลายนิ้วเรียว แตะผงแป้งขึ้นเกลี่ยลงบนพวงแก้มขาวนวลอมชมพู “กลิ่นหอมประหลาด ข้าไม่เคยได้กลิ่นแป้งที่หอมเช่นนี้มาก่อนเลย ข้าชอบมากเจ้าค่ะ”
“อืมกลิ่นหอมดีจริง ข้าอยู่ตรงนี้ยังได้กลิ่น ดี ๆ เจ้าชอบก็ดี ลงมือถักเชือกให้ข้าได้หรือยัง”
“ได้ ๆ ข้าจะทำให้เดี๋ยวนี้” ลู่เสี่ยนลืมความง่วงเมื่อครู่จนสิ้น หลงดีใจกับของฝากชิ้นใหม่
นางดึงด้ายเส้นแดงขึ้นทาบลงบนข้อมือของวั่งซู เพื่อเทียบขนาดที่เหมาะสม แล้วเริ่มต้นถักเชือกแดงจากเส้นด้ายหลายเส้นจนขึ้นเป็นเกลียว จากไหมด้ายกลายเป็นเชือกเส้นเล็ก ก่อนผูกมัดลงบนข้อมือให้เฉิงวั่งซู
“สวยมาก เจ้านี่มีฝีมือนัก”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แบบนี้ข้าไปนอนได้แล้วใช่ไหม”
เฉิงวั่งซูยิ้มหวานให้นาง ลู่เสี่ยนวางของลงในตะกร้า แล้วลุกขึ้นเป่าเปลวประทีปให้ค่อย ๆ ดับลงทีละดวง เหลือทิ้งเอาไว้ แค่พอให้แสงสว่างในบางตำแหน่งเท่านั้น สุดท้ายคือห่มผ้าให้กับเจ้านาย แล้วนางถึงแยกไปนอนในที่ของตนเอง
เฉิงวั่งซูหลับตาลงในความมืด เพื่อพาตนเองก้าวเข้าสู่ความหลับใหล กลิ่นแป้งหอมกลับลอยมาปะทะจมูก เฉิงวั่งซูลืมตาขึ้นเหลียวมองออกไปด้านนอกเตียงนอน พยายามเพ่งสายตาผ่านผ้ามุ้งพลิ้วบาง ภายนอกไร้ผู้คน ไม่มีลู่เสี่ยน นางเข้านอนไปแล้ว แต่เพราะเหตุใดกลิ่นหอมยังคงอยู่
วั่งซูพลิกตะแคงหันหน้าเข้าด้านใน พยายามหลับตาลงฝืนดวงตาและจิตใจให้สงบ เพื่อจะได้หลับลงอีกครั้ง
เฉิงวั่งซูใช้พลังปราณเพลิงของตน พยายามปัดป้องอะไรบางอย่างที่กำลังควบคุมร่างกายของตนออก เปลวไฟไหม้ลุกลามเป็นเส้นตรงขึ้นไปบนอากาศ หลากหลายทิศทาง เหมือนในความว่างเปล่านั้น มีเส้นด้ายที่มองไม่เห็นอยู่มากมาย“วิชาชักใย”ฟ่านถิงถิงอุทานขึ้น เมื่อเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเฉิงวั่งซู“มันคืออะไร วิชาชักใย” ลี่ฉุนถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ“มันคือวิชาลึกลับของเผ่าปีศาจแมงมุม ไม่คิดเลย ว่าซีห่าวจะฝึกฝนวิชานอกเผ่า เห็นทีหลายปีมานี้ ข้าคงไม่รู้อะไรหลายเรื่องในเผ่าปีศาจ”“ถูกต้อง ฟ่านถิงถิง เจ้ามันไม่ใช่คนของเผ่าปีศาจอีกต่อไปแล้ว และเจ้าก็คงไม่รู้ ว่าข้าในตอนนี้ หาใช่แค่ราชาปีศาจซีห่าวคนเดิมที่เจ้ารู้จักอีกแล้ว แต่ข้าในตอนนี้คือผู้นำของเผ่าปีศาจทั้งมวล ข้าจะทำให้เผ่าปีศาจกลับมายิ่งใหญ่ แม้นรกหรือสวรรค์ ข้าซีห่าวผู้นี้ ที่จะเป็นใหญ่เหนือดินแดนทั้งปวง และที่นี่ ก็จะเป็นที่แรกที่ข้าจะยึดครอง พวกเจ้ามันหน้าโง่ ไม่รู้หรอกว่าเวลานี้ ในเผ่ามนุษย์ของตน ได้ถูกข้าครอบงำควบคุมเอาไว้หมดแล้ว”“เจ้ามันหลงตัวเองเกินไปแล้วซีห่าว มนุษย์ล้วนถูกคุ้มภัยโดยเผ่าเทพมาเนิ่นนาน ไม่มีอันตรายใดจะทำร้ายพวกเขาได้ ตราบใดที่ผู้ค
ไม่ทันที่เฉิงวั่งซูจะหลอกล่อ ต้อนเหล่าทหารหุ้นเชิดให้มารวมตัวกัน กองกำลังจากนอกกำแพง ก็บุกทะลวงเข้ามาจนถึงจุดที่เกิดเหตุได้พอดี ทหารหุ่นเชิดต่างแตกตื่น ต่อกองกำลังที่บุกเข้ามาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว จนพากันถอยร่นมารวมตัวกันโดยที่เฉิงวั่งซู ไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย“เป็นอย่างไรบ้าง…” เฉิงเหรินควบม้าฝ่ากองกำลังทหารหุ่นเชิดเข้ามาหาน้องชายและสหายของเขา ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม“ท่านพี่ นี่ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่ แล้วท่านยกกองกำลังมาเช่นนี้ จะไม่ฝืนคำสั่งทัพหลวงรึ”“นางปีศาจแมงมุมพาตัวท่านเจ้าเมืองออกมาได้อย่างปลอดภัย ข้าถึงได้รู้ว่าพวกเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย ส่วนเรื่องทัพหลวง เอาไว้ข้าจะขอรับโทษเอง ตอนนี้พวกเจ้าสำคัญที่สุด” เฉิงเหรินมองดูตัวต้นเหตุ ที่กำลังถูกลี่ฉุนและฟ่านถิงถิงต้านทานเอาไว้“ท่านพี่ ทหารพวกนี้ถูกปีศาจครอบงำ ที่เราเห็นอยู่ตอนนี้ หาใช่ตัวตนของพวกเขาไม่”“แบบนี้ หมายความว่า…”“ใช่ท่านพี่ ท่านห้ามลงมือกับคนพวกนี้เป็นอันขาด เพราะแท้จริงแล้ว เขาไม่รู้เรื่องเลย ว่าตอนนี้บ้านเมืองของตนอยู่ในสถานการณ์ใด วิญญาณของพวกเขา ถูกปีศาจควบคุมจนไม่เป็นตัวของตนเอง”“แบบนี้เราควรทำอย่
“ทำไม มีแต่เจ้ารึที่มีพัฒนาการ ฟ่านถิงถิง ข้าก็ไม่ต่างกับเจ้า อดีตข้าอาจพ่ายแพ้ต่อเผ่าเทพ แต่ยามนี้ไม่ใช่อีกแล้ว เจ้ามองดูให้ดี ตอนนี้ภายใต้อำนาจของข้า ที่นี่ทั้งเมืองตกเป็นของข้าอย่างง่ายดาย โดยที่ข้าไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย เช่นนี้แล้ว เจ้าคิดบ้างหรือไม่ ว่าอาวุธกระจอกเช่นนี้ มีหรือที่จะทำอะไรข้าได้ เด็กน้อย เจ้ามันก็แค่เด็กน้อย ฟ่านถิงถิง”ราชาปีศาจหัวเราะชอบใจ พร้อมกับทำท่าจะเดินจากไปนางปีศาจพังพอนฟ่านถิงถิง ใช้พลังปราณเรียกอาวุธของตนกลับคืน แล้วสั่งการให้มันพุ่งเข้าใส่ด้านหลังของผู้ที่กำลังเดินจากไปในทันที แต่ทั้งหมดก็ยังเป็นเช่นเดิม ดาบกรงเล็บพังพอนหยุดนิ่งกลางอากาศ ราชาปีศาจซีห่าวเพียงตวัดข้อมือเล็กน้อย กรงเล็บพังพอนกลับย้อนเปลี่ยนทิศทาง พุ่งเข้าหาฟ่านถิงถิงด้วยความเร็วหญิงสาวมองเห็นคมอาวุธที่พุ่งแหวกอากาศเข้าหาร่างของตน จนสัมผัสได้ถึงแรงพลังงานที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เพียงชั่วอึดใจ เสียงโลหะกระทบกันดังหวีดหวิวอยู่ตรงหน้าฟ่านถิงถิงที่ยืนหลับตาสนิทพร้อมรับความตาย ก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น“ลี่ฉุน ทำไมเป็นท่าน…”“ถ้าไม่เป็นข้า เจ้าก็คงตายไปแล้ว”ลี่ฉุนใช้ดาบใหญ่ของตน ต้านรับกรงเล็บพั
จ้าวตงหยางและเฉิงวั่งซู ควบม้ามาตามเส้นทางที่เด็กเลี้ยงม้าชี้นำ แต่กลับพบว่าเส้นทางดังกล่าว กลับไม่ได้มุ่งหน้าไปยังประตูเมืองตามที่ตั้งใจ “เจ้าเด็กนี่ ท่าจะไม่ได้เลี้ยงแค่ม้าเสียแล้ว เห็นทีมันจะเลี้ยงแกะด้วย โกหกเก่งเช่นนี้ กลับไปข้าจะต้องจัดการเขาให้รู้สำนึก”“พอก่อนเถิดเรื่องนั้น ตอนนี้เจ้าช่วยข้าดูก่อน จากตรงนี้ เจ้าคิดว่าเราควรไปทางไหนดี ซ้ายหรือขวา”เส้นทางทอดยาว มีเพียงแสงไฟจากคบเพลิงที่ส่องสว่างตามถนนหนทาง นาน ๆ จะมีคนเดินผ่านมาสักคน จ้าวตงหยางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่เต็มไปด้วยดาวดวงเล็ก ๆเฉิงวั่งซูเหลียวซ้ายแลขวา หาใครสักคนที่พอจะเรียกถามเส้นทางได้ แต่บรรยากาศกลับว่างเปล่า ต่างจากเมื่อครู่ ในยามนี้ไม่มีใครผ่านทางมาแม้แต่คนเดียว “ตงหยางคืนนี้ไม่มีดวงจันทร์ แค่ดูดาว เจ้าจะได้คำตอบรึ”“ได้สิ หากเจ้าเป็นฮองเต้ เจ้าจะสร้างเมืองแล้วหันประตูสำคัญ ไปในทิศทางใด”เฉิงวั่งซูเงียบไปอึดใจ “ทิศตะวันออก ข้าสังเกตเห็น สถานที่สำคัญมักหันประตูไปทิศนั้น เพื่อรับพลังจากสุริยะ”“ฉลาดนี่ ไปกันเถิด” จ้าวตงหยางกระตุกเชือกบังเหียน สั่งม้าหันไปตามทิศทางที่ตนต้องการ ม้าตัวใหญ่พร้อมชายหนุ่มสองคนบนหล
จ้าวตงหยางวางจอกสุราลง พร้อมกับหันไปมองตามสายตาของเฉิงวั่งซู“ซีห่าว…ไม่ผิดจากที่คิดจริง ๆ เหตุใด ตอนเดินสวนกันเมื่อครู่ ข้ากลับมองไม่ออกว่าเขาคือปีศาจ"“เอาเช่นไรดี” เฉิงวั่งซูพูดพร้อมกับทำท่าจะลุกเดินไปยังบุคคลที่ตนเฝ้ารอคอย“ช้าก่อนวั่งซู…”“ช้าก่อนอันใด นั้นมันราชาปีศาจเลยนะ เหตุใดไม่รีบลงมือ”จ้าวตงหยางมองหน้าเฉิงวั่งซูด้วยความไม่พอใจ“ลงมืออันใด เจ้าไม่เห็นรึ ว่าที่นี่มีผู้คนมากมายเพียงใด การที่ข้าเข้ามาที่นี่ ตอนแรกก็ตั้งใจมาสืบดูความเคลื่อนไหวของผู้คนในเมืองแห่งนี้ ข้าเองก็คิดไม่ถึง ว่าจะได้มาเจออริเก่าเช่นราชาปีศาจซีห่าว เจ้าก็ใจเย็นลงก่อนเถิด ซีห่าวปลอมตัวออกมาปะป่นกับมนุษย์ เจ้าไม่คิดบางรึ ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ”เฉิงวั่งซูถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด แล้วนั่งลงตามเดิม ราชาปีศาจหยุดจ้องมองสตรีสองนางอยู่ชั่วครู่ แล้วเดินจากไปพร้อมผู้ติดตาม หญิงสาวทั้งสอง หลังจากที่จ้องตากับแขกพิเศษแล้ว นางก็หมดสติ ล้มตัวลงนอนบนพื้นในทันที “ได้เวลาแล้ว ไปกันเถิด” จ้าวตงหยางวางจอกสุรา แล้ววางเงินหนึ่งก้อน ก่อนจะเดินนำหน้าเฉิงวั่งซูออกจากร้าน เร่งติดตามผู้ที่ตนเรียกว่าราชาปีศาจออกจากหอคณิกาไปหญิ
สองชายหนุ่มเดินลงมาด้านล่าง พร้อมกับสวนทางเข้ากับชายฉกรรจ์จำนวนสามคน ที่ดูท่าจะเป็นผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์ของเมือง หนึ่งในชายทั้งสาม เหล่ตามองใบหน้าของจ้าวตงหยางเล็กน้อย แล้วเดินผ่านไป“เขาทั้งสามนั่น คงเป็นคนที่สตรีเหล่านั้นรอคอยสินะ”“ดูทีท่าคนพวกนี้แล้ว พวกนางไม่น่าจะจำผิดคนคิดว่าเป็นพวกเรา คงเห็นเราสองคนหน้าตาดี เลยคิดเข้าหา” เฉิงวั่งซูพูดขึ้นพร้อมยิ้มเยาะให้กับความคิดของตนเอง“คุณชาย…” สตรีนางเดิม รีบเดินมาดักหน้าพวกเขาทั้งสองในทันที“อ่อ…เป็นเจ้า”“เจ้าค่ะ ข้าเอง ด้านบนนั่นเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ทำไมกลับลงมาเร็วเช่นนี้ จะกลับกันแล้วหรือเจ้าคะ”“เปล่า พวกข้าแค่ไม่ชอบความครึกครื้น เจ้าพอจะมีสถานที่ ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน ฟังดนตรีขับกล่อมลิ้มรสสุราชั้นดีหรือไม่”หญิงสาวใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ นางก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี “มีสิเจ้าค่ะ…เชิญคุณชายทั้งสองด้านนี้เลยเจ้าค่ะ” นางรีบนำทางเฉิงวั่งซูและจ้าวตงหยาง มายังอีกด้านหนึ่งของหอนางโลม ซึ่งมีฉากกั้นบังตาระหว่างโต๊ะรับรอง แยกแขกแต่ละโต๊ะออกจากกัน ดูมีความเป็นส่วนตัวตำแหน่งที่นั่งของชายหนุ่มทั้งสอง จัดว่ามีความลงตัวดี มีการพรางสายตาจากคนอื่น







