หลังจากบ่าวชายที่อุตส่าห์มีน้ำใจเอ่ยคำอวยพรให้นางกลับไปพร้อมกับคนหามเกี้ยวที่ก็กลับไปเช่นกัน ที่หน้าประตูจวนนั้นมีเพียงเพ่ยอันยืนอยู่เพียงผู้เดียว ในลานหน้าบ้านนั้นว่างเปล่าไม่มีผู้คนเลยแม้แต่คนเดียว ตรงหน้าของนางคือเรือนขนาดเล็กเป็นเรือนแถวยาวคงจะมีห้องอยู่เพียงไม่กี่ห้องและมองไปเห็นเรือนเล็กที่ปลูกติดกันนั่นน่าจะเป็นโรงครัว เพราะที่ด้านหน้าเรือนมีโอ่งน้ำขนาดใหญ่สามโอ่งตั้งเรียงรายอยู่และมีชั้นวางของอยู่ใกล้ๆกัน
ในลานกว้างมีต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่มากอยู่สามต้นปลูกอยู่ในลานหน้าเรือน และมีกระถางต้นไม้เรียงรายอยู่หลายกระถางแต่ต้นไม้ในนั้นล้วนเหี่ยวแห้งเหมือนไม่มีคนรดน้ำมานานแล้ว มีอ่างบัวขนาดไม่ใหญ่มากสองอ่างที่ใต้ชายคาเรือนแต่ในอ่างบัวไม่มีน้ำสักหยดในอ่างนั้นก็แห้งผากมีแต่ซากต้นไม้แห้งอยู่ในนั้น
นางหันไปรอบๆก็ไม่พบใครสักคน จึงได้ตัดสินใจเดินเข้าไปที่ห้องใกล้กับโรงครัวแล้วเปิดประตูออกมองเข้าไปพบว่ามันเป็นห้องว่างเปล่า มีเตียงไม้ขนาดกลางวางอยู่ริมผนัง มีชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้เก่าๆ อยู่หนึ่งชุด มีโต๊ะเครื่องแป้งที่เก่าพอๆกับเครื่องเรือนทุกอย่างในห้อง แต่มันก็พอใช้งานได้ ในห้องนี้มีฝุ่นจับหนามาก คงจะต้องทำความสะอาดเสียแล้ว
เพ่ยอันวางหีบใบเล็กที่นางยกมาด้วยนั้น ลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเดินไปลากหีบใบใหญ่ที่มีข้าวของๆนางที่ขนมาจากเรือนเล็กของมารดา เป็นจำพวกอาภรณ์ของนางและเครื่องใช้ส่วนตัว และมีกล่องใบเล็กที่นางใช้ใส่จำพวกเครื่องเย็บปักถักร้อยที่นางใช้ทำงานที่รับมาจากร้านอาภรณ์ในตลาดเพื่อช่วยมารดาทำงานอีกแรง นางเดินไปปิดประตูหน้าห้อง แล้ว กลับมาเปิดฝาหีบออกกว้าง แล้วหยิบอาภรณ์ที่เก่ามากมาผลัดเปลี่ยนเพื่อจะลงมือสำรวจเรือนนี้และลงมือทำความสะอาดห้องที่จะใช้นอนในคืนนี้
เมื่อเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว นางคิดว่าต้องเดินสำรวจเรือนเสียก่อนเพื่อตรวจดูว่ามีผู้ใดอยู่ในจวนนี้อีกบ้าง เท่าที่มองดูรอบๆ จวนนี้แม้จะเก่าแก่ แต่ก็ยังดูแข็งแรงกว่าเรือนเล็กท้ายจวนที่นางกับมารดาพักด้วยกันเสียอีก มันกว้างกว่าเป็นสัดส่วนกว่า มีบริเวณของตนเอง ไม่ต้องคอยถางหญ้ารอบๆเรือนอีกด้วยเพราะมันถมดินอัดแน่นจนแทบไม่มีต้นหญ้าขึ้นเลยด้วยซ้ำ บางส่วนปูด้วยพื้นหินเพราะฉะนั้นตัดปัญหาเรื่องต้องคอยถางหญ้าไปเลย
แค่เพียงคอยกวาดถูในเรือนและกวาดใบไม้เล็กน้อย และเอาไว้กวาดที่ทำจากต้นหญ้าแห้งกวาดฝุ่นที่ทางเดินรอบเรือนเพียงเท่านี้ ก็เสร็จสิ้นแล้ว ที่นางคิดเช่นนี้เพราะเคยชินที่จะต้องทำงานบ้านเองทุกอย่าง แม้แต่ถางหญ้าก็ยังต้องทำเอง ที่เรือนไม่มีสาวใช้และไม่มีบ่าวคนไหนมารับใช้พวกนางสองแม่ลูก แม้มารดาจะเป็นอนุของเจ้าของจวนก็ไม่มีสิทธิ์นั้น
พวกนางสองแม่ลูกใช้ชีวิตดังเช่นสาวใช้คนหนึ่ง แต่ก็ยังดีที่ไม่ต้องไปรับใช้ใคร เพียงดูแลแค่ตนเองกันเท่านั้นและทำงานหาเลี้ยงตนเอง แค่อาศัยซุกหัวนอนที่จวนนั้นเพียงเท่านั้น และบัดนี้เพ่ยอิงก็คิดว่าชีวิตคงจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเพราะตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในเรือนนี้ก็ไม่พบใครสักคน นั่นแปลว่าที่นี่ไม่มีสาวใช้เช่นกัน และไม่มีบ่าวชายสักคนอีกด้วย
เมื่อเปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดที่พร้อมจะทำความสะอาดห้องแล้ว ก็เดินออกมาจากห้องแล้วเปิดประตูห้องถัดไปเพื่อสำรวจพบว่าในห้องนี้มีข้าวของๆวางอยู่ มีหีบใส่อาภรณ์และเหมือนมีข้าวของเครื่องใช้ของเด็กอีกด้วย แต่ก็ยังไม่พบใคร นางจึงเดินออกมาแล้วเดินต่อไปอีกห้องหนึ่งนางเปิดประตูเข้าไปก็พบกับชายคนหนึ่ง ร่างผอมสูงผมยาวสยายเขาสวมชุดสีขาวที่เป็นชุดตัวในสำหรับใส่นอน ร่างผอมบางนั้นเอนกายพิงหัวเตียงอยู่และมีเด็กหญิงคนหนึ่งวัยประมาณห้าขวบนั่งอยู่บนเตียงกับเขาด้วย เขาหันมาจ้องมองนางนิ่ง แล้วก็เอ่ยว่า
“ เจ้าคือบุตรสาวสกุลหยูที่แต่งงานเข้ามาวันนี้ใช่หรือไม่ ” เพ่ยอันพยักหน้า “ ใช่ข้าเพิ่งแต่งงานเข้ามาวันนี้ ท่านคือผู้ใดกัน ” คิ้วเข้มนั้นขมวดมุ่น สีผิวเผือดของเขาที่ตัดกับคิ้วเข้มยิ่งดูเหมือนเขาเจ็บป่วยมาก ริมฝีปากหยักหนายกขึ้นนิดๆ “ ข้าก็คือสามีของเจ้าไงเล่า ข้าคืออ๋องอี้เหวินและนี่บุตรสาวของข้าลี่หลิน ” เพ่ยอันยิ้มให้เด็กน้อยอย่างเป็นมิตร “ ท่านเดินไม่ได้หรือ ” นางจ้องมองที่ขาที่ดูเหมือนลีบลงไปของเขา
“ ใช่ข้าเดินไม่ได้ และเสียใจด้วยเจ้าได้แต่งงานกับคนพิการแถมยังยากจนอีกด้วย ผิดหวังหรือไม่เล่า แต่ข้าก็รู้อยู่แล้ว ว่าเจ้าสาวที่เบื้องบนส่งมาก็เพื่อดูแคลนข้า ว่าข้าไม่มีหญิงใดอยากจะแต่งงานด้วย เพราะเป็นอ๋องตกยากไร้อำนาจและไม่มีสมบัติใดๆ ถึงได้จงใจส่งบุตรขุนนางที่ต่ำต้อยมาให้กับข้า " ริมฝีปากของเขาบิดเบ้เหมือนสมเพชกับชีวิตที่ตกต่ำของตนเอง
“ ท่านไม่ได้เป็นผู้เดียวที่ตกยากและต่ำต้อยหรอกนะ มีคนอีกมากมายที่ชีวิตแร้นแค้นและเจ็บปวด แต่เราต้องอยู่กับมันให้ได้ ไม่มีใครได้ทุกอย่างที่อยากได้หรอก หากท่านคิดได้ท่านจะเป็นทุกข์น้อยลง ” เพ่ยอันเอ่ยขึ้น เพราะนางนั้นอยู่กับความต่ำต้อยยากไร้มาทั้งชีวิต ในขณะที่บรรดาพี่น้องของนางนั้นสุขสบาย ไม่เคยต้องยากลำบากใดๆ นางได้แค่เพียงมองพวกเขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแต่นางนั้นยากไร้ลำบากต้องปากกัดตีนถีบแม้อยู่ในจวนของบิดาตนเอง ต้องช่วยมารดาทำงานหนักเพราะค่าแรงที่ได้รับไม่ได้มากมายอะไร เพื่อให้เพียงพอก็ต้องเร่งทำงานให้มากขึ้นเท่านั้น มือของมารดานั้นทั้งแข็งและสากเพราะไม่เคยได้รับความสบายเมื่ออยู่ในจวนของบิดา เป็นอนุที่ลำบากมากเท่าที่นางเคยเห็นเมื่อเปรียบเทียบกับจวนอื่นๆ
หึ !! อ๋องหนุ่มคำรามในลำคออย่างไม่อยากจะเชื่อถือนัก เขายังไม่ไว้ใจนางเพราะไม่แน่ใจว่านางเป็นคนเช่นไร และคนที่ส่งมานั้นมีจุดมุ่งหมายอื่นอีกหรือไม่นอกจากต้องการหยามเขา “ ท่านคือใครกัน ” เด็กน้อยเอ่ยถามออกมาในที่สุด นางจ้องตาแป๋วมาที่ร่างของเพ่ยอัน “ ข้าคือท่านน้า จะมาอยู่ที่นี่กับเจ้าด้วย จะได้หรือไม่ ” เด็กน้อยไม่ตอบแต่นางหันไปจ้องใบหน้าของบิดาตนเอง " เจ้าก็นอนที่ห้องติดกับครัวก็แล้วกัน ส่วนข้าจะนอนกับบุตรของข้าในห้องนี้ ห้องติดๆกันนี้เดิมทีจะให้บุตรสาวของข้านอน แต่นางยังเล็กนักกลางคืนนางร้องไห้และข้าก็ขาไม่ดี กว่าจะลงจากเตียงไปหานางได้นั้นมันลำบาก เขามองไปที่รถเข็นไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก ทำให้เพ่ยอันมองตามไปก็เห็นเป็นรถเข็นไม้ที่ค่อนข้างแข็งแรงไม่น้อย และสภาพยังใหม่อยู่มาก
บทส่งท้าย เรื่องชีวิตรักของคุณชายหวู่เฉิงหว่าน นั้นอาภัพรักจริงหรือไม่ …..คุณชายหวู่เฉิ่งหว่านผู้ช้ำรัก หลังจากที่เขากลับมายังเมืองชานตง และได้เข้าไปที่ร้านอาภรณ์พบกับมารดาของเพ่ยอัน และได้รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเพ่ยกันกลับไปคืนดีกับสามีของนางแล้ว และพวกเขากำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และนางนั้นได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋องอี้เหวิน และอีกไม่นานมารดาของนางที่ดูแลร้านให้เขาอยู่ในขณะนี้ก็จะขอลาออก เพื่อย้ายไปอยู่กับบุตรสาวที่ตำหนักของท่านอ๋อง เพราะเพ่ยอันตั้งครรภ์ตั้งแต่อยู่ที่ร้านนี้แล้ว แต่นางไม่ได้บอกผู้ใด จนเมื่อคืนดีกับสามีนางถึงได้บอกกับทุกคนว่านางตั้งครรภ์บุตรของท่านอ๋องอี้เหวินแล้ว เป็นอันว่าหนทางรักของเขากับเพ่ยอันสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ความหวังของเขาที่จะรับนางเป็นอนุนั้นเป็นหมันลงอีกครั้ง แต่อีกใจนั้นเขาก็ยินดีกับนางด้วย นางนั้นมีวาสนาได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋อง จะมามัวอยากจะฉุดรั้งนางเอาไว้กับเขาและมอบเพียงตำแหน่งอนุให้กับนางนั้น ดูจะเป็นการเห็นแก่ตัวไม่น้อย คุณชายหนุ่มรับปากกับมารดาของเพ่ยอันว่าจะหาคนมาดูแลร้านนี้แทนนาง และมารดาของเพ่ยอันนั้นก็แสนจะดี นางบอกว่าจะอยู่ดูแลร้
“ อ๊าย อ๊ายย อ๊ะ อ๊ะ อย่านะ อย่านะ อ๊าย ” อดีตชายาที่กำลังจะต้องหวนคืนกลับมาดิ้นรนส่ายร่างไปมา นางแอ่นอกจนโค้งขึ้นหาปากหนานั่น อ๋องหนุ่มยิ่งดูดดึงนางยิ่งขึ้น เขาทั้งเลียทั้งดูดดื่มมัน จนร่างบางครวญครางกระเส่าอย่างทนต่อไปไม่ไหวมือหนาของเขาควานลงไปในชุดกระโปรงของนางจนพบเนินอวบใหญ่เต็มมือของเขา แล้วตรงเข้าขยำมันเบาๆ บีบเค้นคลึงไปมา นิ้วแกร่งก็สอดเข้าไปควานในร่องอวบนั้น นิ้วแกร่งสอดเข้าไปในร่องอวบนั้นช้าๆ จนมันมิดลำกาย เพ่ยอันกรีดร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดเพราะนางนั้นแม้จะเคยเริงรักกับเขามาแล้ว แต่ก็ห่างกายกันไปนาน จึงยังทั้งเจ็บทั้งแสบไม่น้อย อ๋องหนุ่มประกบจูบนางทันทีอย่างดูดดื่ม เขาวนเวียนจูบนางจนเคลิบเคลิ้ม มือด้านล่างก็ชักเข้าสุดออกสุด จากที่เป็นจังหวะช้าๆก็เร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกระแทกนางอย่างรัวเร็ว “ อ๊าย อ๊าย อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ” สะโพกอวบของนางกระตุกเกร็งหลายๆครั้ง น้ำหวานของนางซึมออกมาเปื้อนมือของเขา ร่างบางหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย อ๋องหนุ่มปลดสายคาดเอวของเขาออก แล้วดึงรั้งกางเกงเอารูดของเขาลงไปจนพ้นหัวเข่า เพื่อปลดปล่อยลำกายอวบใหญ่่ออกมา มันพรักพร้อมเมื่อเห็นเมียรักส่า
ส่วนอ๋องหนุ่มทำเป็นยังไม่ฟื้นแต่ก็แอบมองชายาของตนเองเวลาที่นางเผลอ เขาไม่อยากจะหายเร็วจนเกินไป อยากจะแสร้งทำเป็นเจ็บป่วยและอ้อนนางอยู่ที่นี่จนกว่านางจะหายโกรธและยอมกลับตำหนักไปกับเขา ก่อนมาเขาขอให้ฮ่องเต้ที่เป็นพี่ชายต่างมารดาของเขาดูแลท่านหญิงน้อยให้เขาแล้วจึงไม่ต้องเป็นห่วงบุตรสาว อ๋องหนุ่มแสร้งทำเป็นนอนสลบอยู่บนเตียงยังไม่ฟื้นทั้งที่จริงเขาฟื้นหลังจากที่ท่านหมอกลับไปเพียงแค่ครู่เดียว และเขารู้สึกว่าไม่ได้เจ็บปวดอะไรมาก เพียงแค่เขาอาจจะเคยมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะมาก่อนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ความจำเสื่อมและคงจะกระแทกถูกบาดแผลเก่าเข้า ทำให้เขาสลบไป แต่เขารู้สึกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก มีเพียงแค่แผลที่หัวและที่แขนซ้ายนิดหน่อยเท่านั้น หลังจากที่นอนไปหลายชั่วยามก็รู้สึกว่าอาการดีขึ้นมากจนสามารถลุกขึ้นได้แล้ว แต่เขาเกรงชายาจะไล่ให้เขากลับไปเขาจึงทำเป็นยังไม่ฟื้น และเมื่อถึงเวลาค่ำคืน หลังจากที่มารดาของเพ่ยอันมาดูอาการท่านอ๋องก่อนที่นางจะเข้านอนในอีกห้องหนึ่งแล้ว เพ่ยอันจำต้องอยู่ดูแลเขาในห้องนี้เผื่อว่าเขาจะฟื้นขึ้นมานางจะได้ให้เขาดื่มยาที่ท่านหมอเจียดเอาไว้ให้เพ่ยอันเดินไปนอนที่ตั่งไม้ริมผนั
แต่นั่นเป็นเพียงความคิดของเพ่ยอันเพียงเท่านั้น อ๋องหนุ่มตั้งใจเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่มีทางยอมแพ้ เขาเช่าห้องแถวที่ว่างอยู่ตรงข้ามกับห้องแถวของนางเพื่อจับตาดูนางกับคุณชายหวู่และอาจจะมีบุรุษอีกหรือไม่ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่านางมีรักใหม่กับชายอื่น และนางคิดจะสวมหมวกเขียวให้เขาหรือไม่ ด้านฮ่องเต้ก็สถาปนาพระสนมเอกคือท่านหญิงอวี้ชางและย้ายนางมาอยู่ตำหนักใกล้ๆกันกับเขา โดยบิดาของนางตอนแรกก็ตกใจยิ่งนัก เพราะเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง แต่กลับกลายเป็นธิดาของเขาได้ดีกว่าเดิม นางกลายเป็นสนมเอกของฮ่องเต้และดูทั้งสองจะรักใคร่และหลงไหลกันมากอีกด้วย ท่านอ๋องอิ้นจึงไม่รื้อฟื้นเรื่องการแต่่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวินอีก เขาปล่อยผ่านมันไป เพราะเขาสมใจเรื่องธิดาแล้ว และนางทำท่าว่าจะได้ดีกว่าเดิม อีกไม่นานคงจะเลื่อนขัั้นขึ้นไปอีก เพราะเขาสังเกตุว่าฮ่องเต้ดูจะหลงไหลนางมาก หากนางตั้งครรภ์มังกรเขาก็สบายและนางเองก็สบาย เมื่อเสร็จพิธีการสถาปนาธิดาเขาก็เดินทางกลับไปยังเมืองที่ตนเองปกครองทันที เรื่องของท่านหญิงอวี้ชางก็จบลงโดยดี นางพอใจและหลงไหลฮ่องเต้หนุ่มมาก นางแทบจะลืมไปเลยว่านางเคยหลงรักท่านอ๋องอี้เหวิน เพราะนาง
อ๋องหนุ่มนั้นเมื่อไปราชการนอกเมือง เมื่อนั่งรถม้ากลับมากับคนสนิทคือเฉฺิินหมิ่นนั้น อยู่ๆ เขากลับฟื้นความทรงจำได้ และจดจำได้ว่าตนเองแต่งงานใหม่แล้ว และชายาคือหยูเพ่ยอัน เขารีบกลับไปที่จวนท้ายตลาด แต่ไม่พบใครที่นั่น และนางไม่ได้เขียนจดหมายทิ้งไว้เลย นางพวกนางพากันย้ายไปอยู่ที่ใด นางเก็บข้าวของๆนางและมารดาไปหมด พวกเขาค้นทุกอย่างในจวนแล้ว มีแต่ข้าวของๆ ท่านอ๋องและท่านหญิงน้อยที่เก็บเอาไว้ที่เดิม แต่ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของๆสองแม่ลูกเลย มีเพียงข้าวของที่พวกเขาซื้อหามาใช้และนางคงจะขนเอาไม่ได้ได้ จึงไม่ได้เก็บเอาไปด้วย อ๋องหนุ่มรู้สึกว่าความหวังว่าจะได้อยู่กันพร้อมหน้านั้นพังลงไปในพริบตา เมื่อพบว่าในจวนนั้นว่างเปล่าไม่มีร่างของเมียรักของเขาอยู่เลย “ ท่านอ๋องขอรับ พวกนางคงจะไปหลายวันแล้ว เพราะว่าฝุ่นเริ่มจะจับไปจนทั่ว ถ้าเช่นนั้นเรากลับกันก่อนดีหรือไม่ แล้วค่อยสืบหาพวกนางว่าย้ายไปอยู่ที่ใดกัน ” อ๋องหนุ่มนั่งนิ่งงัน เขานึกไม่ออกว่านางจะไปที่ใด และทำไมนางถึงไม่อยู่รอเขาที่นี่ หาเขาเสร็จภารกิจย่อมจะต้องกลับมารับนาง เฉินหมิ่นเห็นท่านอ๋องมีท่าทางเสียใจ เขาจึงได้สารภาพว่าเขาบอกกับพระชายาไปอย่า
แต่เมื่อค้นพบแล้วก็จะเก็บนางเอาไว้บำเรอรักเช่นนี้ แต่เขามิอาจยกนางเป็นฮ่องเอาได้ แต่เขาจะยกนางเป็นสนมเอกและท่านอ๋องอิ้นบิดาของนางก็คงจะพอใจที่นางจะแต่งเป็นเพียงชายาของอ๋องอี้เหวินน้องชายของเขา กับหญิงอื่น เขาแต่งกับพวกนางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้นเพียงเท่านั้น และบางนางเขาก็แต่งเพื่อถ่วงดุลอำนาจของเขา และเพื่อความมั่นคงของแคว้นเพียงเท่านั้น เขาอยู่กับพวกนางเพราะหน้าที่ ดูแลพวกนางตามหน้าที่ของสวามี แต่กับท่านหญิงอวี้ชางสนมหมาด ๆ ผู้นี้ หญิงที่เขามองข้ามไม่เคยสนใจ เพราะเห็นว่านางจืดชืดจนเกินไป และทุกอย่างที่เขาทำลงไปในวันนี้ก็เพื่อน้องชายร่วมบิดา คืออ๋องอี้เหวินเท่านั้น แต่เขากลับพบว่า นางถูกอกถูกใจเขายิ่งนัก ฮ่องเต้หนุ่มโยกขย่มร่องอวบของนางสนมหมาด ๆ อย่างเร่าร้อน นางก็โยกสะโพกอวบรับลำกายแกร่งของเขา สองแขนเรียวก็ยกขึ้นโอบลำคอเขาเอาไว้ โน้มใบหน้าของเขาลงมาประกบจูบกันอย่างเต็มอกเต็มใจ ตอนนี้นางติดใจในรสรักของเขาไม่น้อย นางสุขสมเหลือเกิน “ พระองค์ หม่อมฉันจำได้แล้ว พระองค์คือองค์ฮ่องเต้ ใช่หรือไม่เพคะ ” อยู่ๆนางก็พลันนึกออกว่าเคยเห็นเขาที่ใด นางพบเขามาหลายครั้งแล้วนับ