Home / รักโบราณ / ได้โปรด...รักข้าเท่าที่ท่านจะรักได้ / 1 สตรีในชุดคลุมขนหมาป่าสีเงิน

Share

ได้โปรด...รักข้าเท่าที่ท่านจะรักได้
ได้โปรด...รักข้าเท่าที่ท่านจะรักได้
Author: รอรีวัน

1 สตรีในชุดคลุมขนหมาป่าสีเงิน

last update Last Updated: 2025-08-10 19:32:23

สายลมแห่งทุ่งหญ้าพัดผ่านแผ่วเบา กลิ่นอายของทุ่งหญ้าทำให้นางรู้สึกสงบใจ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัย ทัศนียภาพนี้ เป็นทิวทัศน์ที่นางเห็นทุกวันมาตั้งแต่เกิด มองเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ หลายคนมักจะคิดว่ามันก็เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน แต่นางไม่คิดเช่นนั้น ต้นไม้ที่สูงขึ้น ผู้คนที่เติบโต ฝูงสัตว์ต่าง ๆ

สำหรับนางแล้วมันไม่เหมือนกันสักวัน วันนี้กับพรุ่งนี้เหมือนกันเสียที่ไหน แม้แต่นางและพี่สาวฝาแฝดที่ใคร ๆ ก็ว่าหน้าตาไม่ต่างกัน หนานรั่วซียังรู้สึกเลยว่าแตกต่าง พี่สาวของนางสดใสราวกับสายน้ำ ดูมีชีวิตชีวาราวกับนกอินทรีที่บินร่อนเหนือทุ่งหญ้าอย่างอิสระ

นางร่างกายอ่อนแอมาแต่เด็กผิดกับแฝดพี่ที่ร่างกายแข็งแรง ตอนเด็กเพราะโดนผึ้งตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งต่อย พิษของผึ้งทำเอานางจับไข้ไปเป็นเดือน ๆ จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดหลังจากหายป่วย ร่างกายของหนานอันรั่วก็ไม่แข็งแรงดังเก่า จากที่เคยขี่ม้าอย่างอิสระในทุ่งหญ้าต้องมานั่งรักษาร่างกายให้แข็งแรง โตขึ้นมาถึงได้ดีขึ้นมานิดหนึ่ง

ถ้าวันไหนอากาศไม่เย็นจนเกินไป นางมักจะแอบออกไปขี่ม้าเที่ยวเล่นเพียงลำพัง นาน ๆ ที พี่สาวฝาแฝดของนางหนานอันรั่วจะแอบติดตามมาด้วยสักครั้ง ถ้าหนานอันรั่วรู้ว่านางแอบออกมาตามลำพังแฝดพี่จะอารมณ์ไม่ดี นางบอกว่าน้องสาวไม่แข็งแรงไม่อยากให้ไปไหนคนเดียว ถ้าจะไปให้บอกนางด้วย นางร่างกายแข็งแรงไม่ว่าน้องสาวอยากไปไหนนางจะตามไปปกป้องคุ้มครอง

แต่ในวันนี้นั้นหนานรั่วซีอยากจะอยู่คนเดียว จึงแอบออกมาตอนแฝดพี่ไปเรียนหนังสือ แค่คิดถึงหน้าหนานอันรั่วตอนรู้ว่าตนแอบออกขี่ม้าเล่นเพียงลำพัง ผู้เป็นน้องก็นึกตลกแล้ว เกิดห่างกันเพียงไม่กี่นาทีแต่พี่สาวนางทำตัวราวกับว่าเกิดห่างกันหลายปี หนานอันรั่วชอบทำตัวใหญ่ปกป้องคุมภัยนางอยู่เสมอ

คนตัวเล็กรวบชุดคลุมให้กระชับ วันนี้รั่วซีสวมเสื้อคลุมหนังหมาป่าสีเงินอย่างดี นางได้มาจากพี่ชาย เขาบอกว่านางร่างกายทนความเย็นไม่ได้จึงจำเป็นต้องใช้แบบพิเศษ ว่ากันว่าขนของหมาป่าสีเงินอบอุ่นและเป็นของหายาก หนานเจินหยางผู้เป็นพี่ชายจึงตั้งใจเพื่อน้องสาวโดยเฉพาะ

ควบม้าไปได้ไม่นานโพรงไม้ที่นางสร้างเอาไว้ก็ปรากฏ รั่วซีขมวดคิ้ว ที่ตรงนั้นมีชายแปลกหน้าอยู่หลายคน ชุดที่พวกเขาสวมใส่ดูแล้วไม่ใช่คนในเผ่าเดียวกันกับนาง เผ่ารอบข้าง ๆ ก็ไม่ใช่ เป็นเสื้อผ้าของผู้คนที่นางไม่เคยเห็น

หวืด!! นางฟาดแส้ลงไปยังกลุ่มคนที่อยู่ตรงนั้น

“พวกเจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงมายุ่งกับของของข้า” หนานรั่วซีพูดอย่างไม่พอใจ

ชายกลุ่มนั้นวิ่งหลบแส้หนังที่นางฟาดมาออกไปคนละทิศคนละทาง พวกเขาเห็นสตรีผู้หนึ่งใบหน้างดงาม เสื้อคลุมขนหมาป่าสีเงินที่นางสวมใส่ ทำให้นางดูสง่างามน่าค้นหา

“ช้าก่อนแม่นาง ข้าเห็นว่าพวกลูกหมาป่าพวกนี้ดูเหมือนจะป่วย จึงให้ท่านหมอที่ข้าพามาด้วยแวะดูอาการพวกมันเสียหน่อย” ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีเข้มก้าวเดินออกมาสนทนากับนาง ใบหน้าของเขาหล่อเหลาราวกับรูปสลัก ท่าทางของเขาภูมิฐานสง่างามโดดเด่นกว่าทุกคนตรงนั้น

หัวใจของรั่วซีพลันสั่นไหว นางรู้สึกได้ว่าหัวใจของนางเต้นแรง แต่พอได้ยินว่าเจ้าลูกสุนัขป่วยคนตัวเล็กก็รีบกระโดดลงจากม้าทันที แต่เพราะความเร่งรีบของนาง ตอนลงจากม้าจึงทำให้เจ้าสีหมอกตกใจวิ่งเตลิดหนีหายไปในทุ่งหญ้า

“โอ๊ย” หนานรั่วซีร้องด้วยความตกใจ

หยวนไป๋เจียนรีบปรี่เข้าประคองนาง รั่วซีตกใจรีบสะบัดกายออกจากเขา

“แม่นางระวังด้วย” เขาบอกนางด้วยความเป็นห่วง เมื่อได้ใกล้ชิดกันหยวนไป๋เจียนจึงได้มีโอกาสพิจารณาใบหน้านางชัด ๆ ผู้คนล้วนบอกว่าหญิงสาวชาว  ชนเผ่า หน้าตาไม่งดงาม ออกจะตัวใหญ่แถมดูดิบเถื่อน แต่แม่นางผู้นี้กลับมีใบหน้าจิ้มลิ้ม ตัวเล็กกว่าเขาหลายเท่าส่วนสูงของนางก็เพียงแค่ระดับไหล่เขาเท่านั้น

เมื่ออยู่ใกล้เขาหนานรั่วซีเขินอายจนรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง คนตัวเล็กแสร้งขมวดคิ้วทำหน้าเคร่งเครียดและผละออกจากเขา

“พวกมันเป็นอะไร” นางควบคุมสติเปลี่ยนเรื่องและเดินไปยังโพรงไม้ที่ตนเองเป็นคนสร้างเอาไว้อย่างลวก ๆ

“น่าจะเพราะอากาศที่นี่หนาวไป และขาดความอบอุ่นจากแม่ เลยป่วย”

“น่าสงสารนัก ข้าได้ยินคนในเผ่าบอกว่าพวกมันถูกแม่ทิ้งไป ถ้ามีโอกาสข้าก็มักจะแวะมาเยี่ยมพวกมัน”

คนตัวสูงมองนาง แววตาของนางเศร้าสร้อย นางถือว่าเป็นสตรีที่งดงาม แต่ท่าทางอมทุกข์ ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด ถึงนางจะดูสวยงามแต่ก็เปราะบางราวกับแก้วกระเบื้อง เขาไม่ชอบผู้หญิงที่เป็นเช่นนี้ หยวนไป๋เจียนชอบผู้หญิงที่มั่นใจในตนเอง อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสนุก

“สงสัยเจ้าคงมาไม่บ่อย” หยวนไป๋เจียนเอ่ย เพราะเห็นว่าเจ้าลูกหมาป่าพวกนี้ตัวผอมแห้งหิวโซ

“ข้าก็อยากจะมาบ่อย ๆ แต่เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ข้าออกมาไม่ได้” หากนางแข็งแรงต่อให้ลมหนาวรุนแรงแค่ไหน นางก็ฝ่าออกมาได้

“แล้วทำไมเจ้าไม่รับมันไปอยู่ด้วย” หยวนไป๋เจียนมองใบหน้าเล็ก ๆ ของนาง อากาศยิ่งเย็นขึ้นสายลมเย็นพัดผ่านจนแก้มของนางแดงราวกับผลผิงกั่ว

“ก็ไม่ได้อยู่ดี ข้าคิดว่าสักวันหนึ่งแม่ของพวกมันคงจะกลับมารับลูก ๆ ”

หยวนไป๋เจียนรู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของนางส่วนหนึ่ง

“แล้วถ้าแม่มันไม่กลับมาล่ะ เจ้าจะปล่อยให้มันตายอยู่ตรงนี้งั้นหรือ”

“เอ่อ...” นางไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น “ถ้าอีก 3 วันแม่ของมันไม่มาจริง ๆ ข้าก็จะให้คนมาพามันกลับไปที่เผ่า” หลังจากเล่นกับเจ้าตัวน้อยตรงแล้วนั้น หนานรั่วซีก็ยืนขึ้นพูดคุยกับเขา

ใบหน้างดงามแต่ซีดเซียวของนาง หยวนไป๋เจียนรู้สึกว่านางช่างไม่มีเสน่ห์แบบสตรีเอาเสียเลย

“ไม่ใช่ว่าแม่ของเจ้าพวกนี้กลายเป็นเสื้อคลุมของเจ้าไปแล้วหรือ” เขาสังเกตเห็นเสื้อคลุมบนตัวนาง เสื้อตัวนั้นดูก็รู้ว่าเป็นของหมาป่าสีเงิน คนธรรมดาใช่ว่าจะหามาได้ง่าย ๆ เขาเดาว่านางน่าจะเป็นพวกราชนิกุลของที่นี่

“ย่อมไม่ใช่ เจ้าพวกนี้เป็นพันธุ์เล็ก รูปร่างของมันไม่พอจะถลกหนังมาทำเสื้อคลุมหรอก” นางพูดตามความเป็นจริง

"ไม่ใช่ก็ดีแล้ว”

ตอนแรกก็รู้สึกเขาหล่อดี ผิดจากคนในเผ่าของนาง แต่ตอนนี้ท่าทางเย่อหยิ่งของเขามันลดทอนความหล่อของเขาลงไปเยอะ นางลอบเบ้ปากในใจ

“องค์ชาย!! พวกเราต้องไปแล้ว หากช้ากว่านี้จะเลยเวลา” ผู้ชายชรามีอายุคนหนึ่งร้องเตือน

หนานรั่วซีมองเขา ท่าทางคนผู้นั้นยังเป็นกังวลเรื่องนางกับพวกลูกหมาป่าพวกนี้

“เจ้าไปเถอะไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ข้าจะเอาผ้าห่มกับอาหารมาให้พวกมันอีก”

“แล้วม้าของเจ้า มันหนีไปแล้ว” ดูท่านางจะเข้าใจผิดคิดว่าเขากังวลใจเรื่องพวกลูกหมาป่า แต่เขากังวลเรื่องนางต่างหาก ม้าสีหมอกของนางตกใจหนีหายไปตั้งแต่ต้นนางจำไม่ได้หรือ

หนานรั่วซีเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้เช่นกันว่าม้าของนางหนีไปแล้ว

“งั้นจะทำอย่างไรดี”

หยวนไป๋เจียนส่งมือให้นาง “งั้นไปด้วยกันเถอะ ให้ข้าไปส่งเจ้าที่บ้าน”

คนตัวเล็กอ้ำอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก ตอนแรกก็คิดว่าจะกลับเอง แต่เมื่อนึกถึงระยะทางแล้วยอมไปกับเขาก็ได้ นางส่งมือให้หยวนไป๋เจียน ลักษณะของคนทั้งคู่บนหลังม้าตอนนี้จึงดูคล้ายกับคู่รักก็ไม่ปาน

“บ้านเจ้าอยู่ที่ไหน”

เป็นเรื่องที่นางอ้ำอึ้งอีกเช่นกัน นางไม่อยากให้เขารู้ว่าบ้านนางอยู่ที่ไหน และรู้สถานะของนาง

“......”

แค่เรื่องบ้านนางยังไม่ตอบเขา จะให้เขาไปส่งที่ไหนนางก็อ้ำอึ้ง แต่เมื่อคิดถึงเสื้อคลุมหมาป่าสีเงินล้ำค่าตัวนั้น เอานางไปย่อนไว้หน้าพระราชวังของแคว้นซีตันน่าจะได้ละมั้ง

“งั้นข้าส่งเจ้าที่หน้าวังของแคว้นซีตัน”

“มะ ไม่ได้” นางละล่ำละลัก “ส่งข้าที่ทางเข้าเมืองก็พอ ที่เหลือข้าไปต่อเองได้

“อ้อ”

สนทนากันเสร็จหยวนไป๋เจียนก็รีบควบม้าไปในทันที

ความรู้สึกนี้นางก็บอกไม่ถูก แม้แต่กับพี่ชาย รั่วซีเองก็ไม่เคยขี่ม้าตัวเดียวกันและไม่เคยใกล้ชิดชายใดขนาดนี้มาก่อน คนตัวเล็กนั่งตัวเกร็ง ไม่กล้าขยับเขยื้อน

เมื่อใกล้ชิดนางขนาดนี้ เขาได้กลิ่นยาสมุนไพรหอมเย็นจากตัวนาง ไม่ใช่กลิ่นเครื่องหอมจากดอกไม้ดังเช่นสตรีทั่วไป ดูท่านางไม่ใช่คนที่มีร่างกายแข็งแรงกินยาทุกวันเช่นนี้ทำให้สมุนไพรพวกนั้นเข้าไปผสานกับร่างกายของนางจึงเกิดเป็นกลิ่นหอมประหลาด

กลุ่มอาชาของหยวนไป๋เจียนเคลื่อนตัวไปจนถึงทางเข้าเมือง

รั่วซีเห็นเช่นนั้นจึงร้องเรียกให้เขาปล่อยนางลง

“คุณชายปล่อยข้าลงได้แล้ว”

“ให้ข้าไปส่งถึงบ้านเถอะ” เขาไม่ฟังคำเรียกร้องของนาง

“แล้วท่านรู้หรือว่าบ้านข้าคือที่ไหน” นางเงยหน้ามองหน้าเขา

เห็นใบหน้าเขาเพียงด้านข้างหนานรั่วซีก็รู้สึกหัวใจเต้นระรัว เขาหล่อเกินไป เกินไปจนทำให้นางรู้สึกหวั่นใจ

“ไม่ใช่พระราชวังแคว้นซีตันหรอกหรือ” เขาพูดหยั่งเชิง

“ห๊า ท่านรู้ได้อย่างไร” นางตกใจที่เขารู้ความลับของนาง

“หึ ข้าก็พูดไปเรื่อย เป็นเรื่องจริงสินะ” เขาส่งเสียงหึในลำคอ “องค์หญิงออกมาเที่ยวเล่นเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่าไม่ปลอดภัย”

“ก็ไม่เคยมีวันไหนไม่ปลอดภัย” นางทำหน้าบูดบึ้งที่เขารู้ความลับของนาง นางอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยรู้สึกสักครั้งว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอันตราย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ได้โปรด...รักข้าเท่าที่ท่านจะรักได้   บทส่งท้าย

    ความซุกซนขององค์ชายเฉินจื้อและองค์ชายเฉินจง เล่นเอาฝูกงกงแทบอยากจะบ้านตาย เด็กชายสองคนไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงจากไหนมาวิ่งเล่นได้ทั้งวันเมื่อวันก่อนก็เกือบจะเผาวังหลวงของเป่ยฮั่น ดีฝ่าบาททรงมาเห็นเสียก่อน ไม่เช่นนั้นได้ย้ายวังหลวงแน่ ๆตั้งแต่รู้ว่าฝ่าบาทมีองค์ชายถึงสองพระองค์ในใจตอนแรกก็ปีติยินดีนัก เขารู้สึกเหมือนได้ผ่อนคลายความกังวลเท่าที่ทราบในวัยเยาว์ของฝ่าบาทและฮองเฮาก็ไม่ใช่ผู้ซุกซน ไม่รู้ว่าองค์ชายทั้งสองพระองค์ไปลอกเลียนนิสัยเช่นนี้มาจากไหน“องค์ชายเฉินจื้อกลับลงมาเถอะ อย่าปีนขึ้นไปมัน” ฝูกงกงหันไปอีกทีหยวนเฉินจื้อก็ปีนขึ้นไปเก็บผลไม้เสียแล้ว พอหันกลับมาทางขวา องค์ชายเฉินจงก็กำลังจับปลาในสระบัว “องค์ชายเฉินจง อย่าลงไปมันอันตราย”ฝูกงกงหันซ้ายทีขวาที ในที่สุดเขาก็เป็นลมจริง ๆเด็กชายเห็นสหายเป็นลมก็ปรี่เข้ามาช่วยเหลือ ร้องเรียกตะโกนให้คนในบริเวณนั้นช่วย ฝูกงกงถูกพาไปโรงหมอหลวง นอนซมอยู่หลายวันกว่าจะลุกขึ้นมากระฉับกระเฉงดังเก่าตอนนี้รั่วซีก็ไม่ได้มีแ

  • ได้โปรด...รักข้าเท่าที่ท่านจะรักได้   40 ขี้แยราวกับเด็ก

    หยวนไป๋เจียนแบกเด็กชายขึ้นหลัง พูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ ให้เขาคลายกังวล จนกระทั่งเสียงเจื้อยแจ้วเปลี่ยนเป็นเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ นั่นบ่งบอกว่าตอนนี้เด็กชายกำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา ตอนนี้ก็ใกล้เข้าสู่ช่วงเวลาสนธยา อาจงคงเหนื่อยมาก หยวนไป๋เจียนนึกเอ็นดูบุรุษตัวสูงกระชับตัวเขาให้แน่นขึ้นจากนั้นเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงเรือนไม้ไผ่รั่วซีที่กำลังนั่งร้องไห้เศร้าสร้อย รอคอยข่าวอย่างมีความหวังตลอดทั้งวัน วันนี้ทั้งวันนางแทบไม่เป็นอันทำอะไร จนถึงเวลานี้อาจื้อเองก็ดูเหมือนจะหมดแรงรอคอยหลับไปล่วงหน้าแล้วเด็กชายผู้น้องเป็นห่วงพี่ชายไม่แพ้กันเขาเป็นกังวล หากพี่ชายไม่กลับมาเล่าเขาจะอยู่อย่างไร เล่นกับใคร ถ้าเขาโดนพวกเด็กในตลาดรังแกอีกเขาจะขอร้องให้ใครช่วยเหลือ เด็กชายเสียใจร้องไห้จนเหนื่อยและหลับไปข้าง ๆ ผู้เป็นแม่เสียงฝีเท้าของหยวนไป๋เจียนดังเข้ามาเรื่อย ๆ นางคลำทางไปหาเขาคนตัวเล็กกำลังจะส่งเสียงเพื่อพูดกับเขา แต่หยวนไป๋เจียนกลับร้องชู่ว์เบา ๆ ดักเอาไว้ก่อน“อาจงกำลังหลับ อย่าเพิ่งรบกวนเขา” หยวนไป๋เจียนบอกกับนางนางพยักหน้าหงึก

  • ได้โปรด...รักข้าเท่าที่ท่านจะรักได้   39 ความน้อยใจของเด็กชาย

    แม้นางจะไม่ตอบคำถามของเขาว่าอาจื้อเป็นใครแต่หยวนไป๋เจียนก็พอจะเดาได้ว่า เด็กคนนี้เป็นบุตรของเขาอย่างแน่นอนส่วนเด็กชายวัยสิบขวบอีกคนเล่าเป็นใครกัน?เด็กคนนี้มีความหมายเช่นไรกับพวกนาง?เขาจะต้องถามให้รู้เรื่องให้ได้ และถ้าหากไม่ได้มีส่วนสำคัญอะไร เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องสนใจเด็กชายผู้นั้น หยวนไป๋เจียนดูออกว่าเด็กชายไม่ชอบหน้าตนส่วนตัวของเด็กชายผู้พี่ก็ไม่ชอบหน้าบุรุษคนนั้นเช่นกัน แตกต่างกับเด็กชายผู้น้องที่ดูเหมือนว่าจะถูกชะตากับคนเขาเป็นพิเศษ อีกทั้งตัวหยวนไป๋เจียนก็เอ็นดูหนานเฉินจื้อออกนอกหน้าแม้หนานเฉินจงจะเป็นเด็ก เขาก็รับรู้ได้ว่ามารดามีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับเขา หนานเฉินจงรู้ตัวดีว่าเป็นเพียงลูกเลี้ยง แม้จะไม่ชอบเขาขนาดไหนแต่ก็ยังมีความเกรงใจผู้เป็นแม่อยู่มาก เด็กชายรู้จักประมาณตนและรู้ว่าควรอยู่ตรงจุดใด“อาจง” เย่ลู่เห็นเด็กชายออกมานั่งซึมที่มุมหนึ่งของเรือนไม้ไผ่ จึงตามออกมาดู“ขอรับท่านหมอ”เด็กชายดูเซื่องซึมอย่างเห็นได้ชัด“ทำไมสองสามวันมานี้เจ้าถึงดูซึมนั

  • ได้โปรด...รักข้าเท่าที่ท่านจะรักได้   38 ทำทุกทางให้นางให้อภัย

    เขาฝัน!! เขาฝันว่าซีเอ๋อหนีเขาไปอีกครั้ง หยวนไป๋เจียนสะดุ้งตื่นในอีกวัน เขาพบว่าตอนนี้มีเด็กชายตัวเล็กกำลังนั่งจ้องมองเขาอยู่ข้างเตียง“ท่านลุงเคราเฟิ้ม ท่านมานอนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” หนานเฉินจื้อทักทายชายที่นอนอยู่บนเตียงเด็กชายเห็นมารดาเดินเข้าออกจากห้องนี้ แถมยังสั่งห้ามไม่ให้เขาเข้ามาในห้องนี้เด็ดขาด แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ อาจื้อแอบเข้ามาตอนที่มารดาของตนเผลอ“เจ้าหนู เจ้าเป็นใคร” หยวนไป๋เจียนพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“ท่านลุงดื่มน้ำก่อน” เด็กชายส่งถ้วยน้ำให้เขาดื่มเมื่อเห็นว่าท่านลุงเคราเฟิ้ม เสียงแหบแทบไม่มีเสียงพูดพอได้ดื่มน้ำ หยวนไป๋เจียนจึงได้รู้สึกว่ามีแรงขึ้นบ้าง เขามองหน้าเด็กชายตรงหน้า ใบหน้าผุดผ่องสะอาดสะอ้าน จักรพรรดิหนุ่มรู้สึกถูกชะตากับเขาอย่างบอกไม่ถูก“เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเป็นใคร”“ข้ามีชื่อว่า หนานเฉินจื้อ อายุห้าขวบเป็นบุตรชายคนเล็กของท่านแม่” อาจื้อแนะนำตัวเสียงดังฟังชัด เด็กชายรู้สึกถูกใจชายคนนี้“เจ้าบอกว่าอ

  • ได้โปรด...รักข้าเท่าที่ท่านจะรักได้   37 เดินทางไปหานาง

    ข่าวจากเมืองทางใต้ถูกส่งไปยังเมืองหลวง นี่เป็นข่าวดีแรกในรอบหลายปีของหยวนไป๋เจียน เมื่อจดหมายมาถึง จักรพรรดิหนุ่มเร่งรีบออกเดินทางในทันทีม้าเร็วถูกจัดเตรียมไว้ยังหัวเมืองต่าง ๆ เขารีบร้อนเดินทางจนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน พักผ่อนเพียงสองสามชั่วยาม หยวนไป๋เจียนก็ออกเดินทางต่อ เป็นเช่นนี้อยู่ทุกครั้งที่ถึงช่วงระยะทางหนึ่งใช้เวลาไม่นานหยวนไป๋เจียนก็ถึงเมืองทางใต้ บุรุษตัวสูงในชุดสีเทาสะบัดกายลงจากม้า ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นดินสีแดงแถมหนวดเคราครึ้มอาคารหลังย่อมอยู่สุดทางของถนนในเมืองทางใต้ปรากฏขึ้น เขารีบลงจากม้าเข้าไปด้านในทันที“ถวายบังคมฝ่าบาท” นายกองและพลทหารประจำกองถวายความเคารพนายเหนือหัวของแผ่นดิน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามีโอกาสเข้าเฝ้า“ไม่ต้องมากความ รีบบอกมาว่าพบเจอนางที่ใด” หยวนไป๋เจียนรีบร้อนให้เขาบอกเรื่องที่พบเจอ“กราบทูลฝ่าบาท นับตั้งแต่วันที่เจอสตรีที่ใบหน้าละม้ายคล้ายกับฮองเฮา พวกเราก็คอยติดตามเฝ้าดู นางอาศัยอยู่ที่เรือนไม้ชายป่า&rdquo

  • ได้โปรด...รักข้าเท่าที่ท่านจะรักได้   36 สตรีที่สูญเสียการมองเห็น

    เพราะไม่ต้องการให้เขาหาตัวพวกนางแม่ลูกเจอ รั่วซีจึงหนีมาอยู่ไกลถึงชายแดนใต้ นางเคยอ่านหนังสือในห้องหนังสือของหยวนไป๋เจียน มีบางเล่มบรรยายว่าภูมิประเทศทางใต้นั้นอุดมสมบูรณ์ เมื่อถึงฤดูหนาวอากาศที่นี่ก็ไม่หนาวจนเกินไป เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบอากาศหนาว อาหารที่นี่ก็อร่อยนั่นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นางมาอยู่ที่นี่ เพราะของกินของภาคใต้เยอะและอร่อยมาก ผู้เขียนบรรยายไว้เช่นนั้นวันนี้รั่วซีนึกอยากเดินตลาด สตรีเช่นนางไม่ค่อยได้มีโอกาสออกมาเที่ยวเล่นนอกบ้านสักเท่าใดนัก นางกลัวว่าตนจะเป็นภาระของผู้อื่น รั่วซีจึงถือโอกาสนาน ๆ ครั้งจะออกมาสักทีหนานเฉินจงและหนานเฉินจื้อสองพี่น้อง ขนาบข้างมารดาของตน คนพี่อยู่ซ้ายคนน้องอยู่ขวาคอยเป็นดวงตาให้มารดาในมือของรั่วซีมีไม้เท้าหนึ่งอัน ซึ่งเป็นของที่เย่ลู่สรรหามาให้ ที่ตัวไม้เท้ามีกระดิ่งกรุ้งกริ้งเป็นสัญญาณนำทางให้นาง“ท่านแม่ วันนี้ในตลาดคึกคักมากเลย” หนานเฉินจื้อผู้เป็นน้องชายพูดเจื้อยแจ้ว ผิดกับหนานเฉินจงที่ไม่ค่อยพูดจา แต่สายตาเขาคอยระแวดระวังภัยให้ผู้เป็นมารดาตลอดเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status