Share

บทที่ 342

Author: จูน
อวี่เหวินหลิงบอก "ข้ารู้ กับผู้อื่นข้าย่อมไม่กล้าพูดเช่นนี้ แต่ข้าวางใจพี่สะใภ้ห้า"

หยวนชิงหลิงยิ้ม เด็กคนนี้ช่างไร้เดียงสาเสียจริง ระหว่างพวกเขาไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกันมากนัก การเชื่อใจผู้คนง่าย ๆ เกินไปเช่นนี้ไม่ค่อยดีนัก

อย่างไรก็ตาม นางประทับใจในความเรียบง่ายของเด็กคนหนึ่ง

ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนควรจะเรียบง่าย แต่การเติบโตในวังหลวง ความเงียบง่ายก็อาจทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

"พี่สะใภ้ห้า เสด็จแม่ไม่ชอบท่านมาก วันหลังข้าจะช่วยพูดให้ท่านสักสองสามคำ" อวี่เหวินหลิงกล่าว

หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วส่ายหัว "ไม่ต้องหรอก ความคิดของนางที่มีต่อข้านั้นไม่สามารถเปลี่ยนได้ในชั่วระยะเวลาสั้น ๆ บางทีทั้งชีวิตนี้ก็ไม่อาจเปลี่ยนได้แล้ว"

"เพราะเหตุใด?" อวี่เหวินหลิงถามอย่างแปลกใจ

หยวนชิงหลิงกล่าว "ตั้งแต่ในสมัยโบราณ แม่สามีและลูกสะใภ้ล้วนไม่ชอบกัน เพราะพวกเรารักผู้ชายคนเดียวกัน"

อวี่เหวินหลิงปิดปากแล้วหัวเราะ "เยี่ยงนั้นท่านก็ไม่ชอบเสด็จแม่ด้วยหรือ?"

"ใช่แล้ว ไม่ใช่ไม่น่ามอง แค่รำคาญเฉย ๆ”

"จะเป็นไปได้เยี่ยงไร? มันสายไปแล้วที่ข้าจะทำให้นางพอใจ"

เห็นได้ชัดว่าอวี่เหวินหลิงไม่ได้ให้สนใจกับคำถามนี้ เข
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 343

    "จริงสิ งานชมดอกไม้ในคืนนี้ ความจริงแล้วกำลังมองหาพระชายารองให้พี่ชายข้า หย่งอี้ เจ้าชอบพี่ชายคนไหนของข้าล่ะ?" อวี่เหวินหลิงเอ่ยถามหยวนหย่งอี้หันไปมองหยวนชิงหลิงอย่างไร้เดียงสา "อ๋องฉู่"หยวนชิงหลิงตกใจ หันไปมองหญิงสาวที่น่ารักและมีเสน่ห์คนนี้ช่วยไม่ได้ที่เธอชอบเด็กสาวคนนี้ อวี่เหวินห่าว ลามกนั้นเห็นแล้วจะเป็นยังไง?อวี่เหวินหลิงเอ่ยอย่างมีความสุข "ดีเลย เจ้าแต่งเป็นพระชายารองให้กับพี่ห้าของข้า และเป็นสหายกับพี่สะใภ้ห้าของข้า""ใช่แล้ว!" หยวนชิงหลิงพยักหน้าอย่างตื่นเต้นดวงตากวางยังคงล่องลอยไปทางหยวนชิงหลิง "พี่สะใภ้ห้า ท่านว่าอย่างไร? ถึงเวลาเมื่อเสด็จแม่ถามว่าท่านชอบใคร ท่านก็บอกว่าชอบหลิงอี้" อวี่เหวินหลิงกล่าวอย่างมีความสุขหยวนชิงหลิงมองไปยังหย่งอี้ด้วยรอยยิ้ม และพยายามอดกลั้นแรงยั่วยุที่จะที้งศีรษะนางลงจากการยั่วโมโห "อย่างไร? วันนี้เพื่อหาพระชายารองให้อ๋องฉี หรือเพื่อท่านอ๋องคนอื่นอีกหรือ?""งานชมดอกไม้ก็แค่คำพูดที่ให้ดูเหมาะสม" อวี่เหวินหลิงกล่าวงานชมดอกไม้ไม่ใช้งานที่มีไว้เพื่อชมดอกไม้ในสวน แต่เป็นการชมดอกไม้ที่หมายถึงหญิงสาวที่บานสะพรั่งหยวนหย่งอี้กลับคิดว่าทั้ง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 344

    ก่อนสิ้นสุดงานชมดอกไม้ ฮองเฮาทรงเรียกหยวนชิงหลิงและพระชายาซุนเข้าไปถามว่า มีความรู้สึกที่ดีต่อคุณหนูตระกูลไหนเป็นพิเศษหรือไม่พระชายาซุนกล่าวบางอย่างแต่หยวนชิงหลิงกลับส่ายหัวแล้วตอบ "ไม่มีเพคะ"คำพูดนี้ดึงความสนใจจากฮองเฮาและเหล่าพระสนมทุกคนล้วนแอบพูดในใจว่า พระชายาฉู่ขี้อิจฉาดูเหมือนจะเป็นความจริงแต่ว่าต่อหน้าเสียนเฟย จึงไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาฮองเฮายิ้มอย่างไม่เต็มใจ "ในเมื่อไม่เป็นที่พอใจก็พอแค่นี้"หยวนชิงหลิงได้รับสายตาอันดุดันจากพระสนมเสียนเฟยเมื่อออกจากวังหลวงมานางข้าหลวงสี่กล่าวว่า "พระชายาควรพูดสักสองสามคน""กี่คน?" หยวนชิงหลิงรู้สึกหดหู่ใจ "ข้าไม่ได้อยากพูดแม้แต่คนเดียว ยังต้องพูดอีกสักกี่คนกัน?”ข้าหลวงสี่กล่าว "เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ยอมรับพระชายารองไม่ได้ งานชมดอกไม้นี้ฮองเฮาเป็นผู้จัดการ เอ่ยชมสักคนสองคนก็เหมือนเป็นการให้หน้าฮองเฮาแล้ว พระชายาดูเหมือนว่าพระชายาซุนจะชอบจริง ๆ หรือ? มันเป็นเพียงเรื่องของการพยายามรักษาหน้าพอเป็นพิธี ไม่ดื้อรั้นต่อหน้าฮองเฮาก็ไม่ทำลายชื่อเสียงของตัวเอง คืนนี้พระชายาคงถูกกล่าวหาว่าหึหวงแล้ว" หยวนชิงหลิงพูดไม่อ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 345

    เธอคิดว่าเด็กผู้หญิงสักคนซ่อนตัวจากเขา อาจจะไม่ใช่เพราะกลัวเขาจริง ๆ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าชอบ ขี้อาย และไม่รู้ว่าจะเข้าหาเขาได้อย่างไรเธอพูดว่า "เป็นเพราะนางชอบท่าน ไม่เช่นนั้นจะหลีกเลี่ยงท่านหรือ? นางขี้อาย""ขี้อาย?" อวี่เหวินห่าวหัวเราะเสียงดัง "บอกเจ้าขี้อายข้าเชื่อ แต่บอกนางขี้อายข้าไม่เชื่อแน่นอน เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน"หยวนชิงหลิงมองมาที่เขา "เราอาจจะพูดถึงคนละคน ข้าพบนางคืนนี้ นางมีใบหน้าเขินอายตลอดเวลา แม้ว่านางจะมองมาที่ข้าโดยตรง แต่เมื่อข้ามองนาง นางก็จะแอบโดยไม่รู้ตัว"อวี่เหวินห่าวประหลาดใจ "เยี่ยงนั้นก็ไม่ใช่คนเดียวกัน เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ขี้อายแน่นอน นางกล้าหาญกว่าผู้ชาย""เยี่ยงนั้นทำไมบอกว่านางกลัวท่าน?"อวี่เหวินห่าวเล่าถึงอดีต "ตอนที่นางเข้าวังครั้งแรกน่าจะอายุแค่ห้าขวบเท่านั้น ฮูหยินหยวนพานางมาเข้าเฝ้าเสด็จย่า ตอนนั้นข้าแค่สิบเอ็ดหรือสิบสองปี กำลังเล่นอยู่ในสวนก็มีลูกงูตัวหนึ่งที่ข้าจับมันได้ คิดว่าน่าสนุกดีอยากจะเอาไปให้เสด็จย่า ไม่คิดว่าปล่อยมือแล้วงูตัวนั้นจะเข้าไปในกระโปรงของเด็กผู้หญิงคนนั้น นางกลัวมากร้องไห้โฮ หลังจากนั้นสิ่งที่กลัวที่สุดใ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 346

    อ๋องจี้มีท่าทีโศกเศร้าเสียใจอย่างเห็นได้ชัดดวงตาของเขาแดงก่ำ เขานั่งเหม่อลอย เหมือนรูปปั้นหินไม่ขยับเขยือนอวี่เหวินห่าวเข้ามาเห็นเขาตกอยู่ในสภาพนี้ ก็รู้สึกว่าเขารักใคร่พระชายารองอย่างลึกซึ้งจากใจจริงอวี่เหวินห่าวก้าวไปข้างหน้าและนั่งลง “พี่ใหญ่ ข้าขอแสดงความเสียใจด้วย!”อ๋องจี้ค่อย ๆ หันกลับมา สายตาที่เหนื่อยหน่ายลดลงอย่างช้า ๆ น้ำเสียงที่แอบซ่อนความเหนื่อยล้านั้นดังขึ้น “เจ้ามาแล้วเหรอ!”“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อรับสั่งให้ข้ามาเยี่ยมท่าน”อ๋องจี้เข้าใจแล้ว และนั่งตัวตรงด้วยอารมณ์ที่กลับมาอย่างเป็นปกติ “มีอะไรจะถาม เจ้าก็ถามมาเถอะ ถ้าเจ้าสันนิฐานว่าเป็นคนในจวน เจ้าถามข้าได้หมด”“ยกเว้นพี่สะใภ้ใหญ่ นอกนั้นข้าได้ถามหมดแล้ว” อวี่เหวินห่าวบอกกับอ๋องจี้แววตาอ๋องจี้ดูไร้อารมณ์ และพูดอย่างเฉยชาว่า “นางป่วยอยู่แบบนั้นมาตลอด ไม่ได้สนใจเรื่องในจวน ถามนางไปก็เปล่าประโยชน์ นางไม่รู้อะไรทั้งนั้น”อวี่เหวินห่าวพยักหน้า “ได้ยินมาจากสาวรับใช้คนสนิทของพระชายารอง ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายารอง นางได้รับจดหมายจากท่านพ่อของนาง ว่าไม่อาจรับความยากลำบากในบ้านป่าเมืองเถื่อนนี้ได้ จึงขอร้องให้พี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 347

    อาการป่วยของพระชายาจี้ไม่รุนแรงมากนัก แค่ไอหนักมากเท่านั้นทั้งร่างของนางดูซีดเซียว อาจเป็นเพราะกินยาจึงทำให้นางไม่มีความอยากอาหาร จึงดูซูบผอมลงไปมากนางร้องไห้มาก่อนหน้านี้ ดวงตาของนางยังดูบวมแดงอยู่ไม่ทันรอให้อวี่เหวินห่าวได้ถามคำถาม นางก็กล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้? นางถูกคนทำร้ายหรือคิดสั้นงั้นรึ นางไม่มีเหตุผลที่จะฆ่าตัวตาย นางเองก็ตั้งครรภ์แล้ว ดูข้าสิอีกไม่นานข้าก็คงไม่ไหวแล้ว คงอยู่ต่อได้อีกไม่กี่ปี นางไม่มีทางคิดสั้นแน่ ต้องมีใครสักคนทำร้ายนาง?”อวี่เหวินห่าวมองน้ำตาของนางที่ไหลออกมาเป็นสาย ท่าทางโศกเศร้าเสียใจเช่นนี้ เขาไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจร่วมด้วยเลย เพียงถามธุระเรื่องชายาของออกไปเท่านั้นว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ครั้งสุดท้ายที่ได้พบพระชายารองเมื่อไหร่?”พระชายาจี้ซับน้ำตาของนางด้วยผ้าเช็ดหน้า “เมื่อสามวันก่อน นางมาดูแลจัดการเรื่องยาต้ม ตอนนั้นข้ายังไม่รู้ว่านางตั้งครรภ์แล้ว มิฉะนั้นข้าจะไม่ให้นางเข้ามา นางเองก็ช่างเลอะเลือนเสียงจริง ตั้งครรภ์เป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ นางก็ไม่สังเกตเห็น”“งั้นพระชายารองทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์เมื่อไหร่?” อวี่เหวินห่าวเอ่ยถาม

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 348

    ตอนที่อวี่เหวินห่าวกลับคุยกับหยวนชิงหลิงเรื่องนี้หยวนชิงหลิงอดถอนหายใจไม่ได้แล้วกล่าวว่า “ข้าไม่เคยพบพระชายารองหลิวมาก่อน ไม่รู้นางเป็นผู้หญิงแบบไหน แค่ว่าผู้หญิงตั้งครรภ์คนนึงตัดสินใจโดดน้ำในทะเลสาบฆ่าตัวตาย ก็คิดได้ว่า ให้นางใช้ชีวิตกับพระชายาจี้แล้วล่ะก็ ไม่สู้ตายไปซะยังดีซะกว่า”“ตอนที่ข้าอยู่ที่สำนักตรวจการเกี่ยวกับเรื่องนี้ข้าไม่ได้พูดอย่างละเอียด ที่จริงน่าจะเป็นพระชายาจี้ที่คุกคามนาง เอาชีวิตของพ่อนางมาข่มขู่เช่นนี้”หยวนชิงหลิงมองไปที่เขา “แล้วคดีนี้จะเป็นอย่างไร?”อวี่เหวินห่าวพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “จะเป็นอย่างไรได้? เกิดคดีขึ้นในจวน อีกทั้งยังคิดสั้นกระโดดทะเลสาบฆ่าตัวตาย พระชายาจี้ทำทุกอย่างได้อย่างรัดกุม ต้องเตรียมคำพูดแก้ตัวอย่างรอบคอบ พรุ่งนี้สำนักตรวจการยังต้องไปอีกครั้ง ถึงตอนนั้นต้องมีสักคนสองคนบอกว่าเห็นพระชายารองหลิวโดดทะเลสาบ แต่แค่ไปช่วยไม่ทัน เรื่องนี้แม้ว่าจะจัดการไปแล้ว เว้นแต่อ๋องจี้จะออกหน้าให้พระชายารอง มิฉะนั้นก็คงต้องรอให้ความจริงปรากฏออกมาในสักวันนึง”หยวนชิงหลิงเองก็คิดแบบนี้ตราบใดที่พระชายารองหลิวฆ่าตัวตายจริง ใครหน้าไหนก็ไม่มีทางสืบหาความจริงต่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 349

    อวี่เหวินห่าวกลับไปที่จวนอ๋องก่อนรอบหนึ่ง และเอ่ยถามขึ้นมาว่า “มีสถานการณ์อะไรบ้างที่ให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่สนใจไม่สนใจสิ่งใด จนถึงขั้นกระโดดทะเลสาบได้บ้าง?”หยวนชิงหลิงตกใจกับคำถามนี้ “ท่านไม่ใช่เคยบอกว่านางถูกพระชายาจี้คุกคามหรือ?”“ข้าต้องหาเหตุผลที่สมควรไปทูลเสด็จพ่อ มิฉะนั้นการที่พระชายารองหลิวที่ตั้งครรภ์อยู่นั้นคิดสั้นฆ่าตัวตาย ทางบ้านของนางต้องประสบเคราะห์ภัย คนก็ตายไปแล้ว พยายามอย่าให้เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงพ่อพี่น้องครอบครัวนางเลย นางเป็นคนที่กตัญญู”หยวนชิงหลิงคิดดูแล้ว แล้วให้คำอธิบายปลอม ๆ ที่สมเหตุสมผลแก่เขาอวี่เหวินห่าวเข้าไปในวังกราบทูลรายงานเรื่องนี้ หลังจากที่จักรพรรดิ์หมิงหยวนได้ฟังเรื่องราวแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ทรงให้ไปเข้าเฝ้าทูลเรื่องนี้ไทเฮาให้กระจ่างแจ้งไทเฮาทรงโศกเศร้าเสียใจมาก ราชวงศ์ตั้งหน้าตั้งตารอคอยเด็กที่จะถึงกำเนิดขึ้นมาโดยตลอด แต่ว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พระชายาของเหล่าชินอ๋องทั้งหลายไม่มีข่าวคราวใดเลยสักนิด อย่างมากที่สุดก็แค่อ๋องซุนกับอ๋องจี้ที่ให้กำเนิดพระธิดา แต่ไม่กี่ปีนี้ความเคลื่อนไหวเลยสักนิดก็ไม่มีนอกจากนั้น พระชายาของเจ้าสาม อ๋องเว่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 350

    ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกหรือ หากคลอดลูกออกมาแล้วด่วนสิ้นใจไปก่อนวัยอันควร นั่นมันก็ช่างทำร้ายจิตใจกัน จริง ๆ แล้วยังให้ราชวงศ์ต้องเหนื่อยล้า คนข้างนอกไม่น้อยอาจพูดลือกันว่าราชวงศ์ไม่อาจกำเนิดทายาทออกมาได้ การถือกำเนิดมาแล้วถูกสวรรค์นำกลับไป นี่เป็นตระกูลอวี่เหวินที่ถูกสวรรค์ลงโทษพระชายาจี้ป่วย เพราะไปดูแลอ๋องหวยพระชายารองหลิวป่วยเป็นโรคติดต่อ เพราะต้องไปดูแลพระชายาจี้ นี่ล้วนเป็นการแสดงถึงมิตรภาพความเมตตา มันไม่ผิดเลยสักนิด สมควรยกย่องเสียด้วยซ้ำไปนางจะกล่าวโทษใครได้?ไทเฮาพูดอย่างเศร้าสร้อย “สวรรค์ไม่เมตตาตระกูลอวี่เหวินของข้า!”อวี่เหวินห่าวรู้ว่าตอนนี้เสด็จย่ายังไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ แต่วันนี้ก็ถือว่าน่ายกย่องแล้วสำหรับนางที่ยอมรับฟังได้ ผ่านไปสักพัก เรื่องนี้ก็คงค่อย ๆ ลืมเลือนไปเองเขาปลอบโยนสักสองสามคำ แล้วให้เสด็จย่าเสวยโจ๊กครึ่งชามได้อย่างไรก็ตามหลังจากเสด็จย่าเสวยโจ๊กหมด ก็มองหลานชายและพูดว่า “เจ้าบอกว่าเจ้ากลับสะใภ้ของเจ้าอยู่ด้วยกันมาปีกว่าแล้ว ยังไม่มีข่าวดีอีกหรือ? ท้องของนางถ้าไม่สามารถมีได้ เจ้าก็ควรแต่งพระชายารอง ตอนนี้พระชายารองของเจ้าเจ็ดก็ได้เลือกมาแล้ว เจ

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status