เมื่อจ่ายเงินและนัดแนะกับลุงขับเกวียนเรียบร้อยแล้วหญิงสาวจึงเดินกลับมาหาผู้เป็นสามีทันที ก่อนจะยื่นบัตรและเอกสารประจำตัว ว่าเธอเป็นภรรยาของนายกองหลี่จริง ๆจากนั้นจึงเดินเข้ามาในค่ายทหารแห่งนี้ ท่ามกลางความสนใจของนายทหารคนอื่น ที่เห็นนายกองหลี่เดินเข้ามาพร้อมหญิงสาว ดูจากรูปร่างและหน้าตาที่ปิดบัง คงมีความงดงามไม่น้อย“น้องรอพี่ที่นี่ได้หรือไม่ พี่ขอไปฝึกทหารกลุ่มนั้นก่อน แล้วพี่จะรีบไปทำเรื่องขอพักนอกค่าย และจะขอลาเพื่อกลับบ้านพร้อมน้อง” หลี่ฮั่นตงยังคงมีความดีใจ ที่ภรรยามาหาตนเองถึงที่เมืองนี้“ได้ค่ะ ฉันรอพี่ได้ พี่ทำหน้าที่ของพี่เถอะ จริงสิ ฉันเอาขนมมาฝากสหายพี่ด้วย ว่าแต่สหายพี่อยู่ที่ไหนกันเหรอ”โจวเพ่ยชิงทำท่าคล้ายกับนึกได้ ก่อนจะล้วงมือหยิบกระเป๋าใบใหญ่ที่ถือมาด้วย เพื่อเอาขนมและเนื้อตากแห้งออกมาจากมิติ และยื่นให้ผู้เป็นสามีพร้อมกับยิ้มหวาน นี่จึงทำให้หลี่ฮั่นตงใบหน้างอขึ้นมา จนโจวเพ่ยชิงต้องเอ่ยถาม“พี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”“ทำไมต้องยิ้มด้วยล่ะ ดูเจ้าพวกนั้นสิ มองเมียพี่ไม่วางตา”เมื่อได้ยินคำตอบของสามี ใบหน้าหวานของหญิงสาวเกิด ริ้วแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู
กลับมาทางด้านโจวเพ่ยชิง เวลานี้หญิงสาวไม่รู้เลยว่าภัยกำลังมาเยือนถึงตัว เนื่องจากสตรีที่ชอบสามีของตนเองนั้นต้องการจะมาหาเรื่อง เธอยังคงมองไปทางสามีที่รักกำลังฝึกนายทหารคนอื่นอยู่เมื่อนายกองหลี่สั่งเลิกแถว นายทหารคนอื่นต่างร้องเฮ ด้วยความดีใจ เนื่องจากฝึกกับนายกองหลี่ทีไร ทุกคนต่างก็มีอาการอยู่ในสภาพที่สะบักสะบอมแทบทุกคน แต่คงไม่นับครั้งนี้ รวมถึง ครั้งที่แล้ว ๆ มา เนื่องจากการฝึกไม่ได้หฤโหดเหมือนเช่นทุกครั้งหลี่ฮั่นตงเดินมาใต้ต้นไม้เพื่อหยิบขนมและเนื้อแห้งที่ภรรยายื่นมาให้ก่อนหน้านี้ เพื่อเอาไปฝากพลทหารที่ตนเองฝึกซ้อม กลุ่มเมื่อครู่นี้ พอเดินกลับมาอีกครั้ง จึงเอ่ยบอกกับทุกคน“เอาขนมไปแบ่งกันกิน นี่มีเนื้อแห้งด้วยนะ รสชาติอร่อยเชียวล่ะ”“นายกองให้พวกเราจริง ๆ เหรอครับ”นายทหารคนหนึ่งมีสีหน้าฉายแววตื่นเต้นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อรู้ว่านายกองหลี่มอบขนมและเนื้ออันมีค่า ให้ไปแบ่งกันกิน“อืม เอาไปแบ่งกันกินเถอะ วันนี้เมียฉันมาเยี่ยม เธอเลยทำเนื้อตากแห้งและขนมมาให้ไม่น้อยเลย”หลี่ฮั่นตงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อเอ่ยถึงภรรยา นายทหารที่รายล้อมอยู่ตรงนี้ ต่างก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ว่านาย
หลี่ฮั่นตงประคองร่างภรรยารักให้ลุกขึ้นพร้อมกับช่วยปัดฝุ่นให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันมาพูดกับคุณหนูฟ่านด้วยอารมณ์ ไม่พอใจ“ผมจะทำยิ่งกว่านี้เสียอีก ถ้าคุณยังไม่หยุดเรียกภรรยาผมอย่างนั้น และที่สำคัญ ผมเคยพูดกับคุณไปอย่างชัดเจนแล้วและหลายครั้งมาก ว่าผมมีภรรยาแล้ว ต่อให้เวลานี้คนจะมองว่าเพ่ยชิงของผมจะเป็นอย่างไร ผมก็ไม่สนใจ เพราะอะไรคุณรู้ไหม”หลี่ฮั่นตงถามกลับ และเมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้าเขาจึงตอบให้ หายข้องใจด้วยตนเอง“เพราะเธอคือคนที่ผมรักยังไงล่ะ หลี่ฮั่นตงคนนี้รักผู้หญิง เพียงคนเดียว นอกจากแม่ก็คือโจวเพ่ยชิงคนนี้อย่างไรล่ะ และ ขอสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย ว่าจะมีภรรยาเพียงคนเดียว ต่อให้ภรรยาคนนี้จะเป็นเพียงชาวบ้านก็ตาม หวังว่าครั้งนี้คุณหนูฟ่านจะเข้าใจนะครับ”หลี่ฮั่นตงไม่สนใจหรอก ว่าใครจะคิดอย่างไร หรือใครจะมองว่าเขาโง่ ที่ยอมเลือกภรรยาชาวบ้านธรรมดา แทนที่จะเป็นลูกสาวของท่านนายพล สำหรับเขาไม่ว่าใคร ล้วนก็ไม่ดีเท่าโจวเพ่ยชิงทั้งนั้น“น้องเดินไหวไหม เรากลับกันเถอะ”น้ำเสียงที่อ่อนโยน และท่าทางที่เป็นห่วงของชายหนุ่ม คล้ายกับสาดน้ำมันใส่ความรู้สึกของคุณหนูฟ่าน ทว่าหลี่ฮั่นตงไม่สนใจอะไร ทำเพีย
หลี่ฮั่นตงเดินทางมาหานายพลฟ่านด้วยรถยนต์ของกองทัพ แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่การมาเยือนนายทหารตำแหน่งนายพล คงไม่ดีหากต้องนั่งเกวียนรับจ้าง จึงได้เอ่ยยืมรถของค่ายทหารมาแทน ไม่นานก็มาถึงคฤหาสน์หลังโตของตระกูลฟ่านยามหน้าประตูเห็นว่าใครมา จึงได้เข้าไปรายงานเจ้านาย เมื่อได้รับอนุญาต หลี่ฮั่นตงจึงขับรถเข้ามาและแม่บ้านพาไปรอที่ห้องรับแขก คุณหนูฟ่านเห็นว่าชายอันเป็นที่รักมาเยือน จึงรีบแต่งตัวสวยและเดินลงมาทักทายชายหนุ่ม เพราะคิดว่าหลี่ฮั่นตงคิดได้แล้ว เลยจะมาขอโทษเธอ“พี่คิดได้แล้วเหรอ ว่าการกระทำเมื่อวานมันไม่สมควร และคนที่พี่ควรจะยกย่องและเชิดชูเป็นเมียคือฉัน ไม่ใช่นังบ้านนอก หน้าผีนั่น”เพียะ!!เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องรับแขก ไม่มีใครคิดว่าชายหนุ่มอย่างหลี่ฮั่นตง จะกล้าลงมือกับผู้หญิง“กรี๊ดดดดด พี่กล้าตบฉันเพราะนังนั่นเหรอ”แม้จะเจ็บปวดที่โดนตบ แต่ในใจนั้นเจ็บยิ่งกว่า ไม่คิดว่าชายที่เธอแอบรัก จะกล้าทำร้ายตนเองเพราะเมียบ้านนอก“ผมจะทำยิ่งกว่านี้ หากคุณไม่หยุดพูดจาดูถูกหรือดูหมิ่นภรรยาผมอีก เพราะคนอย่างหลี่ฮั่นตง ทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรัก”“แต่การที่นายท
“ใช่ค่ะ ค่าบริการเท่าไรคะ” โจวเพ่ยชิงตอบกลับ ก่อนจะหยิบกระเป๋าใส่เงินออกมาและรอค่าบริการจากพนักงาน“ทั้งหมดสิบเอ็ดนาที ค่าบริการนาทีละสามหยวนรวมเป็นสามสิบสามหยวนค่ะ”แม้จะรู้สึกว่าค่าบริการนั้นแพงไป แต่พนักงานก็ไม่สามารถลดให้ได้ เนื่องจากนี่เป็นของโรงแรม ไม่ใช่ของเธอเอง ใบหน้าจึงมีความรู้สึกคล้ายกับจะเกรงใจไม่น้อย“นี่ค่ะเงินสามสิบห้าหยวน ที่เหลือไม่ต้องทอนนะคะ ขอบคุณมากที่ให้ความเป็นส่วนตัวแก่ฉัน”สำหรับโจวเพ่ยชิง เงินแค่สองหยวนเธอสามารถให้พนักงานคนนี้ที่รู้หน้าที่ได้ เนื่องจากเรื่องที่เธอคุยเป็นเรื่องส่วนตัวไม่น้อย การที่พนักงานทำแบบนี้ เธอจึงเลือกที่จะให้เงินพิเศษพนักงานเห็นเงินจำนวนสองหยวนที่ลูกค้าให้ก็ตกใจ เพราะที่ผ่านมาพนักงานโรงแรมแม้จะได้เงินพิเศษ แต่ก็ส่วนน้อยเท่านั้น การที่ลูกค้าตรงหน้าให้เงินสองหยวนจึงตกใจมาก“แต่มันมากไปนะคะ ฉันรับมันไว้ไม่ได้หรอกค่ะมันเยอะไป”“รับไปเถอะ ฉันยังอยู่ที่นี่อีกหลายวัน อาจจะต้องใช้โทรศัพท์บ่อย ๆ คงต้องคอยให้เธออำนวยความสะดวกให้ ขอบใจนะ”ว่าจบโจวเพ่ยชิงจึงรีบเดินออกมา เพราะถึงเวลานัดกับลุงขับเกวียนที่เธอนัดไว้ตอนมาส่งเมื่อวานนี่จึงทำให้พนักงานย
“นายกองหลี่ เครื่องดื่มหมดแล้ว นายเอารถฉันไปซื้อที่สหกรณ์หน่อยสิ”ผู้กองต้วนสบโอกาสที่จะคุยบางอย่างกับนายหญิงเพ่ยเพ่ยเมื่อเห็นว่าเครื่องดื่มและอาหารบางอย่างหมดแล้ว จึงได้ยื่นกุญแจรถและเงินส่งให้นายกองหลี่“ครับ”เมื่อเจ้านายไหว้วาน แม้จะไม่อยากทิ้งภรรยาไว้คนเดียว ก็ตาม แต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งของเจ้านายได้ หลี่ฮั่นตงจึงได้มองไปยังโจวเพ่ยชิงอย่างอาลัยอาวรณ์“พี่ไปเถอะ ฉันอยู่ได้” โจวเพ่ยชิงตอบกลับสามีด้วยรอยยิ้ม เพราะเธอรู้ดีว่าชายที่สามีเรียกว่าผู้กอง คงมีเรื่องคุยกับเธอแน่“ฝากด้วยนะครับผู้กอง” หลี่ฮั่นตงเอ่ยขึ้นกับผู้กองต้วน“ไปเถอะ เดี๋ยวฉันดูแลน้องสะใภ้เอง”“ขอบคุณครับ”จากนั้นหลี่ฮั่นตงจึงรับกุญแจรถและเงินมาจากผู้กองต้วนและเดินออกมาพร้อมกับนายทหารอีกสองสามคน“มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันเหรอคะ”โจวเพ่ยชิงเอ่ยถามเมื่ออยู่กันสองคน โดยที่คนสนิทของ ต้วนอี้หมิงยืนอยู่ไม่ไกล เพื่อไม่ต้องการให้คนอื่นมองไม่ดี ซึ่งคนสนิทคนนี้รู้ถึงตัวตนของนายหญิงเพ่ยเพ่ยเช่นกัน“สวัสดีอย่างเป็นทางการนะครับ นายหญิงเพ่ยเพ่ย”“นายพลข่ายคงบอกคุณแล้วสินะ หากเดาไม่ผิด คุณคงรู้ฐานะที่แท้จริงของฉันแล้วสินะ” โจวเพ่ยชิงยังค
สองวันต่อมา...ตานเต๋อคงโทรกลับมายังโรงแรม เพื่อแจ้งข่าวเรื่องที่โจวเพ่ยชิงให้ไปสืบมา และรู้ว่าชายคนนั้นคือคนของฝ่ายตรงข้ามที่ทำร้ายนายพลข่ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดนั่นเองพอรู้ตัวตนของชายคนนั้น โจวเพ่ยชิงจึงคิดหนัก เนื่องจากรู้จากปากสามี ว่าคนคนนั้นเป็นสหายกันมาตั้งแต่เข้ามาประจำการที่ค่ายทหารนี้แล้ว แม้จะเป็นคำถามที่ดูเหมือนทั่วไป แต่เธอเชื่อว่าชายคนนั้นย่อมมีจุดประสงค์บางอย่าง ในตอนแรกอาจจะเป็นสหายกันจริง ๆ แต่เมื่อเลือกแบ่งฝ่ายแล้ว ทุกอย่างมันย่อมเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ ต่อให้ทั้งสองจะเป็นสหายรักกันแค่ไหนก็ตาม“พี่กับพี่รองส่งข่าวไปแจ้งนายพลข่ายด้วยแล้วกัน บอกว่าคนคนนั้นเป็นใคร”โจวเพ่ยชิงตัดสินใจให้คนสนิทและพี่ชายคนรองไปคุยกับนายพลข่าย และบอกให้เขารู้เรื่องนี้ การที่จะเล่นงานคนในกองทัพ แม้เธอจะทำได้ แต่คงทำได้ไม่ดีเท่ากับนายพลข่าย ที่มีทั้งอำนาจและอิทธิพลครอบคลุมทุกพื้นที่“ครับนายหญิง ตอนนี้สัญญาซื้อขายกับกองทัพส่งมาถึงสำนักงานแล้วนะครับ ไม่คิดว่าท่านนายพลข่ายจะรวดเร็วเช่นนี้ ส่วนเรื่องสัมปทานการเดินเรือและท่าเรือ คงต้องรออีกหน่อย ทางรัฐและกระทรวงกำลังจัดการให้ครับ”“อืม ยังไงพี่มองห
“ไม่มีวัน เป็นตายร้ายดีอย่างไร ฉันไม่ยอมให้น้องสาวเพียงคนเดียวต้องไปเป็นเมียตาเฒ่าเจี้ยนแน่ อีกอย่าง บ้านใหญ่ก็มีลูกสาวหลายคน ทำไมไม่ให้ใช้หนี้แทนล่ะ”เกาถงไม่ยอมที่จะให้น้องสาวของตนเอง ต้องทำอะไรเพื่อบ้านใหญ่อีกแล้ว อย่างมากเวลานี้ สี่คนในครอบครัวบ้านรองก็ไปตายเอาดาบหน้า ดีกว่าต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้อีกอีกอย่าง ร่างกายของผู้เป็นพ่อก็ป่วยมานานแล้ว บ้านใหญ่ยังไม่คิดที่จะให้เงินไปรักษา ได้แต่หาสมุนไพรในป่าต้มกินประทัง ไว้ก่อนบ้านใหญ่เมื่อได้ยินอย่างนั้น ก็ตั้งใจจะเข้าไปทำร้ายเกาถงอีกครั้ง เพราะรู้ดีว่าบ้านรองไม่ว่าใคร ก็ไม่กล้ามีเรื่องหรือสวนกลับบ้านใหญ่ เพราะความกตัญญูค้ำคออยู่นั่นเอง“ฉันขอถามได้ไหม ว่าเวลานี้หนี้สินที่บ้านใหญ่มีกับบ่อน การพนันเป็นเงินจำนวนเท่าไร และค้างดอกเบี้ยเท่าไร ทางบ่อน ถึงได้มายึดบ้าน” แต่แล้วอยู่ ๆ เซียงเหมยคล้ายกับจะตัดสินใจบางอย่างจึงเอ่ยถามในสิ่งที่เธออยากรู้ขึ้นมา“เงินต้นทั้งหมดเจ็ดร้อยหยวน ดอกเบี้ยค้างมาสิบเดือน เธอคิดว่านายท่านของพวกเราใจดีหรือไม่ ถึงยอมให้ค้างดอกเบี้ยมาถึงสิบเดือนขนาดนี้”“อะไรนะ!!” บ้านรองทุกคนอุทานพร้อมกัน รวมถึง เซียงเหมยด้วย จึงได
ตอนพิเศษ 7 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงหนึ่งเดือนต่อมางานมงคลสีแดงถูกจัดขึ้นอย่างประณีต ในบ้านเกิดของ โจวเม่ยเม่ยและตานเต๋อคง แม้บ้านเจ้าสาวจะไม่ได้ใช้ทำพิธีสำคัญแต่คนตระกูลโจวมีเงินทองมากมาย พวกเขาไม่ได้ประดับตกแต่งของสวยงาม หรือจัดงานใหญ่โตเพื่อโอ้อวด แต่ที่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อน้องสาวคนเล็กสุดที่รักดอกไม้สดสีแดงถูกสั่งมาจากทั่วทุกสารทิศ มีทั้งที่ตัดออกมาจากต้น และปลูกไว้เป็นต้น ประดับไปตามเส้นทางจากบ้านเจ้าสาวไปบ้านเจ้าบ่าวในส่วนของถนนสาธารณะ ก็ได้มีการติดต่อกับทางการเพื่อบริจาคพืชเหล่านี้หลังใช้งาน แล้วยังมีงบการดูแลพืชให้ทุกปีต่อเนื่องไปอีกสิบปี นั่นทำให้ทางการยินดีให้บ้านโจวจัดงานได้เต็มที่พืชพรรณที่ออกดอกสีแดงสด ถูกซื้อและถอนมาจากทั่วประเทศ เพื่อปลูกไว้ประดับตกแต่งในวันงานแต่งงานของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวคนสุดท้าย ตลอดทั้งเส้นทางที่ต้องส่งตัวเจ้าสาวส่วนบ้านเจ้าบ่าวนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้า แม้จะไม่ได้ร่ำรวยเท่าตระกูลโจว แต่นายหญิงเพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้เอาเปรียบพวกเขาพี่น้อง ตานเต๋อคงยังมีหุ้นส่วนในหลาย ๆ ร้านค้าที่ให้กำไรดี แล้วยังทำการเก็งกำไรร้านค้าในพื้นที่หลากหลาย ตามนายหญิงกล่าวได้ว่าเขาเอ
ตอนพิเศษ 6 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกิจการร้านทั้งสามของโจวเม่ยเม่ย เมื่อมีตานเต๋อคงช่วยดูแลอีกแรงหนึ่ง ก็ทำให้เธอสามารถพัฒนาไปในลู่ทางของตัวเองได้มากขึ้น แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปภายใต้แผนการค้าเดิม เช่นเดียวกับร้านค้าอื่น ๆ ของนายหญิงเพ่ยเพ่ยความสามารถในการบริหารของหญิงสาว ทำให้ตานเต๋อคงรู้สึกทึ่งและภาคภูมิใจ ที่คนรักของเขามีความสามารถไม่เป็นรองนายหญิงเพ่ยเพ่ยผู้เป็นพี่สาวเลยสถานการณ์ด้านโรงงานของโจวเพ่ยชิงที่ขยายสาขามาในเมืองปักกิ่งกลับไม่ได้ดีนัก แต่ไม่ได้เป็นเพราะฝีมือการจัดการของตานเต๋อคงแย่ลง เพียงแต่เป็นเพราะมังกรต่างถิ่น ไม่อาจสู้งูดินเจ้าถิ่นได้ ทำให้เขาต้องทุ่มแรงอย่างหนัก เพื่อเอาชนะเจ้าถิ่นที่ครองตลาดเอาไว้หากเป็นการเปิดโรงงาน เปิดร้านค้าธรรมดา ก็แล้วไปเถอะ แต่ในช่วงสามเดือนระหว่างที่ตานเต๋อคงก่อตั้งร้านค้าในเครือเพ่ยเพ่ยในเมืองหลวง ทางโจวเพ่ยชิงเองก็พัฒนาขึ้น จนสามารถสร้างห้างสรรพสินค้าในเมืองหลักใกล้เคียงกับบ้านเกิดได้สำเร็จนั่นทำให้หญิงสาวตัดสินใจสร้างห้างสรรพสินค้าใหม่ในปักกิ่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันจะเป็นการขัดผลประโยชน์กับเจ้าถิ่นอย่างไม่สามารถห
ตอนพิเศษ 5 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“เม่ยเม่ย ไปไหน”เสียงเข้มเอ่ยถามน้องชายทันที เมื่อพบว่ามีเพียงตานโมว่ เดินเข้ามาในบ้าน วันนี้เป็นวันปิดภาคเรียน นักศึกษาเข้าไปส่งงานหรือไม่ก็สอบเป็นวันสุดท้าย ซึ่งโจวเม่ยเม่ยก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการไปมหาวิทยาลัยในวันนี้ได้“วันนี้ปิดภาคเรียน เด็ก ๆ ปีหนึ่งต้องไปกินดื่มกับพวกรุ่นพี่ในคณะสิครับ” ตานโมว่บอกกับพี่ชายถึงธรรมเนียมปฏิบัติ“แล้วนายไม่ได้ไป?”“ผมทำงาน อีกอย่างก็ไม่ได้มีสหายเยอะเหมือนเม่ยเม่ย รายนั้นเรียกได้ว่าเจ้ใหญ่ของสาขาวิชาก็ว่าได้”“...” ตานเต๋อคงไม่ประหลาดใจ เมื่อได้ยินอย่างนั้น จากความถี่ในการออกเที่ยวของโจวเม่ยเม่ย สามารถรู้ได้ว่าหญิงสาวมีสหายเยอะ หรือบางทีอาจจำกัดความได้ว่า ‘มีสหายกินดื่มเยอะ’ จะถูกกว่า“แต่เม่ยเม่ยดื่มไม่เก่ง” ตานเต๋อคงพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง“หวงนักก็ตามไปเฝ้าสิครับ งานเลี้ยงวันนี้ไม่ได้เคร่งเหมือนในมหาวิทยาลัย คนนอกไปกันเยอะแยะ”“ห่วง ไม่ได้หวง” ในความเป็นจริงคือไม่มีสิทธิ์อะไรไปหวงมากกว่า“อย่าปากแข็งไปหน่อยเลย เอาเถอะ ผมก็จนปัญญากับ พวกพี่แล้ว วันนี้พี่ก็ไปรับเม่ยเม่ยเองแล้วกัน ให้ผมไปสืบเรื่องงานมาให้จนเกือบตาย ผ
ตอนพิเศษ 4 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงทิวทัศน์ของปักกิ่งนั้นช่างแปลกตา แตกต่างจากบ้านเกิดของตนเองอย่างชัดเจน ทำให้สองหนุ่มผู้เพิ่งเข้ากรุงตื่นเต้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อรถพาแล่นมาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านแบบใหม่หลายหลัง พวกเขาก็เปลี่ยนความตื่นเต้นเป็นกังวลใจทันทีที่รถจอดและพบหน้ากัน โจวเม่ยเม่ยไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ท่าทางของเธอเฉยชาอย่างประหลาด นั่นทำให้ตานเต๋อคงประหม่าจนพูดไม่ออกคงมีแค่ตานโมว่ ที่คุยกับสหายอย่างกระตือรือร้น“นี่เป็นของฝากจากนายหญิงและทุกคน ลองดูสิเม่ยเม่ย”“ขอบใจนะ อาโมว่”โจวเม่ยเม่ยเหลือบมองของขวัญ แต่บังคับสายตาไม่ให้หันไปมองคนใจร้าย หลังรับของ เธอก็หันไปพาทั้งสองคนไปด้านใน“พี่และอาโมว่เลือกห้องได้เลยนะ ที่นี่หลังใหญ่จนเกินที่ฉันจะอยู่คนเดียว นายนั่นแหละอาโมว่ ที่ไม่ยอมมากับฉันตั้งแต่แรก”โจวเม่ยเม่ยเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันมาบ่นสหายของตนเอง“จะดีเหรอ พวกเราออกไปเช่าห้องอยู่ หรือไปอยู่ที่หลังร้านก็ได้”ตานเต๋อคงเอ่ยแทรกขึ้น อย่างที่เขาได้ตัดสินใจก่อนจะมาที่นี่แต่… โอกาสของเขาดูเหมือนถูกตัดขาดอย่างรวดเร็ว เมื่อโจวเม่ยเม่ยตอบกลับและหันไปพูดกับตานโมว่สหา
ตอนพิเศษ 3 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“นี่มัน…” ตานโมว่รู้สึกพูดไม่ออก หลังจากได้ฟังคำถามของเจ้านาย ไม่ใช่ว่าตอบไม่ได้เพราะปัญหาความซื่อสัตย์ แต่ไม่รู้ว่าควรพูดออกไปหรือไม่“นายอย่าปิดบังฉันเลย นายคงเห็นแล้ว ว่าพี่เต๋อคงแปลกไปจริง ๆ เขาชอบเหม่อเวลาทำงาน ตอนอยู่ที่บ้านด้วยกัน ก็คงจะเหม่อยิ่งกว่านี้อีกใช่ไหม”เมื่อคิดตามคำพูดของพี่สาวเพ่ยเพ่ยแล้ว ตานโมว่ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล แต่ปัญหาก็ คือแม้เขาจะรู้ความจริงว่าทำไมพี่ชายถึงเป็นอย่างในตอนนี้ ก็ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ดี“ฉันแค่เป็นห่วง และสงสัยว่าพี่เต๋อคงเป็นอะไรเท่านั้น ถ้ารู้ต้นเหตุ ไม่แน่ว่าเราอาจหาทางทำอะไรแก้ไขได้ ก่อนที่จะเกิดเรื่อง”“นี่… มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ” ตานโมว่มองเจ้านายด้วยความรู้สึกหลากหลาย ยิ่งทำให้เจ้าตัวสงสัยมากขึ้น แต่ไม่ใช่ความสงสัยที่ว่าตานเต๋อคงมีปัญหา แต่อาจเป็นผลมาจากเรื่องของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวของเธอเอง“หรือเป็นเพราะเม่ยเม่ยไปปักกิ่ง” โจวเพ่ยชิงพูดออกไป“นายหญิงรู้ได้ยังไง!”ไม่ต้องรอให้เขาตอบ เพียงท่าทีของตานโมว่ ก็บอกได้ทุกอย่าง โจวเพ่ยชิงได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ใช่เรื่องอื่น“ก็ไม่เชิงรู
ตอนพิเศษ 2 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกลับมาทางด้านตานเต๋อคงเวลานี้ชายหนุ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ใจหนึ่งก็อยากติดตามไปดูแลใครบางคนที่อยู่ในเมืองหลวง หรือไม่ ก็ติดต่อเธอไปสักเล็กน้อยแต่ทุกวันนี้เขามักจะมองเหม่อไปทางโทรศัพท์ เมื่อมันดังขึ้นก็เฝ้าหวังว่าจะเป็นสายจากคนที่คิดถึง กระนั้นชายหนุ่มกลับต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะแม้ว่าโจวเม่ยเม่ยจะติดต่อกลับมาก็เพื่อพูดคุยกับครอบครัว หรือไม่ก็สหายอย่างตานโมว่เท่านั้น ไม่ได้สนใจพี่ชายของสหายที่พ่วงด้วยฐานะผู้ช่วยคนสนิทของนายหญิงเพ่ยเพ่ยอย่างเขา ตานเต๋อคงเองก็ไม่มีหน้าพอที่จะไปขอคุยโทรศัพท์กับหญิงสาวทั้งที่ไม่มีธุระอะไรจนกระทั่งนายหญิงเพ่ยเพ่ยเรียกให้เขาเข้าพบ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ พร้อมกับบอกว่ามีคนจะปรึกษาเรื่องงาน“สวัสดีครับ”เขารับโทรศัพท์มา และกลอกเสียงที่ถูกทำให้นุ่มทุ้มลดระดับหนึ่งลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ“พี่เต๋อคง ช่วยสอนงานเล็กน้อยให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ พอดีฉันกำลังจัดการปัญหาที่เจอในสาขาหนึ่งของร้านค้าในเมืองปักกิ่งอยู่ ถ้าได้ผู้เชี่ยวชาญอย่างพี่มาช่วยคงจะดีมาก”ตานเต๋อคงหัวใจกระตุกวูบ รู้ส
ตอนพิเศษ 1 โจวเม่ยเม่ย – ตานเต๋อคงหลังจากผ่านพ้นการปฏิวัติ มีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงในบ้านโจว โดยเฉพาะการตัดสินใจสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของ‘โจวเม่ยเม่ย’ น้องสาวของบ้านนั่นเองการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอ ได้รับการสนับสนุนจากทางบ้านอย่างแข็งขัน ทำให้โจวเม่ยเม่ยมีกำลังใจทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการอ่านหนังสือสอบจนกระทั่งหลังออกจากห้องสอบ หญิงสาวถึงได้โล่งอก ท่าทางมั่นอกมั่นใจของเธอ ทำให้ทุกคนวางใจ และไม่มีใครถามถึงเพื่อไม่เป็นการกดดันน้องสาวไม่นานหลังจากนั้น บ้านโจวก็ได้รับจดหมายตอบรับ ซึ่งข่าวเรื่องนี้มาถึงหูของโจวเพ่ยชิงก่อนที่บุรุษไปรษณีย์จะมาถึงเสียด้วยซ้ำทำให้เมื่อบุรุษไปรษณีย์มาถึง ก็พบว่ามีผู้คนมากมายออกมารอรับจดหมายอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเขาจึงได้ยื่นซองเอกสารที่ลงทะเบียนให้แก่หญิงสาวเจ้าของชื่อด้วยรอยยิ้ม“ยินดีด้วยนะ คุณหนูโจว” เมื่อแสดงความยินดีเสร็จแล้วจึงเดินหันหลังกลับไป โดยไม่ได้พูดอะไรต่อคำยินดีเป็นเพียงคำมงคลที่บุรุษไปรษณีย์มีให้เด็กนักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยทุกคนอยู่แล้ว แต่เสียงเฮที่ตามหลังมา ทำให้เขาอมยิ้มมากขึ้น เพราะรู้ว่าจดหมายตอบรับนั้นเป็นข่าวดี“ยินดีกับน้องด้วยนะ”
บทส่งท้าย ความสุขที่ต้องการห้าปีต่อมา...เวลานี้ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น โจวเพ่ยชิงแนะนำนายพลข่ายและนายพลซีให้เลือกฝ่ายที่ถูกต้อง แม้ว่าทั้งสองจะสงสัยว่าโจวเพ่ยชิงรู้ได้อย่างไร ก็ไม่มีใครคิดที่จะถาม เมื่อเลือกฝ่ายที่ถูกต้อง ตำแหน่งหน้าที่ของทั้งสองจึงมั่นคงขึ้น นี่จึงทำให้ สายป่านของโจวเพ่ยชิงยิ่งยาวเข้าไปอีกห้าปีที่ผ่านมา เกิดเรื่องราวมากมายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น บ้านหลี่หรือบ้านโจว พี่ใหญ่โจวอย่างโจวเทียนอี้ ไม่รู้ว่าไปพบรักกับคุณหนูโม่ตอนไหน ทว่าเวลานี้ทั้งสองแต่งงานกันเรียบร้อยแล้วและพี่ใหญ่ก็ไป ๆ มา ๆ ระหว่างที่นี่กับเมืองลุยจืองานทางนั้นก็มากพอตัว อีกทั้งโรงงานที่ทำร่วมกับตระกูลโม่ก็มียอดขายเข้ามาไม่น้อย ซึ่งของขวัญวันแต่งงานสำหรับพี่ชายคนนี้โจวเพ่ยชิงมอบทรัพย์สินให้ไม่น้อย รวมถึงโรงงานที่เมืองลุยจือหากพูดถึงพี่ใหญ่แล้ว จะไม่พูดถึงพี่รองอย่างโจวว่านปิงคงไม่ได้ ไม่รู้ว่าชายที่หวงตัวเองไปหลงรักเซียงเหมยได้ยังไง มารู้ข่าวอีกทีพี่รองของเธอ ก็ให้พ่อกับแม่ไปสู่ขอหญิงสาวคนนี้เสียแล้วแต่ไม่ว่าพี่ชายทั้งสองจะรักกับใคร พี่สะใภ้ของเธอจะเป็นคุณหนูหรือลูกสาวชาวบ้านธรรมดา โจ
“นายหญิงเพ่ยเพ่ย!!” หว่านซีห่าวเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาว“ขอบใจนะที่ยังจำกันได้ คุณซีห่าว”แม้จะโกรธแค้นแค่ไหน ทว่าโจวเพ่ยชิงกลับเก็บอารมณ์ได้ดี ไม่วู่วาม เพราะเธอมีเรื่องบางอย่างที่จะสอบถามหว่านซีห่าว“มีใครบ้างไม่รู้จักนายหญิงเพ่ยเพ่ยผู้ทรงอิทธิพลของกลุ่มการค้าเพ่ยเพ่ย ว่าแต่นายหญิงที่เข้ามาเยือนที่นี่ มีเรื่องอะไรจะสอบถามใช่หรือไม่ เพราะการกระทำของพวกเราในวันนี้ น่าจะทำให้นายหญิงต้องการเอาชีวิตพวกเรามากกว่า”“ถูกต้องแล้ว ความแค้นที่ฉันมีต่อคุณ มันมากเกินกว่าที่จะให้อภัยด้วยซ้ำ แต่ฉันมีข้อข้องใจบางอย่างที่อยากจะถาม นอกจากคุณที่แฝงตัวเข้าในทีมของพี่ฮั่นตงแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย ใช่หรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้น พวกคุณคงไม่หนีหายและหลุดรอดออกไปได้เช่นนี้จนย้อนกลับมาทำร้ายพี่ฮั่นตงอีกครั้ง”นี่คือสิ่งที่เธออยากรู้ ก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ คนสนิทอย่างตานเต๋อคงได้รายงานบางอย่าง และก็ทำให้เธอคิดได้ แล้วเลือกที่จะถามก่อนที่จะจัดการเรื่องราวทั้งหมด“สิ่งที่นายหญิงกล่าวมาก็ไม่ผิด แต่ภารกิจที่พวกเราได้รับมอบหมายมาในครั้งนี้ไม่ใช่ฮั่นตง แต่เป็นตัวของนายหญิงเพ่ยเพ่ย เองต่างหาก”หว่านซีห่าวรู้ว่าอีกฝ่ายกำ