หลังจากจัดการคนของจ้าวเฉิงเรียบร้อยแล้ว เซียวอี้เซียนก็เริ่มจัดการคัดกรองคน นางมาอยู่ที่นี่ต้องคัดคนที่ไว้ใจไม่ได้ออกไป ยุคโบราณคนมักหน้าเนื้อใจเสือ แม้ว่ายุคปัจจุบันที่นางจากมาจะมีพวกใส่หน้ากากเข้าหากัน แต่เรื่องวางแผนการกลับไม่อาจล้ำลึกเช่นคนโบราณได้เลย
เมื่อคัดกรองแล้ว ก็ปรากฏว่ามีแม่บ้านที่ไม่อาจไว้ใจได้อีกสองคน เรื่องนี้ดูไม่ยากคนไม่เคยมีพอมีขึ้นมาก็อยากอวด ป้าฝางมีสัญญาขายตัวเดิมทีไม่มีเงินเดือนแต่กลับมีกำไลสวมใส่ วงนั้นน่าจะไม่ต่ำกว่าสามตำลึง สาวใช้เรือนซักล้างยิ่งแล้วใหญ่ งานต่ำสุดที่ไม่มีใครอยากทำกลับมีปิ่นเงินราคาสองตำลึงเช่นกัน ส่วนคนที่เหลือก็ทำงานปกติ นางยังไม่จัดการ รอราชโองการมาถึงก่อนนางจะตัดรากถอนโคนต้นไม้พิษเหล่านี้ให้เกลี้ยง
"ฉลาดเสียด้วยเลือกใช้คนที่ไม่มีใครคาดคิด หึ สกุลจ้าวปัญหาภัยแล้งที่พวกเจ้าแก้ไม่ได้ข้าจะทำให้สกุลจ้าวของพวกเจ้าต้องกลืนเลือดตนเองเชียวล่ะ"
เมื่อวาดแบบกังหันวิดน้ำเรียบร้อยเซียวอี้เซียนก็เข้านอน นางวาดแบบแยกกัน หากไม่ใช่นางต่อให้ใครได้ไปก็ไม่อาจสร้างออกมาได้ ชิ้นส่วนการคำนวณกว้างยาว ความสูงของฐานนางแยกเป็นส่วนๆเอาไว้กันผิดพลาด เด็กน้อยเสี่ยวฮวาหลับไปแล้ว น้ำลายไหลย้อยมุมปากเชียว
เซียวอี้เซียนห่มผ้าให้สาวใช้ตนเอง นางให้เสี่ยวฮวามานอนด้วยข้างล่างของเตียงเอาผ้านวมผืนหนามาปูให้ เสี่ยวฮวาชอบที่สุดที่ได้นอนกับคุณหนู สองนายบ่าวหลับไปแล้ว วันพรุ่งนี้คงมีเรื่องให้ปวดหัวอีกแน่นอน จ้าวอันป๋อเสียหน้าเพียงนั้นไม่มีวันปล่อยนางไปแน่ๆ
ดรุณีน้อยไม่รู้เลยว่าหลังจากนางหลับไปแล้ว ปรากฏร่างสูงของบุรุษหนุ่มคนหนึ่งมานั่งมองนางอยู่เกือบครึ่งคืน หยางเทียนหลงนั่งมองนางที่กำลังนอนหลับ เขาได้รับข่าวว่าจ้าวอันป๋อคิดทำร้ายนาง จึงให้คนไปดักรอคนของจ้าวอันป๋อเรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวเองก็มานั่งอยู่ในห้องนี้
เซียวอี้เซียนนอนตัวเกร็งนางมิได้หลับ แม้จะรับรู้ว่าในห้องมีคนแต่นางกลับนอนนิ่ง มีเพียงลมหายใจที่แรงขึ้น หยางเทียนหลงจึงเอ่ยออกมา
"คุณหนูเซียวเจ้าไม่ได้หลับ แปลว่ายาที่ถูกพ่นเอาไว้ทำอันใดเจ้าไม่ได้ ข้าเป็นห่วงเจ้าเสียเที่ยวแล้ว"
เซียวอี้เซียนลุกขึ้นมองหน้าเขา แต่แสงสลัวของดวงจันทร์สว่างไม่พอ นางได้กลิ่นยาสลบแต่แรกแล้วจึงหาทางแก้ อยู่ในโรงพยาบาลมาทั้งชีวิตอยู่กับกลิ่นยาทุกวันนางจึงจมูกไว เซียวอี้เซียนเอ่ยถามคนตรงหน้า
"พี่ชาย..ข้ารู้ว่าท่านมิได้มาร้าย ว่าแต่ท่านมาในห้องข้าได้อย่างไร"
"ข้าได้ข่าวไม่ดีมาว่ามีคนจะมาทำร้ายเจ้า"
"ท่านเป็นผู้ใดกันเจ้าคะ เหตุใดถึงรู้เรื่องนี้"
"ข้าเป็นองครักษ์ ข้าคือคนที่ฝ่าบาทส่งมาคุ้มครองเจ้า คุณหนูเซียวขออย่าได้กังวลใจ"
"อืม..หากท่านอยากทำร้ายข้า ท่านคงลงมือไปแล้ว ว่าแต่เข้าห้องสตรีเกรงว่าจะไม่ควร รบกวนท่านออกไปเถอะ ด้านหลังเรือนข้ามีห้องว่างไปนั่งเฝ้าที่ห้องนั้นเถิด มีหมอนกับผ้าห่มอยู่สำหรับรับแขก แต่จวนเซียวไร้แขกมาเยี่ยมเยือนนานมากแล้ว อาจอับชื้นไปสักหน่อย"
หยางเทียนหลงอมยิ้มในความมืด สตรีตรงหน้าไม่หวาดกลัวเขาทั้งที่เขาเป็นคนแปลกหน้า อีกทั้งนั่งเจรจากับเขาเสียอีก แต่ประโยคต่อมาทำให้เขาถึงกับต้องมองนางใหม่
"องครักษ์ท่านนี้ เราเคยเจอกันมาก่อนข้าจำเสียงท่านได้ เป็นถึงองครักษ์เงินทองคงมีไม่น้อย ปิ่นเล่มนั้นท่านยังค้างข้าอยู่สี่สิบห้าตำลึง บวกดอกเบี้ยอีกห้าตำลึงรบกวนท่านจ่ายข้าด้วย ไม่ทราบท่านแม่ของท่านพอใจของขวัญวันเกิดจากบุตรชายหรือไม่เล่า"
หยางเทียนหลงหันกลับมามองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเตียง ฉลาดอะไรเยี่ยงนี้กันนะ นางจำกระทั่งเสียงของเขาได้ พระชายาคนนี้อย่างไรเขาก็ต้องแต่ง ยอมให้เป็นของคนอื่นไม่ได้ นางคือของเขาคนเดียวเท่านั้น หยางเทียนหลงปลดถุงเงินออกจากเอวส่งให้นางก่อนจะเอ่ย
"ข้าเพิ่มดอกเบี้ยให้เจ้าอีกเป็นห้าร้อยตำลึง พอใจหรือไม่คุณหนูเซียว"
"ไม่ล่ะ ..ข้าต้องการเท่าที่ข้าควรได้ พี่ชายท่านนี้ท่านไปได้แล้ว หากมีคนมาเห็นท่านเดินออกจากห้องข้าจะไม่ดี ท่านย่าของข้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นางรับอะไรที่รุนแรงสะเทือนจิตใจอีกไม่ไหวแล้ว"
หยางเทียนหลวงรับถุงเงินกลับมาก่อนจะล้วงเอาตั๋วเงินห้าสิบตำลึงส่งให้นาง คนตัวสูงออกไปจากห้องแล้ว เซียวอี้เซียนนอนคิดหาทางทำห้องให้มิดชิดปลอดภัยกว่านี้ เขามาตอนไหนเมื่อไหร่นางไม่รู้เลย คนยุคโบราณนี้เหมือนผีจริงๆเชียว
ยามเหมาเสี่ยวฮวาน้อยตื่นขึ้นมาพร้อมกับเก็บห่มพับผ้าเรียบร้อย ก็ไปที่ครัวเล็กต้มน้ำให้คุณหนูของตนเอง วันนี้เซียวอี้เซียนใส่ชุดสีชมพูหวาน ชายกระโปรงปักดอกไม้สีขาวเล็กๆรอบชาย ปิ่นแมลงปอตัวน้อยที่เสียบแซมมวยผมที่เกล้าต่ำทำให้นางดูงดงามเย้ายวน ใบหน้าหวานดวงหน้าที่เรียวเล็กดวงตาสุกใสราวผลซิ่งหากประคองด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียวก็คงหมด
ยามเฉินสองคนนายบ่าวเดินออกมาจากห้องก่อนจะไปคารวะท่านพ่อและไปหาท่านย่าอีกด้วย เซียวอี้เซียนเจอกับหมอเทวดาซุนเจิ้นหนานนางคารวะผู้อาวุโสก่อนจะเอ่ยถาม
"ท่านปู่เจ้าคะ อาการท่านย่าเป็นเช่นไรบ้าง ส่วนอาการของท่านพ่อเล่าเจ้าคะ"
"อืม..ย่าเจ้าขอเพียงไม่มีเรื่องสะเทือนใจอีกก็นับว่าดีแล้ว ส่วนบิดาเจ้านั้นขับพิษยาปลุกกำหนัดหมดแล้ว เพียงแต่ยังคงลุกไม่ไหวน่ะ"
"เซี่ยนเซี่ยนขอบพระคุณท่านปู่ซุนมากนะเจ้าคะ หากไม่ได้ท่านข้าอาจเสียคนที่รักไปถึงสองคนเลยทีเดียว"
"เจ้าอย่าเกรงใจเลย หากมิใช่เพราะเจ้าหวังพึ่งคนอื่นมากเกินไปจนเหตุการณ์ล่วงเลยก็ไม่ลำบากเช่นนี้ เซี่ยนเซี่ยน ตาดีใจที่ในที่สุดสายเลือดสกุลเซียวก็คือสายเลือดสกุลเซียว ปู่ของเจ้าเซียวหานจากชาวนาขาเปื้อนโคลน เป็นเด็กฝึกงานอยู่โรงไม้ มเป็นคนงานทำงานให้กรมโยธา จนได้เป็นถึงเจ้ากรมทุกอย่างได้มาด้วยความสามารถมิใช่อาศัยโชคช่วยหรือแรงสนับสนุนจากผู้ใด บิดาเจ้าร่างกายอ่อนแอแต่กลับมีปัญญา สองคนพ่อลูกร่วมใจในต้าฉินใครจะกล้าต่อว่าสกุลเซียวเป็นเพียงสกุลเล็กๆที่ไม่สำคัญอีก จากนี้ไปจงเดินตามรอยปู่เจ้าเถอะ ไม่มีขาคู่ใดเดินได้มั่นคงเท่ากับขาเจ้าเอง"
"เซี่ยนเซี่ยนจะจำไว้เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านตาเจิ้นหนานที่เตือนสติ จากนี้ไป ข้าจะเอาความรู้ที่ท่านปู่เคยสอนมากอบกู้สกุลเซียวให้รุ่งเรือง ทำให้ยืนอยู่แถวหน้าแม้ว่าเป็นตระกูลอันดับหนึ่งไม่ได้แต่ก็จะให้อยู่หนึ่งในสิบตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง"
"ดีๆๆ เห็นเจ้ามุ่งมั่นเช่นนี้ข้าที่เป็นสหายของปู่เจ้าก็ดีใจแทนเขา เสี่ยวฮวาเด็กคนนั้นฉลาดรอบรู้ ข้าเอ่ยไม่กี่คำนางก็จำได้ ข้าอายุปูนนี้แล้วหากได้คนมาสืบทอดวิชาแพทย์ก็คงตายตาหลับ"
ท่านตาเจิ้นหนานจะรับเสี่ยวฮวาเป็นลูกศิษย์หรือเจ้าคะ เสี่ยวฮวายังไม่ขอบคุณอีก"
สาวน้อยทำหน้างงเมื่อคุณหนูของตนหันมาบอก แต่ก็กล่าวขอบคุณผู้อาวุโสตรงหน้า ที่ผ่านมาคุณหนูมักสอนนางเขียนหนังสือจนนางอ่านออกเขียนได้ หากได้เรียนวิชาแพทย์ ท่านยายที่ป่วยบ่อยๆก็จะได้ไม่ต้องทรมาน
"เสี่ยวฮวาขอบคุณหมอเทวดาเจ้าค่ะ แต่ว่าแล้วคุณหนูจะทำเช่นไรเจ้าคะ"
"อย่าห่วงข้าเลย เจ้าไปเรียนกับท่านตาพอเรียนจบก็มาเป็นหมอประจำจวนให้ข้าไง"
"ดูเหมือนพี่สะใภ้จะเดาถูกนะพี่ใหญ่...นางถึงได้ให้ท่านเสนอแก่ฝ่าบาทถึงสามรอบเรื่องไปสำรวจภูมิทัศน์ต้าฉิน อ้างว่าเพื่อให้รัชทายาทได้รู้จักแผ่นดินตนเองก็เป็นนางที่แนะนำให้ท่านกราบทูลแก่ฝ่าบาท"เสียงดังมาจากคนที่เพิ่งเดินลงมาจากด้านบ้าน ลู่เสวียนเดินเข้ามาด้วยอาภรณ์ที่สะอาดไร้รอยเปื้อนแต่อย่างใด หวังจิ่วคอหด ขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาอยู่ข้างนอกมิใช่หรือ เหตุใดลงมาจากข้างบนได้กัน ว่ากันว่าคุณชายลู่ฆ่าคนเสร็จก็จะเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ทันทีเพราะเป็นคนรักสะอาด หยางเทียนหลงภูมิใจในตัวเซียวอี้เซียนเอ่ยออกอย่างภูมิใจ"เมียข้านางฉลาดนัก แต่คนกลับคิดว่านางเป็นเพียงสตรีที่ต้องอาศัยบุรุษถึงสามารถอยู่ได้""แล้วคนที่คิดเช่นนี้ตอนนี้ถูกปรับไม่ได้รับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งยังถูกลดจากอำมาตย์ช้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ ทั้งจวนจ้าวถูกองครักษ์หลวงควบคุม ช่างน่าขันยิ่งนักฮ่าๆๆๆ"ลู่เสวียนหัวเราะไม่เก็บอาการแต่อย่างใด ยามที่อยู่นอกเมืองหลวงเขาก็คือน้องรอง ส่วนหลิวหย่งก็คือน้องสามเป็นพี่น้องบุญธรรมกับหยางเทียนหลง เมื่อพี่ใหญ่มีความสุขเหตุใดพวกเขาจะไม่แสดงความยินดีออกมากันเล่า "ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ คนต้
ในห้องพักทุกคนเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ หยางเทียนหลงนอนอยู่บนเตียงด้านนอกลู่เสียนที่ปลอมเป็นคนขับรถม้ายืนเฝ้าอยู่ด้านล่างขอโรงเตี๊ยมคนของแคว้นเหลียงเริ่มที่จะลงมือ โรงเตี๊ยมยามนี้เงียบวังเวงแม้แต่เสียงยุงบินผ่านยังไม่มี ลู่เสวียนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก่อนจะลืมตาทำท่าทีงัวเงียแล้วเอ่ยกับองครักษ์ที่เฝ้ายาม"นี่ๆๆ พี่ชายข้าจะไปนอนที่รถม้านะ""อ้อ..อืม"ลู่เสวียนเดินออกไปด้านนอกเมื่อออกมาได้ก็แอบไปด้านหลังแล้วดีตัวไปยังยอดไม้เพื่อดูความเคลื่อนไหว ชายชุดดำกว่าร้อยคนกำลังมา แปลว่าพวกมันเหมาโรงเตี๊ยมทุกโรงที่เป็นทางผ่านเพื่อรอจัดการรัชทายาท หากวันนี้เป็นตัวจริงเสด็จมาคงลำบากแน่นอนชายฉกรรจ์ชุดดำกว่าร้อยคนเคลื่อนมายังโรงเตี๊ยม เมื่อมาถึงก็ปิดล้อม ส่วนนักฆ่าอีกกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมที่พักก่อนหน้าสามห้องก็เปิดประตูห้องออกมาทันทีที่ได้รับสัญญาณ ทุกคนสวมชุดนักรบของเผ่าเหลียง องครักษ์ของหยางเทียนหลงที่อยู่ในห้องต่างก็พยักหน้า หวังจิ่ว อารองขององค์ชายใหญ่เดินมายังด้านในโรงเตี๊ยม ก่อนจะเอ่ยถาม"มีคนออกไปข้างนอกหนึ่งคนกลับเข้ามาหรือยัง""เป็นค
หวงเหวินเทียนส่งมารดาเข้านอน เมื่อเรียบร้อยคนของรัชทายาทก็มารายงานเรื่องราว รัชทายาทตัวปลอมนั้นกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง และคืนนี้จะมีการลงมืออีกครั้งจากฝ่ายตรงข้าม ครั้งนี้เขาจะรวบให้หมด หยางต่งเจ้ารอก่อนเถอะผ่านคืนนี้ไปข้าจะรับซิ่วเอ๋อร์กลับจวนอย่างเอิกเกริก ให้เจ้าได้รู้ว่าที่ผ่านมาเจ้าและมารดาของเจ้ากลับสกุลหวังไม่เคยควบคุมนางและใครได้เลย และเมื่อเจ้ารับรู้ว่าที่จริงแล้วนางเป็นคนของใคร ข้าจะให้เจ้ากระอักเลือดจนยกดาบไม่ขึ้นเชียวล่ะโรงเตี้ยมพเนจรยามอิ๋นรถม้าที่กำลังทะยานควบขี่มายังโรงเตี้ยม กระทั่งมาถึงคนขับรถม้าจึงไปเคาะเรียก ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูหลายครั้งทำให้เสี่ยวเอ้อที่งัวเงียๆจากการที่แอบงีบหลับก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อตอนบ่ายมีคนมาเหมาโรงเตี้ยมที่ผ่านทางนี้จนหมด มีเพียงโรงเตี้ยมของเขาที่ไม่มีใครมาขอเหมา แขกก็น้อยได้มาเพิ่มอีกคนเถ้าแก่คงมีเงินจ่ายเงินเดือนของเขา จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็เดินไปเปิดประตูเพื่อต้อนรับคนที่มาพัก"มาแล้ว มาแล้ว เสี่ยวเอ้อเดินขยี้ตารัวๆก่อนจะตะโกนตอบกลับไป เมื่อเปิดประตูก็เห็นบุรุษสิบกว่าคน มีรถม้าคันใหญ่ เขาจึงถามออกไป"
ในเมืองหลวงตอนนี้กำลังมีการเฝ้าระวังคนของแคว้นเหลียงกับคนขององค์ชายใหญ่ จ้าวอันถูกปล่อยออกมาแล้ว ฮ่องเต้ลงโทษงดรับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งลดขั้นจากอำมาตย์ฝ่ายซ้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ จ้าวอันป๋อเองก็แทบจะกระอักเลือด จวนถูกองครักษ์ควบคุมไปไหนไม่ได้ ตอนนี้ในห้องลับของจวน คนของแคว้นเหลียงกำลังนั่งหน้าดำคล้ำเจรจากับจ้าวอันและจ้าวอันป๋ออยู่"ตกลงอาวุธ..พวกท่านจะส่งมอบเมื่อใด""ทางเราถูกยึดไปหมด นายกองหม่าท่านรออีกสักนิดเถอะ""เสนาจ้าว แคว้นเหลียงของเราคงไม่รอแล้ว ข้าจะพากำลังเข้าเมืองหลวง พวกท่านก็เตรียมเปิดประตูเมืองรอด้วยเล่า"จ้าวอันป๋อกำมือแน่น หากไม่มีอาวุธต่อให้พวกเขามาได้ก็ใช่ว่าจะชนะ แต่ทางแคว้นเหลียงไม่เจรจาต่อ พวกเขานัดวันบุกเมืองหลวงเรียบร้อยก็กลับไป ส่วนองครักษ์ของวังหลวงแสร้งไม่รับรู้ว่าสกุลจ้าวมีคนแปลกหน้าเข้าออก พวกเขานำผักมาส่งทุกๆวันแต่ต้าฉินเป็นดินแดนแห่งการเพาะปลูก พื้นที่มิได้หนาวเย็นเช่นแคว้นเหลียง แต่สามคนนี้กลับใบหน้ากร้านลมจนเห็นชัด เหมือนกับคนที่อยู่กับอากาศหนาวมาตลอดชีวิตองครักษ์นายหนึ่งถึงเวลาเปลี่ยนเวรกับคนใหม่ เมื่ออกเวรก็ตรงไปตำหนัก
เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากด้านหลัง จางลี่เฟยและเซียวอี้เซียนกับฉีฮุ่ยหมินหันไปพร้อมกัน สตรีในชุดทหารเดินเข้ามาหร้อมกับเอ่ยกับจางลี่เฟย ด้านหลังนางมีเด็กสาวอีกคนวัยน่าจะสิบเจ็ดสิบแปดเดินตามหลงมา หลานซิ่วเอ๋อร์รีบวิ่งไปเกาะแขนนางทันทีก่อนจะเอ่ย"พี่ใหญ่ท่านมาแล้ว ไหนท่านบอกว่าอีกหลายวันไงเจ้าคะ""ทำไม ไม่อยากให้พี่กลับมาเช่นนั้นหรือ""ไอ้โย่ว เปล่าสักหน่อยข้าคิดท่านมากจริงๆนะเจ้าคะ คิดถึงน่ะ คิดถึง ชายแดนมีอะไรน่าอยู่กัน ท่านชอบตัดหัวศัตรูมากกว่าคิดถึงน้องสาวอย่างข้าหรือ แม่ทัพฮวน สามปีมานี่ข้าคิดถึงท่านแทบบ้า"หลานซิ่วเอ๋อร์อ้อนพี่สาวทันที หลานฮวนลูบศีรษะหลานซิ่วเอ๋อร์ด้วยกิริยาอ่อนโยน บรรยากาศอบอุ่น จากนั้นก็หันไปหาเซียวอี้เซียนและฉีฮุ่ยหมิ่นก่อนจะคำนับ"หม่อมฉันหลานฮวนถวายพระพรไท่จื่อเฟย ถวายพระพรพระยาชาเซียวเพคะ""คุณหนูใหญ่ ไม่เจอท่านสามปีดูงามสง่าขึ้นมากนัก ว่าแต่ท่านเอ่อ..."ฉีฮุ่ยหมิ่นเอ่ยกับหลานฮวน ส่วนเซียวอี้เซียนนอกจากวิ่งตามจ้าวเฉิงก็มิได้รู้จักคุณหนูจวนอื่นแต่อย่างใดจึงพยักหน้ารับเท่านั้น หลานฮวนหันไปหาน้องสาวก่อนจะเอ่ย"ไม่เจอสามปี ซิ่วเอ๋อร์ข
เซียวอี้เซียนยามนี้ยืนสงบนิ่งอยู่ ด้านหน้าเป็นเนินดินที่นางนำเสื้อผ้าของเวียวอร้เซียนคนเดิมมาฝังเอาไว้ ป้ายหลุมศพแกะสลักจากหินอ่อน เขียนว่า สถานที่พักผ่อนของเซียวอี้เซียนผู้เป็นที่รัก มารดาและท่านย่าของนางกลับไปแล้วหลังจากเซ่นไหว้เรียบร้อย เซียวอี้เซียยืนสงบนิ่ง นางปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดไปแล้วดูเหมือนเซียวอี้เซียนคนนั้นคงยอมจากไปแล้ว เสี่ยวฮวามองไปยังร่างบางก็อดสงสัยไม่ได้ พระชายานึกอย่างไรจึงสร้างหลุมศพตนเอง ฉีฮุ่ยหมิ่นเดินมาแตะไหล่บางก่อนจะเอ่ย"เซี่ยนเซี่ยน สบายใจหรือยัง""เพคะหม่อมฉันรู้สึกดีเหมือนได้เกิดใหม่จริงๆ ว่าแต่พี่ฮุ่ยหมิ่นได้ยินว่าคนๆนั้นบาดเจ็บไม่น้อย"ฉีฮุ่ยหมิ่นถอนหายใจก่อนจะพยักหน้า คนๆนั้นที่เซียวอี้เซียนกล่าวถึงก็คือคนที่ปลอมเป็นหยางเฟยหยางไปตรวจงานที่เมืองตงซาน เขาถูกลอบสังหารถึงสามครั้ง คนของสกุลหวังคงร้อนใจแล้ว ทั้งสี่คนเดินมาจนถึงด้านหลังของอารามก็พบกับคนๆหนึ่ง เซี่ยวอี้เซียนไม่อยากเสียเวลาจึงพากันเดินหนี เสี่ยวฮวากับซีซีเองก็เดินตามเจ้านายของตน กระทั่งเสียงของสาวใช้คนหนึ่งดังขึ้น"บังอาจ...เห็นพระสนมแล้วเหตุใดไม่เคารพ เด็กๆจับพวก