เมื่อข้าวสุกและอาหารก็เสร็จแล้ว เพ่ยอันก็ตักข้าวใส่ในจานสองจานและถ้วยใบเล็กสำหรับเด็ก แล้วตักไข่เป็นสามส่วน เอาชิ้นใหญ่สุดให้กับพ่อเด็ก แล้วตักชิ้นเล็กใส่ลงมาชามใบเล็กนั้น แล้วเดินถือชามใบเล็กออกไปส่งให้กับเด็กน้อยที่รอคอยอยู่ด้วยความหิว เด็กหญิงรับชามข้าวไปอย่างยินดีแล้วลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย
ส่วนเพ่ยอันเดินไปหาพ่อเด็กที่บัดนี้ห่มผ้าที่นางพาดเอาไว้ให้แล้ว และกำลังพยายามเข็นรถไปที่ห้องนอนของตนเอง “ ข้าช่วยท่านเข็นดีกว่ามือจะได้ไม่เปื้อน ” แล้วนางก็เดินตรงไปช่วยเข็นรถนั้นตรงไปที่หน้าห้องของเด็กหญิงตอนนี้แดดยังร่มเพราะชายคาของเรือนนี้ก็กว้างพอสมควร กว่าแดดจะส่องมาที่บริเวณระเบียงหน้าเรือนก็คงจะเป็นช่วงบ่ายคล้อยแล้ว
“ ท่านนั่งอยู่ที่นี่นะ ข้าจะไปหยิบชามข้าวมาให้ ” แล้วเพ่ยอันก็เดินกลับไปในครัวแล้วยกจานข้าวมาส่งให้เขา อ๋องหนุ่มรับเอาไว้ แล้วจ้องมองใบหน้าหวานของเมียหมาดๆ ที่เพิ่งแต่งงานกันโดยราชโองการที่คนออกคำสั่งนั้นต้องการหยามหน้าเชาโดยการให้แต่งงานกับบุตรีของขุนนางที่ต่ำต้อยและไม่มีความสำคัญใด ไม่มีความสามารถโดดเด่น ที่ขึ้นมาเป็นขุนนางระดับนี้ได้ก็เพราะการหนุนหลังของครอบครัวเดิมของภรรยา และถ้าเขาคาดไม่ผิดบุตรสาวคนนี้คงจะเป็นบุตรของอนุอีกด้วย เพราะได้ยินมาว่าขุนนางคนนี้นั้นมีภรรยามาก ในจวนมีอนุหลายคน
แม้นางได้ชื่อว่าแต่งงานกับเขา แต่ก็ยังไม่ได้เข้าพิธีไหว้ฟ้าดิน เขามองตามหลังนางไปอย่างครุ่นคิด เพ่ยอันเดินเข้าไปในห้องนอนของอ๋องหนุ่ม แล้วยกตัวโต๊ะเล็กที่วางป้านน้ำชาของเขาออกมาวางไว้ข้างๆเขา แล้วกลับไปยกป้านน้ำชาและจานรองที่มีถ้วยชาอยู่บนนั้นสองสามถ้วยกลับมาวางไว้บนโต๊ะเล็กข้างๆเขา
“ ท่านอ๋อง ข้าจะไปตลาดนะ เพราะต้องไปซื้อข้าวสารและของใช้ส่วนตัวของข้าด้วย แล้วจะกลับมาซักผ้ากับทำความสะอาดกบ้าน เพราะออกไปตลาดสายเกินไปแดดมันร้อน ข้าไปก่อนล่ะ ” เพ่ยอันบอกกับสามีหมาดๆ แล้วเดินไปที่ห้องของตนเองแล้วก็เดินกลับออกมาอีกครั้ง แล้วเดินเลยออกจากประตูจวนหายไป โดยมีสองพ่อลูกมองตามหลังนางไปจนลับตา อ๋องหนุ่มเลิกคิ้วสูง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะพบสตรีที่ดีเช่นนี้
นางต่างกับอดีตชายาของเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย อดีตชายาที่เป็นมารดาของลี่หลินทำงานอะไรก็ไม่เป็นเพราะนางเป็นบุตรสาวขุนนางใหญ่และเมื่อนางคลอดลี่หลินแล้วก็เสียชีวิตไปเพราะร่างกายนางก็ไม่ค่อยจะแข็งแรง เขาและนางไม่ได้รักกัน แต่ด้วยการแต่งงานเกิดขึ้นจากการคลุมถุงชนเช่นเดียวกับเจ้าสาวหมาดๆคนนี้ ที่มีคนมาบอกเขาว่านางเป็นบุตรของขุนนางระดับล่างคนหนึ่ง เขามองนางทำงานไปมาจนเวียนหัว นางเก่งมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณหนูในห้องหอจะทำงานเก่งเช่นเดียวกับสาวใช้ในจวนที่ทำงานบ้านมาทั้งชีวิตเสียอีก กับข้าวง่ายๆของนางกับข้าวร้อนๆนี่ก็อร่อยมาก เขาเพิ่งรู้ว่าการแต่งงานกับบุตรขุนนางต่ำต้อยมันจะดีเช่นนี้
อ๋องหนุ่มแม้ยังทำใจเรื่องขาที่หักไปและชีวิตที่ผกพันของตนเองยังไม่ได้มากนัก แต่เพราะบุตรสาวคนเดียวที่นั่งพุ้ยข้าวเข้าปากอยู่นั่นมันเป็นกำลังใจให้เขาสู้ต่อไป และยิ่งเขาเห็นภรรยาใหม่ที่มีจิตใจดีเหลือเกิน ไม่รังเกียจสภาพของเขาและบุตรสาวทั้งนางยังทำงานอย่างขันแข็งทั้งที่นางนั้นงดงามไม่น้อย หากแต่งกายดีๆนางก็นับเป็นคุณหนูในห้องหอที่งามพร้อม นับว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายของเขาที่ได้นางมาเป็นภรรยา
ส่วนเพ่ยอันที่เดินเข้าไปในห้องของตนเองแล้วเปิดหีบใบเล็กที่วังหลวงให้มาเป็นสินสอด นางพบเงินหนึ่งตำลึงในนั้นและมีปิ่นรูปดอกไม้ที่มีพลอยประดับและกำไลหยกอีกหนึ่งวงด้วย แม้จะดูน้อยนิด แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย นางจะนำของทั้งหมดไปขายเพื่อนำเงินมาประทังชีวิต เพราะของในครัวแทบจะไม่มีอะไรเหลือแล้ว เงินที่มารดาให้มานั้นคงจะพอประทังชีวิตไปได้อีกไม่นาน นางจึงคิดว่าจะนำของพวกนี้ไปขายก่อนดีกว่า นางเก็บเงินตำลึงซุุกเอาไว้ใต้ที่นอนก่อน แล้วหยิบปิ่นกับกำไลเหน็บไว้ที่เอวแล้วเดินออกไป
เมื่อถึงตลาดนางก็มองหาร้านรับจำนำแล้วเดินเข้าไปในร้าน เมื่อเถ้าแก่เจ้าของร้านมองดูปิ่นปักผมกับกำไลหยกของนางแล้วหยิบมาส่องดู ครู่หนึ่งเขาก็เขียนตั๋วเงินให้นาง แล้วเงยหน้าขึ้นมาถามว่าจะขายขาดเลยหรือว่าจำนำเอาไว้ก่อน เพ่ยอันนิ่งคิดดูว่า นางคงไม่มีเงินมาไถ่คืนในเร็ววันนี้จึงได้บอกว่าจะขายขาดไปเลย เขาจึงได้เขียนตัวเลขลงไปในตั๋วเงิน แต่เพ่ยอันรีบพูดขึ้นมาก่อน
“ ขอเป็นเงินตำลึงเอาไว้บางส่วนเจ้าค่ะ ที่เหลือค่อยรับเป็นตั๋วเงิน ” นางบอกกับเถ้าแก่จึงเขียนตัวเลขเสียใหม่ แล้วหยิบเงินส่งให้นางสามสิบตำลึง เพ่ยอันตะลึงงัน ของสองชิ้นนั้นมีราคาไม่น้อย นางรับตั๋วเงินนั้นมาดูพบว่าเป็นจำนวนเจ็ดสิบตำลึง เรารวยแล้วไม่น่าเชื่อเลย นางรำพึงกับตนเองอย่างตื่นเต้น นางพับตั๋วเงินเก็บไว้ที่เอวแล้วจึงใส่เงินตำลึงเอาไว้ในถุงเงินของนางจนถุงแทบจะปริแตก ในชีวิตไม่เคยมีเงินมากขนาดนี้มาก่อน เพ่ยอันแทบจะไชโยโห่ร้องด้วยซ้ำไป
นางไม่คิดว่าวังหลวงจะให้ของมีค่าเช่นนี้มาเป็นสินสอดแต่ก็ดีแล้ว อย่างน้อยครอบครัวน้อยๆนี้จะไม่อดอยากปากแห้งอีกต่อไป และนางจะไปรับท่านแม่มาอยู่ด้วยกันที่นี่มีห้องว่างให้นอนกับนางหรือนอนห้องอาหลินไปก่อนก็ได้ แล้วค่อยขยับขยายก็ยังได้ เพ่ยอันคิดอย่างยินดีไม่น้อย
นางเดินไปที่ร้านขายข้าวสารสั่งข้าวสารหนึ่งกระสอบเกลือสองชั่งซีอี๊วหนึ่งไห ผักดองหนึ่งไห เต้าหูหนึ่งแผ่นใหญ่ บอกว่านางจะกลับมาขอฝากของเอาไว้ก่อน แล้วจะบอกว่าให้ไปส่งที่ไหน เถ้าแก่ก็รับปากอย่างยินดี เพ่ยอันเดินต่อไปที่ร้านหมูก็สั่งเขาหั่นหมูให้ชิ้นใหญ่ทั้งหมดห้าชิ้น นางจะแบ่งเอาไว้ทำหมูหวานไว้ให้กับอาหลินกินกับข้าวสวย เพราะมันอร่อยและเก็บเอาไว้ได้นานอีกด้วย
จากนั้นก็เดินต่อไปพบป้าแก่ๆกับหลานชายนั่งขายไข่ไก่อยู่ข้างทาง จึงได้เหมาของแกทั้งหมดแต่มันก็เหลือไม่มากแล้ว และให้หลานชายของแกไปส่งให้ที่ร้านขายข้าวสาร แล้วนางก็เลือกซื้อผลไม้และผักสดที่ชาวบ้านนำมากองขายได้ผักสดๆต้นอวบมาสามกำ หัวผักกาด หัวไชเท้า และนางเห็นมีหมูแดงหมูกรอบขายจึงได้ซื้อติดมือมาด้วยเพื่อเป็นอาหารเย็นนี้ เพราะวันนี้กลับไปจะต้องทำความสะอาดบ้านและซักผ้าอีก คงจะเหนื่อยมากจนแทบไม่มีแรงทำอาหารเย็น ข้าวก็หุงเอาไว้แล้ว ซื้อกับข้าวกลับไปก็ง่ายดี เด็กก็กินได้ด้วย
บทส่งท้าย เรื่องชีวิตรักของคุณชายหวู่เฉิงหว่าน นั้นอาภัพรักจริงหรือไม่ …..คุณชายหวู่เฉิ่งหว่านผู้ช้ำรัก หลังจากที่เขากลับมายังเมืองชานตง และได้เข้าไปที่ร้านอาภรณ์พบกับมารดาของเพ่ยอัน และได้รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเพ่ยกันกลับไปคืนดีกับสามีของนางแล้ว และพวกเขากำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และนางนั้นได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋องอี้เหวิน และอีกไม่นานมารดาของนางที่ดูแลร้านให้เขาอยู่ในขณะนี้ก็จะขอลาออก เพื่อย้ายไปอยู่กับบุตรสาวที่ตำหนักของท่านอ๋อง เพราะเพ่ยอันตั้งครรภ์ตั้งแต่อยู่ที่ร้านนี้แล้ว แต่นางไม่ได้บอกผู้ใด จนเมื่อคืนดีกับสามีนางถึงได้บอกกับทุกคนว่านางตั้งครรภ์บุตรของท่านอ๋องอี้เหวินแล้ว เป็นอันว่าหนทางรักของเขากับเพ่ยอันสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ความหวังของเขาที่จะรับนางเป็นอนุนั้นเป็นหมันลงอีกครั้ง แต่อีกใจนั้นเขาก็ยินดีกับนางด้วย นางนั้นมีวาสนาได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋อง จะมามัวอยากจะฉุดรั้งนางเอาไว้กับเขาและมอบเพียงตำแหน่งอนุให้กับนางนั้น ดูจะเป็นการเห็นแก่ตัวไม่น้อย คุณชายหนุ่มรับปากกับมารดาของเพ่ยอันว่าจะหาคนมาดูแลร้านนี้แทนนาง และมารดาของเพ่ยอันนั้นก็แสนจะดี นางบอกว่าจะอยู่ดูแลร้
“ อ๊าย อ๊ายย อ๊ะ อ๊ะ อย่านะ อย่านะ อ๊าย ” อดีตชายาที่กำลังจะต้องหวนคืนกลับมาดิ้นรนส่ายร่างไปมา นางแอ่นอกจนโค้งขึ้นหาปากหนานั่น อ๋องหนุ่มยิ่งดูดดึงนางยิ่งขึ้น เขาทั้งเลียทั้งดูดดื่มมัน จนร่างบางครวญครางกระเส่าอย่างทนต่อไปไม่ไหวมือหนาของเขาควานลงไปในชุดกระโปรงของนางจนพบเนินอวบใหญ่เต็มมือของเขา แล้วตรงเข้าขยำมันเบาๆ บีบเค้นคลึงไปมา นิ้วแกร่งก็สอดเข้าไปควานในร่องอวบนั้น นิ้วแกร่งสอดเข้าไปในร่องอวบนั้นช้าๆ จนมันมิดลำกาย เพ่ยอันกรีดร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดเพราะนางนั้นแม้จะเคยเริงรักกับเขามาแล้ว แต่ก็ห่างกายกันไปนาน จึงยังทั้งเจ็บทั้งแสบไม่น้อย อ๋องหนุ่มประกบจูบนางทันทีอย่างดูดดื่ม เขาวนเวียนจูบนางจนเคลิบเคลิ้ม มือด้านล่างก็ชักเข้าสุดออกสุด จากที่เป็นจังหวะช้าๆก็เร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกระแทกนางอย่างรัวเร็ว “ อ๊าย อ๊าย อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ” สะโพกอวบของนางกระตุกเกร็งหลายๆครั้ง น้ำหวานของนางซึมออกมาเปื้อนมือของเขา ร่างบางหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย อ๋องหนุ่มปลดสายคาดเอวของเขาออก แล้วดึงรั้งกางเกงเอารูดของเขาลงไปจนพ้นหัวเข่า เพื่อปลดปล่อยลำกายอวบใหญ่่ออกมา มันพรักพร้อมเมื่อเห็นเมียรักส่า
ส่วนอ๋องหนุ่มทำเป็นยังไม่ฟื้นแต่ก็แอบมองชายาของตนเองเวลาที่นางเผลอ เขาไม่อยากจะหายเร็วจนเกินไป อยากจะแสร้งทำเป็นเจ็บป่วยและอ้อนนางอยู่ที่นี่จนกว่านางจะหายโกรธและยอมกลับตำหนักไปกับเขา ก่อนมาเขาขอให้ฮ่องเต้ที่เป็นพี่ชายต่างมารดาของเขาดูแลท่านหญิงน้อยให้เขาแล้วจึงไม่ต้องเป็นห่วงบุตรสาว อ๋องหนุ่มแสร้งทำเป็นนอนสลบอยู่บนเตียงยังไม่ฟื้นทั้งที่จริงเขาฟื้นหลังจากที่ท่านหมอกลับไปเพียงแค่ครู่เดียว และเขารู้สึกว่าไม่ได้เจ็บปวดอะไรมาก เพียงแค่เขาอาจจะเคยมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะมาก่อนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ความจำเสื่อมและคงจะกระแทกถูกบาดแผลเก่าเข้า ทำให้เขาสลบไป แต่เขารู้สึกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก มีเพียงแค่แผลที่หัวและที่แขนซ้ายนิดหน่อยเท่านั้น หลังจากที่นอนไปหลายชั่วยามก็รู้สึกว่าอาการดีขึ้นมากจนสามารถลุกขึ้นได้แล้ว แต่เขาเกรงชายาจะไล่ให้เขากลับไปเขาจึงทำเป็นยังไม่ฟื้น และเมื่อถึงเวลาค่ำคืน หลังจากที่มารดาของเพ่ยอันมาดูอาการท่านอ๋องก่อนที่นางจะเข้านอนในอีกห้องหนึ่งแล้ว เพ่ยอันจำต้องอยู่ดูแลเขาในห้องนี้เผื่อว่าเขาจะฟื้นขึ้นมานางจะได้ให้เขาดื่มยาที่ท่านหมอเจียดเอาไว้ให้เพ่ยอันเดินไปนอนที่ตั่งไม้ริมผนั
แต่นั่นเป็นเพียงความคิดของเพ่ยอันเพียงเท่านั้น อ๋องหนุ่มตั้งใจเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่มีทางยอมแพ้ เขาเช่าห้องแถวที่ว่างอยู่ตรงข้ามกับห้องแถวของนางเพื่อจับตาดูนางกับคุณชายหวู่และอาจจะมีบุรุษอีกหรือไม่ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่านางมีรักใหม่กับชายอื่น และนางคิดจะสวมหมวกเขียวให้เขาหรือไม่ ด้านฮ่องเต้ก็สถาปนาพระสนมเอกคือท่านหญิงอวี้ชางและย้ายนางมาอยู่ตำหนักใกล้ๆกันกับเขา โดยบิดาของนางตอนแรกก็ตกใจยิ่งนัก เพราะเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง แต่กลับกลายเป็นธิดาของเขาได้ดีกว่าเดิม นางกลายเป็นสนมเอกของฮ่องเต้และดูทั้งสองจะรักใคร่และหลงไหลกันมากอีกด้วย ท่านอ๋องอิ้นจึงไม่รื้อฟื้นเรื่องการแต่่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวินอีก เขาปล่อยผ่านมันไป เพราะเขาสมใจเรื่องธิดาแล้ว และนางทำท่าว่าจะได้ดีกว่าเดิม อีกไม่นานคงจะเลื่อนขัั้นขึ้นไปอีก เพราะเขาสังเกตุว่าฮ่องเต้ดูจะหลงไหลนางมาก หากนางตั้งครรภ์มังกรเขาก็สบายและนางเองก็สบาย เมื่อเสร็จพิธีการสถาปนาธิดาเขาก็เดินทางกลับไปยังเมืองที่ตนเองปกครองทันที เรื่องของท่านหญิงอวี้ชางก็จบลงโดยดี นางพอใจและหลงไหลฮ่องเต้หนุ่มมาก นางแทบจะลืมไปเลยว่านางเคยหลงรักท่านอ๋องอี้เหวิน เพราะนาง
อ๋องหนุ่มนั้นเมื่อไปราชการนอกเมือง เมื่อนั่งรถม้ากลับมากับคนสนิทคือเฉฺิินหมิ่นนั้น อยู่ๆ เขากลับฟื้นความทรงจำได้ และจดจำได้ว่าตนเองแต่งงานใหม่แล้ว และชายาคือหยูเพ่ยอัน เขารีบกลับไปที่จวนท้ายตลาด แต่ไม่พบใครที่นั่น และนางไม่ได้เขียนจดหมายทิ้งไว้เลย นางพวกนางพากันย้ายไปอยู่ที่ใด นางเก็บข้าวของๆนางและมารดาไปหมด พวกเขาค้นทุกอย่างในจวนแล้ว มีแต่ข้าวของๆ ท่านอ๋องและท่านหญิงน้อยที่เก็บเอาไว้ที่เดิม แต่ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของๆสองแม่ลูกเลย มีเพียงข้าวของที่พวกเขาซื้อหามาใช้และนางคงจะขนเอาไม่ได้ได้ จึงไม่ได้เก็บเอาไปด้วย อ๋องหนุ่มรู้สึกว่าความหวังว่าจะได้อยู่กันพร้อมหน้านั้นพังลงไปในพริบตา เมื่อพบว่าในจวนนั้นว่างเปล่าไม่มีร่างของเมียรักของเขาอยู่เลย “ ท่านอ๋องขอรับ พวกนางคงจะไปหลายวันแล้ว เพราะว่าฝุ่นเริ่มจะจับไปจนทั่ว ถ้าเช่นนั้นเรากลับกันก่อนดีหรือไม่ แล้วค่อยสืบหาพวกนางว่าย้ายไปอยู่ที่ใดกัน ” อ๋องหนุ่มนั่งนิ่งงัน เขานึกไม่ออกว่านางจะไปที่ใด และทำไมนางถึงไม่อยู่รอเขาที่นี่ หาเขาเสร็จภารกิจย่อมจะต้องกลับมารับนาง เฉินหมิ่นเห็นท่านอ๋องมีท่าทางเสียใจ เขาจึงได้สารภาพว่าเขาบอกกับพระชายาไปอย่า
แต่เมื่อค้นพบแล้วก็จะเก็บนางเอาไว้บำเรอรักเช่นนี้ แต่เขามิอาจยกนางเป็นฮ่องเอาได้ แต่เขาจะยกนางเป็นสนมเอกและท่านอ๋องอิ้นบิดาของนางก็คงจะพอใจที่นางจะแต่งเป็นเพียงชายาของอ๋องอี้เหวินน้องชายของเขา กับหญิงอื่น เขาแต่งกับพวกนางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้นเพียงเท่านั้น และบางนางเขาก็แต่งเพื่อถ่วงดุลอำนาจของเขา และเพื่อความมั่นคงของแคว้นเพียงเท่านั้น เขาอยู่กับพวกนางเพราะหน้าที่ ดูแลพวกนางตามหน้าที่ของสวามี แต่กับท่านหญิงอวี้ชางสนมหมาด ๆ ผู้นี้ หญิงที่เขามองข้ามไม่เคยสนใจ เพราะเห็นว่านางจืดชืดจนเกินไป และทุกอย่างที่เขาทำลงไปในวันนี้ก็เพื่อน้องชายร่วมบิดา คืออ๋องอี้เหวินเท่านั้น แต่เขากลับพบว่า นางถูกอกถูกใจเขายิ่งนัก ฮ่องเต้หนุ่มโยกขย่มร่องอวบของนางสนมหมาด ๆ อย่างเร่าร้อน นางก็โยกสะโพกอวบรับลำกายแกร่งของเขา สองแขนเรียวก็ยกขึ้นโอบลำคอเขาเอาไว้ โน้มใบหน้าของเขาลงมาประกบจูบกันอย่างเต็มอกเต็มใจ ตอนนี้นางติดใจในรสรักของเขาไม่น้อย นางสุขสมเหลือเกิน “ พระองค์ หม่อมฉันจำได้แล้ว พระองค์คือองค์ฮ่องเต้ ใช่หรือไม่เพคะ ” อยู่ๆนางก็พลันนึกออกว่าเคยเห็นเขาที่ใด นางพบเขามาหลายครั้งแล้วนับ