Home / โรแมนติก / โอบฟ้ามาห่มดิน / บทที่ 5 ให้ความรักเป็นหนังสือ - 50%

Share

บทที่ 5 ให้ความรักเป็นหนังสือ - 50%

last update Last Updated: 2025-05-29 19:06:12

ตลอดทั้งวัน พราวนภาใช้เวลาไปกับตู้เก็บของสะสมของตนในห้องนอน เพราะนอกจากจัดเรียงใหม่แล้ว หญิงสาวยังใช้แปรงแต่งหน้ามาปัดฝุ่นทีละตัว ตามด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดอีกที กว่าจะเสร็จท้องฟ้าด้านนอกก็ถูกปกคลุมด้วยความมืดเสียแล้ว

หญิงสาวยืนมองผลงานของตนด้วยความปลาบปลื้ม จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้แล้วส่งให้นฤบดินทร์ดู เพราะของสะสมเหล่านี้เกินกว่าครึ่งเป็นของที่ชายหนุ่มซื้อให้

เธออยากไปหาเขาที่บ้านแต่ก็ติดที่เขาห้ามไม่ให้เธอไป ไม่รู้ว่าตอนนี้เพื่อนของเขาจะกลับไปหรือยัง เพราะส่งข้อความไปถามนฤบดินทร์แล้วแต่เขาไม่ตอบ

พลันนั้นหญิงสาวก็นึกอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้ จึงออกจากห้องแล้วลงไปหาน้องฝาแฝดของตนที่กำลังนั่งเล่นเกมแข่งกันอยู่ในห้องนั่งเล่น

“พีทพาย พี่วานไปดูบ้านโน้นให้หน่อยสิว่าเพื่อนพี่ดินเขากลับไปกันหมดรึยัง” ถ้ากลับกันไปหมดแล้วเธอจะได้รีบไปหาเขาก่อนที่บิดามารดาจะกลับมาจากที่ทำงาน

“ได้เลย แต่พรุ่งนี้พี่พราวต้องเลี้ยงบิงซูพวกเรานะ” ภัทร์นรินท์ยักคิ้วให้อย่างเจ้าเล่ห์

“ย่ะ! แหม ต้องมีค่าแรงตลอดเลยนะ” เธออดค้อนให้น้องฝาแฝดทั้งสองคนไม่ได้ อายุแค่นี้แต่ความแสบสันและแก่แดดแก่ลมนี่ยืนหนึ่ง

ทั้งสองคนหยุดเกมไว้ชั่วคราว แต่ภัทร์นรินท์กลับหันไปบอกคู่แฝดของตนว่า “เร็ว ๆ นะพีท ไม่อย่างนั้นเราเล่นนำไปก่อนแน่”

“อ้าว ทำไมพีทต้องไปคนเดียวล่ะ พายก็ไปด้วยสิ” ภานุภัทร์ประท้วงหน้ามุ่ย แต่ภัทร์นรินท์กลับเชิดหน้าขึ้นอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่าแล้วพูดว่า

“วันนี้เราชนะ เราเป็นพี่ พีทต้องยอมทำตามคำสั่งเรานะอย่าลืมสิ” ได้ยินอย่างนั้นภานุภัทร์ก็หน้าง้ำทันที

“ก็ได้! คอยดูนะ พรุ่งนี้เราจะตื่นตั้งแต่ตีห้าเลย” พูดจบก็เดินลงส้นเท้าหนัก ๆ ออกไปจากห้อง พราวนภาจึงได้แต่ยิ้มขำให้น้องทั้งสองที่สารพัดจะสรรหาวิธีต่าง ๆ มาแข่งขันกัน แต่ดูเหมือนฝ่ายที่เสียเปรียบหรือพ่ายแพ้อยู่บ่อย ๆ จะเป็นภานุภัทร์มากกว่า

รอไม่นานนัก ภานุภัทร์ก็กลับมา เจ้าตัวนั่งลงที่เดิมแล้วหยิบจอยบังคับเกมมาถือไว้ก่อนพูดว่า

“เพื่อนน้าดินกลับไปหมดแล้วละพี่พราว พีทเห็นน้าดินนั่งอยู่คนเดียว”

“แล้วน้าดินเห็นพีทรึเปล่า” พราวนภาถามทั้งรอยยิ้ม เมื่อเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าให้แทนคำตอบ ตนจึงรีบออกจากบ้านไปหานฤบดินทร์ที่บ้านโน้นทันที

ครั้นพอคล้อยหลังพี่สาวแล้ว ภานุภัทร์ก็หันมาพูดกับคู่แฝดของตนว่า

“เราลืมบอกพี่พราวไปว่าน้าดินหน้าแดงก่ำเลย แล้วก็เหมือนกำลังนั่งหลับอยู่ด้วยล่ะ”

พราวนภายืนอยู่หน้าประตูแล้วมองผ่านมุ้งลวดเข้าไปในตัวบ้านที่เปิดไฟไว้แล้ว นฤบดินทร์กำลังนั่งอยู่คนเดียวจริงอย่างที่ภานุภัทร์บอก แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะนั่งหลับมากกว่าเพราะเธอเห็นเขาก้มหน้าลงแล้วหลับตานิ่ง ร่างกายไม่เคลื่อนไหวทั้งที่โทรทัศน์ยังคงเปิดภาพยนตร์เอาไว้อยู่

ตอนแรกหญิงสาวคิดจะเดินกลับบ้านเพราะไม่อยากรบกวนเขา แต่พอมองไปที่โต๊ะกลางของชุดรับแขกแล้วเห็นเศษซากอารยธรรมของการร่ำสุราที่ชายหนุ่มกับบรรดาเพื่อนฝูงของเขาทิ้งเอาไว้ เธอจึงเปลี่ยนใจ เพราะมั่นใจว่าคนอย่างนฤบดินทร์ไม่มีทางเก็บกวาดเองแน่นอน เขาต้องโทร. เรียกแม่บ้านประจำหมู่บ้านมาจัดการให้เป็นแน่ ซึ่งก็หมายความว่าจานชามและแก้วเหล้าบนโต๊ะจะต้องถูกทิ้งไว้ที่เดิมจนถึงพรุ่งนี้

“เฮ้อ คุณชายนฤบดินทร์เจ้าขา ถ้าพราวไม่มา พรุ่งนี้กลิ่นอาหารบูดต้องคลุ้งไปทั้งบ้านแน่”

พราวนภาเดินเข้าไปในบ้านด้วยฝีเท้าเบากริบจนแทบจะย่องเพราะไม่อยากให้คนเมาหลับต้องตื่นขึ้น หญิงสาวหยิบขวดสุราและโซดาเปล่าไปวางไว้ข้างประตูบ้าน จากนั้นก็ทำการเก็บจานชามและแก้วที่ใช้แล้วไปไว้ในครัว และนำผ้าชุบน้ำเพื่อเอามาเช็ดโต๊ะ

“นี่พวกพี่ดื่มหรืออาบกันเนี่ย นั่งกันอยู่แค่สี่คนแต่เหมือนกินทั้งคณะเลย” เธออดบ่นไม่ได้เมื่อนับจำนวนขวดสุราที่วางอยู่ข้างประตู อีกทั้งเธอไม่ค่อยเห็นนฤบดินทร์เมาแบบนี้บ่อยนัก เพราะเท่าที่รู้มาชายหนุ่มจัดว่าเป็นคนคอแข็งไม่น้อย แต่พอเห็นขวดเปล่าเหล่านั้นก็เข้าใจทันที เพราะต่อให้คอทองแดงขนาดไหนก็คงต้องแพ้ให้ฤทธิ์แอลกอฮอล์

พราวนภาหันไปยู่หน้าใส่คนนั่งหลับ เห็นนฤบดินทร์หน้าแดงไปถึงคอเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ดูแล้วน่ารักดี เธอจึงอดมองเขานานหน่อยไม่ได้ คงมีแค่ตอนเขาหลับกระมังที่เธอสามารถมองคนตรงหน้าไม่วางตาได้โดยไม่ถูกชายหนุ่มปรามเสียก่อน

นฤบดินทร์จัดว่าเป็นผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดีมากคนหนึ่ง เขาโดดเด่นเสียจนเธอกลัวว่าชายหนุ่มจะเป็นที่ต้องตาสาว ๆ มากเกินไป เพราะแค่ในหมู่บ้านเดียวกันก็มีหญิงสาวหลายคนชื่นชอบเขาและพยายามสานสัมพันธ์ด้วย แต่เจ้าตัวกลับไม่เคยตอบรับใครเลยสักคน เธอไม่รู้ว่าเขามีแฟนหรือเปล่า เพราะทุกครั้งที่เอ่ยปากถามเขาก็บอกว่าไม่มีทุกครั้งไป

“ช่วยหล่อให้น้อยลงกว่านี้หน่อยได้ไหม พราวไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นมาชอบพี่เลย” หญิงสาวพูดพลางเอานิ้วจิ้มแก้มเขาเบา ๆ ก่อนจะละสายตาออกมาจากใบหน้าของชายหนุ่ม ทว่าขณะที่เธอกำลังจะก้มลงเช็ดโต๊ะนั้น จู่ ๆ คนที่นั่งหลับเมื่อครู่ก็ลืมตาขึ้น

“ตื่นแล้วหรือพี่ดิน ฮัลโหล...นี่กี่นิ้ว” พราวนภาชูสองนิ้วแล้วโบกไปมาตรงหน้าเขา แต่นฤบดินทร์กลับคว้าข้อมือของเธอไว้แล้วเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยดวงตาแดงก่ำ

“พราว...” เขาเรียกชื่อเธอแผ่วเบา

“อืม พราวเอง พี่ดินขึ้นไปนอนบนห้องดีกว่าไหม พราวจะจัดการทำความสะอาดข้างล่างนี้ให้”

นฤบดินทร์ไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องหน้าหญิงสาวนิ่งอยู่อย่างนั้นจนพราวนภาเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะสายตาของชายหนุ่มที่มองมานั้นแปลกไปกว่าที่เคย

“เอ่อ...พี่ดินไปล้างหน้าหน่อยดีกว่า...ว้าย!”

เธอยังพูดไม่จบประโยค นฤบดินทร์ก็ฉุดแขนของพราวนภาเพื่อดึงเธอเข้าไปหาจนหญิงสาวเสียหลักล้มทับเขาไปทั้งตัว จากนั้นเขาก็โอบเอวของเธอรั้งให้นั่งบนตักเขาแล้วกอดหญิงสาวไว้แน่น

“พะ...พี่ดิน...จะทำอะไร!” พราวนภาถามด้วยความตื่นตระหนกเพราะไม่เคยถูกชายหนุ่มปฏิบัติแบบนี้ด้วยเลยสักครั้ง ปกติแล้วเขามีแต่ผลักไส และไม่ค่อยแตะเนื้อต้องตัวของเธอเท่าไรนัก นอกเสียจากว่าเหตุการณ์บังคับ

ทว่าเขาก็ไม่พูดอะไรเช่นเคย เอาแต่จ้องหน้าเธอด้วยสายตาแปลก ๆ ซึ่งพราวนภาก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าสายตาแบบนี้เรียกว่าอะไร จากนั้นหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นมาทาบแก้มของเธอไว้

“ฝันหรือเนี่ย ฝันถึงพราวอีกแล้ว” น้ำเสียงของเขาอ้อแอ้เล็กน้อย ขณะที่มือข้างนั้นก็คลึงแก้มเธออย่างแผ่วเบา

“ไม่ใช่ฝันสักหน่อย นี่พราวตัวจริงต่างหาก พี่ดินน่ะเมาแล้วนะไปนอนเถอะไป” เธอจับมือเขาออกจากแก้มของตนแล้วทำท่าจะลุกจากตักเขา แต่ชายหนุ่มก็กอดเอวเธอไว้แน่นเหลือเกิน

“ไม่เอา ตัวจริงทำไม่ได้ เป็นฝันแหละดีแล้ว” เขาพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนหน้าผากชนกัน แต่เพราะกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ฉุนกึกจากลมหายใจของเขา หญิงสาวจึงตัดสินใจใช้มือทั้งสองข้างจับใบหน้าของชายหนุ่มเอาไว้แล้วดันให้ห่างไปจากหน้าของตน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 12 เฟรชชี่หน้าใส - 100%

    อันธิการีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองแล้วเลื่อนตัวไปอยู่ตรงหว่างขาของเขา จากนั้นก็จัดการถอดกางเกงของชายหนุ่มออกบ้างโดยที่ส่วนบนของร่างกายเขาเธอไม่เสียเวลาถอดให้ เธอปล่อยให้ศีรษะของนฤบดินทร์มุดอยู่ในหมอนใบนุ่มเช่นเคยเพราะต้องการให้เขาคิดว่าทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นนั้นคือความฝันแต่กว่าจะรู้ว่าทุกอย่างคือความจริง มันก็สายไปแล้ว อย่างไรเสียเขาก็ต้องรับผิดชอบเธออันธิกาหลับตาคลี่ยิ้มอย่างเป็นสุขขณะที่ค่อย ๆ เคลื่อนไหวอยู่บนร่างของชายหนุ่มอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งทะยานผสานไปกับเสียงครวญครางแผ่วเบาที่ตนไม่อาจกักเก็บเอาไว้ได้ขณะเดียวกัน เงาตะคุ่มของใครบางคนก็เดินลัดเลาะออกมาจากทางเดินที่เชื่อมระหว่างหลังบ้านกับลานจอดรถหน้าบ้าน คนผู้นั้นถือขวดไวน์ขวดใหญ่ออกจากบริเวณบ้านแล้วเดินลงไปที่ชายหาด จากนั้นก็ทรุดตัวนั่งบนผืนทรายท่ามกลางแสงสลัวชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพราะรู้ว่าก่อนหน้านี้พราวนภาคอลมาหาแต่เขาไม่สะดวกรับ แต่พอดูเวลาแล้วคิดว่าตอนนี้คงไม่เหมาะนักหากจะโทร. กลับไปเพราะหญิงสาวคงเข้าเรียนไปแล้ว ดังนั้นจึงได้แต่มองรูปที่เธอส่ง

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 12 เฟรชชี่หน้าใส - 75%

    เปิดเรียนวันแรก พราวนภาตื่นแต่เช้าตรู่เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย และเป็นเพราะเพื่อนสนิทในกลุ่ม หรือเพื่อนร่วมชั้นที่เคยเรียนห้องเดียวกัน ไม่มีใครเลือกเรียนภาคอินเตอร์เหมือนเธอสักคน ดังนั้นหญิงสาวจึงรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูกพราวนภาเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบนาฬิกาข้อมือเรือนใหม่ล่าสุดที่ได้เป็นของขวัญมาจากลุงชินดนัยกับแม่จันทร์เจ้า แต่พอเอามาใส่ข้อมือแล้วหญิงสาวกลับเพิ่งนึกได้ว่านาฬิกาแบรนด์หรูที่ราคาเกือบครึ่งล้านเรือนนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งหากจะใส่ไปเรียนวันแรกเพราะอาจถูกเพื่อนหรือรุ่นพี่เขม่นเอาได้ โทษฐานที่อวดรวยมากเกินไปแต่สำหรับเธอแล้ว นาฬิกายี่ห้อหรูราคาแสนแพงเหล่านี้ เธอเห็นมาตั้งแต่เด็กจนแทบลืมไปว่าราคาค่างวดของมันไม่ใช่คนธรรมดาจะหาซื้อได้ เพราะลุงชินดนัยเป็นเจ้าของบริษัทที่นำเข้านาฬิกาแบรนด์นี้แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นบิดามารดา คุณปู่คุณย่า หรือแม้กระทั่งนฤบดินทร์ต่างก็มีนาฬิกายี่ห้อนี้คนละหนึ่งเรือนเป็นอย่างต่ำพราวนภาถอดนาฬิกาเก็บไว้ในกล่องตามเดิมแล้วหยิบนาฬิกาแฟชั่นมาใส่แทน หลังจากเช็กความเรียบร้อยขอ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 12 เฟรชชี่หน้าใส - 50%

    พราวนภาเผลอยิ้มออกมาจนต้องเม้มปากเพื่อกลั้นยิ้มเอาไว้เมื่อได้ยินว่านฤบดินทร์ไม่ค่อยโทรศัพท์กลับมาที่บ้านเพราะไม่มีเรื่องจะคุย แต่กับเธอ เขาโทร. หามาทุกวันไม่เคยขาด บางวันโทร. มาสองครั้งด้วยซ้ำ จนเธอยังแปลกใจตัวเองว่ามีเรื่องอะไรคุยกับเขานักหนาและดูเหมือนว่าความคิดถึงของพราวนภาจะถูกส่งไปถึงนฤบดินทร์ เพราะชายหนุ่มวิดีโอคอลเข้ามาที่เครื่องพอดี หญิงสาวจึงต้องหลบออกไปจากห้องรับแขกเพื่อหาที่คุยกับเขาเงียบ ๆ“ตื่นเช้าอีกแล้วนะพี่ดิน” พราวนภาทักทายเขาด้วยน้ำเสียงสดใส ตอนนี้เธอเชี่ยวชาญเรื่องเวลาของเมืองไทยกับบอสตันเป็นอย่างดี เช่นตอนนี้เมืองไทยประมาณสิบเจ็ดนาฬิกา ที่บอสตันก็จะเป็นเวลาหกโมงเช้า“ตื่นไปวิ่งน่ะ สายหน่อยก็จะไปยิม แล้วตอนนี้ที่บ้านก็กำลังกินเลี้ยงกันอยู่ล่ะสิ”“ใช่ อยู่กันครบเลยละ อาคินยังมาเลย คุณย่าบ่นคิดถึงพี่ดินด้วยนะ” พูดจบหญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อจู่ ๆ คนที่คุยด้วยก็ถอดเสื้อของตัวเองออกจนเปลือยท่อนบนแล้วเดินไปหยิบเสื้อวอร์มในตู้ออกมาถือไว้“มาถอดเสื้อโชว์ทำไมเนี่ย คนนิสัยเสีย” เธอยู่หน้

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 12 เฟรชชี่หน้าใส - 25%

    เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าจนในที่สุดก็ถึงวันสอบปลายภาควันสุดท้ายของภาคเรียนที่สอง และเป็นวันสุดท้ายที่พราวนภาจะได้ใช้ชีวิตในฐานะนักเรียนมัธยมปลาย ดังนั้นเธอกับเพื่อนในห้องจึงขออนุญาตอาจารย์จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ กันในห้องเรียนเพื่อเป็นการอำลา โดยก่อนหน้าที่จะมีการสอบปลายภาคนั้น เพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคนได้ประชุมหารือกันแล้วว่ากลุ่มไหนรับผิดชอบอะไร ซึ่งกลุ่มของพราวนภานั้นรับผิดชอบเกี่ยวกับขนมขบเคี้ยว ส่วนเงินที่นำไปซื้อนั้นก็เป็นเงินกองกลางของห้องที่เหลือจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดปีการศึกษาขณะที่พราวนภากับเพื่อนกำลังแกะขนมใส่จานกระดาษนั้น เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า“พราว บีมที่อยู่ทับห้าบอกว่ามีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ” เพื่อนคนนั้นพูดพลางพยักพเยิดไปทางนอกห้องเรียน ก่อนจะป้องปากพูดต่ออีกประโยคราวกับจะกระซิบ ทว่าระดับเสียงที่พูดนั้นไม่ใช่การกระซิบอย่างที่แสดงออก เพื่อนคนอื่นในห้องจึงได้ยินไปด้วย“มาสารภาพรักแน่เลยว่ะ ว้าย...” เจ้าตัวพูดจบเพื่อนหลายคนก็กรี๊ดกร๊าดจนเสียงดังไปทั้งห้อง“นังอุ้ม เดี๋ยวเถอะ!

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 11 คนเลว - 100%

    “อืม แต่คุณพ่อบอกว่าจะให้พีทกับพายไปเรียนด้วย แล้วก็อาจจะให้คุณแม่ไปอยู่ที่โน่นด้วยล่ะจะได้คอยดูแลเจ้าแฝดน่ะ เห็นคุณพ่อบอกว่าจะหาเช่าบ้านที่นั่นอยู่สักเดือนหนึ่ง” ครั้นพอเธอพูดจบ รอยยิ้มของชายหนุ่มก็หุบลงทันที“เฮ้ย! ไม่เอา จะมาทำไมสามคนนั้นน่ะ ไม่ต้องมา! พราวมาคนเดียวก็พอแล้ว” ชายหนุ่มหน้ามุ่ยจนพราวนภาเห็นแล้วอดหัวเราะไม่ได้“แหม...ไม่คิดถึงพี่สาวกับหลาน ๆ หน่อยหรือพี่ดิน”“ไม่เลยสักนิด! แค่คิดถึงพราวคนเดียวก็ไม่มีเวลาจะไปคิดถึงใครแล้ว”นั่นไง! หยอดมาจนได้ ดีนะที่เธอใส่หูฟังเอาไว้ เพื่อน ๆ ในโต๊ะจึงไม่มีใครได้ยินพราวนภายิ้มอย่างขัดเขินจนหน้าแดงก่ำ สามสาวในโต๊ะเห็นเข้าจึงเปิดปากแซวโดยหวังให้คนปลายสายได้ยิน“เหม็นความรักชะมัด ฉันว่าพวกเรากินกันให้หมดนี่เถอะ พราวมันคงอิ่มคำรักแล้วล่ะ” มนัสนันท์คีบอาหารที่ย่างสุกแล้วจากเตามาใส่จานตัวเองและจานของปวันรัตน์กับภัทรวี โดยเว้นพราวนภาไว้“พราวกินต่อเถอะเดี๋ยวจะแย่งเพื่อนไม่ทัน โทร. มาไม่มีอะไรหรอก พี่แค่อยากเห็นหน้าพราวเฉย ๆ นี่

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 11 คนเลว - 75%

    “แล้วแกคุยกับพ่อแม่แกแล้วหรือ พวกท่านอนุญาตจริงหรือไม่อยากเชื่อ” พราวนภาอดสงสัยไม่ได้ เพราะบิดามารดาของปวันรัตน์ดูเหมือนจะเคี่ยวเข็ญยิ่งกว่าเดิมหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น“ก็ลองไม่ให้ไปสิ ฉันยื่นคำขาดไปแล้วว่าถ้าให้ฉันไปเมืองนอก ฉันจะเอาปริญญาและเกรดดี ๆ กลับมาเป็นของขวัญให้ แต่ถ้าไม่ให้ไป ฉันไม่รับประกันว่าถ้าเรียนที่นี่ฉันจะถูกรีไทร์กี่สถาบัน” ปวันรัตน์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ“โห! นังนี่มันร้าย” มนัสนันท์ชี้หน้าปวันรัตน์แต่ตามองเพื่อนทุกคนในกลุ่มจนเพื่อน ๆ อดหัวเราะไม่ได้“แล้วแกล่ะยายพราว ตกลงจะเอนท์หรือจะบินไปเรียนเมืองนอกตามหนุ่มข้างบ้านยะ” ภัทรวีพูดล้อเลียน ปวันรัตน์จึงพูดเสริมขึ้นมาว่า“ฉันว่าแกบินไปเรียนกับพี่เขาดีกว่า จะได้คุมพฤติกรรมด้วยไง หล่อขนาดนั้นป่านนี้ไม่ใช่ว่าถูกสาวนานาชาติคาบไปกินแล้วหรือแก ผู้ชายน่ะไว้ใจไม่ได้หรอกนะยะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าตลอดสามปีที่อยู่บอสตันเขาจะครองตัวบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่แตะต้องผู้หญิงอื่นเลยน่ะ”“เอ๊าอีเปิ้ล! แกจะมาพูดให้เพื่อนระแวงทำไมเนี่ย ยายพราวม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status