แชร์

บทที่ 12

ผู้เขียน: ลิ่วเยว่
หลงจ่านเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือหนึ่งถือชามข้าว อีกมือหนึ่งถือตะเกียบ มองไปยังหญิงสาวดุร้ายตรงหน้าด้วยความงุนงง สิ่งเดียวที่นางสามารถรักษาไว้ได้ก็มีเพียงชามข้าวใบนี้เท่านั้น

หลงจ่านเหยียนจ้องมองไปที่หลงจ่านซิน เห็นเพียงรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นของหลงจ่านซินในชุดกระโปรงสีเขียวปักลายดอกทับทิม ใบหน้าขาวผ่องดุจไขมันแพะเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่อาจปกปิดความงามอันล้ำเลิศที่ติดตัวมาแต่กำเนิดได้ ในทางกลับกัน หลงจ่านเหยียนเองกลับมีใบหน้าซีดเซียว รูปร่างผอมบาง หากไม่รู้จักมาก่อนคงคิดว่านางเป็นผู้ลี้ภัยมาจากที่ไหนสักแห่ง

ยิ่งไปกว่านั้น เสื้อผ้าที่นางสวมใส่กับเสื้อผ้าที่ตนเองสวมใส่ เนื้อผ้าช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว?

หลงจ่านซินเห็นหลงจ่านเหยียนจ้องมองตนเองอย่างตกตะลึง แต่ไม่กล้าพูดอะไร ก็คิดว่านางคงกลัวแล้ว จึงรีบสาวเท้าเข้าไปหา ยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าหลงจ่านเหยียน

หรูอี้ที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น ก็รีบเข้ามาขวางหน้าหลงจ่านเหยียนทันที ฝ่ามือที่หมายจะตบนั้นจึงลงมาที่ใบหน้าของหรูอี้ ใบหน้าของนางบวมขึ้นทันที รอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏชัดเจน แสดงให้เห็นว่าหลงจ่านซินออกแรงมากเพียงใด

“ไสหัวไป นางบ่าวชั้นต่ำ!” หลงจ่านซินเห็นหรูอี้เข้ามาขวาง ทำให้นางตบหลงจ่านเหยียนไม่โดน ก็โกรธจนตัวสั่น ถีบหรูอี้ไปหนึ่งที แล้วผลักนางล้มลงกับพื้น จากนั้นพุ่งเข้าไปข้างหน้า ใช้นิ้วชี้หน้าหลงจ่านเหยียนและด่าทอด้วยความโมโห

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นฮองเฮาจริง ๆ หรือไร? เจ้ารู้หรือไม่ว่า เจ้าแค่เข้าวังไปเป็นเครื่องสังเวย จะตายอยู่รอมร่อ ยังกล้าทำตัวอวดดีอีก? ดูเหมือนว่าบทเรียนที่เคยให้เจ้าไปก่อนหน้านี้ เจ้าคงลืมไปหมดแล้ว อยากลองลิ้มรสชาติของการเอาเข็มทิ่มซอกเล็บอีกหรือไม่?”

หลงจ่านเหยียนดูเหมือนจะตกใจจนพูดไม่ออก ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหม่อลอย “ไม่อยาก!”

“ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ?” หลงจ่านซินแค่นเสียงเยาะเย้ย มือหนึ่งปัดชามและตะเกียบในมือของหลงจ่านเหยียน นิ้วเรียวจิ้มไปที่หน้าผากของหลงจ่านเหยียนอย่างแรง “จำเอาไว้ เจ้าเป็นแค่สุนัขตัวหนึ่งที่ติดตามข้าเสมอ ข้าสั่งให้เจ้ายืน เจ้าก็ต้องยืน สั่งให้เจ้าคุกเข่า เจ้าก็ต้องคุกเข่า สั่งให้เจ้าตาย เจ้าก็ต้องไปตายเดี๋ยวนั้น!”

ทันใดนั้น ข้อมือของหลงจ่านซินก็ถูกคว้าเอาไว้ น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น “คุณหนูรอง พูดจาต้องรักษาน้ำใจไว้บ้าง!”

หลงจ่านซินโกรธมาก ไม่คิดอะไรก็ใช้ข้อศอกอีกข้างกระแทกไปด้านหลัง กูกูสอนมารยาทยกมือขึ้นบัง สีหน้าเย็นชา ตวาดเสียงดัง “ใครก็ได้!”

ทันใดนั้นก็มีองครักษ์สองคนเข้ามาจากนอกประตู พวกเขาเป็นองครักษ์ที่นางพามาจากวัง ในนามคือปกป้องความปลอดภัยของฮองเฮา แต่ความจริงแล้วพวกเขามีหน้าที่สอดส่องจวนตระกูลหลง

กูกูสอนมารยาทกล่าวเสียงแข็ง “คุณหนูรองตระกูลหลงล่วงเกินฮองเฮา ลากตัวนางไป!”

องครักษ์ทั้งสองคนรีบเข้าไปทันที หลงจ่านซินเห็นทั้งสองเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายลม คาดว่าคงเป็นยอดฝีมือจากวังหลวง ถึงกับตกใจจนหน้าซีดเผือด แต่ก็ยังคงรักษาเกียรติของคุณหนูรองแห่งจวนแม่ทัพ ชี้นิ้วไปที่ทั้งสองคนแล้วตะคอกด้วยความโกรธ “พวกเจ้ากล้าหรือ ข้าเป็นคุณหนูรองแห่งจวนแม่ทัพ...?”

องครักษ์หลวงทั้งสองคนสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ก้าวเท้าเข้ามา มือแข็งแกร่งคว้าตัวหลงจ่านซินไว้ในกำมือ หลงจ่านซินไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต่น้อย สองขาอ่อนยวบ ร้องตะโกนด้วยความตกใจ “พวกเจ้ากล้าทำตัวไร้มารยาทกับข้าหรือ? ข้าจะไปบอกท่านพ่อ ให้ท่านพ่อตัดหัวพวกเจ้า!”

กูกูสอนมารยาทหัวเราะเยาะ “คุณหนูรองช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก!”

นางก้าวเข้าไปข้างหน้า เอ่ยถามหลงจ่านเหยียนด้วยท่าทีนอบน้อม “ฮองเฮา ทรงเห็นว่าควรจัดการกับนางเช่นไรเพคะ?” เมื่อครู่นางเห็นหลงจ่านเหยียนถูกหลงจ่านซินจิ้มหน้าผากด่าทอแต่กลับไม่กล้าตอบโต้ ก็คิดว่าคุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่กล้าขัดขืนพระราชโองการเข้าวัง แท้จริงแล้วก็เพราะนิสัยขี้ขลาดตาขาวเช่นนี้

เวลานี้ ตั้งใจจะยกย่องฐานะของนางขึ้นมาหน่อย ถือเสียว่าเป็นการให้เกียรติผู้ที่กำลังจะตาย

หลงจ่านเหยียนแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจผู้อื่น “อมิตตาพุทธ ข้าเป็นจิตใจอ่อนโยน ทนเห็นเรื่องโหดร้ายมิได้ แต่ในเมื่อเจ้าถามข้า เช่นนั้นข้าก็จะลงโทษนางสักหน่อย เมื่อครู่นางใช้มือล่วงเกินข้า ตัดมือของนางทิ้งก็แล้วกัน!”

ทุกคนต่างตกตะลึง นี่เป็นคำพูดของคนที่จิตใจอ่อนโยนอย่างนั้นหรือ?
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 400

    “อ๊า...” นางส่งเสียงร้องอนาถออกมา ลมข้างหูราวกับกรอกเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น ในใบหน้าเต็มไปด้วยลม นางแทบจะไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ความรู้สึกเสียน้ำหนักทำให้ลมหายใจของนางถูกดักไป ทรวงอกมีความรู้สึกเหมือนจะระเบิดนางยังร่วงลงไปไม่หยุด ก็ขณะที่นางนึกว่าตัวเองต้องร่างแหลกเหลวขาดอากาศตายนั้น ก็ราวกับถูกใครฉุดไหล่ขึ้น จากนั้นก็พุ่งพรวดขึ้นมา ในตอนที่นางคืนสติก็ยืนอยู่บนผิวพื้นแล้วหมอกควันตรงหน้าสลายไปฉับพลัน ทิวทัศน์เบื้องหน้าค่อย ๆ แจ่มชัด นางยังไม่ทันมอง ได้แต่หายใจกระหืดกระหอบ“ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”นางหอบหายใจชะงักงัน จึงเห็นจ่านเหยียนยืนอยู่ตรงหน้า“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” อาเสอพบว่าตัวเองเนื้อตัวเปียกปอน มีหยดน้ำไหลติ๋ง ๆ จากเส้นผม“เจ้าเกือบจมน้ำตายแล้ว” จ่านเหยียนกล่าวเรียบอาเสอตกตะลึง เมื่อหันไปมอง นางเห็นเพียงทะเลสาบที่คนขุดอันกว้างขวาง ทะเลสาบมีใบบัวเป็นแถบ ๆ บดบังน้ำใสในทะเลสาบ“เมื่อครู่ข้าอยู่กลางอากาศชัด ๆ” อาเสอไม่รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงเช่นนี้นานมากแล้ว“เจ้าเข้าค่ายกลลวงวิญญาณ” จ่านเหยียนลากแขนของนาง ครั้นกระโดดขึ้นเบา ๆ ปลายเท้าของจ่านเหยียนแตะอยู่บนต้นดอกท้อทีหนึ่งก็ตกอยู่หน

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 399

    พระราชครูพาถงจื่อซั่งกลับอารามซานชิงที่เขาพำนักอยู่อารามซานชิงตั้งอยู่ในวังหลวง อยู่ทางตะวันตกของวังหลวง ห่างจากตำหนักเย็นเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้นอาเสอตามเขาติด ๆ เขาก็เหมือนจะพบอาเสอแล้วเหมือนกัน ผ่อนความเร็วฝีเท้าเล็กน้อย หันกลับมามองเป็นระยะ ฉีกริมฝีปากยิ้มจาง ๆอาเสอตามไปติด ๆ แต่ขณะอยู่ในป่าดอกท้อกลับไม่เห็นร่องรอยของเขาอาเสอวนไปวนมา แต่ก็ออกจากป่าดอกท้อไม่ได้ ดอกท้อโรยราหมดแล้ว กิ่งไม้งอกใบเขียวอ่อนรับกับสายลมเริงระบำอาเสอวนอยู่ในป่าดอกท้อหลายรอบ วกไปวนมา สุดท้ายกลับหยุดอยู่สถานที่เดิม ๆอาเสอรู้ว่าตัวเองเข้าม่านอาคมที่พระราชครูวางไว้แล้ว นางจึงยืนนิ่งแล้วหลับตาฟังเสียงลมแยกแยะตำแหน่งจากนั้นก็เดินไปตามทางลม แต่... หลังจากที่นางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ ๆ ลมก็นิ่งไป ในอากาศราวกับมีกลิ่นหอมจาง ๆ อย่างหนึ่งลอยมา นางพูดในใจว่าแย่แล้ว แต่นางสูดกลิ่นหอมเข้าไปแล้ว หัวสมองมึนงงทันใดป่าดอกท้อตรงหน้าหายไปฉับพลัน หมอกควันมวลหนึ่งพวยพุ่งตรงหน้า ท่ามกลางความขมุกขมัว นางเห็นแผ่นหินทางเดินทอดยาวออกไป นางลังเลขณะหนึ่ง ก่อนจะเหยียบแผ่นหิน สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนรางหมอกควันหนาทึบขึ้นเรื

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 398

    ช่างลำบากใจเขามากจริง ๆ เพื่อความสุขของหลงอู่ เขาเป็นทุกข์เป็นร้อนเหลือเกินนายท่านเฉินมองคุณหนูเฉิน “เซียงเอ๋อร์ เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”คุณหนูเฉินใช้พัดกลมปิดบังใบหน้า เอ่ยด้วยความขวยเขินเล็กน้อย “ทุกอย่างสุดแต่ท่านพ่อจะตัดสินใจเจ้าค่ะ”หวังติ่งทังได้ยินคำพูดประโยคนี้ก็รู้ว่าสำเร็จแล้ว จึงอมยิ้มเอ่ย “นายท่านเฉิน หลงอู่ผู้นี้ถือว่าเป็นน้องชายบุญธรรมของข้า ตอนนี้น้องสาวของข้าหมั้นกับคุณชายบ้านท่าน น้องชายบุญธรรมของข้ายังแต่งกับบุตรสาวของท่าน คิดดูแล้วเราสองครอบครัวช่างเป็นญาติที่มีสัมพันธ์แน่นแฟ้นจริง ๆ”นายท่านเฉินก็ดูดีใจมากเช่นนั้น ถอนหายใจเอ่ย “ไอ้หยา หลานหวัง วันนี้ข้าอารมณ์ดียิ่งนัก เจ้าไม่รู้เรื่องข้าคิดหนักเรื่องแต่งงานของเซียงเอ๋อร์มานานเท่าใดแล้ว หากเป็นครอบครัวทั่วไป ย่อมตัดใจให้นางไปตกระกำลำบากไม่ได้ หากเป็นตระกูลใหญ่...”นายท่านเฉินพูดถึงตรงนี้ก็ไม่พูดต่อ หวังติ่งทังไม่เข้าใจความหมาย เพียงพูดด้วยความยินดี “ตอนนี้เรื่องมงคลสองครอบครัวได้กำหนดแล้ว เช่นนั้นคุณหนูเฉินออกเรือนก่อน จากนั้นก็คุณชายแต่งงาน ดูว่าวันใดจะเป็นฤกษ์ยามมงคล จะเลือกวันจัดเสียทีเดียว ขอเพียงคุณหนูเฉินออก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 397

    ราชครูถงอยู่ในตำหนักฉือหนิงกับจงเสี้ยน วางร่างของถงจื่อซั่งไว้ที่ตำหนักหลัก จงเสี้ยนสั่งให้คนในตำหนักออกไปพร้อมเชิญพระราชครูมา“พระราชครู? เขายังอยู่ในวังหรือ?” ราชครูถงถามด้วยความประหลาดใจพระราชครูคือคนของเขา รับผิดชอบยุแยงตะแคงรั่วกับอดีตฮ่องเต้ แต่หลังจากอดีตฮ่องเต้สวรรคต เขาเคยบอกว่าจะลากลับภูเขา ไม่นึกว่าตอนนี้ยังไม่ไป“เขาไปแล้ว แต่กลับมาเมื่อช่วงก่อน วิชาพรตของเขาล้ำเลิศกว่าแต่ก่อนมาก ดูสิว่าเขาจะช่วยชีวิตจื่อซั่งได้หรือไม่” จงเสี้ยนเอ่ย“จื่อซั่งหมดลมไปแล้ว ต่อให้เขามีทักษะการแพทย์ล้ำเลิศแล้วจะทำอะไรได้?” ราชครูถงเอ่ย“เรื่องมาถึงขั้นนี้ ท่านยังไม่เชื่อว่าโลกนี้มีหลาย ๆ เรื่องที่เราไม่สามารถอธิบายได้หรือ? ท่านคิดว่าหลงจ่านเหยียนก็คือลูกสาวของหลงฉางเทียนจริงหรือ? ท่านพี่ อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย แม้เราจะหาคนมา แต่เบื้องหลังจะมีคนสับเปลี่ยนตัวหรือไม่ก็ไม่รู้” จงเสี้ยนเอ่ยจากใจ“เจ้าคิดว่าหลงฉางเทียนกล้าสับเปลี่ยนตัวหรือ? ต่อให้เขามีพันหัวเขาก็ไม่กล้าหรอก” ราชครูถงหัวเราะเสียงเย็น“หลงฉางเทียนไม่กล้า แต่ท่านกล้าพูดว่ามู่หรงหล่างเทียนไม่กล้าหรือ? ตอนนั้นทุกคนคิดว่าเขาหมดสติ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 396

    จ่านเหยียนหัวเสียเล็กน้อย “สบายใจได้ ข้าต้องคืนชุดให้ท่านแน่”“เช่นนั้นก็ดี!” มู่หรงฉิงเทียนกล่าวจบก็เดินอาด ๆ ไปจ่านเหยียนคับอกคับใจกับเงาหลังของเขานานระยะหนึ่งจึงหมุนตัวกลับตำหนักบรรทมอย่างกรุ่นโกรธอาเสอกลับมาเห็นจ่านเหยียนหงุดหงิดอยู่คนเดียวในห้องจึงถาม “เป็นอะไรไปหรือ? ใครทำให้ท่านโกรธ?”“เปล่า!” จ่านเหยียนถือเข็มกับด้ายอยู่ในมือ เย็บเป็นเส้นตะขาบ แล้วพูดด้วยความหงุดหงิด “เจ้าว่าเขาหมายความว่าอย่างไร?”“ใครหมายความว่ายังไง?” อาเสอถามด้วยความสับสนจ่านเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึก “ไม่มีอะไรแล้ว”“เป็นบ้าอะไรขึ้นมา ใครทำให้ท่านโมโห? มู่หรงฉิงเทียนหรือ?” อาเสอถาม“เขาทำให้ข้าโกรธได้หรือ? เขาเป็นอะไรกับข้า?” จ่านเหยียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์อาเสอมองนางด้วยความอยากรู้ จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “ไม่ใช่นะ น้ำเสียงการพูดของท่านมันมีปัญหา เขาไม่เป็นอะไรกับท่านจริง ๆ นั่นแหละ เขาจะทำอะไรย่อมไม่เกี่ยวกับท่าน แล้วท่านมาผายลมอยู่นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”“เอ๊ะ ทำไมเจ้าถึงเป็นคนหยาบคายอย่างนี้?” จ่านเหยียนอารมณ์ขึ้น คว้ารองเท้าปักลายบนโต๊ะแล้วไล่ฟาดนาง “เจ้ายังมีคำพูดอะไรที่ทุเรศกว่านี้อีกไหม? พูดก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 395

    อาเสอจึงได้แต่ส่งเหมย หลาน จู่และจวี๋ออกจากวัง ที่ทำก็เพราะกลัวว่าพวกเขาจะถูกฆ่าปิดปาก นางจ้างรถม้าส่งออกนอกเมืองในคืนนั้น แล้วล้วงเงินให้พวกเขาจำนวนหนึ่งต้าเหมยรับเงินมาแล้วดึงแขนเสื้อของอาเสอ ถาม “โปรดบอกคุณหนูใหญ่ บุญคุณครั้งนี้ ชาตินี้ต้าเหมยไม่มีวันลืม หากมีโอกาสต้องตอบแทนแน่”อาเสอเอ่ย “ไม่หวังให้พวกเจ้าตอบแทน ถึงเวลาอย่าถูกคนหลอกใช้ก็พอ หนีเอาตัวรอดเถอะ ราชครูถงไม่ปล่อยพวกเจ้าไปหรอก”ทั้งสี่ขึ้นนั่งรถม้าหนีเอาตัวรอดหลังจากที่อาเสอไป ต้าเหมยก็ให้สารถีหยุดรถ “ข้าจะกลับเมืองหลวง”อาจู๋ดึงเขาไว้ “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ราชครูถงไม่ปล่อยเราหรอก”ต้าเหมยกระโดดลงรถม้าแล้วมองทั้งสามคน “คุณหนูใหญ่ไม่เคยเอาเปรียบเรา กระทั่งเวลานี้ก็ยังเป็นห่วงชีวิตของเรา ข้าจะเห็นแก่ตัวเช่นนี้ไม่ได้ ข้าจะกลับไป”“เจ้ากลับไปแล้วจะทำอะไรได้?” อาจู๋ถามต้าเหมยนิ่งเงียบพักหนึ่ง “ไม่รู้ แต่กลับไปแล้วค่อยว่ากัน”เขานิ่งไปพักหนึ่งแล้วพูดอีก “ชาตินี้เราอยู่ใต้น้ำลายคนอื่น ไม่เคยได้รับความเคารพจากใคร แต่คุณหนูใหญ่เห็นพวกเราเป็นคนจริง ๆ ข้าอยากเป็นคนอย่างแท้จริง ข้าไม่อยากเร่ร่อนเหมือนสุนัขไร้บ้าน”กล่าวจบเข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status