พ่อบ้านจวนจ้าวไปแล้ว เซียวหงพยุงร่างกายที่เจ็บช้ำเดินมาหาบุตรสาว แต่นางไม่รับรู้สิ่งใดเสียแล้ว ม่านน้ำตาทำให้ดวงตาพร่ามัว เซียวอี้เซียนเห็นสายตาเวทนาของเหล่าท่านป้าที่มาหวีผมและอยู่อวยพรให้นาง ไม่จริงเรื่องนี้โกหกทั้งนั้น ร่างบางระหง วิ่งจะไปหาเขาที่จวนจ้าวเพื่อถามให้รู้เรื่อง บิดาทนไม่ไหวที่บุตรสาวเป็นเช่นนี้จึงตบหน้านางเรียกสติ
เพียะ!!! "ดูเจ้าสิเหมือนตัวอะไร คนเขาไม่ต้องการยังจะวิ่งแร่ไปให้เขาดูหมิ่นถึงที่ สกุลเซียวของข้าแม้ไม่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ใช่ใครจะมาดูหมิ่นได้ หากเจ้าก้าวขาออกไปก็อย่าใช้แซ่เซียวของข้าอีก"
"ท่านพ่อ ฮือๆๆๆ"
เซียวอี้เซียนจำต้องเดินกลับเข้าห้อง นางขังตนเองเอาไว้ไม่ไปไหน คนที่ถูกสั่งให้มาจับตาดูกลับไปรายงานแล้ว จ้าวเฉิงกำลังดื่มสุรามงคลกับเจ้าสาว ทันทีที่ได้ยินว่านางคร่ำครวญราวกับสตรีไร้ค่าก็อุ้มหลิวเย่วขึ้นทันทีก่อนจะหัวเราะเบิกบาน ผู้หญิงโง่งม ไร้ราคาเช่นเจ้าคู่ควรกับบุรุษเช่นข้าหรือช่างไม่เจียมตัว หึ ก่อนจะเอาใจหลิวเย่ว
"นางช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย ในใต้หล้าจะมีสตรีใดงามเท่าเจ้าอีกฮูหยินของข้า"
"ท่านพี่ก็ปากหวาน ว้าย คิกๆๆ" สองคนเริ่มบทรักกันแต่หัววันเนื่องจากคุ้นเคยกันดีจึงไม่ต้องพิธีรีตอง
ทางจวนเซียวกำลังเก็บเอาผ้าแพรมงคลออก เซียวอี้เซียนตัดสินใจเลือกผ้าแพรสีขาวมาหนึ่งผืน ก่อนจะปีนเก้าอี้พาดผ้าแพรกับขื่อ เอาคอพาดลอดในห่วงผ้าที่ทำขึ้นมา
"ลาก่อนท่านพ่อ ลาก่อนท่านย่า ท่านแม่ ท่านปู่ ข้าคือความด่างพร้อยอับอายของตระกูล ฮือๆๆ"
เท้าเล็กเตะเก้าอี้ออก จากนั้นห่วงผ้าก็รัดลำคอระหงทันที นางดิ้นรนชั่วครู่ จิตใต้สำนึกก่อนสิ้นลมมองเห็นหน้าคนที่รักและหวังดีกับนางเต็มไปหมด นางเสียใจที่ตัดสินใจเช่นนี้แต่สายไปแล้ว
ลมหายใจสุดท้ายของนางดับลงพร้อมกับความเสียใจของนางเสี่ยวฮวาที่เป็นห่วงคุณหนูของตนก็รีบมาดูทันทีที่เปิดประตูก็กรีดร้องออกมา
"กรี๊ดดดด คุณหนูๆของบ่าว ใครก็ได้ช่วยคุณหนูของข้าที ได้โปรด ฮือๆๆคุณหนูเจ้าขาทำไม่ท่านตัดสินใจตัดช่องน้อยแต่พอตัวเช่นนี้ ฮือๆๆๆ"
เสียงกรีดร้องของเสี่ยวฮวาทำเอาพ่อบ้านรีบวิ่งมาดู เขาเห็นคุณหนูของตนแขวนคอด้วยแพรขาวก็ตกใจก่อนจะรีบหามีดตัดผ้า เอาร่างของเซียวอี้เซียนลงมา ร่างของเซียวอี้เซียนหล่นลงกับพื้นทันที เซียวหงกับฮูหยินมาถึงก็ร้องไห้ปานจะขาดใจ
"เซี่ยนเซี่ยนเด็กโง่ ทำไมเจ้าทำอย่างนี้ แล้วพวกเราจะอยู่อย่างไร แม่มีเจ้าคนเดียวเท่านั้นนะ ฮือๆๆ"
"เซียนเอ๋อร์ พ่อไม่ดีเอง พ่อทำร้ายเจ้า เพราะคำพูดของพ่อทำร้ายเจ้า"
ฮูหยินผู้เฒ่าที่เดินมาก็ทรุดทันที จวนเซียวมีนางเป็นทายาทคนเดียว หวังว่าสกุลจ้าวจะปฎิบัติต่อนางอย่างดี แต่สุดท้ายกลับ
"เซี่ยนเซี่ยนของย่า ฮึกๆๆ"
ฮูหยินผู้เฒ่าแน่นหน้าอกกระอักเลือดออกมา ทุกคนในจวนจึงโกลาหลทันที ร่างของเซียวอี้เซียนที่เดิมไร้ลมหายใจ กลับสดุ้งเฮือกขึ้นมาก่อนจะโวยวาย
"อืม ทำไมหนวกหูจังวะ เบาๆกันหน่อยโว้ยคนจะนอน"
หวังเสี่ยวเซียนตะโกนออกไปทันทีที่เสียงดังอื้ออึงเข้าหูของเธอ ทุกคนที่กำลังเสียใจหยุดชะงักทันที นางยังไม่ตายคุณหนูยังไม่ตาย เซียวหงร้องไห้ก่อนจะรั้งบุตรสาวมากอดแน่น
"เซียนเอ๋อร์ลูกยังไม่ตาย ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณฟ้าดิน"
"อื้อ"
ปึกๆๆๆ หวังเสี่ยวเซียนหายใจไม่ออกทำไมต้องกอดแน่นขนาดนี้ นางทุบแผ่นหลังบุรุษที่กอดนางทันทีเพื่อให้เขาปล่อยนาง แล้วตาแก่นี่ใครวะ มองไปรอบๆ แต่ตัวประหลาดอะไรกันเนี่ย ถ่ายละครสั้นหรือ ก่อนจะคิดมากก็รู้สึกปวดหัวทันที อื้อ
"โอ้ย อะไรอีกวะเนี่ย ใครกันอีกเล่า อื้อ ปวดๆหัวมาก โอ้ยยย"
ภาพฉายไปมาอยู่พักใหญ่กว่าที่หวังเสี่ยวเซียนจะเข้าใจทั้งหมด ก่อนจะด่าร่างเดิม
"ยายเด็กโง่ แค่กระบองท่อนเดียวก็ยอมตาย เคลือบทองหรือกระบองผุๆกันแน่เถอะ หึ"
"เซียนเอ๋อร์ พ่อขอโทษต่อไปจะไม่ด่าลูกแล้ว ลูกอภัยให้พ่อนะ"
"แค่กๆ เด็กดีของย่า แค่กๆ ท่านปู่เจ้าจากไปไวพวกเราถึงถูกคนรังแก แค่กๆๆ"
หวังเสี่ยวเซียนพยุงตัวเองลุกไปหาหญิงชราจับมือนางมาแนบแก้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้น
"ท่านย่า..เดิมข้าตายไปแล้ว แต่ตอนระหว่างทางท่านปู่บอกให้ข้ากลับมา จงใช้ชีวิตต่อให้ดี พาสกุลเซียวให้รุ่งเรืองอย่าอาศัยน้ำมือคนอื่นเจ้าค่ะ"
"จริงหรือหลานย่า เจ้าเจอท่านปู่เจ้าจริงๆหรือ"
"เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้อยากตายเพราะเสียใจเรื่องไอ้คนสารเลวนั่น แต่ข้าคิดว่าข้าเป็นตัวด่างพร้อยทำให้พวกท่านต้องมัวหมองเจ้าค่ะ"
"อย่าคิดเช่นนั้นเลย หลานปลอดภัยก็ดีแล้ว เรื่องนี้มีแค่คนในเรือนที่รู้ หากคนนอกรู้คงหัวเราะเยาะพวกเราไม่เลิก"
"ท่านพ่อ...พวกเราไปจากเมืองหลวงดีไหมเจ้าคะ ไปเริ่มต้นที่อื่น"
"เราไม่มีเงิน ช่างเถอะลูกไปพักผ่อนก่อน สัญญากับพ่อกับแม่และท่านย่าของเจ้าว่าจะไม่ทำเช่นนี้อีก"
"เจ้าค่ะ ข้าจะรักตัวเอง ข้าสัญญากับท่านปู่ไว้แล้ว"
ทุกคนแยกย้ายกันไป เสี่ยวฮวาเฝ้าคุณหนูของตนไม่ยอมไปไหนจนหวังเสี่ยวเซียนนึกขำ เฮ้อที่สำคัญฉันมาได้ยังไง เดี๋ยวสินึกก่อนนะ
"ดูเหมือนพี่สะใภ้จะเดาถูกนะพี่ใหญ่...นางถึงได้ให้ท่านเสนอแก่ฝ่าบาทถึงสามรอบเรื่องไปสำรวจภูมิทัศน์ต้าฉิน อ้างว่าเพื่อให้รัชทายาทได้รู้จักแผ่นดินตนเองก็เป็นนางที่แนะนำให้ท่านกราบทูลแก่ฝ่าบาท"เสียงดังมาจากคนที่เพิ่งเดินลงมาจากด้านบ้าน ลู่เสวียนเดินเข้ามาด้วยอาภรณ์ที่สะอาดไร้รอยเปื้อนแต่อย่างใด หวังจิ่วคอหด ขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาอยู่ข้างนอกมิใช่หรือ เหตุใดลงมาจากข้างบนได้กัน ว่ากันว่าคุณชายลู่ฆ่าคนเสร็จก็จะเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ทันทีเพราะเป็นคนรักสะอาด หยางเทียนหลงภูมิใจในตัวเซียวอี้เซียนเอ่ยออกอย่างภูมิใจ"เมียข้านางฉลาดนัก แต่คนกลับคิดว่านางเป็นเพียงสตรีที่ต้องอาศัยบุรุษถึงสามารถอยู่ได้""แล้วคนที่คิดเช่นนี้ตอนนี้ถูกปรับไม่ได้รับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งยังถูกลดจากอำมาตย์ช้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ ทั้งจวนจ้าวถูกองครักษ์หลวงควบคุม ช่างน่าขันยิ่งนักฮ่าๆๆๆ"ลู่เสวียนหัวเราะไม่เก็บอาการแต่อย่างใด ยามที่อยู่นอกเมืองหลวงเขาก็คือน้องรอง ส่วนหลิวหย่งก็คือน้องสามเป็นพี่น้องบุญธรรมกับหยางเทียนหลง เมื่อพี่ใหญ่มีความสุขเหตุใดพวกเขาจะไม่แสดงความยินดีออกมากันเล่า "ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ คนต้
ในห้องพักทุกคนเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ หยางเทียนหลงนอนอยู่บนเตียงด้านนอกลู่เสียนที่ปลอมเป็นคนขับรถม้ายืนเฝ้าอยู่ด้านล่างขอโรงเตี๊ยมคนของแคว้นเหลียงเริ่มที่จะลงมือ โรงเตี๊ยมยามนี้เงียบวังเวงแม้แต่เสียงยุงบินผ่านยังไม่มี ลู่เสวียนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก่อนจะลืมตาทำท่าทีงัวเงียแล้วเอ่ยกับองครักษ์ที่เฝ้ายาม"นี่ๆๆ พี่ชายข้าจะไปนอนที่รถม้านะ""อ้อ..อืม"ลู่เสวียนเดินออกไปด้านนอกเมื่อออกมาได้ก็แอบไปด้านหลังแล้วดีตัวไปยังยอดไม้เพื่อดูความเคลื่อนไหว ชายชุดดำกว่าร้อยคนกำลังมา แปลว่าพวกมันเหมาโรงเตี๊ยมทุกโรงที่เป็นทางผ่านเพื่อรอจัดการรัชทายาท หากวันนี้เป็นตัวจริงเสด็จมาคงลำบากแน่นอนชายฉกรรจ์ชุดดำกว่าร้อยคนเคลื่อนมายังโรงเตี๊ยม เมื่อมาถึงก็ปิดล้อม ส่วนนักฆ่าอีกกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมที่พักก่อนหน้าสามห้องก็เปิดประตูห้องออกมาทันทีที่ได้รับสัญญาณ ทุกคนสวมชุดนักรบของเผ่าเหลียง องครักษ์ของหยางเทียนหลงที่อยู่ในห้องต่างก็พยักหน้า หวังจิ่ว อารองขององค์ชายใหญ่เดินมายังด้านในโรงเตี๊ยม ก่อนจะเอ่ยถาม"มีคนออกไปข้างนอกหนึ่งคนกลับเข้ามาหรือยัง""เป็นค
หวงเหวินเทียนส่งมารดาเข้านอน เมื่อเรียบร้อยคนของรัชทายาทก็มารายงานเรื่องราว รัชทายาทตัวปลอมนั้นกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง และคืนนี้จะมีการลงมืออีกครั้งจากฝ่ายตรงข้าม ครั้งนี้เขาจะรวบให้หมด หยางต่งเจ้ารอก่อนเถอะผ่านคืนนี้ไปข้าจะรับซิ่วเอ๋อร์กลับจวนอย่างเอิกเกริก ให้เจ้าได้รู้ว่าที่ผ่านมาเจ้าและมารดาของเจ้ากลับสกุลหวังไม่เคยควบคุมนางและใครได้เลย และเมื่อเจ้ารับรู้ว่าที่จริงแล้วนางเป็นคนของใคร ข้าจะให้เจ้ากระอักเลือดจนยกดาบไม่ขึ้นเชียวล่ะโรงเตี้ยมพเนจรยามอิ๋นรถม้าที่กำลังทะยานควบขี่มายังโรงเตี้ยม กระทั่งมาถึงคนขับรถม้าจึงไปเคาะเรียก ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูหลายครั้งทำให้เสี่ยวเอ้อที่งัวเงียๆจากการที่แอบงีบหลับก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อตอนบ่ายมีคนมาเหมาโรงเตี้ยมที่ผ่านทางนี้จนหมด มีเพียงโรงเตี้ยมของเขาที่ไม่มีใครมาขอเหมา แขกก็น้อยได้มาเพิ่มอีกคนเถ้าแก่คงมีเงินจ่ายเงินเดือนของเขา จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็เดินไปเปิดประตูเพื่อต้อนรับคนที่มาพัก"มาแล้ว มาแล้ว เสี่ยวเอ้อเดินขยี้ตารัวๆก่อนจะตะโกนตอบกลับไป เมื่อเปิดประตูก็เห็นบุรุษสิบกว่าคน มีรถม้าคันใหญ่ เขาจึงถามออกไป"
ในเมืองหลวงตอนนี้กำลังมีการเฝ้าระวังคนของแคว้นเหลียงกับคนขององค์ชายใหญ่ จ้าวอันถูกปล่อยออกมาแล้ว ฮ่องเต้ลงโทษงดรับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งลดขั้นจากอำมาตย์ฝ่ายซ้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ จ้าวอันป๋อเองก็แทบจะกระอักเลือด จวนถูกองครักษ์ควบคุมไปไหนไม่ได้ ตอนนี้ในห้องลับของจวน คนของแคว้นเหลียงกำลังนั่งหน้าดำคล้ำเจรจากับจ้าวอันและจ้าวอันป๋ออยู่"ตกลงอาวุธ..พวกท่านจะส่งมอบเมื่อใด""ทางเราถูกยึดไปหมด นายกองหม่าท่านรออีกสักนิดเถอะ""เสนาจ้าว แคว้นเหลียงของเราคงไม่รอแล้ว ข้าจะพากำลังเข้าเมืองหลวง พวกท่านก็เตรียมเปิดประตูเมืองรอด้วยเล่า"จ้าวอันป๋อกำมือแน่น หากไม่มีอาวุธต่อให้พวกเขามาได้ก็ใช่ว่าจะชนะ แต่ทางแคว้นเหลียงไม่เจรจาต่อ พวกเขานัดวันบุกเมืองหลวงเรียบร้อยก็กลับไป ส่วนองครักษ์ของวังหลวงแสร้งไม่รับรู้ว่าสกุลจ้าวมีคนแปลกหน้าเข้าออก พวกเขานำผักมาส่งทุกๆวันแต่ต้าฉินเป็นดินแดนแห่งการเพาะปลูก พื้นที่มิได้หนาวเย็นเช่นแคว้นเหลียง แต่สามคนนี้กลับใบหน้ากร้านลมจนเห็นชัด เหมือนกับคนที่อยู่กับอากาศหนาวมาตลอดชีวิตองครักษ์นายหนึ่งถึงเวลาเปลี่ยนเวรกับคนใหม่ เมื่ออกเวรก็ตรงไปตำหนัก
เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากด้านหลัง จางลี่เฟยและเซียวอี้เซียนกับฉีฮุ่ยหมินหันไปพร้อมกัน สตรีในชุดทหารเดินเข้ามาหร้อมกับเอ่ยกับจางลี่เฟย ด้านหลังนางมีเด็กสาวอีกคนวัยน่าจะสิบเจ็ดสิบแปดเดินตามหลงมา หลานซิ่วเอ๋อร์รีบวิ่งไปเกาะแขนนางทันทีก่อนจะเอ่ย"พี่ใหญ่ท่านมาแล้ว ไหนท่านบอกว่าอีกหลายวันไงเจ้าคะ""ทำไม ไม่อยากให้พี่กลับมาเช่นนั้นหรือ""ไอ้โย่ว เปล่าสักหน่อยข้าคิดท่านมากจริงๆนะเจ้าคะ คิดถึงน่ะ คิดถึง ชายแดนมีอะไรน่าอยู่กัน ท่านชอบตัดหัวศัตรูมากกว่าคิดถึงน้องสาวอย่างข้าหรือ แม่ทัพฮวน สามปีมานี่ข้าคิดถึงท่านแทบบ้า"หลานซิ่วเอ๋อร์อ้อนพี่สาวทันที หลานฮวนลูบศีรษะหลานซิ่วเอ๋อร์ด้วยกิริยาอ่อนโยน บรรยากาศอบอุ่น จากนั้นก็หันไปหาเซียวอี้เซียนและฉีฮุ่ยหมิ่นก่อนจะคำนับ"หม่อมฉันหลานฮวนถวายพระพรไท่จื่อเฟย ถวายพระพรพระยาชาเซียวเพคะ""คุณหนูใหญ่ ไม่เจอท่านสามปีดูงามสง่าขึ้นมากนัก ว่าแต่ท่านเอ่อ..."ฉีฮุ่ยหมิ่นเอ่ยกับหลานฮวน ส่วนเซียวอี้เซียนนอกจากวิ่งตามจ้าวเฉิงก็มิได้รู้จักคุณหนูจวนอื่นแต่อย่างใดจึงพยักหน้ารับเท่านั้น หลานฮวนหันไปหาน้องสาวก่อนจะเอ่ย"ไม่เจอสามปี ซิ่วเอ๋อร์ข
เซียวอี้เซียนยามนี้ยืนสงบนิ่งอยู่ ด้านหน้าเป็นเนินดินที่นางนำเสื้อผ้าของเวียวอร้เซียนคนเดิมมาฝังเอาไว้ ป้ายหลุมศพแกะสลักจากหินอ่อน เขียนว่า สถานที่พักผ่อนของเซียวอี้เซียนผู้เป็นที่รัก มารดาและท่านย่าของนางกลับไปแล้วหลังจากเซ่นไหว้เรียบร้อย เซียวอี้เซียยืนสงบนิ่ง นางปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดไปแล้วดูเหมือนเซียวอี้เซียนคนนั้นคงยอมจากไปแล้ว เสี่ยวฮวามองไปยังร่างบางก็อดสงสัยไม่ได้ พระชายานึกอย่างไรจึงสร้างหลุมศพตนเอง ฉีฮุ่ยหมิ่นเดินมาแตะไหล่บางก่อนจะเอ่ย"เซี่ยนเซี่ยน สบายใจหรือยัง""เพคะหม่อมฉันรู้สึกดีเหมือนได้เกิดใหม่จริงๆ ว่าแต่พี่ฮุ่ยหมิ่นได้ยินว่าคนๆนั้นบาดเจ็บไม่น้อย"ฉีฮุ่ยหมิ่นถอนหายใจก่อนจะพยักหน้า คนๆนั้นที่เซียวอี้เซียนกล่าวถึงก็คือคนที่ปลอมเป็นหยางเฟยหยางไปตรวจงานที่เมืองตงซาน เขาถูกลอบสังหารถึงสามครั้ง คนของสกุลหวังคงร้อนใจแล้ว ทั้งสี่คนเดินมาจนถึงด้านหลังของอารามก็พบกับคนๆหนึ่ง เซี่ยวอี้เซียนไม่อยากเสียเวลาจึงพากันเดินหนี เสี่ยวฮวากับซีซีเองก็เดินตามเจ้านายของตน กระทั่งเสียงของสาวใช้คนหนึ่งดังขึ้น"บังอาจ...เห็นพระสนมแล้วเหตุใดไม่เคารพ เด็กๆจับพวก