บทที่ 5
“อึก…เพราะท่านเลวแบบนี้ไง เราถึงปฏิเสธท่าน!” เจ้าหญิงกล่าวพร้อมมองสบตาเจ้าฟ้าชายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แต่คำพูดนั้นกลับเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจนดูเหมือนไม่มั่นใจ สมเด็จเจ้าฟ้าชายก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำว่า... “งั้นเหรอ?” “....” เจ้าหญิงมองอย่างหวาดระแวง พลางแอบเขยิบตัวออกห่าง เจ้าชายโน้มใบหน้าเข้าใกล้จนลมหายใจร้อนผ่าวแตะผิวแก้มของเจ้าหญิง ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยอำนาจที่กดดันทุกอย่างรอบตัว “ถ้าคิดว่าคำพูดแค่นี้จะทำให้ฉันล้มเลิก…เธอคิดผิด” เสียงต่ำและหนักแน่นของเขาเอ่ยออกมา ราวกับประกาศชัยชนะที่อีกฝ่ายไม่มีวันหลีกเลี่ยง มือข้างหนึ่งของเขาบีบแน่นรอบลำคอระหง นิ้วมือกดลึกลงจนผิวเนื้อเริ่มขึ้นสีแดงจาง ส่วนอีกมือรั้งเอวบางเข้ามาชิดกับร่างกำยำอย่างแน่นหนา เจ้าหญิงก็พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง มือทั้งสองข้างพยายามดึงข้อมือของเขาออก แต่แรงของเธอเทียบไม่ได้เลยกับแรงของเขา สุดท้ายร่างเล็กก็ถูกตรึงไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก เสียงหอบสะท้อนเบา ๆ จากลำคอระหง ขณะที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว น้ำตาเอ่อล้นออกมา แต่ถึงกระนั้น ดวงตาคู่สวยยังคงจ้องกลับไปด้วยความดื้อรั้น ราวกับเธอไม่มีวันยอมแพ้แม้จะไร้หนทาง ความพยศในดวงตาของเธอ ทำให้รอยยิ้มเย้ยหยันผุดขึ้นบนใบหน้าของเจ้าชายเมื่อเห็นแววตานั้น เขาปล่อยมือจากลำคอระหง ดึงร่างบางเข้ามาใกล้ก่อนจะกระแทกกายเข้าหา ความเป็นชายของเขาแข็งแกร่งและร้อนแรงราวกับเหล็กกล้าที่ถูกหลอมจนแดงฉาน มือหนาจับแก่นกายจ่อที่ปากทางรัก จากนั้น... ปึก!! อัดกระแทกเข้าไปภายในช่องทางรักอย่างรุนแรง เขาไม่ได้สัมผัสเธอด้วยความอ่อนโยน แต่เป็นการบุกรุกที่หยาบกระด้าง ไร้ซึ่งความเมตตา “กรี๊ดดดดดดดดดด!!!” เสียงกรีดร้องของเจ้าหญิงดังสะท้อนไปทั่วป่า มันไม่ใช่เสียงร้องที่เสียวซ่าน แต่เป็นเสียงของความเจ็บปวดทรมานอย่างสุดขีด ร่างกายของเธอสั่นเทาราวกับจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวไปด้วยความทรมาน น้ำตาไหลอาบแก้มไม่ขาดสาย แต่คนเลวกลับไม่มีความเห็นใจ มีเพียงความพึงพอใจที่อยู่ในดวงตาของเขา เจ้าชายมองดูจุดเชื่อมต่อระหว่างเขากับเธอ จุดที่ความเป็นชายของเขาแทรกซึมเข้าไป ความบริสุทธิ์ของเจ้าหญิง ทำให้แก่นกายเข้าไปข้างในช่องทางรักเป็นไปอย่างยากลำบาก เข้าไปได้เพียงส่วนหัวเท่านั้น มือหนาหยาบกร้านทั้งสองข้าง จับล็อกเอวคอดกิ่วเอาไว้แน่นราวกับจะบีบให้เธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาให้มากที่สุด จากนั้นก็ตั้งใจอัดกระแทกเข้าไปอีกครั้ง ปึก!! “อื้อ!!!...จะ...เจ็บ” เจ้าชายเหยียดยิ้มมุมปาก พลางอัดกระแทกกายเข้าใส่อีกครั้ง ปึก!!!! ปึก!!!! ปึก!!!! ปึก!!!! ครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อน แรงกระแทกที่ทรงพลัง ราวกับพายุที่ถาโถมเข้าใส่ ทำเอาคนตัวเล็กจุกจนตัวงอ ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวอย่างหนัก แก่นกายใหญ่ทะลวงผ่านกำแพงความบริสุทธิ์ ทะลุผ่านเยื่อพรหมจารีที่บางเบาราวกับกระดาษที่ถูกฉีกขาดด้วยความรุนแรง ส่งผลให้เกิดเสียงช่องทางรักฉีกขาดดังขึ้นเบาๆ แต่ก็แทบจะไม่ได้ยิน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้าชายรู้ว่าเขาได้พิชิตกำแพงสุดท้ายลงได้แล้ว เจ้าชายมองเลือดบริสุทธิ์อย่างพึงพอใจ นี่เป็นหลักฐานชัดเจนว่าเขาคือผู้ชายคนแรกของเธอ ช่องทางรักที่เคยปิดสนิท ตอนนี้ถูกฉีกขาดเป็นทางยาว ทำให้เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผลฉีกขาด มันเป็นภาพที่ทั้งสวยงามและน่าสะพรึงกลัว เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ที่สูญหายไป และการเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความปรารถนาอย่างเต็มรูปแบบ “อยากรู้ไหมว่ามันจะทำหน้ายังไง ตอนที่รู้ว่าฉันเป็นคนแรกของเธอ?” เจ้าชายเอ่ยถามอย่างเลือดเย็น ไม่เพียงแค่นั้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอ ถ่ายตั้งแต่ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเธอ ถ่ายลงมาถึงจุดเชื่อมต่อ ที่มีแก่นกายเปื้อนเลือดของเขาเสียบอยู่ “อย่าถ่ายนะ” เจ้าหญิงพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมด ขยับตัวไปแย่งโทรศัพท์จากมือเขา แต่เขากดร่างเธอไว้แน่น “อึก! ท่านทำแบบนี้กับเราได้ยังไง” “บอกแล้วไง ฉันจะเลวให้สมกับที่เธอคิด และถ้ายังไม่หยุดต่อต้านฉัน ฉันจะไม่ใช่แค่ถ่ายวิดีโอ แต่ฉันจะโทรหามัน” คำขู่ของเจ้าชายทำให้เจ้าหญิงชะงัก เงียบไปในทันที ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกลัวที่ไม่อาจปกปิดได้ รู้ดีว่าคำขู่ของเขาไม่ใช่แค่การพูดเล่นๆ แต่เป็นการกระทำที่เขาจะทำจริง “หึ” เจ้าชายเหยียดยิ้มมุมปาก สายตาของเขาเย็นชาและเยาะเย้ย ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงไป แล้วเริ่มเคลื่อนไหวสะโพกเข้าใส่ เจ้าหญิงกลัวว่าเจ้าชายจะโทรหาชายที่เธอรัก เธอจึงทำให้เพียงนอนนิ่ง เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าชาย และเธอก็รู้ดีว่า ด้วยอำนาจที่เขามีในตอนนี้ เธอไม่มีทางหลุดพ้นจากเขาไปได้ นอกจากเขาจะทรมานเธอจนพึงพอใจแล้ว เขาจึงจะยอมหยุด ปึก! ปึก! ปึก! “อ่าห์!!” ความคับแน่นในกายสาว ทำเอาเจ้าชายเปล่งเสียงคำรามออกมาอย่างพึงพอใจ ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ความรุนแรงอย่างต่อเนื่องของเจ้าชาย เล่นทำเอาร่างบางเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก ใบหน้าสวยเริ่มซีดเผือด ดวงตากลมโตเบิกโพลงทุกครั้งที่ถูกกระแทกกระทั้น แต่กลับไม่มีเสียงร้องใดๆ ออกมาอีก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มและร่างกายที่สั่นเทา เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางหลุดพ้นจากเขาได้ในตอนนี้ ที่ทำได้คือเช็ดน้ำตาแล้วนอนรับความเจ็บปวดจนกว่าเขาจะพอใจ เจ้าชายโน้มใบหน้าลงไปจูบริมฝีปากอวบอิ่ม มือหนาบีบปลายคางมนอย่างแรง บังคับให้เธออ้าปาก พอเธออ้าปากเขาก็สอดลิ้นร้อนเข้าไปเกี่ยวพันลิ้นของเธออย่างป่าเถื่อน ท่อนล่างก็เคลื่อนไหวเข้าใส่อย่างไร้ความปรานี ทำไมต้องเป็นแบบนี้… เธอคิดวนซ้ำในใจ น้ำเสียงที่เคยสดใสในความทรงจำของตัวเองตอนนี้เงียบหายไป เหลือเพียงเสียงสะอื้นแผ่วเบาที่ลอดเล็ดออกมาเป็นระยะ เธอรู้สึกเหมือนถูกพันธนาการด้วยความเจ็บปวดและความอัปยศที่ไม่มีวันเลือนหาย ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ เธอไม่รู้ว่าจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไรอีกต่อไป ราวกับว่าชีวิตที่เหลืออยู่คือหลุมลึกที่ไม่มีแสงสว่างใด ๆ รออยู่ข้างหน้า เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ บุตรสาวเพียงพระองค์เดียวของกษัตริย์แห่งเฮลิโอสและสโคลเดนผู้ยิ่งใหญ่ เติบโตมาท่ามกลางความรักใคร่ห่วงแหนดุจไข่ในหิน เป็นดั่งดอกไม้บอบบาง งดงาม บริสุทธิ์ และสูงส่งเกินกว่าผู้ใดจะเอื้อมถึง ตั้งแต่เล็กจนโต เจ้าหญิงแอนเจลีก้าเฝ้ารอคอยวันที่ดอกไม้ดอกนี้จะเบ่งบาน มอบความหอมหวานให้กับว่าที่พระคู่หมาย ที่พระองค์รักและเทิดทูนยิ่งชีพ แต่แล้ว วันนี้โชคชะตากลับเล่นตลก ความบริสุทธิ์ที่เฝ้าทะนุถนอม กลับถูกพรากไปอย่างโหดร้าย ไม่ใช่บนแท่นบรรทมที่รายล้อมไปด้วยกลีบกุหลาบ หากแต่เป็นกลางป่า บนพื้นหญ้าหยาบๆ ที่มีน้ำขังและดินเปียกล้อมรอบ มันเต็มไปด้วยความสกปรกและน่ารังเกียจ และคนที่บดขยี้ความบริสุทธิ์นั้นลงกับพื้น ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นชายที่เธอเกลียดชังที่สุดในชีวิต เธอไม่อยากจะเชื่อ ว่าความบริสุทธิ์ที่เธอหวงแหนที่สุดในชีวิต จะถูกเขาพรากไปในสถานที่นี้อย่างรวดเร็ว ยิ่งคิด หยดน้ำตาแห่งความเจ็บปวด ก็ยิ่งไหลรินอาบแก้มนวลเนียน ดวงตาเศร้าโศกมองไปเบื้องหน้าอย่างว่างเปล่า ไร้ซึ่งความหวังนัยน์ตา ความบริสุทธิ์ที่สูญสิ้นไป ไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้ เหลือเพียงบาดแผลลึกที่ฝังแน่นในใจ บาดแผลที่ไม่มีวันรักษาให้หายได้อีกต่อไป...บทที่ 20“แก้ตัว”เจ้าชายคาร์ลอสเอ่ยตัดบทด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น แต่น่ากลัวราวกับใบมีดบางเฉียบที่เฉือนลึกจนคนฟังตัวแข็งทื่อ แม้แต่เจ้าหญิงแอนเจลีก้าที่นั่งอยู่ข้างกายก็รู้สึกเหมือนร่างแข็งเป็นหิน เลือดในกายหยุดไหล “ถ้าทำงานดี ไอ้เวรนั่นมันไม่มีทางแตะเส้นทางของเราได้ อีกเรื่อง…” คำพูดหยุดลงเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าชายจะปรายตามองด้วยสายตาที่เย็นชาราวน้ำแข็ง “โคเคนล็อตนี้คุณภาพต่ำกว่าที่มันควรจะเป็น”ความเงียบงันเข้าปกคลุมทั้งห้อง ในขณะที่มิสเตอร์บิลละฮ์และมิสเตอร์อัชรอฟหน้าซีดเผือด เหงื่อก็เริ่มผุดขึ้นตามไรผม“พวกแกคิดว่าฉันโง่พอที่จะไม่รู้เรื่องนี้สินะ” “....” มิสเตอร์บิลละฮ์และมิสเตอร์อัชรอฟนั่งตัวสั่น แต่ก็ยังไม่กล้าเอ่ยปาก“ลดคุณภาพเพื่อเก็บส่วนต่างเข้ากระเป๋าตัวเอง” เจ้าชายเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน เสียงต่ำหนักของเจ้าชายทำเอาหัวใจของทั้งสองแทบหยุดเต้น สายตาของเจ้าชายที่มองมายังพวกเขานั้นเย็นชาเหมือนไม่ใช่มนุษย์“มะ...ไม่มีทางครับท่าน...พ...พวกเราไม่มีวันทำแบบนั้น” มิสเตอร์บิลละฮ์รีบโพล่งออกมา เสียงสั่นจนฟังแทบไม่เป็นคำ“ถ้าฉันเชื่อคำพูดของพวกแก…” เจ้าชายหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาถือ มุมปากบิดยิ้ม
บทที่ 19เจ้าชายคาร์ลอสปรายตามองพวกเขา ก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากเล็กน้อย เจ้าชายเอนหลังพิงโซฟาในท่าทางผ่อนคลายอย่างคนที่รู้ว่าตัวเองอยู่เหนือทุกสิ่ง ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าคริสตัลใสที่บรรจุของเหลวสีอำพันขึ้นมาจิบ ละเลียดชิมรสชาติเข้มข้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกระดกมันรวดเดียวจนหมดแก้ว กังเสียงกระแทกแก้วลงบนโต๊ะหินอ่อนดังขึ้นเบาๆ ทำให้ทุกคนในห้องหยุดหายใจชั่วคราว เจ้าชายยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้าง สายตาคมกริบกวาดมองไปที่มิสเตอร์บิลละฮ์และมิสเตอร์อัชรอฟ“โคเคนล็อตใหม่ครับท่าน” มิสเตอร์บิลละฮ์ยื่นถาดเงินที่วางผงสีขาวบริสุทธิ์ให้เจ้าชายเจ้าชายคาร์ลอสแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าใกล้ถาด มือหนายกขึ้นปัดผมด้านหน้าเล็กน้อยให้พ้นจากดวงตา จมูกโด่งคมคายโน้มลงไปสูดผงสีขาวอย่างช่ำชอง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ขณะที่ผงโคเคนไหลผ่านปลายจมูกตรงเข้าสู่ร่างกาย เสียงสูดดังหวีดในความเงียบของห้อง ทำให้ทุกคนในที่นั้นมองเขาด้วยสายตาที่ยำเกรง เจ้าชายผละใบหน้าออกอย่างช้าๆ ก่อนจะเอามือปัดจมูกเบาๆ เพื่อขจัดคราบผงที่ติดอยู่ เขาพิงตัวกลับไปบนโซฟาอีกครั้ง ริมฝีปากคลี่ยิ้มกวนๆ ดวงตาคมเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและอันตราย เจ้าหญิ
บทที่ 18แม้เจ้าหญิงจะถึงจุดสุดยอดแล้ว แต่ไข่สั่นก็ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ทำเอาร่างบางนั่งตัวเกร็ง สะโพกและต้นขาสั่นระริกจนยากจะควบคุม สองมือบางกำพนักเก้าอี้แน่น ใบหน้าเรียวขึ้นสีแดงระเรื่อ ผมยาวสลวยก็ตกลงมาปรกแก้มนวลเพราะอาการหอบหายใจแรงจากความกระดากอาย“หึ” องค์รัชทายาทที่นั่งไขว่ห้าง แค่นหัวเราะในลำคอหนาออกมาเบาๆ สายตาคมกริบกวาดมองจากใบหน้าที่แดงเรื่อไล่ลงไปยังกลางหว่างขา ซึ่งเปียกชุ่มไปด้วยน้ำหวานสีใส เจ้าหญิงก้มหน้าหลบสายตานั้น มือบางกำกระโปรงแน่น ดวงตากลมโตเอ่อคลออย่างพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกที่อยากจะหนีออกไปจากสถานที่นี้ให้ได้องค์รัชทายาทแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะดึงไข่สั่นออกมาจากช่องทางรักบวมช้ำ“อ๊ะ” เจ้าหญิงก็สะดุ้งเจ็บเบาๆ รีบดึงกระโปรงลง เจ้าชายมองท่าทีนั้นด้วยความสมเพช ก่อนจะถอดเสื้อคลุมออก แล้วยื่นให้เธอเจ้าหญิงตวัดตาขึ้นมองเขาอย่างลังเล ทั้งรู้สึกอายและขุ่นเคืองในเวลาเดียวกัน แม้จะเกลียดเขาแทบขาดใจ แต่ในสถานการณ์นี้ เธอกลับไม่อาจปฏิเสธได้ เธอยื่นมือไปรับเสื้อคลุมมาคลุมกระโปรงไว้อย่างไม่เต็มใจ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาขยับกว้างขึ้น พึงพอใจที่เห็นเธอยอมรับความช่วยเหลือจากเ
บทที่ 17มือหนาขององค์รัชทายาทแหวกแพนตี้ออกให้พ้นทาง ก่อนจะแยกกลีบบวมช้ำ ลูบไล้เบาๆ บริเวณคลิตอริส สัมผัสอ่อนโยนแต่หนักแน่น ทำเอาเจ้าหญิงตัวสั่นเล็กน้อย ร่างสะดุ้งเป็นระยะๆ ทุกการสัมผัสราวกับกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านร่างกาย ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำตา ที่ร้องไห้ ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวด แต่เป็นความรู้สึกที่เกินจะควบคุมมือหนากระตุ้นคลิตอริสแรงขึ้น ทำให้น้ำหวานสีใสค่อยๆ ไหลเยิ้มออกมาเปรอะเปื้อนปลายนิ้วหนา องค์รัชทายาทมองดูน้ำหวานสีใสบนนิ้วของตัวเองพลางยกยิ้มมุมปากก่อนจะค่อยๆ สอดนิ้วชี้เข้าไปในช่องทางแคบๆ สัมผัสลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม เจ้าหญิงก็ตัวสั่น มือเล็กๆ จับมือหนาของเขาไว้แน่น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว ริมฝีปากอวบอิ่มก็เม้มแน่น พยายามกลั้นเสียงครางที่กำลังจะหลุดออกมา“ยะ...อย่าเพคะ...” เสียงเจ้าหญิงแผ่วเบาและสั่นเครือ ดวงตากลมโตหันมององค์รัชทายาทด้วยความเว้าวอน “ไม่ชอบนิ้ว?”“...เพคะ”“เอาดุ้นแทนไหมล่ะ?” “ไม่เพคะ” เจ้าหญิงปฏิเสธทันทีองค์รัชทายาทแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านใน มันเป็นไข่สั่นไร้สายระยะไกล ควบคุมผ่านมือถือ เจ้าหญิงผู้ไม่ประสีประสาเรื่องลามก
บทที่ 16“แต่จะว่าไป เจ้าชายฮินาโตะก็หล่อใช่ย่อยนะ” หญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีแดงสดพูดขึ้น “หล่อแล้วยังไงล่ะ?” หญิงสาวอีกคนยักไหล่อย่างไม่แยแส “เจ้าชายเอเชียก็คือเจ้าชายเอเชีย จะไปเทียบกับเจ้าชายยุโรปได้ยังไง? ไม่มีทาง”“ใช่ ยังไงพวกเราชาวยุโรปก็เหนือกว่าอยู่ดี” อีกคนเสริมขึ้นอย่างภูมิใจ “ผิวขาว ผมบลอนด์อย่างพวกเรา คือจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารอย่างแท้จริง”เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นในกลุ่ม พวกเธอเหลือบตามองไปยังเจ้าหญิงแอนเจลีก้าผู้แสนสวย แต่ดูเหมือนความสวยนั้นจะไม่ช่วยให้พวกหล่อนหยุดนินทาได้“เจ้าหญิงแอนเจลีก้าก็สวยอยู่หรอก” หญิงสาวชุดแดงพูดอีกครั้ง แต่เธอทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงแหลมต่ำ “แต่ก็นะ…ถึงจะสวยแค่ไหน ก็ไม่เหมาะกับองค์รัชทายาทของพวกเราอยู่ดี”“จริง เจ้าหญิงหัวแดง ผิวเผือกอย่างเธอน่ะเหรอ? จะคู่ควรกับตำแหน่งราชินีของจักรวรรดิเรา ไม่มีทางหรอก” หญิงสาวผมบลอนด์หัวเราะหยัน ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจที่ไม่ปิดบัง“พูดถึงเรื่องนี้…” หญิงสาวในชุดเดรสสีเขียวเอ่ยขึ้นบ้าง เธอปรายตามองไปทางเจ้าหญิงแอนเจลีก้าด้วยความไม่พอใจ “ตั้งแต่อดีตมา เชื้อพระวงศ์ของเราก็เลือกเจ้าสาวที่ผมบลอนด์ทั้งนั้น เพื่อร
บทที่ 15เจ้าชายคาร์ลอสเดินเข้ามาในห้องบรรทม โดยมีเจ้าหญิงแอนเจลีก้านั่งอยู่บนเตียงนอน กำลังทานยาที่ถูกนำมาให้ แต่เมื่อเห็นองค์รัชทายาทเดินเข้ามา ใบหน้าของเธอก็ยังคงไม่แสดงอารมณ์มากนัก เธอเพียงปรายตามองเขาผ่านเสี้ยวหนึ่งของดวงตา แล้วก็หันไปทานยาต่ออย่างไม่สนใจ ไม่พูดอะไรเลย“นี่มิสซิสเดลล่า จะเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้าประจำตัวของเธอ ในตอนที่เธอเป็นราชินีข้างกายฉัน” องค์รัชทายาทเอ่ยแนะนำหญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่ยืนอยู่ข้างหลัง เจ้าหญิงแอนเจลีก้าก็ปรายตามองมิสซิสเดลล่าเพียงแวบเดียว มิสซิสเดลล่ารีบโค้งศีรษะอย่างเคารพด้วยท่าทางนอบน้อม “มิสซิสเดลล่าจะดูแลเรื่องเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ในทุกวัน” “…” เจ้าหญิงยังคงเงียบ ไม่มีคำตอบให้กับคำแนะนำนี้ แต่เธอก็หันไปมองอย่างเฉยชา“มิสเคเชีย จะเป็นสไตลิสต์ประจำของเธอ มิสเคเชียจะดูแลเรื่องชุดสำหรับออกงานสำคัญให้กับเธอ” เจ้าชายพูดต่อไป มิสเคเชียยืนอยู่ข้างมิสซิสเดลล่าก็โค้งศีรษะให้เจ้าหญิงด้วยความเคารพ เจ้าหญิงก็เพียงเหลือบมองไปที่มิสเคเชียเพียงแวบเดียว “ส่วนมาดามคีร่า เธอรู้จักแล้ว มาดามคีร่าจะดูแลทุกเรื่องของเธออีกที” มาดามคีร่า หรือ มาดามโรมัวร์ ก็โค้งศ