ถิงถิงจำใจหย่อนกายลงนั่งอย่างเชื่อฟัง หลี่หลานซินเริ่มเล่าเรื่องราวของคุณชายโม่ไปต่าง ๆ นานา นางรู้จักชาติตระกูล อุปนิสัยใจคอ รวมถึงรากเหง้าของโม่จ้าวหยวนดีเลยทีเดียว ในเมื่อนางเป็นคนเขียนขึ้นมาเองกับมือ เดิมทีคุณชายโม่เป็นบุรุษเสเพลไม่เอาไหน เห็นว่าบ้านตัวเองรวยเข้าหน่อยเลยไม่เคยสนใจช่วยกิจการพ่อแม่ เที่ยวเตร่ไปวัน ๆ เขาเป็นผู้เป็นคนได้ก็ช่วงที่ได้รู้จักกับคุณหนูจูจื่ออี๋ ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่องอย่างไรเล่า
"ถิงถิง แท้จริงข้าไม่ได้ชอบเขาเลย แต่จะบอกอย่างไรดี เรื่องนั้นช่างเถอะ ๆ"
สิ่งที่นางจะบอกก็คือหลี่หลานซินคนเดิมต่างหากที่ชอบคุณชายโม่จนโงหัวไม่ขึ้น ส่วนนางเป็นเพียงผู้สร้างตัวละครเท่านั้น อธิบายไปถิงถิงคงไม่เข้าใจ
"หมอนั่น...เอ่อ...แฮ่ม คุณชายโม่เป็นพวกประเภทเสาะบุปผาหาต้นหลิว [1] เพลบอยจะตาย"
"พะ..เพน บ่อย คืออะไรเจ้าคะ" ถิงถิงกะพริบดวงตาถี่ มองหลี่หลานซินตาใสแป๋ว
หลี่หลานซินขำพรืด "เอาล่ะ ข้าขอโทษ เอาใหม่นะ" นางกระแอมหนหนึ่งแล้วจึงเล่าต่อ "เพลบอยก็คือ ผู้ชายเสเพล เกี้ยวผู้หญิงไปเรื่อยซ้ำยังชอบเล่นสนุกไปวัน ๆ ไม่เอาการเอางานอย่างไรเล่า มีแต่เพียงรูปลักษณ์ อย่างอื่นล้วนไม่ได้เรื่อง"
"คุณหนู กล่าวหาคุณชายโม่ส่งเดชได้อย่างไรเจ้าคะ หากคุณชายได้ยินเข้าต้องเคืองมากแน่ ๆ"
"เขาจะได้ยินอะไร นี่มันห้องของข้า จวนก็จวนของข้า เขาหรือเคยเหยียบเข้ามาจวนสกุลหลี่ หากเขามาจริง ๆ ข้าว่าพระอาทิตย์คงได้ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วกระมัง" หลี่หลานซินโพล่งเสียงดัง
"คุณหนูเบา ๆ เจ้าค่ะ" ถิงถิงยกนิ้วชี้จรดริมฝีปาก
"เจ้ากลัวอะไร คุณชายโม่หรือ ข้าไม่ชอบเขาหรอก ถ้าข้าแต่งงานกับคนเช่นเขาจริง ๆ ข้ายอมกัดลิ้นตัวเองตายเสียยังดีกว่า" หลี่หลานซินกล่าวลอยหน้าลอยตา
ดู ๆ ไปแล้วเจียงห่ายกวงก็ไม่เลว ซ้ำยังดูแลเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี ต่างกับโม่จ้าวหยวนที่วัน ๆ เอาแต่หลบหลี่หลานซินราวเห็นตัวเห็บหมัด เช่นนั้นการได้มาเป็นนางร้ายในครานี้ นางจะพลิกชะตาแสนอนาถาให้มีชีวิตอันสดใสขึ้นเอง
นอกบานประตูกลับมีคนยืนอยู่สักพักแล้ว หลี่หลานซินไม่รู้เลยว่าผู้ที่ตนกล่าวถึงได้ยินชัดถนัดหูทุกถ้อยคำ
เดิมทีโม่จ้าวหยวนไม่เคยเหยียบเข้ามายังจวนสกุลหลี่จริง ๆ ตามที่นางกล่าว ทว่ามารดาของเขากลับรบเร้าให้ต้องหอบข้าวของหยูกยามาขอโทษขอโพยเรื่องวันนั้นกับคุณหนูทั้งสองตระกูลให้จงได้ ไม่รู้นางกำลังคิดสิ่งใด
คงหวังว่าโม่จ้าวหยวนจะเลือกใครสักคนเป็นสะใภ้ให้ตระกูลโม่เสียกระมัง เหตุใดมารดาของเขาจึงหมายตาหลี่หลานซินด้วยกันเล่า เห็น ๆ อยู่ว่าสตรีนางนี้ร้ายกาจเพียงใด
เมื่อตนมาถึงจวนสกุลหลี่ บิดาของหลี่หลานซินกลับบอกว่านางเจ็บหนักไม่อาจลุกจากเตียงได้ ติดก็เพียงมารดาของเขาดันกำชับว่าต้องส่งให้ถึงมืออีกฝ่ายเสียด้วย ในเมื่อคำสั่งของมารดาไม่อาจขัด ขาของเขาจึงระเห็จพากายสูงโปร่งยืนจังก้าอยู่หน้าห้องสตรีด้วยความจำใจ ทั้ง ๆ ที่คนด้านในเป็นฝ่ายก่อเรื่องแท้ ๆ น่าเจ็บใจนัก
โม่จ้าวหยวนยืนกรานว่าจะไม่เข้าไปด้านใน เพียงต้องการยื่นให้ถึงมืออีกฝ่ายอย่างแท้จริงเท่านั้น ทว่ากลับทำให้ตนบังเอิญได้ยินเสียงนินทาจากสตรีผู้น่าเดียดฉันท์ด้วยเรื่องเสีย ๆ หาย ๆ พานให้โม่จ้าวหยวนเกิดอารมณ์ขุ่นเคือง เส้นเลือดบนขมับปูดโปน ใบหน้าเขียวคล้ำผุดขึ้นราวระลอกคลื่น
หลี่จิ้งตงได้ยินเช่นกัน เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ประดุจดั่งมีบางอย่างกำลังกีดขวางทางเดินหายใจแทบเกิดลมจับ เริ่มค้นหาคำพูดแก้สถานการณ์ "เอ่อ...คุณชายโม่ อย่าถือสานางเลย ตั้งแต่วันนั้นนางก็สมองกระทบกระเทือน เปลี่ยนไปราวเป็นคนละคน"
โม่จ้าวหยวนกัดฟันกรอด เขากดยิ้มมุมปากพลางขบคิดแผนการบางสิ่ง "ท่านไม่ต้องกังวลใจ บุตรสาวของท่านเป็นสตรียังไม่ออกเรือน ข้าเป็นบุรุษเดิมทีไม่ควรมายืนหน้าห้องของนางด้วยซ้ำ ผู้แซ่โม่เสียมารยาทแล้ว เช่นนั้นของเหล่านี้..."
โม่จ้าวหยวนเหลียวไปยังเบื้องหลัง พยักหน้าหนหนึ่ง ผู้ติดตามของเขาจึงนำข้าวของพะรุงพะรังเหล่านั้นยื่นให้อีกฝ่าย หลี่จิ้งตงเอื้อมมือรับด้วยอาการประหวั่นน้อย ๆ พลางคลี่ยิ้มเหือดแห้ง แล้วจึงส่งต่อให้บ่าวรับใช้ด้านหลัง
"ขะ...ขอบคุณ คุณชาย"
โม่จ้าวหยวนผินหน้ามอง เขาแค่นยิ้มเสียงเบา "ท่านไม่ต้องเกรงใจ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน คงไม่พบนางแล้วเกรงว่าอาจทำให้คุณหนูหลี่ลำบากใจ"
กล่าวจบเจ้าของร่างสูงจึงค้อมศีรษะเล็กน้อย พลันสะบัดกายจากไปเดี๋ยวนั้น ดวงตาคมหรี่ต่ำลง ม่านคมกริบสาดประกายสังหารในบัดดล ในใจพลอยหงุดหงิด มุมปากเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
หลี่หลานซิน! เสาะบุปผาหาต้นหลิวเช่นนั้นหรือ เจ้าบอกหากได้แต่งงานกับข้าจะกัดลิ้นตนเองตายใช่หรือไม่ เช่นนั้นเจ้าก็เตรียมกัดลิ้นตนเองได้เลย
^เสาะบุปผาหาต้นหลิว หมายถึง การเที่ยวสตรีในหอคณิกา หรือ เที่ยวผู้หญิง
"หยวนเอ๋อร์ วันนี้เจ้าทั้งสองไม่ต้องไปช่วยงานหรอกนะ" ฮูหยินโม่กล่าวขณะกำลังคีบอาหารส่งให้บุตรชายและหลี่หลานซินโม่จ้าวหยวนงุนงง "ทำไมเล่าขอรับ"หลี่หลานซินก็อยากรู้เช่นกัน ตะเกียบซึ่งกำลังส่งเข้าปากจึงหยุดชะงักลง เจ้าของใบหน้าสะสวยตามวัยแย้มยิ้ม กวาดสายตามองทั้งสอง "พวกเจ้าแต่งงานกันมากี่เดือนแล้ว"โม่จ้าวหยวน "ท่านแม่ นี่ท่านจำไม่ได้เชียวหรือขอรับ น่าจะหกเดือนแล้วกระมัง""นั่นปะไร ตั้งหกเดือน เรื่องที่แม่และพ่อของเจ้าขอเอาไว้ เมื่อใดกันเล่า"โม่จ้าวหยวนและหลี่หลานซินเหลียวมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างขมวดคิ้วด้วยความงุนงง "เรื่องใดหรือขอรับ""นี่น่ะ เจ้าทั้งสองมัวแต่ยุ่งกับงานที่บ้าน แทบไม่ได้พักผ่อน ร่างกายเลยไม่แข็งแรง เช่นนั้นก็หยุดหลาย ๆ วัน แม่ซื้อบ้านและที่ดินใกล้ธารน้ำตกเอาไว้ เจ้าพาน้องไปเที่ยวด้วยกันเถิด"โม่จ้าวหยวนคลี่ยิ้ม หลี่หลานซินก็เช่นกัน "โธ่ ท่านแม่ ข้าก็คิดว่าเรื่องใด ไปเที่ยวหรอกหรือ แต่ตอนนี้ที่ร้านยุ่งนัก""ยุ่งแล้วอย่างไร ตั้งแต่มีเมียก็กลายเป็นคนขยันขันแข็งเลยหรือ" เสียงทุ้มโพล่งตัดบท&
หลี่หลานซินสังเกตเห็นสีหน้าสตรีฝั่งตรงข้ามเศร้าหมองลง จึงทราบได้ทันทีว่าเปาลี่หม่านรู้สึกเช่นไร"ลี่หม่าน""...""ลี่หมาน""จะ...เจ้าคะ" เปาลี่หม่านสะดุ้งโหยง"เด็กในท้องของเจ้า วางแผนอนาคตเขาไว้เช่นไรหรือ" หลี่หลานซินเอ่ยถามเปาลี่หม่านส่ายศีรษะ "ข้าเองก็ยังไม่รู้เช่นเดียวกันเจ้าค่ะ""เช่นนั้นเอาอย่างนี้หรือไม่ ข้ายินดีรับเขาเป็นบุตรบุญธรรม และส่งเสียให้เขาได้เรียนสูง ๆ" หลี่หลานซินเอ่ยจบจึงเหลียวมองโม่จ้าวหยวน "ดีหรือไม่เจ้าคะท่านพี่"โม่จ้าวหยวนมิได้คัดค้าน เขายิ้มตอบ "ดีจ๊ะ"ฮูหยินบอกซ้ายสามีเช่นเขาก็ต้องไปทางซ้าย จะหักหลบเลี้ยวผิดทางได้เช่นไร มีหวังแม่แมวน้อยได้อาละวาดบ้านแตกเป็นแน่แล้วทว่าเปาลี่หม่านกลับลุกพรวดขึ้น นางยอบกายลงคุกเข่าทันควัน อาการบาดเจ็บที่มีมลายหายไปสิ้น "ฮูหยินน้อย คุณชายโม่ ข้ารู้สึกละอายยิ่งนักที่คิดทำลายความรักของท่านทั้งสอง ข้าจะมีหน้าให้บุตรของตนสร้างความลำบากแก่พวกท่านอีกได้อย่างไร"หลี่หลานซินดีดกายยืนขึ้น นางรีบสาวเท้าตรงไปยังสตรีที่โขกศีรษะบนพื้นด้วยความเร่งร้อน พลางโอบประค
ยามเช้าวันรุ่งขึ้นเปาลี่หม่านไปพบโม่จ้าวหยวนที่จวนสกุลโม่จริงดังที่รับปากเจียฮ่าวซึ่งรอนางอยู่ก่อนแล้วจึงพานางตรงไปยังจวนสกุลหลี่ตามที่นายของตนฝากฝังเอาไว้ณ จวนสกุลหลี่"คุณชายโม่ ฮูหยินน้อยโม่ เถ้าแก่หลี่"เปาลี่หม่านค้อมศรีษะลงเพื่อเป็นการทักทายหลี่หลานซินเอ่ย "เจ้านั่งลงเถิด กำลังท้องกำลังไส้ เดินเหินต้องระวังหน่อยเล่า"เปาลี่หม่านได้ยินวาจาเป็นห่วงเป็นใยจากปากของหลี่หลานซิน ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีพลันย้อนขึ้นเสียจนจุกอก ริมฝีปากพลอยหนักอึ้งราวถูกถ่วงดุล "ขะ...ขอบคุณท่าน ฮูหยินน้อยโม่"ท่อนขาเรียวก้าวย่างกะโผลกกะเผลกไปยังเก้าอี้หลี่หลานซินนิ่วหน้า "ลี่หม่าน ขาเจ้า..."เปาลี่หม่านชะงักฝีเท้าลง นางเหลียวหน้ามองหลี่หลานซิน ใบหน้างดงามระบายรอยยิ้มอ่อน "ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ"เท้าอันบาดเจ็บค่อย ๆ ออกเดินต่อหลี่หลานซินรู้สึกเวทนานางนัก จึงพยักหน้าให้ถิงถิงช่วยพยุงอีกฝ่ายจนถึงที่หมาย ทุกคนล้วนจับจ้องเปาลี่หม่านเป็นตาเดียวทำให้นางรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง"คุณชายโม่ ฮูหยินน
เวลาล่วงเลยจนถึงยามโฉ่ว [1] มีเพียงความเงียบสงบท่ามกลางราตรีกาลอันหนาวเหน็บคอยปลอบประโลม หลี่หลานซินรู้สึกอ่อนเพลียจนม่อยหลับไปเมื่อใดก็สุดจะรู้ผ่านไปราวครึ่งชั่วยามหลี่หลานซินพลันสะดุ้งตื่น นางดีดกายลุกขึ้นทันควันนัยน์ตาคู่งามลอบมองผ่านช่องบานประตู กวาดสายตาเหลือบซ้ายแลขวาทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่าหลี่หลานซินยิ้มเยาะ "เหอะ! นี่หรือที่บอกจะไม่ยอมจากไป คำพูดของบุรุษเชื่อถือไม่ได้เลยสินะ"หลี่หลานซินตัดสินใจเปิดประตูเพื่อมองดูว่าอีกฝ่ายกลับไปแล้วจริงหรือไม่ ขาเรียวสาวเท้าออกมาด้านนอก สอดส่ายสายตามองผ่านความมืดมิด แววตาของนางเต็มไปด้วยความผิดหวังระคนน้อยใจ พลันรู้สึกว่าตนเองช่างงี่เง่านัก บนโลกใบนี้จะมีผู้ใดโง่งมไปกว่านางอีกกันเล่า วาจาบุรุษดั่งผายลม ยังกล้าเชื่อถือคนลิ้นสองแฉกหลี่หลานซินหมุนกายเตรียมย้อนกลับไปด้านใน จังหวะนั้นเองนางจึงพบอีกฝ่ายยืนตัวสูงโปร่งอยู่ขนาบข้าง ในมือถือดอกไม้ช่อหนึ่ง เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มพราย"ยังไม่นอนอีกหรือ""ทะ...ท่
คิ้วเข้มขมวดมุ่น "ท่านแม่ นี่ท่านใจเย็นได้อีกหรือขอรับ ลูกสะใภ้สุดหวงของท่านหายไป ท่านไม่ร้อนใจ แต่ข้าร้อนใจนะขอรับ"ฮูหยินโม่ระบายรอยยิ้มบาง "เจ้านี่นา เหมือนพ่อไม่มีผิด นางขออนุญาตกลับไปเยี่ยมบ้านเท่านั้นเอง""กลับไปเยี่ยมบ้าน ไปโดยไม่มีข้าได้อย่างไร""แล้วเจ้าก่อเรื่องใดไว้ เป็นลูกผู้ชายเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอาเอง เอาล่ะ แม่ว่าเจ้าปล่อยให้นางสงบใจก่อนเถิด เจ้าเองคงเหนื่อยมาทั้งวัน ดูเอาเถิดไปมีเรื่องกับใครมาเล่า ไฉนเนื้อตัวมอมแมมเพียงนี้" ผู้เป็นมารดาจับใบหน้าบุตรชาย กวาดมองเรือนกายกำยำซึ่งสูงกว่าตนมากโขด้วยสีหน้าเป็นห่วง"ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไรขอรับ ข้าจะไปตามหลานซิน""ดึกแล้ว นางคงนอนไปแล้วกระมัง อย่าใจร้อน วันพรุ่งไปก็ยังไม่สาย""แต่สำหรับข้าแค่ไม่กี่ชั่วยามก็สายแล้วขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้" โม่จ้าวหยวนเบนหน้ามองเจียฮ่าว "เจียฮ่าว คืนนี้เจ้าไม่ต้องตามข้าไป พรุ่งนี้สตรีนางนั้นจะมาพบข้า หากมาแล้วให้เจ้าพานางไปที่จวนสกุลหลี่""ขอรับ"กล่าวจบโม่จ้าวหยวนจึงผละกาย กระโดดขึ้นหลังม้าอย่างร้อนรนพลางควบออกไปราวพายุหอบหนึ่ง ผู้เป็นมารด
โม่จ้าวหยวนโยนถุงเงินให้นาง พลันหมุนกายกระโดดขึ้นหลังอาชาด้วยความชำนาญ"บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหน""อยู่ไม่ไกลนักเจ้าค่ะ""ดี! เช่นนั้นคงกลับเองได้กระมัง"นางพยักหน้าหงึกหงัก "ขะ...ข้าไม่รบกวนคุณชายแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมาก วันพรุ่งข้าจะรีบไปที่จวนตระกูลโม่เพื่ออธิบายต่อฮูหยินของท่าน""แน่นอนว่าหากเจ้าไม่ไป ข้าจะตามมาลากคอของเจ้า ไม่ว่าเจ้าหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ข้าก็จะพลิกแผ่นดินหาเจ้าให้เจอ หรือหากเจ้ากล้าชิงหนีลงปรโลกข้าก็จะลงไปกระชากวิญญาณของเจ้ากลับมาอธิบายกับนางให้ได้"เปาลี่หม่านพยักหน้าระรัว นางหวาดหวั่นจนต้องหลบดวงตาของเขา ยิ่งเกรงกลัวเท่าใด วาจาที่เปล่งออกมาก็ยิ่งติดขัดมากขึ้นเท่านั้น"ขะ...ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ วันพรุ่งท่านจะเห็นข้าอย่างแน่นอน""หึ!"โม่จ้าวหยวนแค่นยิ้มชายหนุ่มควบม้าจากไปเดี๋ยวนั้น เปาลี่หม่านค่อย ๆ ประคองกายตนลุกขึ้น เท้าของนางได้รับบาดเจ็บ ร่างบางพยายามหอบสังขารกะโผลกกะเผลกเดินไปอีกด้านด้วยใบหน้าเปื้อนคราบฝุ่นปนรอยน้ำตาโชคดียิ่งที่จวนของนางอยู่ไม่ไกลมาก