แชร์

บทที่ 3  

ผู้เขียน: ลิ่วเยว่
ศีรษะของนางโน้มไปด้านหน้าเล็กน้อย ดวงตาฉายแววสะใจและบ้าคลั่ง กดเสียงลงต่ำ ราวกับนั่นเป็นเสียงปีศาจที่ลอดผ่านออกมาจากในลำคอ ทั้งที่ถ้อยคำโหดเหี้ยมอำมหิตปานนั้นแต่กลับเอ่ยอย่างเรียบง่าย “นางถูกกดหัวลงไปในถังปฏิกูล จนสำลักตาย หลังจากตาย ข้าก็ยัดยันต์คาถาข้าวเหนียวและตะปูเข้าไปในปากของนาง จากนั้นค่อยตัดแขนขาทั้งสี่ของนาง และส่งนางไปเฝ้าท่านพญายมในปรโลก ในสภาพที่ร้องทุกข์ไม่ได้ จะชาติภพไหน ก็ไม่มีทางกลับมาเกิดเป็นคนได้อีก!”

หลงจ่านเหยียนพลันเงยหน้าขึ้นทันใด นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและเสียขวัญ ทั่วร่างสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงโดยไม่อาจควบคุม น้ำเสียงโกรธแค้นทะลุผ่านความขลาดกลัวในโพรงปาก “เหตุใด…ท่านถึงชั่วร้ายอำมหิตเพียงนี้?”

หลงฮูหยินนั่งตัวตรง ก่อนผุดยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “อำมหิตหรือ? ไม่นับว่าใช่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่เจ้าต้องถูกฝังศพสังเวยชีวิตหลังได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮา เป็นการจัดการของบิดาเจ้าเพียงผู้เดียว? อย่าหาว่าพวกข้าใจดำอำมหิตเลย หากจะโทษก็ไปโทษมารดาแท้ ๆ ของเจ้าเถิดที่เกิดมาต่ำต้อย กลับมีใจทะเยอทะยานอยากเป็นเจ้านาย บิดาเจ้าก็ใช่ว่าจะเอาเปรียบเจ้า ให้เจ้าได้ตายในนามของฮองเฮา พอเจ้าตายไป ยังนำมาซึ่งเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ให้ตระกูลหลงทั้งตระกูล ก็ถือเสียว่าเจ้าได้สงเคราะห์ให้ความปรารถนาอยากจะเป็นเจ้านายของมารดาแท้ ๆ ของเจ้าเป็นจริงขึ้นมาเป็นอย่างไร!”

นางพูดจบ ก็ทอดถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา คล้ายว่าความอัดอั้นตันใจที่สะสมมานานหลายปีบัดนี้ได้มลายหายไปหมดสิ้นแล้ว จากนั้น ก็ชำเลืองมองหลงจ่านเหยียนด้วยสายตาดูแคลนปราดหนึ่ง “หลังจากเจ้าตายไป แม่จะเชิญคนมาสวดภาวนาให้เจ้า เพื่อส่งให้เจ้าไปสู่ดินแดนสุขาวดีโดยเร็ว!” พูดจบ เสียงหัวเราะได้ใจก็เล็ดลอดออกมาจากในลำคอที่เรียวเล็ก ซึ่งขัดแย้งกับใบหน้าอ่อนโยนมีเมตตาของนางอย่างสิ้นเชิง หญิงรับใช้เปิดประตูออก ก็ตามนางออกไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

หลงจ่านเหยียนเย็นวาบไปทั้งตัว เสียงอื้ออึงดังอยู่ในศีรษะ ความผูกพันฉันบิดาบุตรสาวสิบหกปี เดิมทีนางคิดว่าเขาถูกบีบบังคับให้ทำตามราชโองการอย่างไม่มีทางเลือก แต่กลับไม่คิดเลย ว่าความจริงจะเป็นเขาเองที่เอาชีวิตของนางไปแลกเกียรติยศอันเลิศล้ำมาให้ตระกูลหลง

นางกำหมัดทั้งสองข้างแน่น ความเคียดแค้นในใจเพิ่มพูนขึ้นไม่หยุด ทว่านางกลับทำอะไรไม่ได้เลย นางเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนแม่ทัพ แต่ข้างกายกลับไม่มีสาวใช้ที่สามารถเรียกใช้ได้เลยสักคน ท่ามกลางความโกรธแค้นและโศกเศร้า นางแผดเสียงร้องคำรามด้วยความเศร้าสลดออกมา ในรัตติกาลอันเงียบสงัดเสียงกรีดร้องนี้กลับยิ่งฟังดูน่ากลัวขึ้น

เพียงแต่ ในพื้นที่พักของบ่าวรับใช้ที่ตั้งอยู่ห่างไกลแบบนี้ ต่อให้เสียงจะดังอีกสักเพียงใด ก็ส่งไปไม่ถึงโถงด้านหน้าที่กำลังครึกครื้นมีความสุข จวนตระกูลหลงทั้งนายบ่าว ล้วนแต่เฉลิมฉลองกันด้วยความปีติยินดีที่หลงจ่านเหยียนจะได้แต่งเข้าวัง ตระกูลหลงยอมสละฮองเฮาให้ฝังศพสังเวยชีวิตแล้ว เพื่อเป็นชดเชยให้ตระกูลหลง ราชสำนักจะต้องมอบผลประโยชน์ให้ไม่น้อยแน่

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ คือความคิดที่ซุ่มซ่อนอยู่ภายในใจของหลงจ่านเหยียนเหมือนอสรพิษตัวหนึ่ง ความเกลียดชังเคียดแค้นแทนที่ความใจดีที่เคยมี นางอยากให้ตระกูลหลงทั้งนายบ่าว คนที่เคยรังแกข่มเหงนาง ชดใช้คืนด้วยชีวิต

หากนางตายไป ตระกูลหลงก็จะต้องโทษขัดขืนราชโองการ ถูกประหารทั้งตระกูล ในเมื่อนางต้องตายอยู่แล้ว ถือสิทธิ์อะไรมาบอกให้นางต้องตายอย่างอนาถไปเพียงผู้เดียว?

ภายใต้แสงตะเกียงรุบรู่ ผ้าแพรสีขาวผืนหนึ่งดูคล้ายสัตว์ประหลาดที่กำลังแยกเขี้ยวตวัดกรงเล็บ ชีวิตหนึ่งชีวิต ห้อยอยู่บนผืนผ้าแพรสีขาวอย่างเงียบเชียบ

จุดจบของชีวิตหนึ่ง คือจุดเริ่มต้นของอีกหนึ่งชีวิต

หลงจ่านเหยียนนั่งอยู่หน้าโต๊ะคันฉ่องไม้สลักลายดอกสาลี่ จ้องมองคนในเงาคันฉ่องอยู่อย่างเงียบเชียบ นานครู่ใหญ่แล้วยังนิ่งไม่ขยับกาย

คิ้วคางใบหน้าของเจ้าของร่างเดิมงดงามพิลาสล้ำ ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาดุจเคลือบไขมัน ฟันขาวนัยน์ตาเป็นประกาย เอวคอดกิ่วอรชรดุจต้นหลิว ทว่ากระโปรงสีแดงเข้มเก่าคร่ำคร่าตัวหนึ่งห่อหุ้มร่างกายผอมแห้งอ่อนแอไว้อย่างแข็งกระด้าง ชวนให้…ชวนให้ รู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ นางหลงจ่านเหยียนใช้ชีวิตมานานหลายปีเพียงนี้ รูปโฉมโนมพรรณที่เคยมั่นใจว่ามีเสน่ห์เย้ายวน พลันเปลี่ยนเป็นเด็กสาวที่ร่างกายยังไม่โตเต็มที่ดีเช่นนี้ไปเสียแล้ว จะพูดอย่างไรก็ล้วนแต่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจทั้งสิ้น

เคราะห์ดีที่เจ้าของร่างเดิมก็มีนามว่าหลงจ่านเหยียนเหมือนกัน มิเช่นนั้น แม้แต่ชื่อนางคงต้องละทิ้งไปด้วย

สาวใช้ในอาภรณ์สีเขียวคนหนึ่งเดินเข้ามา นางมิได้เคาะประตู แต่เดินตรงมาเบื้องหน้าหลงจ่านเหยียนเลย ก่อนจะเอ่ยพลางปรายสายตามองลงมาอย่างดูถูก “ฮูหยินสั่งให้ข้ามาบอกเจ้าว่ากูกูสอนมารยาทจากในวังมาถึงแล้ว ให้เจ้าระมัดระวังถ้อยคำวาจา!”

ข้างกายหลงจ่านเหยียนไม่มีสาวใช้ที่สามารถเรียกใช้งานได้ เพราะตำแหน่งหน้าที่ของนางภายในจวนก็คือสาวใช้ทำงานเบ็ดเตล็ด สาวใช้คนนี้เป็นสาวใช้คนสนิทข้างกายของหลงฮูหยิน นามว่าไฉ่หลี สามารถปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายฮูหยินได้ ย่อมมีตำแหน่งสูงกว่าสาวใช้เบ็ดเตล็ดในจวน

ดังนั้น นางจึงสามารถใช้น้ำเสียงเหยียดหยามดูแคลนเช่นนี้พูดกับหลงจ่านเหยียนได้
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 400

    “อ๊า...” นางส่งเสียงร้องอนาถออกมา ลมข้างหูราวกับกรอกเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น ในใบหน้าเต็มไปด้วยลม นางแทบจะไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ความรู้สึกเสียน้ำหนักทำให้ลมหายใจของนางถูกดักไป ทรวงอกมีความรู้สึกเหมือนจะระเบิดนางยังร่วงลงไปไม่หยุด ก็ขณะที่นางนึกว่าตัวเองต้องร่างแหลกเหลวขาดอากาศตายนั้น ก็ราวกับถูกใครฉุดไหล่ขึ้น จากนั้นก็พุ่งพรวดขึ้นมา ในตอนที่นางคืนสติก็ยืนอยู่บนผิวพื้นแล้วหมอกควันตรงหน้าสลายไปฉับพลัน ทิวทัศน์เบื้องหน้าค่อย ๆ แจ่มชัด นางยังไม่ทันมอง ได้แต่หายใจกระหืดกระหอบ“ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”นางหอบหายใจชะงักงัน จึงเห็นจ่านเหยียนยืนอยู่ตรงหน้า“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” อาเสอพบว่าตัวเองเนื้อตัวเปียกปอน มีหยดน้ำไหลติ๋ง ๆ จากเส้นผม“เจ้าเกือบจมน้ำตายแล้ว” จ่านเหยียนกล่าวเรียบอาเสอตกตะลึง เมื่อหันไปมอง นางเห็นเพียงทะเลสาบที่คนขุดอันกว้างขวาง ทะเลสาบมีใบบัวเป็นแถบ ๆ บดบังน้ำใสในทะเลสาบ“เมื่อครู่ข้าอยู่กลางอากาศชัด ๆ” อาเสอไม่รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงเช่นนี้นานมากแล้ว“เจ้าเข้าค่ายกลลวงวิญญาณ” จ่านเหยียนลากแขนของนาง ครั้นกระโดดขึ้นเบา ๆ ปลายเท้าของจ่านเหยียนแตะอยู่บนต้นดอกท้อทีหนึ่งก็ตกอยู่หน

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 399

    พระราชครูพาถงจื่อซั่งกลับอารามซานชิงที่เขาพำนักอยู่อารามซานชิงตั้งอยู่ในวังหลวง อยู่ทางตะวันตกของวังหลวง ห่างจากตำหนักเย็นเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้นอาเสอตามเขาติด ๆ เขาก็เหมือนจะพบอาเสอแล้วเหมือนกัน ผ่อนความเร็วฝีเท้าเล็กน้อย หันกลับมามองเป็นระยะ ฉีกริมฝีปากยิ้มจาง ๆอาเสอตามไปติด ๆ แต่ขณะอยู่ในป่าดอกท้อกลับไม่เห็นร่องรอยของเขาอาเสอวนไปวนมา แต่ก็ออกจากป่าดอกท้อไม่ได้ ดอกท้อโรยราหมดแล้ว กิ่งไม้งอกใบเขียวอ่อนรับกับสายลมเริงระบำอาเสอวนอยู่ในป่าดอกท้อหลายรอบ วกไปวนมา สุดท้ายกลับหยุดอยู่สถานที่เดิม ๆอาเสอรู้ว่าตัวเองเข้าม่านอาคมที่พระราชครูวางไว้แล้ว นางจึงยืนนิ่งแล้วหลับตาฟังเสียงลมแยกแยะตำแหน่งจากนั้นก็เดินไปตามทางลม แต่... หลังจากที่นางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ ๆ ลมก็นิ่งไป ในอากาศราวกับมีกลิ่นหอมจาง ๆ อย่างหนึ่งลอยมา นางพูดในใจว่าแย่แล้ว แต่นางสูดกลิ่นหอมเข้าไปแล้ว หัวสมองมึนงงทันใดป่าดอกท้อตรงหน้าหายไปฉับพลัน หมอกควันมวลหนึ่งพวยพุ่งตรงหน้า ท่ามกลางความขมุกขมัว นางเห็นแผ่นหินทางเดินทอดยาวออกไป นางลังเลขณะหนึ่ง ก่อนจะเหยียบแผ่นหิน สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนรางหมอกควันหนาทึบขึ้นเรื

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 398

    ช่างลำบากใจเขามากจริง ๆ เพื่อความสุขของหลงอู่ เขาเป็นทุกข์เป็นร้อนเหลือเกินนายท่านเฉินมองคุณหนูเฉิน “เซียงเอ๋อร์ เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”คุณหนูเฉินใช้พัดกลมปิดบังใบหน้า เอ่ยด้วยความขวยเขินเล็กน้อย “ทุกอย่างสุดแต่ท่านพ่อจะตัดสินใจเจ้าค่ะ”หวังติ่งทังได้ยินคำพูดประโยคนี้ก็รู้ว่าสำเร็จแล้ว จึงอมยิ้มเอ่ย “นายท่านเฉิน หลงอู่ผู้นี้ถือว่าเป็นน้องชายบุญธรรมของข้า ตอนนี้น้องสาวของข้าหมั้นกับคุณชายบ้านท่าน น้องชายบุญธรรมของข้ายังแต่งกับบุตรสาวของท่าน คิดดูแล้วเราสองครอบครัวช่างเป็นญาติที่มีสัมพันธ์แน่นแฟ้นจริง ๆ”นายท่านเฉินก็ดูดีใจมากเช่นนั้น ถอนหายใจเอ่ย “ไอ้หยา หลานหวัง วันนี้ข้าอารมณ์ดียิ่งนัก เจ้าไม่รู้เรื่องข้าคิดหนักเรื่องแต่งงานของเซียงเอ๋อร์มานานเท่าใดแล้ว หากเป็นครอบครัวทั่วไป ย่อมตัดใจให้นางไปตกระกำลำบากไม่ได้ หากเป็นตระกูลใหญ่...”นายท่านเฉินพูดถึงตรงนี้ก็ไม่พูดต่อ หวังติ่งทังไม่เข้าใจความหมาย เพียงพูดด้วยความยินดี “ตอนนี้เรื่องมงคลสองครอบครัวได้กำหนดแล้ว เช่นนั้นคุณหนูเฉินออกเรือนก่อน จากนั้นก็คุณชายแต่งงาน ดูว่าวันใดจะเป็นฤกษ์ยามมงคล จะเลือกวันจัดเสียทีเดียว ขอเพียงคุณหนูเฉินออก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 397

    ราชครูถงอยู่ในตำหนักฉือหนิงกับจงเสี้ยน วางร่างของถงจื่อซั่งไว้ที่ตำหนักหลัก จงเสี้ยนสั่งให้คนในตำหนักออกไปพร้อมเชิญพระราชครูมา“พระราชครู? เขายังอยู่ในวังหรือ?” ราชครูถงถามด้วยความประหลาดใจพระราชครูคือคนของเขา รับผิดชอบยุแยงตะแคงรั่วกับอดีตฮ่องเต้ แต่หลังจากอดีตฮ่องเต้สวรรคต เขาเคยบอกว่าจะลากลับภูเขา ไม่นึกว่าตอนนี้ยังไม่ไป“เขาไปแล้ว แต่กลับมาเมื่อช่วงก่อน วิชาพรตของเขาล้ำเลิศกว่าแต่ก่อนมาก ดูสิว่าเขาจะช่วยชีวิตจื่อซั่งได้หรือไม่” จงเสี้ยนเอ่ย“จื่อซั่งหมดลมไปแล้ว ต่อให้เขามีทักษะการแพทย์ล้ำเลิศแล้วจะทำอะไรได้?” ราชครูถงเอ่ย“เรื่องมาถึงขั้นนี้ ท่านยังไม่เชื่อว่าโลกนี้มีหลาย ๆ เรื่องที่เราไม่สามารถอธิบายได้หรือ? ท่านคิดว่าหลงจ่านเหยียนก็คือลูกสาวของหลงฉางเทียนจริงหรือ? ท่านพี่ อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย แม้เราจะหาคนมา แต่เบื้องหลังจะมีคนสับเปลี่ยนตัวหรือไม่ก็ไม่รู้” จงเสี้ยนเอ่ยจากใจ“เจ้าคิดว่าหลงฉางเทียนกล้าสับเปลี่ยนตัวหรือ? ต่อให้เขามีพันหัวเขาก็ไม่กล้าหรอก” ราชครูถงหัวเราะเสียงเย็น“หลงฉางเทียนไม่กล้า แต่ท่านกล้าพูดว่ามู่หรงหล่างเทียนไม่กล้าหรือ? ตอนนั้นทุกคนคิดว่าเขาหมดสติ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 396

    จ่านเหยียนหัวเสียเล็กน้อย “สบายใจได้ ข้าต้องคืนชุดให้ท่านแน่”“เช่นนั้นก็ดี!” มู่หรงฉิงเทียนกล่าวจบก็เดินอาด ๆ ไปจ่านเหยียนคับอกคับใจกับเงาหลังของเขานานระยะหนึ่งจึงหมุนตัวกลับตำหนักบรรทมอย่างกรุ่นโกรธอาเสอกลับมาเห็นจ่านเหยียนหงุดหงิดอยู่คนเดียวในห้องจึงถาม “เป็นอะไรไปหรือ? ใครทำให้ท่านโกรธ?”“เปล่า!” จ่านเหยียนถือเข็มกับด้ายอยู่ในมือ เย็บเป็นเส้นตะขาบ แล้วพูดด้วยความหงุดหงิด “เจ้าว่าเขาหมายความว่าอย่างไร?”“ใครหมายความว่ายังไง?” อาเสอถามด้วยความสับสนจ่านเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึก “ไม่มีอะไรแล้ว”“เป็นบ้าอะไรขึ้นมา ใครทำให้ท่านโมโห? มู่หรงฉิงเทียนหรือ?” อาเสอถาม“เขาทำให้ข้าโกรธได้หรือ? เขาเป็นอะไรกับข้า?” จ่านเหยียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์อาเสอมองนางด้วยความอยากรู้ จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “ไม่ใช่นะ น้ำเสียงการพูดของท่านมันมีปัญหา เขาไม่เป็นอะไรกับท่านจริง ๆ นั่นแหละ เขาจะทำอะไรย่อมไม่เกี่ยวกับท่าน แล้วท่านมาผายลมอยู่นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”“เอ๊ะ ทำไมเจ้าถึงเป็นคนหยาบคายอย่างนี้?” จ่านเหยียนอารมณ์ขึ้น คว้ารองเท้าปักลายบนโต๊ะแล้วไล่ฟาดนาง “เจ้ายังมีคำพูดอะไรที่ทุเรศกว่านี้อีกไหม? พูดก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 395

    อาเสอจึงได้แต่ส่งเหมย หลาน จู่และจวี๋ออกจากวัง ที่ทำก็เพราะกลัวว่าพวกเขาจะถูกฆ่าปิดปาก นางจ้างรถม้าส่งออกนอกเมืองในคืนนั้น แล้วล้วงเงินให้พวกเขาจำนวนหนึ่งต้าเหมยรับเงินมาแล้วดึงแขนเสื้อของอาเสอ ถาม “โปรดบอกคุณหนูใหญ่ บุญคุณครั้งนี้ ชาตินี้ต้าเหมยไม่มีวันลืม หากมีโอกาสต้องตอบแทนแน่”อาเสอเอ่ย “ไม่หวังให้พวกเจ้าตอบแทน ถึงเวลาอย่าถูกคนหลอกใช้ก็พอ หนีเอาตัวรอดเถอะ ราชครูถงไม่ปล่อยพวกเจ้าไปหรอก”ทั้งสี่ขึ้นนั่งรถม้าหนีเอาตัวรอดหลังจากที่อาเสอไป ต้าเหมยก็ให้สารถีหยุดรถ “ข้าจะกลับเมืองหลวง”อาจู๋ดึงเขาไว้ “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ราชครูถงไม่ปล่อยเราหรอก”ต้าเหมยกระโดดลงรถม้าแล้วมองทั้งสามคน “คุณหนูใหญ่ไม่เคยเอาเปรียบเรา กระทั่งเวลานี้ก็ยังเป็นห่วงชีวิตของเรา ข้าจะเห็นแก่ตัวเช่นนี้ไม่ได้ ข้าจะกลับไป”“เจ้ากลับไปแล้วจะทำอะไรได้?” อาจู๋ถามต้าเหมยนิ่งเงียบพักหนึ่ง “ไม่รู้ แต่กลับไปแล้วค่อยว่ากัน”เขานิ่งไปพักหนึ่งแล้วพูดอีก “ชาตินี้เราอยู่ใต้น้ำลายคนอื่น ไม่เคยได้รับความเคารพจากใคร แต่คุณหนูใหญ่เห็นพวกเราเป็นคนจริง ๆ ข้าอยากเป็นคนอย่างแท้จริง ข้าไม่อยากเร่ร่อนเหมือนสุนัขไร้บ้าน”กล่าวจบเข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status