แชร์

Chapter3.ปรนนิบัติข้า

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-02 12:10:31

“ลุกขึ้นแล้วมาปรนนิบัติข้า”  นางเบ้ปากไม่ค่อยสบอารมณ์นัก  ชายผู้นั้นเมื่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จึงเห็นได้ชัดว่ารูปร่างของเขาสูงใหญ่เพียงใด    

‘กวงหมิง’ เดินเข้ามาแล้วยื่นมือไปหยิบผ้าผืนหนึ่งมาแล้วยื่นมือไปจับเรียวแขนงามของหญิงสาวขึ้นจากน้ำบรรจงขัดผิวให้นางอย่างแผ่วเบา  

“อา...”  หญิงสาวส่งเสียงครางอย่างพอใจ “ไม่มีผู้ใดปรนนิบัติข้าได้ดีเท่าเจ้าเลย”  

ชายหนุ่มยังมีสีหน้าราบเรียบ ตั้งอกตั้งใจทำหน้าที่ของตนเอง

“เด็กดี”  หญิงสาวพลิกกายมาเกาะขอบอ่างอาบน้ำ หากจ้องมองดวงตาของนางให้ดีจะเห็นว่าดวงตาของนางมีประกายสีม่วงเข้มราวกับอัญมณีเม็ดงาม

“เจ้ารับใช้ข้ามากี่ปีแล้วนะ”

“ยี่สิบปีขอรับ”

            “ยี่สิบปีของมนุษย์แสนยาวนาน แต่สำหรับปีศาจอย่างข้าเพียงพริบตาเดียว”  นางหัวเราะเบาๆ

            “ท่านประมุขประสงค์จะพักที่นี่หรือขอรับ”

            “แค่เล่นสนุกสามประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น”  นางหัวเราะร่วน “ข้าไม่รีบร้อนเดินทาง หรือเจ้ารีบ?”

            “ทุกอย่างเป็นไปตามที่ประมุขต้องการขอรับ”

            “อืม” นางเบ้ปากเพราะอีกฝ่ายปากหนักไม่ค่อยพูดจากับนางนัก “น้ำเย็นแล้ว ข้าจะขึ้นจากอ่างอาบน้ำแล้ว”

            “ขอรับ”  ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วโน้มตัวลงยื่นมือไปช้อนร่างของนางขึ้นจากน้ำ เรียวแขนงามยกขึ้นคล้องคอของเขา ร่างเปลือยเปล่าเปียกชุ่มเย้ายวนตา แต่ชายหนุ่มยังสีหน้าเย็นชา เขาอุ้มนางมาที่ยืนหลังฉากกั้น หยิบผ้ามาซับน้ำจนแห้งสนิทดีแล้วหยิบเสื้อผ้าของนางมาสวมให้ที่ละชิ้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่ายและใจเย็นทำให้ปีศาจสาวหงุดหงิด

            “ออกไปได้แล้ว มีอะไรข้าจะเรียกเจ้าเอง”

            “ขอรับ”

            ชายหนุ่มถอยหลังไปสองสามก้าว ก้มศีรษะให้เล็กน้อยเพียงพริบตาร่างของเขากลายเป็นอีกาตัวหนึ่งบินออกไปอย่างไร้ร่องรอย

            ‘ชิงหรู’ เบ้ปากไม่สบอารมณ์นัก ไม่ว่านางจะยั่วยวนหรือกลั่นแกล้งกวงหมิงอย่างไร ชายผู้นี้แทบไมแสดงสีหน้าอารมณ์ใดให้นางเห็น

นางคือปีศาจราคะ ครั้งหนึ่งนางเคยเพียรพยายามฝึกฝนเพื่อเป็นเทพเซียน ผ่านมาพันปีนางคิดว่าหนทางเป็นเซียนนั้นเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ นางมุ่งสู่วิถีมารกลายเป็นปีศาจอันดับหนึ่ง ล่อลวงผู้คนให้มัวเมาราคะ เสพสมสูบพลังวิญญาณ หากผู้ใดทำให้นางพึ่งพอใจ นางจะบันดาลในสิ่งที่ปรารถนา  ด้วยเหตุนี้เทพเซียนจึงลงมาปราบมาร กักขังนางไว้ที่ภูผาเทียมเมฆา ร่างกายถูกกักขังแต่สามารถถอดดวงจิตสิงสู่มนุษย์  มนุษย์กลุ่มหนึ่งบูชานาง ก่อตั้งลัทธิลิขิตจันทราคัดเลือกเด็กหญิงมาเพื่อเป็น ‘ร่างทรง’ ถวายแด่ปีศาจราคะ

ชิงหรูมาอยู่ที่ลัทธิลิขิตจันทราตั้งแต่อายุสิบสอง โดยมีกวงหมินเป็นคนพาเข้ามา เด็กหญิงมากมายถูกส่งเข้ามาที่แห่งนี้  จนอายุสิบห้า เด็กหญิงวัยเยาว์เติบโตเป็นหญิงสาวแรกแย้ม ทั้งหมดถูกคัดเลือกจนเหลือเพียงห้าคน สุดท้ายนางคือผู้ที่ ‘ปีศาจราคะ’ เลือก ผู้คนในลัทธิเรียกปีศาจราคะว่า ‘ท่านประมุข’  นางจึงเป็น ‘ร่างทรง’ ของปีศาจราคะ

ตั้งแต่วันที่ถูกเลือก ชิงหรูทำได้เพียงขยับปากแต่ไร้เสียง ผู้คนจึงเข้าใจว่านางเป็นใบ้ ซึ่งร่างทรงก่อนหน้านางก็เป็นเช่นนี้

‘กวงหมิน’ บุรุษใบหน้าเรียบเฉยคอยดูแลรับใช้และเป็นคนปกป้องนาง  ยี่สิบปีที่ผ่านมา ท่านประมุขเปลี่ยน ‘ร่างทรง’ ไปหลายคนแล้ว แต่กวงหมินยังบ่าวรับใช้ข้างกายไม่เคยเปลี่ยน แม้นางจะนึกเบื่อหน่ายสีหน้าเย็นชาและท่าทางไม่แยแสต่อสิ่งใด แต่นางกลับพึงพอใจที่เห็นบุรุษผู้นี้เป็นเช่นนี้  นางหัวเราะออกมา กวงหมินจะกล้าแข็งข้อกับนางได้อย่างไร ในเมื่อเขาเองก็ถูกทำให้กลายเป็น ‘อีกา’ด้วยน้ำมือของนางเอก

หากนางไม่เป็นผู้ ‘ปลดปล่อย’ กวงหมินก็ไม่มีวันได้ร่างมนุษย์อย่างเดิม

เช่นเดียวกับร่างของ ‘ชิงหรู’ หากนางไม่ ‘ปลดปล่อย’  ชิงหรูก็ไม่มีวันพูดได้

มือเรียวแตะแก้มเบาๆ เพียงแค่นี้ก็ทำให้แก้มนวลแดงระเรื่ออย่างน่ามอง นางไม่ได้เลือกร่างทรงส่งเดช แต่ร่างของชิงหรูมีความพิเศษแต่กำเนิด เป็นสตรีที่ครอบครองความเย้ายวนขวนเสน่หา ร่างกายนี้อ่อนไหวกับสัมผัสแม้เพียงบางเบา  นางคือปีศาจราคะที่ต้องการเสพสมกับมนุษย์เพื่อเพิ่มพลังวัตรให้ตนเอง  แต่กระนั้นนางก็เป็นปีศาจที่แสนดี หากผู้ใดทำให้นางสุขสมอิ่มเอม นางจะมอบความปรารถนาให้คนผู้นั้นเป็นการตอบแทน   ผู้คนที่เข้าร่วมลัทธิลิขิตจันทราก็เพียงเพื่อให้ได้สมในปรารถนา ไม่ต้องฝึกบำเพ็ญตนให้ทรมาน เสพสังวาสก็พบหนทางแห่งสุขได้เห็นสวรรค์เหมือนกัน  

นางปีศาจยิ้มหวานให้กระจกเงาแล้วลุกขึ้นยืน คงใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว นางอยากเห็นนักว่า เบื้องหลังโฉมหน้าของเศรษฐีใจบุญและบุตรชายผู้มุ่งมั่นจะเป็นบัณฑิตนั้นเป็นเช่นไร

          จางลี่รู้ว่าตนเองเป็นแค่หญิงรับใช้แต่กระนั้นนางก็ยังวาดหวังที่จะหลุดพ้นจากฐานะต่ำต้อยนี้ แต่เมื่อคุณชายหวังหย่งส่งสายตาชื่นชมแขกแปลกหน้า ความรู้สึกริษยาเจ็บแค้นจึงบังเกิดขึ้นในใจ

            “ต้องขออภัยทุกท่าน ข้าเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเลยอาบน้ำนานไปหน่อย” 

            เสียงของชิงหรู-แขกของนายท่านใหญ่ทำให้จางลี่ตื่นจากภวังค์ นางฝืนยิ้มแสดงท่าทีอ่อนน้อมและเจียมตัว

            “เชิญแม่นางชิงหรูทางนี้เจ้าคะ” จางลี่เดินนำไปที่ห้องที่ตระเตรียมอาหารมื้อเย็นเพื่อเลี้ยงแขกคนพิเศษของนายท่านใหญ่ 

            ชิงหรูเดินตามจางลี่ลอบยิ้มกลั้นหัวเราะ นางมักสัมผัสกลิ่นอายริษยาชิงชังเหล่านี้ได้รวดเร็วเสมอ แน่ล่ะ นางเป็นปีศาจอายุกว่าพันปี เรื่องแค่นี้นางนางจะไม่รู้ได้อย่างไร

            หวังอี้มีภรรยาที่งามพร้อมอยู่สองคน เหมยกุ้ยและหูเตี๋ย ทั้งสองเป็นพี่น้องที่มองภายนอกเหมือนรักใคร่กันดี แท้จริงแล้วทั้งสองชิงดีชิงเด่นกันเป็นที่รักของสามี  ภายนอกผู้อื่นมองเศรษฐีหวังอี้ด้วยสายตาอิจฉาปนชื่นชมที่มีครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียว แต่เบื้องหลังนั้น...

            หวังอี้ไม่ปิดบังภรรยาทั้งสองที่เชิญแขกอย่างชิงหรูมาพักที่บ้าน เขาเล่าไปตามจริง ภรรยาทั้งสองแม้จะประหลาดใจอยู่บ้างที่จู่ๆ สามีเชิญหญิงสาวแปลกหน้ามาพักและต้อนรับอย่าง ทว่าเมื่อเหมยกุ้ยและหูเตี๋ยได้เห็นใบหน้าของแขกคนพิเศษแล้วนั้น  ทั้งสองก็ได้แต่ซ่อนความไม่พอใจไว้ใต้รอยยิ้ม

          “ทำให้ทุกท่านต้องรอ ข้าเสียมารยาทจริงๆ”

            ชิงหรูแย้มยิ้มทำเป็นไม่เห็นสายตาของภรรยาทั้งสองของเจ้าบ้าน  หวังอี้และหวังหย่งดูแลต้อนรับแขกแปลกหน้าอย่างดียิ่ง  นางคะยั้นคะยอให้สองภรรยาของหวังอี้ดื่มสุราเป็นเพื่อนนาง สุดท้ายนางแสร้งเมามายและขอร้องให้จางลี่พาเรือนที่พัก 

ก่อนขอตัวกลับ นางเดินไปจับมือเหมยกุ้ยและหูเตี๋ยพลางทำเป็นกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างแล้วให้จางลี่ประคองกลับเรือน   จางลี่อดสงสัยกับท่าทางของชิงหรูแต่ไม่กล้าเอ่ยปากถามอะไร ทว่าเมื่อเดินออกมาพ้นสายตาผู้คนแล้ว ชิงหรูก็ไม่มีอาการเมามายเหมือนเมื่อครู่เลยสักนิด

            “ทำไมรึ”  ชิงหรูถามพลางหัวเราะเสียงใส ท่าทางเป็นธรรมชาติแสนเย้ายวนจนสตรีด้วยกันยังรู้สึกริษยา

            “ไม่มีอะไรเจ้าคะ” จางลี่ส่ายหน้าไปมาเร็วๆ

            “ลี่เอ๋อร์เอยลี่เอ๋อร์” ชิงหรูยื่นปลายนิ้วไล้ใบหน้าของเด็กสาวแล้วทำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ “ข้ารู้ว่าเจ้าปรารถนาสิ่งใด แต่การที่เจ้าอุทิศตัวเองให้คุณชายหวังหย่งนั้นไม่เพียงพอให้ตัวเองได้หลุดพ้นจากฐานะสาวใช้หรอกนะ”

            “ท่าน...ท่านพูดเรื่องอะไร ข้า...ข้าไม่เข้าใจ”  จางลี่ถอยหลังครึ่งก้าวทำให้มือของชิงหรูค้างอยู่ในอากาศ

            “ข้าเอ็นดูเจ้านัก” ชิงหรูหาได้ถือสาจางลี่  นางยังคงหัวเราะเบาๆแล้วเอ่ยต่อ “เอาล่ะ ข้าจะบอกเคล็ดลับให้ หากเจ้าต้องการสลัดฐานะสาวใช้นี้ ก็จงเปลี่ยนจากเป็นฝ่ายรอรับอารมณ์ของบุรุษและเป็นฝ่ายควบคุมเขาเสียเอง เรื่องง่ายๆ แค่นี้ เจ้าก็จะได้ทุกอย่างที่ต้องการ”

            “เป็นฝ่ายควบคุม?” จางลี่พูดทวนช้าๆ “จะเป็นไปได้อย่างไร?”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ไข่มุกหมื่นปรารถนา    Chapter 49.  จบ

    “เจ้ารู้หรือไม่ บิดาของเจ้าที่เป็นหมอวิปลาสล้มเหลวกับการสร้างโอสถเลือดมาหลายสิบปีจนยอมเป็นทาสปีศาจเช่นข้า มารดาของเจ้ากลืนไข่มุกหมื่นปรารถนาของข้ายามตั้งครรภ์เจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่รอดตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ เจ้ามีปราณบริสุทธิ์ในตัวเองมากเพียงใด”ดวงตาของสาวงามเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิต รอยยิ้มก็ดูน่ากลัวเช่นกัน ริมฝีปากงามคลี่ยิ้มออกมาแล้วเอ่ย“นอกจากเลือดจะเป็นโอสถทิพย์แล้ว พลังปราณไม่จำกัดของเจ้ายังทำลายทุกสิ่งได้ในพริบตา”“พอแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซิงตวาด “นางไม่ควรแบกรับเรื่องเหล่านี้”“อย่ามาแสร้งทำใจดี” ปีศาจราคะหัวเราะในลำคอ “เจ้าใช้นางจนพอใจแล้วจึงทำเป็นมีเมตตารึ”“ไม่! ข้าต้องการให้นางเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ได้มีชีวิตที่ดีก็เท่านั้น”“เพราะรู้สึกผิดกับทุกชีวิตที่ตายไปหรือไร” นางหัวเราะร่วน “จู่ๆ ก็อยากเป็นคนดีกันเสียจริง”“เพราะว่า...ข้าพอแล้ว” ฟู่อวิ๋นเซิงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สายตาหยุดอยู่ที่หลิวชิง “ชีวิตข้า...อยู่มาพอแล้ว”“อวิ๋นเซิง” หลิวชิงเรียกเขาอย่างปวดร้าว เขาย่อมรู้ว่าร่างกายของฟู่อวิ๋นเซิงเป็นเช่นไร หากนับจากนี้ไม่ได้ดื่มเลือดโอสถอี

  • ไข่มุกหมื่นปรารถนา    Chapter 48 ก่อกรรมไว้มากมาย

    “ฟู่อวิ๋นเซิง! เจ้าก่อกรรมทำเข็นมามาก คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปนับร้อย และยังสั่งสมผู้คนจิตใจชั่วช้าไว้อีก เห็นทีหากวันนี้ข้าไม่จัดการเจ้าและพรรคกระเรียนดำให้สิ้นซากก็เกรงว่าจะไม่สามารถทำให้ผู้อื่นอยู่อย่างสงบสุขได้” “นักพรตอี๋” ฟู่อวิ๋นเซิงหัวเราะร่า “วาจาที่เจ้าพ่นออกมาล้วนหาเพียงความชอบให้ตนเอง ข้ากับคนของข้าอยู่ในหุบเขาอู่อี๋มาหลายสิบปี มีแต่คนอย่างพวกเจ้าที่แส่มาหาเรื่องถึงที่ บุกมาถึงบ้านข้าทำร้ายคนของข้าแล้วเช่นนี้จะเรียกว่าอะไร” “ฟู่อวิ๋นเซิง อย่ามาแสร้งทำเป็นพูดดี วันนี้เป็นวันตายของเจ้า” “นักพรตอี๋ มิใช่ว่าท่านต้องการเคล็ดวิชาและโอสถของข้าหรอกรึ” “ข้าจะอยากได้เคล็ดวิชารมารไปเพื่อสิ่งใด!” “มิใช่ว่าท่านสรรหากระษัยยาเพื่อทำยาอายุวัฒนะเพื่อมีชีวิตได้เป็นร้อยปีมิใช่รึ” ฟู่อวิ๋นเซิงคลี่ยิ้มดูแคลน “ได้ยินว่าเพื่อให้ตนมีกำลังวังชาเหมือนเด็กหนุ่ม แม้ต้องขืนใจหญิงพรหมจรรย์ก็ทำได้ เช่นนี้แล้วยังเรียกว่าตัวเองเป็นฝ่ายธรรมะได้อยู่หรือ?” “เจ้า!” นักพรตอี้ตวัดแส้หางม้าชี้ใส่หน้าประมุขพรรคกระเรียนดำ เขาโ

  • ไข่มุกหมื่นปรารถนา    Chapter 47. พายุใหญ่

    ว่ากันว่า ก่อนพายุใหญ่จะมา คลื่นลมมักเงียบสงบ เรื่องราวในหุบเขาอู่อี๋ก็เช่นกัน หลังจากงานวิวาห์ของฟู่เหยียนอวี้และมู่ลี่หยางผ่านไปได้สามวันก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น อาจเพราะเป็นเป็นช่วงที่ทุกคนสนุกสนานกับงานรื่นเริง การคุ้มกันในหุบเขาจึงลดลง แม้แต่ค่ายกลที่สร้างไว้ในหุบเขาก็ถูกทำลายอย่างย่อยยับ หลังออกจากห้องหอ มู่ลี่หยางปรึกษาหารือกับประมุขฟู่ ตั้งใจว่าให้ฟู่เหยียนอวี้พักฟื้นร่างกายให้แข็งแรงดีแล้วจะกลับไปบ้านหมอมู่จางหมิ่น เพื่อไม่ให้พ่อบุญธรรมเป็นห่วง เขาจึงคิดว่ากลับไปเล่าเรื่องด้วยตนเองดีกว่าเขียนจดหมายส่งไป ฟู่อวิ๋นเซิงใจกว้างกับคนทั้งสอง มิได้บังคับให้อยู่ในพรรคมาร หากพวกเขาสองคนต้องการไปที่ใดก็ไม่ขัด จะใช้ชีวิตที่ใดก็ย่อมได้ ฟู่เหยียนอวี้คิดถึงเด็กกำพร้าที่บ้านหมอมู่ นางเสนอความคิดกับมู่ลี่หยาง นางรู้ว่าเขารักสันโดษ แต่เด็กๆย่อมต้องเติบโตและควรมีบ้านที่อบอุ่น นางจำได้ว่าที่เมืองเหมียนหยางซึ่งมีสาขาของพรรคกระเรียนดำอยู่นั้น พอจะมีบ้านว่างสภาพดีให้พวกนางสามารถอยู่อาศัยได้ ‘เจ้าจะรับเด็กๆ มาเลี้ยงเองรึ” ฟู่อวิ๋นเซิงถามอย่างปร

  • ไข่มุกหมื่นปรารถนา    Chapter 46. รอยยิ้มของเขา

    “ข้าอยากเห็นท่าน”“ข้าก็เช่นกัน”รอยยิ้มของเขาที่สะกดสายตานาง เขาทาบริมฝีปากลงมาอีกครั้งแต่เป็นที่ยอดอกที่ชูชัน ปลายลิ้นร้อนตวัดปลายถันจนเปียกชุ่ม หญิงสาวส่งเสียงครางออกมา ระลอกความเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่าง ท้องน้อยปั่นป่วนจนร่างกายบิดเร่า เขาดูดดึงปลายถันทั้งสองข้างสลับกันและยังเคล้นคลึงจนนางแทบทนไม่ไหว สองมือจับที่บ่าของเขาอย่างลืมตัว มือกร้านข้างหนึ่งเลื่อนไปด้านล่างแตะต้องส่วนอ่อนไหวอย่างแผ่วเบาแต่ทำให้นางร้อนรุ่มราวจับไข้ เขาละริมฝีปากจากยอดอดแล้วจูบผิวเนียนละเอียดหอมหวาน ใบหน้าของเขาเลื่อนลงต่ำ สองมือแยกเรียวขาออกกว้าง สายตามองกลีบดอกไม้ที่ผลิบานเบื้องหน้าก่อนยื่นหน้าไปใช้ลิ้นตวัดเลียอย่างชำนาญ ปลายลิ้นเล้าโลมจุดอ่อนไหว ร่างทั้งร่างของหญิงสาวก็สั่นระริกขึ้นมา“ท่าน...ท่านพี่...” ฟู่เหยียนอวี้ได้แต่ครางเรียกชื่อคนรักเพื่อบรรเทาความเสียดเสียวที่เกิดขึ้น แม้นางเป็นหญิงใจกล้าแต่ยามนี้เขินอายไม่กล้ามองว่าเขากำลังทำอะไรกับร่างกายของนาง มู่ลี่หยางดื่มด่ำกับรสชาติของกายสาว กลีบเนื้อสีอ่อนสั่นระริก เขาใช้นิ้วแทรกเข้าไปสำรวจภายในโพรงที่อ่อนนุ่ม ช่องทางอันคับแคบทำให้เขาต้องเตรียมร

  • ไข่มุกหมื่นปรารถนา    Chapter 45.  จำได้

    “ท่านจะเรียกข้าว่าอะไรก็ได้ ขอให้ข้าเป็นภรรยาของท่านก็พอ” นางหลับตาลง “ข้าชอบฟังเสียงหัวใจของพี่ลี่หยาง ชอบที่ท่านทำหน้าดุแต่เป็นห่วง ชอบที่ท่านแสร้งทำเป็นเย็นชา ข้าชอบพี่ลี่หยางมากจริงๆ” “พอแล้ว” ถ้อยคำของนางทำให้ใบหน้าของเขาแดงเรื่อฟู่เหยียนอวี้ดันกายขึ้นจ้องมองดวงตาของคนรัก“พี่ลี่ หยางก็บอกรักข้าบ้างสิ”คราวนี้มู่ลี่หยางอึกอัก มิใช่ว่าไม่รู้สึก แต่เขาเขินอายและหยาบกระด้างเรื่องพวกนี้ เขาไม่ใช่คนพูดจาหวานหู และที่สำคัญ เขาไม่เคยบอกรักหญิงใดมาก่อน“แม่นางหวงหลันที่หอสุราเจี่ยนตานบอกข้าว่า มีสตรีหมายตาพี่ลี่หยางมากมาย”“หือ? ถ้ามีเรื่องเช่นนั้นจริง ทำไมข้าไม่รู้” วันนั้นเขาหายไปครู่เดียว เหตุใดเหมือนมีเรื่องมากมายที่เขาไม่รู้นักนะ“ก็เพราะว่า...ท่านยังไม่มีคนในดวงใจละสิ” นางยิ้มกว้างอย่างได้ใจ “พี่ลี่หยางคงไม่เคยพูดประโยคเหล่านี้สินะ เช่นนั้น ข้าพูดให้ท่านฟังบ่อยๆ ท่านก็พูดตามข้าก็ได้”“ไป๋เซ่อ” เขาเรียกนางน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าเคยได้ยินการกระทำสำคัญกว่าคำพูดหรือไม่”ยังไม่ทันได้เอ่ยถาม ฟู่เหยียนอวี้ก็ถูกพลิกตัวลงมาอยู่ใต้ร่างของมู่ลี่หยาง ริมฝีปากอุ่นประกบที่ริมฝีปาก

  • ไข่มุกหมื่นปรารถนา    Chapter 44. เจ้าเล่ห์

    คนตัวเล็กแทบจะวิ่งหนี แต่มือใหญ่คว้าคอเสื้อจากด้านหลังของนางไว้ได้ทัน คราวนี้ฟู่เหยียนอวี้เสียหลักหงายหลังลงมานั่งบนตักของเขาพอดี อยากจะตำหนิต่อว่าแต่ก็ทำไม่ลง มู่ลี่หยางได้แต่ถอนหายใจแล้วเอ่ยถาม “เจ้าจำได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน” “จำอะไรได้รึ” นางยังแสร้งทำหน้างุนงง “ฟู่เหยียนอวี้” “เจ้าค่ะ” นางยังคงยิ้มจนดวงตาหยีเล็ก “ฟู่-เหยียน-อวี้”“พี่...พี่ลี่หยางมีอะไรหรือ?” มู่ลี่หยางค้อมเอวลงแล้วจ้องมองนางทำเอาหญิงสาวหายใจติดขัด “เจ้าจำได้แล้วสินะว่าตนเองคือฟู่เหยียนอวี้” “เอ่อ...” ฟู่เหยียนอวี้พลันเข้าใจในทันที แท้ที่จริง มู่ลี่หยางแค่ลองหยั่งเชิงกับนางเท่านั้น มิใช่ว่าเขาจำเส้นทางไม่ได้ “จำได้แล้วก็ไม่เป็นไร แต่เหตุใดยังแสร้งทำเป็นจำไม่ได้” เขายืดตัวขึ้นมองนางอย่างไม่เข้าใจ “ก็ข้ากลัวพี่ลี่หยางไปจากข้า” “ข้าพูดว่าจะไปจากเจ้ารึ” เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ “ข้าจำได้ว่าเคยพูดว่าจะไปเมื่อเจ้าไม่ต้องการข้าแล้ว” ใบหน้างามระบายยิ้มกว้าง นางร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status