หลังจากที่ส่งหลิวลี่เซียนขึ้นรถม้ากลับจวนไปแล้ว จ้าวจิ้งเทียนก็กลับเข้าไปในหอเสี่ยวเอ้ออีกครั้ง เพื่อพบกับใครบางคน
"ท่านตามข้ามาด้วยเหตุใด ท่านเหมยไป๋อวี้"
จ้าวจิ้งเทียนมองชายตรงหน้าด้วยแววตาเย็นเยียบ
เหมยไป๋อวี้ เขาคือซื่อจื่อผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของจวนโหวตระกูลเหมย ท่านปู่ของเขาเป็นทหารร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเสด็จปู่ของจ้าวจิ้งเทียน หรือก็คือฮ่องเต้องค์ก่อนที่เสด็จสวรรคตไปนานแล้ว ส่วนบิดาของเขาเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อไม่นานมานี้ตัวของเหมยไป๋อวี้เองก็ได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าองครักษ์หน่วยสืบสวนของวังหลวง
ด้วยความดีความชอบทำให้ตระกูลเหมยได้รับพระราชทานเป็นจวนโหวสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน เป็นตระกูลที่กุมอำนาจทางการทหารเอาไว้ไม่น้อย และอาสาวของเขา นามว่าเหมยเหยาก็ได้เข้าวังหลวงถวายตัวและได้เป็น มเหสีรองเหมย อำนาจในวังหลังรองมาจากจ้าวฮวงโหวเสด็จแม่ของจ้าวจิ้งเทียน
ถึงแม้ตระกูลเจินของจ้าวจิ้งเทียนจะไม่ได้กุมอำนาจทางทหารเอาไว้ในมือเท่าตระกูลเหมย แต่บัณฑิตและทหารลับจำนวนไม่น้อยก็ถูกเขาฝึกฝนไว้ใช้งานไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลเหมย
มเหสีรองเหมยเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่น้อย ทำให้เหมยไป๋อวี้ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
"องค์รัชทายาทเสด็จออกมานอกพระราชวัง มาพบหญิงงามนางนั้นหรือ"
"ไม่ใช่เรื่องที่ท่านต้องรู้"
จ้าวจิ้งเทียนมองหน้าเหมยไป๋อวี้ด้วยความไม่ชอบใจ เหมยไป๋อวี้ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
"หรือว่าท่านจะตามมาดูว่าที่พระชายาองค์รัชทายาทพลอดรักกับชายอื่น"
"นี่เจ้า!!!"
จ้าวจิ้งเทียนพุ่งตัวเข้าไปกดลำคอของเหมยไป๋อวี้เอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ ระงับโทสะที่มี ครั้งนี้เขาพลาดไปไม่ระวังทำให้เปิดช่องโหว่ให้คนชั่วคนนี้ได้
"หม่อมฉันรู้สึกเจ็บปวดใจแทนพระองค์ยิ่งนัก ถ้าหากเรื่องนี้รู้ถึงฝ่าบาท คงจะเสื่อมเสียพระเกียรติไม่น้อย"
"อย่าคิดนำเรื่องนี้ไปพูดต่อ ข้าไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่ ถึงแม้เจ้าจะเป็นคนโปรดของเสด็จพ่อข้าก็ตาม"
"ได้พ่ะย่ะค่ะ แต่หม่อมฉันต้องการข้อแลกเปลี่ยน"
"ข้อแลกเปลี่ยนอันใด"
"เปลี่ยนตัวว่าที่พระชายาเอกองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ"
จ้าวจิ้งเทียนมองเหมยไป๋อวี้ ก่อนจะสบถเสียงเฮอะในลำคอ
คิดว่าข้าไม่รู้เหรอว่าเจ้าคิดจะทัดทานอำนาจเสด็จแม่ของข้า เจ้าต้องการให้น้องสาวเจ้า เหมยฮวาชิง เข้ามาสืบเรื่องราวในตำหนักของข้า
"มีมเหสีรองเหมยยังไม่พอใจเจ้าอีกหรือ ถึงต้องการให้มีจ้าวฮวงโหวองค์ใหม่อีก"
เหมยไป๋อวี้ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะมองจ้าวจิ้งเทียนด้วยแววตาที่สมเพชอย่างเห็นได้ชัด
"ทุกวันนี้มีฎีกายื่นขอปลดพระองค์ไม่เว้นวัน ถ้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปเชื่อว่าคงไม่อาจรักษาชื่อเสียงและชีวิตของตระกูลเจินเอาไว้ได้ โทษหลอกลวงเบื้องสูงช่างน่ากลัวนัก"
จ้าวจิ้งเทียนกัดฟันกรอด เขาพอรู้เรื่องราวของเจินเซียงมาสักระยะแล้ว เขาเองกำลังคิดหาวิธีแก้ปัญหานี้และหาทางเจรจากับเสด็จแม่ แต่ไม่คิดว่าตระกูลเหมยจะรู้เรื่องนี้เข้า
"ขอพระองค์โปรดทรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอกราบทูลลา"
เหมยไป๋อวี้โค้งกายทำความเคารพเขาก่อนจะก้าวเดินออกไป
จวนโหว ตระกูลเหมย
"เป็นเรื่องจริงหรือ ชิงฮุ่ย"
"เจ้าค่ะคุณหนูรอง"
เหมยฮวาชิง บุตรสาวคนรองของเหมยไป๋ชิง หัวหน้าผู้บัญชาการทหารสูงสุดของวังหลวง นางเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของเหมยไป๋อวี้
เหมยฮวาชิงยกยิ้มที่มุมปากพลางยกถ้วยชาขึ้นมาจิบด้วยสีหน้าอารมณ์ดีไม่น้อย นางเฝ้ารอหาจุดเป็นจุดตายของเจินเซียง เพื่อที่จะเขี่ยนางให้พ้นจากเสี้ยนหนามหัวใจ
เหมยฮวาชิงหลงรักจ้าวจิ้งเทียนตั้งแต่แรกพบ เมื่อครั้งที่นางไปพบกับมเหสีรองเหมย หรือก็คือท่านอาของนางเมื่อสองปีก่อน ถึงแม้ใครจะว่าเขาเป็นปีศาจ แต่ในสายตาของนางบุรุษผู้นี้ช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก
"ข้าจะไปพบท่านอาในวังหลวง เจ้าเตรียมตัวให้ข้าที"
"แต่คุณหนูเพิ่งเข้าวังไปเยี่ยมพระมเหสีรองเหมยเมื่อสองวันก่อนนะเจ้าคะ เกรงว่าจะไม่เหมาะ"
ประโยคหลังของชิงฮุ่ยเบาลงจนแทบไม่ได้ยิน แต่เหมยฮวาชิงกลับมองนางด้วยสายตาเย็นเหยียบ
บุคคลภายนอกต่างคิดว่าคุณหนูเหมยฮวาชิงแห่งจวนโหวดูเป็นคุณหนูผู้เรียบร้อยอ่อนหวาน นางอ่อนโยนอย่างยิ่งและมีจิตใจเมตตา นั่นเป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอกยามอยู่นอกจวน
แต่ด้านมืดของเหมยฮวาชิงน่ากลัวเพียงใด ชิงฮุ่ยรู้ดีกว่าใครทั้งหมด!
เมื่อสองปีก่อน อนุภรรยาของเหมยไป๋ชิงผู้หนึ่งเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาเพราะแอบเทน้ำแกงคุมกำเนิดทิ้ง เหมยฮวาชิงจัดการทุบตีอนุผู้นั้นจนแท้งและถึงแก่ชีวิต ก่อนจะนำศพโยนทิ้งบ่อน้ำด้านหลังของจวนโหว
ต่อมาอีกหนึ่งปี มีอนุอีกคนให้กำเนิดบุตรชายนั่นคือน้องชายแท้ๆ ของนาง แต่เหมยฮวาชิงกลับใช้นิ้วมือปิดจมูกของเด็กน้อยจนตาย และตัดลิ้นของอนุภรรยาผู้นั้นทิ้งเสีย
เรื่องเหล่านี้ถูกลืมไปเสียหมดสิ้น เพียงเพราะนางเป็นบุตรสาวคนโปรดของบิดา
"เจ้าไม่มีสิทธิ์มาคิดแทนข้าว่าเหมาะสมหรือไม่"
"จะ เจ้าค่ะ!"
"อย่าทำให้ข้าโมโห หากเจ้าไม่อยากย้ายที่นอนใหม่ลงไปนอนในบ่อน้ำหลังจวนกับอนุชั้นต่ำพวกนั้น!!!“
หลิวลี่เซียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ความรู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ร่างกายของนางอย่างตั้งรับเอาไว้แทบไม่ทัน"ดื่มน้ำก่อนนะคะ คุณหนู"หลิวลี่เซียนหันไปมองก่อนจะพบเข้ากับเลขาหวัง เลขาประจำตัวของนางที่เพิ่งจ้างเข้ามาทำงานให้เมื่อห้าปีก่อนเดี๋ยวนะ!! นี่มันเรื่องอะไรกัน?หลิวลี่เซียนยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มด้วยความหิวกระหาย ก่อนจะมองสังเกตไปโดยรอบ ก็พบว่าตอนนี้ตนเองกำลังใส่ชุดของโรงพยาบาลอยู่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นางย้อนกลับมาร่างเดิมเช่นนั้นหรือ?หลิวลี่เซียนยกมือขึ้นบีบหว่างคิ้วที่ปวดหนึบขึ้นมาเสียดื้อๆ ความคิดมากมายประเดประดังเข้ามาในหัวของนางอย่างไม่จบไม่สิ้น"คุณหนูชิงชิงคะ อีกเดี๋ยวคุณหมอคงจะมาแล้วค่ะ""เลขาหวัง""คะคุณหนู?""ข้า เอ่อ ฉันหลับไปนานเท่าไร แล้วที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง?"เลขาหวังขมวดคิ้วมอง 'จ้าวชิงชิง' ด้วยแววตาสงสัย แต่ก็ยอมเอ่ยปากเล่าให้เธอฟังทุกเรื่องเลขาหวังเล่าว่า คุณพ่อของจ้าวชิงชิงโทรมาหาเลขาหวังกลางดึกให้รีบพาตำรวจมาที่บ้านโดยด่วนที่สุด เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรท่านประธานจึงให้เรียกตำรวจเข้าไปในเวลาดึกดื่นเช่นนี้แต่เมื่อเธอไปถึงก็พบว่าหลี่เย่สามีของจ้าว
ภายในคุกหลวงที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงไฟส่องสว่าง ปรากฏร่างของเหมยฮวาชิงที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นที่มีหนูตัวน้อยใหญ่ไต่ยั้วเยี้ยไปมาอย่างน่าขนลุก"ได้เวลาดื่มยาพิษแล้ว"เสียงผู้คุมคุกหลวงที่นางได้ยิน ราวกับเสียงแห่งขุมนรกกำลังเรียกร้องหานาง นางไม่อาจจะยอมรับได้เลยว่า สุดท้ายแล้วนางต้องมาตกตายด้วยยาพิษที่ตนเองเป็นคนสร้างมันขึ้นมาด้วยมือของนางเองหลังจากเหมยฮองเฮาตายจากไปแล้ว ก็มีคำสั่งให้ประหารคนตระกูลเหมยจนสิ้นซาก ไม่เหลือรอดแม้เพียงคนเดียว บ่าวไพร่ถูกโบยจนตกตายไปตามกัน ป้ายคำสั่งทหารนับแสนนายที่เคยอยู่ในมือของท่านพ่อก็ถูกยึดคืนสู่ราชสำนักไปหมด จ้าวจิ้งเทียนช่างโหดร้ายยิ่งนัก เขาถอนรากถอนโคนตระกูลเหมยจนสิ้นซากไร้การได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้งจวนตระกูลเหมยถูกยึดเป็นสมบัติคลังหลวง ตระกูลเหมยที่เคยโอ่อ่าใหญ่โต อำนาจบารมีล้นฟ้า ไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรด้วย สุดท้ายแล้วกลับหายสาบสูญตายจากไปอย่างไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียวเหมยฮวาชิงถูกกรอกยาพิษทุกวัน วันละสามมื้อ หลิวลี่เซียนช่างจิตใจอำมหิตจนน่าหวาดกลัวเหมยฮวาชิงดิ้นทุรนทุราย ดวงตาเบิกโพลงกระอักเลือดออกมาคำโต ช่วงชีวิตสุดท้ายของนางนั้น นางนึกหวนย้อนไปถึง
รัชศกจิ้งเทียนปีที่หนึ่งหลิวลี่เซียนกำลังนั่งอยู่ที่หน้ากระจกมองดูตนเองถูกเหล่านางกำนัลจัดแต่งอาภรณ์ให้ด้วยความใส่ใจ นางยกยิ้มมุมปากมองดูสตรีที่สูงส่งตรงหน้าด้วยสายตาพอใจ นี่ใช่นางจริงหรือ? ราวกับฝันไปเสียจริงๆ"ได้เวลาแล้วเพคะฮองเฮา"หลิวลี่เซียนพยักหน้าก่อนจะมองไป๋หลางด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ไป๋หลางนั้นได้เลื่อนขั้นเป็นนางกำนัลคนสนิทของหลิวลี่เซียนคอยรับใช้อยู่ข้างกายนางหลิวลี่เซียนนั่งอยู่บนเกี้ยว มองดูเหล่าขันทีนางกำนัลหมอบกราบทำความเคารพนางด้วยสายตาอ่อนโยนมีเมตตา เสียงดนตรีบรรเลงขับขาน ช่างฟังแล้วให้ความรู้สึกตื้นตันในใจเหลือคณานางกับจ้าวจิ้งเทียนอภิเษกสมรสกันเมื่อสองเดือนก่อน หลังจากที่ไท่ซังหวงทรงสละราชสมบัติ จ้าวจิ้งเทียนจึงแต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮาหลิวฮองเฮาสวมชุดสีแดงปักลายหงส์คู่มังกร แถบเซี๊ยะเพ่ยปักลายหงส์พิลาสคู่ มงกุฎหงส์เป็นรูปแบบดั้งเดิมของราชวงศ์ต้าโจว มีหงส์รำแพนคู่หนึ่งตัว ด้านข้างคือหงส์พิลาสข้างละหนึ่งตัว ประดับด้วยทับทิมและอัญมณี ส่งเสริมให้พระนางดูงามสง่าและน่าเกรงขามยิ่งนัก ใบหน้าที่งดงามดูทรงอำนาจชวนมอง ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นไม่สามารถละสายตาจากนางไปได้ฮ่องเต้จ้
หลิวลี่ซือจ้องมองร่างอันไร้ซึ่งลมหายใจของเหมยฮองเฮาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะใช้ผ้าปิดบังใบหน้า แล้วเดินก้มหน้าก้มตาออกมาจากคุกหลวงโดยไร้ซึ่งพิรุธใดๆ นางเดินไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน ชื่นชมบรรยากาศภายในวังหลวงยามค่ำคืนอย่างสงบเยือกเย็นคืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามเหลือเกิน ท่านแม่เจ้าคะ ป่านนี้ท่านคงกำลังชื่นชมข้ากับท่านพี่ลี่เซียนอยู่บนสรวงสวรรค์ใช่หรือไม่?รุ่งเช้าข่าวการตายอย่างปริศนาของเหมยฮองเฮาก็เป็นที่โจษจันกันไปทั่วทั้งวังหลวง สภาพศพช่างน่าเวทนาและน่าขยะแขยงไปในคราเดียวกัน อดีตฮองเฮาพระองค์นี้ช่างอายุสั้นยิ่งนัก เพิ่งจะได้เสวยความสุขอยู่ในตำแหน่งที่สูงสุดได้ไม่นาน ก็ร่วงตกลงมาสู่ความตายเบื้องล่างอย่างน่าอนาถในที่เกิดเหตุพบผ้าคลุมผืนหนึ่งปักตัวอักษรฮวาชิงเอาไว้ คาดว่าน่าจะเป็นของฆาตกรที่ใช้ฆ่าอดีตฮองเฮา ผู้คุมคุกหลวงถูกสอบสวนอย่างหนัก เขาให้การว่ามีนางกำนัลของตำหนักพระชายารององค์รัชทายาทมาขอพบกับอดีตฮองเฮา บอกว่าพระชายารองให้นำสิ่งของมามอบให้อดีตฮองเฮา หลังจากที่นางกำนัลผู้นั้นเดินออกมา อดีตฮองเฮาก็กลายเป็นศพไปเสียแล้ว กว่าจะทราบว่านางตายก็เกือบจะรุ่งสางของอีกวันเหมยฮวาชิงถูกควบคุมตัวมา
จ้าวเฟยหรงมองเหมยฮองเฮาด้วยแววตาเย็นเยียบ บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนที่เขารักยิ่ง นางถึงกับกล้ามาวางยาพิษเชียวหรือ ช่างบังอาจเทียมฟ้ายิ่งนัก!!!"นังคนสารเลว!!!""หึ!! ไม่ใช่แค่บุตรชายของเจ้านะ แม้แต่แม่ของเจ้าก็ถูกข้าวางยาพิษมานานเสียจนร่างกายอ่อนแอ อีกไม่นานนางคงจะไปสู่ปรโลกอย่างเป็นสุขพร้อมกับบุตรชายของเจ้า ฮ่าาๆๆๆ""นังคนสารเลว สุดท้ายเจ้าก็หลุดปากออกมาทั้งหมดว่าเจ้าเป็นคนทำ!!!""แล้วอย่างไรเล่า!! ข้าเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดด้วยตนเอง คนในตระกูลข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง"จ้าวจิ้งเทียนส่งเสียงเฮอะในลำคอ ใครเชื่อนางก็บ้าเต็มทนแล้ว เขามองนางด้วยสายตาดูแคลนก่อนจะเอ่ยปากกับนาง"คนในตระกูลของเจ้าจะมีส่วนรู้เห็นในความเลวของเจ้าหรือไม่นั้น ข้าจะเป็นคนสืบหาเอง!!!"จางอิงอิงมองเหมยฮองเฮาก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก นางค่อยๆ ย่องไปทางด้านหลังของเหมยฮองเฮาด้วยฝีเท้าที่เบาเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะใช้เข็มเงินอาบยาพิษแทงเข้าไปที่ต้นคอของเหมยฮองเฮาฉึก!!!"อ๊าาาา"หลิวลี่เซียนอาศัยช่วงเวลาชุลมุนนี้ กระทุ้งศอกไปที่ปลายคางของเหมยฮองเฮาอย่างแรงจนนางมึนงง เซถลาใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน"จับนางไว้!!!"เหล่าทหารจับ
หลิวลี่เซียนยื่นมือไปทุบประตู หวังจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่ามันร้อนเสียจนนางต้องรีบชักมือกลับ ควันสีขาวภายในห้องยิ่งพวยพุ่งมากขึ้นจนนางรู้สึกจุกแน่นที่จมูกและเริ่มหายใจไม่ออก นางถอยหลังออกมาทรุดตัวลงนั่ง สติเริ่มรางเลือนลงไปทุกขณะ"ชิงชิง"หลิวลี่เซียนพยายามประคองสติและเงยหน้าไปมอง ร่างของนางถูกจ้าวจิ้งเทียนช้อนตัวอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมอก ก่อนที่เขาพานางพุ่งทะยานออกมาจากเรือนที่ไฟกำลังไหม้ลุกโหม"แค่ก แค่ก""เป็นอย่างไรบ้าง"หลิวลี่เซียนพยักหน้าน้อยๆ นางเองรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยที่ได้ออกมาจากควันสีขาวที่ลอยคลุ้งเช่นนั้น"ท่านมาได้อย่างไร""ข้ารู้สังหรณ์ในใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีกับเจ้าก่อนถึงวันแต่งงานของเรา ข้าคาดเดาไว้ไม่ผิดเลย พวกมันลงมือรวดเร็วยิ่งนัก""ลี่เซียน เจ้าไม่เป็นอะไรนะ""ท่านพี่ ข้าปลอดภัยดีเจ้าค่ะ ซินฮวาเล่า""นางสำลักควันจนหมดสติ หมอหลวงกำลังดูอาการอยู่""เหตุใดไฟจึงไหม้ได้เจ้าคะ""คาดว่าเหมยฮองเฮาคงจะลงมือแล้ว สายสืบภายในของข้าที่แฝงอยู่ในตำหนักนางถูกนางสังหารจนสิ้นไปเสียแล้ว"หลิวลี่เซียนใจหล่นวูบ นางมองจ้าวฝูหมิงด้วยสายตาเป็นกังวล จ้าวฝูหมิงรับรู้ในความกังวลของน