รีวิว เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหด ยุค 80 มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง?

จริงๆแล้วฉันรู้สึกว่าพล็อต 'เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหด ยุค 80' เป็นแบบที่กระตุกต่อมความชอบของคนรักเรื่องย้อนยุคและแก้แค้นได้พร้อมกัน

ความเก่งของเรื่องนี้อยู่ที่การผสมผสานสามสิ่งที่ฉันชอบ: ตัวเอกที่มีบุคลิกแข็งแรงและฉลาด, บรรยากาศย้อนยุคที่เต็มไปด้วยรายละเอียดแฟชั่น เพลง และเทคโนโลยีแบบอนาล็อก, กับการเล่นเรื่องอำนาจในครอบครัวซึ่งทำให้เกิดแรงขับทางอารมณ์ได้ดี ฉากที่ตัวเอกใช้ไหวพริบเอาชนะศัตรูแบบไม่ต้องพึ่งเวทมนตร์หรือระบบเกมเหมือนใน 'Re:Zero' ทำให้การแก้ปมมีน้ำหนักและผลลัพธ์ที่รู้สึกสมจริง ในขณะเดียวกันถ้าผู้เขียนตอกลึกถึงบริบทสังคมยุค 80 ได้เหมือนงานอย่าง 'Banana Fish' บรรยากาศก็จะยิ่งน่าจดจำ เพราะรายละเอียดเช่นเพลง วิทยุเก่า หรือเสื้อผ้าจะพาเราเข้าไปในโลกนั้นแบบเต็มตัว

ข้อเสียที่ชัดเจนคือความเสี่ยงเรื่องการยกย่องความรุนแรงหรือการทำให้ความโหดกลายเป็นแฟนเซอร์วิส ถ้าไม่จัดสมดุลการพัฒนาเรื่องรักหรือจริยธรรม ตัวเอกอาจกลายเป็นคนเย็นชาเกินไปจนผู้ชมไม่เอาใจช่วย อีกประเด็นคือความเป็นยุค 80 ที่บางครั้งก็นำมาซึ่งค่านิยมล้าสมัย—ถ้าไม่วิจารณ์หรือประเมินให้ดี อาจถูกมองว่าโรมันติกของการกดขี่ นอกจากนั้นการบาลานซ์จังหวะเรื่องระหว่างฉากดราม่าหนักๆ กับโมเมนต์เบาสมควรจะละเอียด เพราะความโหดถี่ๆ อาจทำให้ผู้อ่านเหนื่อยได้

รวมๆ แล้วฉันชอบคอนเซ็ปต์นี้มาก เมื่อผู้เขียนตั้งใจทำให้ตัวละครเป็นมนุษย์ที่มีเหตุผลและแรงจูงใจชัด ผลงานแบบนี้มีโอกาสแจ้งเกิดสูง ถ้าไม่ลืมใส่หัวใจและมุมมองที่สอดแทรกวิพากษ์สังคมลงไปด้วย

แปลกแต่น่าสนใจที่มุมหนึ่งฉันมองว่าเรื่องแบบนี้คือพื้นที่เหมาะสำหรับการเล่นกับอำนาจทางสังคมและบทบาทเพศ

เมื่อสังเกตจากผลงานแนวพล็อตเกิดใหม่ที่เน้นการเอาตัวรอด เช่น 'Saga of Tanya the Evil' จะเห็นว่าการให้ตัวเอกมีความเก่งเชิงยุทธศาสตร์และความเยือกเย็น ทำให้เรื่องไม่ต้องพึ่งพาแค่โชคชะตา แต่ย้ำว่า "ความคิด" เป็นอาวุธหลัก ในบริบทยุค 80 นี่หมายถึงการใช้เครือข่าย ความสัมพันธ์ และความรู้สึกทางการเมืองของยุคนั้นมาเป็นเครื่องมือ การที่ตัวเอกเป็นภรรยาสุดโหดเปิดโอกาสให้ผู้เขียนสำรวจทั้งการแต่งงานเป็นสัญญาทางสังคมและการต่อรองอำนาจภายในบ้านได้จัดจ้านขึ้น

อีกมุมที่ฉันกังวลคือการนำเสนอความสัมพันธ์แบบรุนแรงระหว่างคู่แต่งงาน หากเขียนโดยไม่มีการสะท้อนหรือผลที่ตามมา อาจกลายเป็นการสนับสนุนหรือทำให้เรื่องรุนแรงน่าเบิกบาน ซึ่งแตกต่างจากงานประวัติศาสตร์แบบ 'Shōwa Genroku Rakugo Shinjū' ที่ใส่ความเศร้าและบทเรียนของยุคเข้าไป ทำให้เห็นว่าเหตุการณ์แต่ละอย่างมีร่องรอยทางจริยธรรม ฉะนั้นนักเขียนควรระมัดระวังการให้รางวัลแก่พฤติกรรมที่ทำร้ายผู้อื่น และใช้ฉากย้อนยุคเป็นเครื่องมืออธิบายสภาพสังคม ไม่ใช่แค่แบ็คกราวด์เท่ๆ สุดท้าย ฉันชอบเรื่องนี้เมื่อมันกล้าทำให้ตัวละครต้องจ่ายราคา และไม่ยอมปล่อยให้ความโหดกลายเป็นของฟรี

ไม่เคยคิดเลยว่าพล็อตแบบนี้จะมีเสน่ห์ในแง่ที่ทำให้คนดูอยากเห็นผลลัพธ์ของการเลือกทำผิดหรือถูก

ในฐานะแฟนเรื่องที่ชอบแนวมืดๆ แต่มีเคมีรัก-เกลียด ฉันมองว่าข้อดีคือความขัดแย้งภายในตัวละครจะชัดเจนและดึงดูด — คนดูอยากรู้ว่าความโหดของเธอเกิดจากอะไรและจะลงเอยยังไง อีกอย่างยุค 80 ทำให้สามารถใส่เพลง เร็กคอร์ด โทรศัพท์บ้าน และพล็อตที่อาศัยการสืบค้นแบบอนาล็อกมาเป็นปมได้ ซึ่งให้รสชาติที่ต่างจากนิยายเกิดใหม่สมัยใหม่ที่พะยี่ห้อเทคโนโลยีสูง

ข้อเสียสั้น ๆ ที่ฉันคิดคือเรื่องจังหวะ: ถ้าเน้นความโหดมากเกินไป เรื่องรักจะไม่เด่น แต่ถ้าลดความโหดลงเพื่อปั้นความโรแมนติก ก็อาจทำให้คอนเซ็ปต์หลักจืดลงได้ นอกจากนี้การดัดแปลงเป็นซีรีส์หรือการ์ตูนอาจต้องระวังไม่ให้ฉากรุนแรงกลายเป็นการยัดเยียด เพราะคนดูปัจจุบันตั้งใจดูรายละเอียดทางอารมณ์มากกว่ายุคก่อน สรุปคือถ้าเล่าเป็นงานที่มีชั้นเชิงและรับผิดชอบต่อธีม ผลงานแนวนี้มีโอกาสทำให้คนจำได้ในแบบที่ไม่ใช่แค่สีสันยุค 80 แต่เป็นเรื่องคนที่กล้าตั้งคำถามกับอำนาจภายในบ้าน