หวังเสี่ยวเซียนที่ตอนนี้เกิดอาการเซ็งสุดขีด เธอกำลังถ่ายวิดีโอของตัวเองอัพลงโซเชี่ยล หวังเสี่ยวเซียนทำวิดีโอจากการใช้ชีวิตแบบวิถีชนบทดั้งเดิม เธอเรียนจบปริญญาตรีสาขาพฤกษศาสตร์เพื่อมาปรับปรุงไร่ของเธอที่มีอยู่เพียงสามไร่ ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว คุณย่าเพิ่งจะเสียไปไม่นาน
รายได้จากการทำวิดีโอเดือนหนึ่งหลายแสนหยวน หากถามว่าเธอมีเงินไหมแน่นอนว่ามี แต่เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรหรือ เธอน่าจะถูกคนจ้างวานฆ่ามากกว่า เพราะจะมีโรงแรมขนาดใหญ่มาเปิดที่ชนบทบ้านของเธอหวังเสี่ยวเซียนเป็นผู้นำฝูงชนไปต่อต้านการก่อสร้าง จนกระทั่งถูกขู่มาหลายรอบ
"เฮ้อ ไอ้แสงเขียวๆที่ส่องฉันคงเป็นไรเฟิลสินะ แหม่จะฆ่าทั้งทีลงทุนขนาดนี้นับว่าชีวิตเจ๊นี่ราคาแพงใช่ย่อยเลยนะเนี่ย"
"คุณหนูเจ้าขา...ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ คงไม่ได้เสียใจจนเสียสติหรอกนะ"
เสียวฮวาบ่นอุบอิบเพราะกลัวคุณหนูของตนเองได้ยิน หวังเสี่ยวเซียนที่ตอนนี้ก็คือเซียวอี้เซียนได้แต่เดินมาหาสาวใช้ของร่างเดิมก่อนจะจับนางให้มองหน้า
"เสี่ยวฮวาน้อย...ข้าไม่ได้เสียใจแล้ว อีกอย่างไม่แต่งก็ดีเหมือนกัน จ้าวเฉิงเป็นบุรุษที่ไม่รู้จักพอ ทุกครั้งที่พาข้าไปอารามก็เพื่อตนเองจะได้เสพสุขกับสตรีอื่น เอาข้าไปบังหน้า"
"ห๊า..นี่มันๆ คุณหนูแล้วเหตุใดท่านยังอดทนเจ้าคะ"
"ท่านพ่อท่านแม่อยากให้ข้าแต่งข้าก็เลยยอม แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เสี่ยวฮวาเอาใบรายการสินสอดของสกุลจ้าวมาหน่อย"
สาวใช้ตัวน้อยนำสมุดบัญชีสินสอดมาให้กับคุณหนูของตน เซียวอี้เซียนรับมา เมื่อวานเขาแต่งงาน วันนี้คงยังหวานชื่น พรุ่งนี้อีกวัน มะรืนกลับบ้านเจ้าสาว หากให้จ้าวเฉิงตั้งตัวได้ต้องมาเอาสินสอดคืนแน่ๆ
สกุลจ้าวขึ้นชื่อเรื่องใจแคบ เช่นนั้นวันพรุ่งนี้น่าจะเหมาะที่สุด วันที่สามพวกเขาก้าวออกจากห้องหอก็น่าจะเกือบบ่าย นางคงขายของหมดแล้ว ก่อนจะถามสาวใช้ตัวน้อย
"เสี่ยวฮวา แล้วสมบัติบ้านเรามีอะไรบ้าง ให้ท่านพ่อบอกมา ข้าจะขายทอดตลาดหาเงินไปตั้งตัวที่เมืองอื่น เมืองหลวงแห่งนี้จอมปลอมเกินไป"
เสี่ยวฮวารับคำสั่งของคุณหนู จากนั้นก็รีบวิ่งไปหานายท่านเซียวบิดาของนาง ไม่นานในมือของเซียวอี้เซียนก็มีใบรายการทรัพย์สินของสกุลเซียวทั้งหมด ดูคร่าวๆจากสมบัติเหล่านี้ สามารถแปลเป็นเงินได้ถึงเจ็ดถึงแปดแสนตำลึง
แต่เรื่องของเก่าดูเหมือนพวกเขาจะไม่รู้เรื่อง มีไว้เพื่อครอบครองและรักษาไว้เท่านั้น แบบนี้ก็หวานนางสิ ขายให้หมด ไปแต่ตัวไม่ยึดติด อืมแบบนี้แหละดี
"เสี่ยวฮวาคืนนี้ไปหาขอทานมาหลายๆคนข้าจะให้พวกเขาช่วยทำงาน"
"คุณหนูคือว่า"
"อย่าสงสัยให้มากความไปได้แล้ว"
เมื่อเสี่ยวฮวาไปแล้ว เซียวอี้เซียนก็เริ่มเขียนใบโฆษณาชวนเชื่อ นางจะขายสินสอดในราคาขาดทุน แต่จะโก่งราคาสมบัติสกุลเซียว
เซียวหงมาหาบุตรสาว เห็นนางขีดๆเขียนๆก็ถอนหายใจ เสียงถอนหายใจไม่เบาเซียวอี้เซียนเงยหน้ามามองบิดาของตนก่อนจะวางพู่กันในมือแล้วลุกไปประคองเขา
"ท่านพ่อมาได้อย่างไรเจ้าคะ"
"ลูกกำลังทำอะไร เซียนเอ๋อร์สินสอดนั้นคืนพวกเขาไปเถอะ"
"ท่านพ่อ ที่ผ่านมาข้ายอมกล้ำกลืนทนเห็นเขาหลับนอนกับสตรีมากหน้า ทนฟังเสียงครวญครางยามพวกเขาร่วมรักกัน จ้าวเฉิงบอกว่าอีกหน่อยแต่งกับเขาเรื่องแบบนี้ย่อมหนีไม่พ้น เขาต้องสืบสกุลตอนนั้นข้าโง่เขลาเชื่อเขาทุกอย่าง ทั้งที่ความจริงแล้วนั่นต่างหากเป็นการเหยียดหยามข้า"
"มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ เฮ้อ พ่อผิดเองไม่ควรให้คนไปทวงถามเรื่องสัญญาแต่งงานเจ้ากับเขา พ่อคิดแค่ว่าสกุลจ้าวอาจจะดูแลลูกได้ดี เพราะท่านปู่เจ้าจากไปเราก็แทบจะไม่เหลืออะไร พ่อเป็นเพียงคนป่วยรับราชการก็ไม่ได้ แค่กๆๆ"
"เรื่องผ่านไปแล้วก็ช่างเถอะเจ้าค่ะท่านพ่อ จากนี้ไปข้าจะทำให้สกุลจ้าวอับอายจนเดินในเมืองหลวงไม่ไหว ที่กล้าทำให้จวนเซียวของเราต้องอัปยศ"
เซียวหงไปแล้วเขารู้สึกหนักอึ้งในใจ บุตรสาวคงเจ็บแค้นเมื่อวานถูกเจ้าบ่าวทอดทิ้ง นางผูกคอตายแต่กลับไม่ตาย มาวันนี้นางจะแก้แค้นแล้วอย่างไรเล่า สกุลเซียวมีค่าให้พูดถึงด้วยหรือ สกุลจ้าวเป็นถึงอำมาตย์ซ้าย
บิดาจากไปแล้ว ด้วยความที่ชาติก่อนไปช่วยพ่อของเพื่อนแถวๆตรอกค้าของเก่าบ่อยๆทำให้ได้วิชาดูหยกมองของโบราณมาบ้าง สินสอดของสกุลจ้าวล้วนแต่เป็นของไร้ค่า แต่สำหรับคนที่ไม่เคยมีแต่มีเงินอาจยอมจ่าย มีเพียงผ้าไหมกับปิ่นสามกล่องที่นับว่ามีราคา อ้อพระพุทธรูปหยกแกะสลักองค์นี้ โบราณแท้ๆ ราคาน่าจะอยู่ที่หนึ่งแสนตำลึง อันนี้ไม่ขายเอาไปโรงประมูล
หืมหยกจักพรรดิเนื้อดีที่แกะเป็นรูปสิงโตนี้ แกะเพิ่มอีกหน่อยใส่รายละเอียดอีกนิด แปลงจากสิงโตเป็นกิเลน มีทั้งหมดสามชิ้นนี้น่าจะประมาณสามแสนตำลึง เอาไปแกะสลักใหม่ราคาพุ่งแน่ๆ เอาไว้ก่อน ไหนๆโสมชั้นต่ำกล้าเอามาเป็นสินสอด ดูท่าจวนจ้าวเองก็ไม่มีความรู้เรื่องหยกสักเท่าไหร่ที่เอามาให้จวนเซียวล้วนเป็นเครื่องประดับที่ตกรุ่น แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่ามันคือหยกเนื้อดี อวดดีว่าตนเองร่ำรวย เครื่องประดับที่ทำจากหยกเนื้อดีเซียวอี้เซียนเก็บไว้ต่างหากขายแต่หยกคุณภาพต่ำออกไป ต้องมีการเปลี่ยนแบบแกะสลักใหม่เพื่อเพิ่มราคา
วัตถุดิบมีแล้วอาศัยฝีมือที่คุณปู่สอนตอนเด็กๆ แกะสลักงานหยกกับแกะสลักงานไม้ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก นางเรียกหาสาวใช้ของตนทันที มาอยู่ที่นี่ไม่ต้องลำบากเหมือนนางเอกในนิยายที่เคยอ่านที่ต้องขึ้นเขาลงห้วยกว่าจะแยกบ้านได้จ่ายรายตอนจนไม่มีข้าวกิน นางมาที่นี่ครอบครัวรักใคร่กันดีเสียแต่ว่าบ้านกำลังจะถูกยึดเพราะไม่มีเงินไปจ่ายเงินกู้ที่เอามารักษาท่านย่า
สมบัติล้วนต้องขายทิ้งจะให้ถูกยึดบ้านก่อนไม่ได้ เพราะฉะนั้นขายสมบัติของจวนเซียวอาจถูกเจ้าของเงินกู้มาคุกคามเพราะพวกเขาคงไม่ให้กระเด็นออกไป แต่ขายสินสอดของสกุลจ้าวนั้นแตกต่าง เซียวอี้เซียนจึงเอาสมบัติของสกุลเซียวมาวางขายด้วยเสียเลย เมื่อถึงเวลาถูกยึดบ้านก็มีเพียงไม้กระดานแล้ว
"หลิวเย่วหลอกลวงเจ้าของร่างเดิมทำทีเป็นเพื่อนที่แสนดี เห็นนางกตัญญูต่อท่านย่าหาทางจ่ายค่ายาแสนแพง หมอที่พามาก็เป็นหมอของสกุลจ้าว สกุลหลิวให้คนมาปล่อยกู้เพื่อยึดจวนเซียวต่อให้เอาเงินไปจ่ายพวกมันก็ไม่คิดจะคืนบ้านให้อยู่แล้ว จ้าวเฉิงหลิวเย่วสองผัวเมียชั่วช้าอยากทำลายสกุลเซียวหรือฝันกลางวันหรือไง มาดูกันว่าพวกเจ้าจะได้อะไรไป เสี่ยวฮวาน้อย มานี่หน่อย"
เซียวอี้เซียนเรียกหาสาวใช้ทันที
"ดูเหมือนพี่สะใภ้จะเดาถูกนะพี่ใหญ่...นางถึงได้ให้ท่านเสนอแก่ฝ่าบาทถึงสามรอบเรื่องไปสำรวจภูมิทัศน์ต้าฉิน อ้างว่าเพื่อให้รัชทายาทได้รู้จักแผ่นดินตนเองก็เป็นนางที่แนะนำให้ท่านกราบทูลแก่ฝ่าบาท"เสียงดังมาจากคนที่เพิ่งเดินลงมาจากด้านบ้าน ลู่เสวียนเดินเข้ามาด้วยอาภรณ์ที่สะอาดไร้รอยเปื้อนแต่อย่างใด หวังจิ่วคอหด ขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาอยู่ข้างนอกมิใช่หรือ เหตุใดลงมาจากข้างบนได้กัน ว่ากันว่าคุณชายลู่ฆ่าคนเสร็จก็จะเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ทันทีเพราะเป็นคนรักสะอาด หยางเทียนหลงภูมิใจในตัวเซียวอี้เซียนเอ่ยออกอย่างภูมิใจ"เมียข้านางฉลาดนัก แต่คนกลับคิดว่านางเป็นเพียงสตรีที่ต้องอาศัยบุรุษถึงสามารถอยู่ได้""แล้วคนที่คิดเช่นนี้ตอนนี้ถูกปรับไม่ได้รับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งยังถูกลดจากอำมาตย์ช้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ ทั้งจวนจ้าวถูกองครักษ์หลวงควบคุม ช่างน่าขันยิ่งนักฮ่าๆๆๆ"ลู่เสวียนหัวเราะไม่เก็บอาการแต่อย่างใด ยามที่อยู่นอกเมืองหลวงเขาก็คือน้องรอง ส่วนหลิวหย่งก็คือน้องสามเป็นพี่น้องบุญธรรมกับหยางเทียนหลง เมื่อพี่ใหญ่มีความสุขเหตุใดพวกเขาจะไม่แสดงความยินดีออกมากันเล่า "ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ คนต้
ในห้องพักทุกคนเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ หยางเทียนหลงนอนอยู่บนเตียงด้านนอกลู่เสียนที่ปลอมเป็นคนขับรถม้ายืนเฝ้าอยู่ด้านล่างขอโรงเตี๊ยมคนของแคว้นเหลียงเริ่มที่จะลงมือ โรงเตี๊ยมยามนี้เงียบวังเวงแม้แต่เสียงยุงบินผ่านยังไม่มี ลู่เสวียนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก่อนจะลืมตาทำท่าทีงัวเงียแล้วเอ่ยกับองครักษ์ที่เฝ้ายาม"นี่ๆๆ พี่ชายข้าจะไปนอนที่รถม้านะ""อ้อ..อืม"ลู่เสวียนเดินออกไปด้านนอกเมื่อออกมาได้ก็แอบไปด้านหลังแล้วดีตัวไปยังยอดไม้เพื่อดูความเคลื่อนไหว ชายชุดดำกว่าร้อยคนกำลังมา แปลว่าพวกมันเหมาโรงเตี๊ยมทุกโรงที่เป็นทางผ่านเพื่อรอจัดการรัชทายาท หากวันนี้เป็นตัวจริงเสด็จมาคงลำบากแน่นอนชายฉกรรจ์ชุดดำกว่าร้อยคนเคลื่อนมายังโรงเตี๊ยม เมื่อมาถึงก็ปิดล้อม ส่วนนักฆ่าอีกกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมที่พักก่อนหน้าสามห้องก็เปิดประตูห้องออกมาทันทีที่ได้รับสัญญาณ ทุกคนสวมชุดนักรบของเผ่าเหลียง องครักษ์ของหยางเทียนหลงที่อยู่ในห้องต่างก็พยักหน้า หวังจิ่ว อารองขององค์ชายใหญ่เดินมายังด้านในโรงเตี๊ยม ก่อนจะเอ่ยถาม"มีคนออกไปข้างนอกหนึ่งคนกลับเข้ามาหรือยัง""เป็นค
หวงเหวินเทียนส่งมารดาเข้านอน เมื่อเรียบร้อยคนของรัชทายาทก็มารายงานเรื่องราว รัชทายาทตัวปลอมนั้นกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง และคืนนี้จะมีการลงมืออีกครั้งจากฝ่ายตรงข้าม ครั้งนี้เขาจะรวบให้หมด หยางต่งเจ้ารอก่อนเถอะผ่านคืนนี้ไปข้าจะรับซิ่วเอ๋อร์กลับจวนอย่างเอิกเกริก ให้เจ้าได้รู้ว่าที่ผ่านมาเจ้าและมารดาของเจ้ากลับสกุลหวังไม่เคยควบคุมนางและใครได้เลย และเมื่อเจ้ารับรู้ว่าที่จริงแล้วนางเป็นคนของใคร ข้าจะให้เจ้ากระอักเลือดจนยกดาบไม่ขึ้นเชียวล่ะโรงเตี้ยมพเนจรยามอิ๋นรถม้าที่กำลังทะยานควบขี่มายังโรงเตี้ยม กระทั่งมาถึงคนขับรถม้าจึงไปเคาะเรียก ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูหลายครั้งทำให้เสี่ยวเอ้อที่งัวเงียๆจากการที่แอบงีบหลับก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อตอนบ่ายมีคนมาเหมาโรงเตี้ยมที่ผ่านทางนี้จนหมด มีเพียงโรงเตี้ยมของเขาที่ไม่มีใครมาขอเหมา แขกก็น้อยได้มาเพิ่มอีกคนเถ้าแก่คงมีเงินจ่ายเงินเดือนของเขา จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็เดินไปเปิดประตูเพื่อต้อนรับคนที่มาพัก"มาแล้ว มาแล้ว เสี่ยวเอ้อเดินขยี้ตารัวๆก่อนจะตะโกนตอบกลับไป เมื่อเปิดประตูก็เห็นบุรุษสิบกว่าคน มีรถม้าคันใหญ่ เขาจึงถามออกไป"
ในเมืองหลวงตอนนี้กำลังมีการเฝ้าระวังคนของแคว้นเหลียงกับคนขององค์ชายใหญ่ จ้าวอันถูกปล่อยออกมาแล้ว ฮ่องเต้ลงโทษงดรับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งลดขั้นจากอำมาตย์ฝ่ายซ้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ จ้าวอันป๋อเองก็แทบจะกระอักเลือด จวนถูกองครักษ์ควบคุมไปไหนไม่ได้ ตอนนี้ในห้องลับของจวน คนของแคว้นเหลียงกำลังนั่งหน้าดำคล้ำเจรจากับจ้าวอันและจ้าวอันป๋ออยู่"ตกลงอาวุธ..พวกท่านจะส่งมอบเมื่อใด""ทางเราถูกยึดไปหมด นายกองหม่าท่านรออีกสักนิดเถอะ""เสนาจ้าว แคว้นเหลียงของเราคงไม่รอแล้ว ข้าจะพากำลังเข้าเมืองหลวง พวกท่านก็เตรียมเปิดประตูเมืองรอด้วยเล่า"จ้าวอันป๋อกำมือแน่น หากไม่มีอาวุธต่อให้พวกเขามาได้ก็ใช่ว่าจะชนะ แต่ทางแคว้นเหลียงไม่เจรจาต่อ พวกเขานัดวันบุกเมืองหลวงเรียบร้อยก็กลับไป ส่วนองครักษ์ของวังหลวงแสร้งไม่รับรู้ว่าสกุลจ้าวมีคนแปลกหน้าเข้าออก พวกเขานำผักมาส่งทุกๆวันแต่ต้าฉินเป็นดินแดนแห่งการเพาะปลูก พื้นที่มิได้หนาวเย็นเช่นแคว้นเหลียง แต่สามคนนี้กลับใบหน้ากร้านลมจนเห็นชัด เหมือนกับคนที่อยู่กับอากาศหนาวมาตลอดชีวิตองครักษ์นายหนึ่งถึงเวลาเปลี่ยนเวรกับคนใหม่ เมื่ออกเวรก็ตรงไปตำหนัก
เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากด้านหลัง จางลี่เฟยและเซียวอี้เซียนกับฉีฮุ่ยหมินหันไปพร้อมกัน สตรีในชุดทหารเดินเข้ามาหร้อมกับเอ่ยกับจางลี่เฟย ด้านหลังนางมีเด็กสาวอีกคนวัยน่าจะสิบเจ็ดสิบแปดเดินตามหลงมา หลานซิ่วเอ๋อร์รีบวิ่งไปเกาะแขนนางทันทีก่อนจะเอ่ย"พี่ใหญ่ท่านมาแล้ว ไหนท่านบอกว่าอีกหลายวันไงเจ้าคะ""ทำไม ไม่อยากให้พี่กลับมาเช่นนั้นหรือ""ไอ้โย่ว เปล่าสักหน่อยข้าคิดท่านมากจริงๆนะเจ้าคะ คิดถึงน่ะ คิดถึง ชายแดนมีอะไรน่าอยู่กัน ท่านชอบตัดหัวศัตรูมากกว่าคิดถึงน้องสาวอย่างข้าหรือ แม่ทัพฮวน สามปีมานี่ข้าคิดถึงท่านแทบบ้า"หลานซิ่วเอ๋อร์อ้อนพี่สาวทันที หลานฮวนลูบศีรษะหลานซิ่วเอ๋อร์ด้วยกิริยาอ่อนโยน บรรยากาศอบอุ่น จากนั้นก็หันไปหาเซียวอี้เซียนและฉีฮุ่ยหมิ่นก่อนจะคำนับ"หม่อมฉันหลานฮวนถวายพระพรไท่จื่อเฟย ถวายพระพรพระยาชาเซียวเพคะ""คุณหนูใหญ่ ไม่เจอท่านสามปีดูงามสง่าขึ้นมากนัก ว่าแต่ท่านเอ่อ..."ฉีฮุ่ยหมิ่นเอ่ยกับหลานฮวน ส่วนเซียวอี้เซียนนอกจากวิ่งตามจ้าวเฉิงก็มิได้รู้จักคุณหนูจวนอื่นแต่อย่างใดจึงพยักหน้ารับเท่านั้น หลานฮวนหันไปหาน้องสาวก่อนจะเอ่ย"ไม่เจอสามปี ซิ่วเอ๋อร์ข
เซียวอี้เซียนยามนี้ยืนสงบนิ่งอยู่ ด้านหน้าเป็นเนินดินที่นางนำเสื้อผ้าของเวียวอร้เซียนคนเดิมมาฝังเอาไว้ ป้ายหลุมศพแกะสลักจากหินอ่อน เขียนว่า สถานที่พักผ่อนของเซียวอี้เซียนผู้เป็นที่รัก มารดาและท่านย่าของนางกลับไปแล้วหลังจากเซ่นไหว้เรียบร้อย เซียวอี้เซียยืนสงบนิ่ง นางปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดไปแล้วดูเหมือนเซียวอี้เซียนคนนั้นคงยอมจากไปแล้ว เสี่ยวฮวามองไปยังร่างบางก็อดสงสัยไม่ได้ พระชายานึกอย่างไรจึงสร้างหลุมศพตนเอง ฉีฮุ่ยหมิ่นเดินมาแตะไหล่บางก่อนจะเอ่ย"เซี่ยนเซี่ยน สบายใจหรือยัง""เพคะหม่อมฉันรู้สึกดีเหมือนได้เกิดใหม่จริงๆ ว่าแต่พี่ฮุ่ยหมิ่นได้ยินว่าคนๆนั้นบาดเจ็บไม่น้อย"ฉีฮุ่ยหมิ่นถอนหายใจก่อนจะพยักหน้า คนๆนั้นที่เซียวอี้เซียนกล่าวถึงก็คือคนที่ปลอมเป็นหยางเฟยหยางไปตรวจงานที่เมืองตงซาน เขาถูกลอบสังหารถึงสามครั้ง คนของสกุลหวังคงร้อนใจแล้ว ทั้งสี่คนเดินมาจนถึงด้านหลังของอารามก็พบกับคนๆหนึ่ง เซี่ยวอี้เซียนไม่อยากเสียเวลาจึงพากันเดินหนี เสี่ยวฮวากับซีซีเองก็เดินตามเจ้านายของตน กระทั่งเสียงของสาวใช้คนหนึ่งดังขึ้น"บังอาจ...เห็นพระสนมแล้วเหตุใดไม่เคารพ เด็กๆจับพวก