แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: เย่ชิงขวง
นางเอ่ยเป็นจริงเป็นจัง แววตาใสซื่อบริสุทธิ์ ทว่ากลับทำเอากู้ชูหลันและอี๋เหนียงห้าโกรธจนสั่นไปทั้งตัว

"กู้ชูหน่วน เจ้าโกหก ตอนที่เจ้าบังคับให้ข้าดื่มเมามายพันกาล มิได้ท่าทางเช่นนี้เลย"

"น้องสาว ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าพูดเรื่องอันใด ข้ารู้ว่าข้าผิด ไม่ควรจะไปสาย น้องสาวอย่าโกรธเลยได้หรือไม่"

กู้ชูหลันเสียสติ ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของนางถูกอีกฝ่ายทำลาย แต่อีกฝ่ายกลับทำเป็นใสซื่อเหมือนกระต่ายขาวตัวน้อย ความโกรธเอาชนะกู้ชูหลัน นางตะกายตัวขึ้นมาหมายจะบีบลอคำของอีกฝ่าย ราวกับอยากจะบีบคอกู้ชูหน่วนให้ตายทั้งเป็น

"สามหาว"

เสียง "ปึง" ดังขึ้น อัครเสนาบดีกู้ตบโต๊ะ โมโหเลือดขึ้นหน้า

เว้นเสียแต่กู้ชูหน่วน ทุกคนต่างตื่นตกใจ

ส่วนอี๋เหนียงห้าก็กระชากกู้ชูหลันให้คุกเข่าลงเสียงดังโครม "นายท่านใจเย็นเจ้าค่ะ หลันเอ๋อร์ก็แค่คิดน้อยไปจึงได้ออกไปกับคุณหนูสาม เมามายพันกาลนั่น ต้องมีคนจงใจวางยาแน่"

ฮูหยินใหญ่และอี๋เหนียงสามรวมถึงคนอื่นๆ พากันแค่นหัวเราะ

มีคนจงใจวางยางั้นรึ? หมายถึงพวกนางอย่างนั้นหรือ?

อี๋เหนียงห้าเป็นที่โปรดปรานของอัครเสนาบดี ยามปกติแล้วมักจะอวดเบ่งวางอำนาจกับพวกนางอยู่บ่อยๆ ยามนี้กู้ชูหลันแปดเปื้อนมลทิน พวกนางเองก็อยากรู้นักว่าอี๋เหนียงห้าจะพลิกหน้ามือเป็นหลังมือได้อีกไหม

ที่โง่ที่สุดก็คือ กู้ชูหน่วนขี้ขลาดอย่างกับหนู อ่อนแอแต่กำเนิด เว้นเสียแต่ไปจุดธูปไหว้แม่ที่จากไปของนางแล้ว ก็ไม่เคยออกนอกจวนเลย ทั้งยังไม่ญาติสนิท จะไปรู้จักเมามายพันกาลได้อย่างไร? แถมจะไปหาซื้อเมามายพันกาลจากที่ไหน

หากกู้ชูหลันจะโยนความผิด ก็ควรหาเหตุผลที่ดีกว่านี้

เสียบริสุทธิ์แล้ว คนเรานั้นโง่ลงหรือไร?

อี๋เหนียงสามแสยะยิ้ม น้ำเสียงเย้ยหยัน "เฮ้อ ไม่รู้ว่าผู้ใดบอกท่านอัครเสนาบดีว่าคุณหนูสามหนีไปที่วัดร้างกับบ่าวไพร่ นอกจากจะทำร้ายผู้อื่นไม่สำเร็จแล้ว กลับกันเป็นตัวเองที่ซวย"

อี๋เหนียงห้าสีหน้าดูไม่ได้

เพราะนางต้องการให้ลูกสาวของตัวเองได้เป็นเจ๋ออ๋องเฟย จึงได้เล่นงานกู้ชูหน่วน นางไหนเลยจะคาดเดาได้ว่า คนที่นางคิดจะทำร้ายนั้น กลับกลายเป็นลูกสาวของนาง

คิดไม่ถึงเลยว่าความบริสุทธิ์ของลูกสาวตัวเองจะสูญสิ้น อี๋เหนียงห้าในใจโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ใบหน้านั้นกลับสะอื้นไห้ น่าสงสารเหลือเกิน

"นายท่านเจ้าคะ หากข้าคิดจะทำร้ายคุณหนูสาม แล้วเหตุใดถึงได้โง่เง่าทำร้ายลูกสาวของตัวเองเล่า ต้องมีคนจงใจวางแผนทำร้ายพวกข้าแน่นอน"

"เป็นฝืมือนางสารเลวกู้ชูหน่วนนั่นแหละเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ท่านต้องจัดการให้ข้านะเจ้าคะ"

อี๋เหนียงห้ากระตุกชายผ้ากู้ชูหลัน ส่งสายตาบอกนางว่าอย่าพูดไม่เข้าเรื่องอีก

ทว่ากู้ชูหลันที่กำลังเลือดขึ้นหน้ามีหรือจะสงบนิ่งเหมือนดั่งเคยได้

"ท่านพ่อ ท่านต้องสั่งสอนนางสารเลวนี่ นางหน้าซื่อใจคด"

จวบจนยามนี้ ร่างกายท่อนล่างของนางยังคงปวดร้าวเหมือนถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ทั้งหมดต้องโทษกู้ชูหน่วน

"พอได้แล้ว ชูหน่วน เจ้าว่ามาซิว่าเรื่องมันเป็นเช่นไรกันแน่ เจ้าได้กรอกเมามายพันกาลใส่ปากน้องสาวเจ้าหรือไม่?"

กู้ชูหน่วนหัวเราะเสียงเย็น

คำก็สารเลว สองคำก็สารเลว หากนางสารเลวจริง แล้วตาเฒ่ากู้จะเรียกว่าอะไร?

พ่อชั่ว?

ถึงจะขยะแขยง แต่กู้ชูหน่วนก็ยังคงเอ่ยอย่างน่าสงสาร "หากน้องสาวบอกว่าใช่ เช่นนั้น...เช่นข้าเป็นคนทำก็ได้เจ้าค่ะ"

กู้ชูหลันหอบหายใจอกกระเพื่อม โมโหจนหัวใจจะวายตาย หากไม่ใช่เพราะอี๋เหนียงห้ารั้งนางไว้ ป่านนี้คงสะบัดหน้าเดินหนีไปแล้ว

"ต่อให้เป็นวันรำลึกของแม่เจ้าก็เถอะ เจ้าจะพาบ่าวไปด้วยสักสองสามคนก็ได้ กลางค่ำกลางคืนเช่นนั้น เด็กผู้หญิงออกไปทำอะไรข้างนอกตัวคนเดียว?"

"ลูกก็อยากจะพาคนไปด้วยสักสองสามคนอยู่หรอกเจ้าค่ะ แต่ว่า... แต่ว่าน้องห้าบอกว่า นางพาคนมาเยอะแล้ว ข้าไม่ต้องพามา ตอนนั้นที่น้องห้าพุดแบบนี้อยู่ มีคนอยู่เยอะแยะ หากไม่เชื่อท่านจะถามพวกเขาก็ได้เจ้าค่ะ"

อี๋เหนียงสามเล่นเล็บที่ทาสีของตัวเองอย่างเบื่อหน่าย เอ่ยพลางหัวเราะ "คุณหนูห้าพูดเช่นนั้นจริงๆ ทั้งยังให้คนขวางชิวเอ๋อร์เอาไว้ด้วย"

คุณหนูเจ็ดกู้ชูฉิงที่ยังไม่รู้ทิศด้วยซ้ำก็รีบสมทบ "ข้าก็เห็น"

อี๋เหนียงห้าร้อนรน ลางว่าวันนี้เรื่องคงจบไม่สวย

อัครเสนาบดีกู้ตวาดลั่น "ดึกดื่นปานนั้นเจ้าออกไปทำอะไร"

"นายท่าน..."

อี๋เหนียงห้าอยากอธิบาย แต่อัครเสนาบดีกู้เลือดขึ้นหน้า "หุบปากของเจ้าเสีย หากไม่ใช่เพราะเจ้าตามใจนางจนเคยตัว จะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ชูเอ๋อร์ เจ้าบอกมาซิ เหตุใดถึงไปที่วัดร้าง"

หลังจากอาละวาด กู้ชูหลันก็รู้แล้วว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีต่อนางนัก หากท่านพ่อไม่เอ็นดูนางอีกต่อไป เช่นนั้นชีวิตนางคงจบเห่แล้ว

กู้ชูหลันปาดน้ำตา สะอื้นฟ้องอย่างน่าสงสาร "ลูกได้ยินว่าเมื่อวานเป็นวันรำลึกของท่านแม่ของท่านพี่ เดิมทีข้าอยากจะไปไหว้ศพกับท่านพี่ แต่ก็กลัวว่าท่านพี่จะไม่อยากให้ใครไปรบกวนท่านแม่นาง เพราะอย่างนั้นข้าถึงนัดพบนางที่วัดร้าง แล้วกลับบ้านพร้อมกัน ใครจะไปคิดว่า..."

ไม่มีผู้ใดเชื่อถ้อยคำเหล่านั้น

ชีวิตในจวนของกู้ชูหน่วนมิได้สุขสบายเลย หากนางเป็นห่วงกู้ชูหน่วนจริง ยามปกติคงไม่มีทางกลั่นแกล้งอีกฝ่ายเช่นนั้น

อัครเสนาบดีกู้จะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางโกหก เพียงแค่เขาไม่อยากวุ่นวายเรื่องนี้แล้ว จึงโยนความผิดให้กู้ชูหน่วนทั้งหมด

"เป็นความผิดของเจ้าทั้งหมด หากเจ้าไม่คิดจะไปไหว้แม่เจ้าที่วัดอวิ๋นชิง เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้น วันหน้าหากจะไหว้ก็ไหว้ที่เรือน"

กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น แผ่นหลังตั้งตรง ปากขยุบขยิบเอ่ยค่อนแคะเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

"ท่านแม่ข้าบอกว่า นางอยู่ข้างล่างนั้นแสนเปล่าเปลี่ยว ยามตายก็อเนจอนาถ นางอยากจะมาหาท่านพ่อยิ่งนัก อยากเจออี๋เหนียงทุกคนด้วย"

"จะมาเจอพวกข้าทำไม?" อี๋เหนียงห้าสันหลังเย็นวาบ

"ท่านพ่อแต่งงานกับท่านแม่ข้าก่อน หลังจากนั้นก็เมตตารับพวกท่านเป็นอนุ แน่นอนว่าอยากรู้ว่าพวกท่านสุขสบายดีหรือไม่ รักกันดีหรือไม่"

ทุกคนหน้าถอดสี

เมื่อนึกถึงแววตาเคียดแค้นของแม่กู้ชูหน่วนก่อนตายก็แอบขนลุกเกลียว

สายตาแหลมคมของฮูหยินใหญ่ฉาบไปด้วยความสงสัย แววตาของกู้ชูหน่วนเมื่อครู่ไม่ได้ขี้ขลาดเหมือนแต่ก่อน กลับกันดูเย็นชา อวดดี หรือว่านางตาฝาดไปอย่างนั้นหรือ?

อัครเสนาบดีกู้เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "เอาละ เรื่องนี้ก็จบเพียงเท่านี้ เรื่องที่หลันเอ๋อร์เสียบริสุทธิ์ ห้ามผู้ใดแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นก็รอดูว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าอย่างไร"

"เจ้าค่ะ" อี๋เหนียงสามและคนอื่นๆ ขานตอบ

อัครเสนาบดีกู้ชี้ไปที่กู้ชูหลันอย่างขุ่นเคือง "ช่วงนี้เจ้าก็อยู่ที่เรือนไปก่อน ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น"

"เจ้าค่ะ"

กู้ชูหลันน่าสงสารเหลือเกิน

นางเสียความบริสุทธิ์ไปโดยใช่เหตุ ทั้งยังถูกดุด่าว่ากล่าวอีก ส่วนตัวตนเรื่องกลับลอยตัวไร้ความผิด จะให้นางยอมได้อย่างไร

"อีกอย่าง ทำตัวให้ดีๆหน่อยหากข้ารู้ว่าเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของหลันเอ๋อร์ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่"

กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น

ใครจะปล่อยใครไปก็ยังไม่แน่

หลังจากอัครเสนาบดีกู้ออกไป อี๋เหนียงห้ากลัวว่าอัครเสนาบดีกู้จะไม่เอ็นดูกู้ชูหลันอีกต่อไป จึงรีบตามออกไป ไม่มีเวลาสนใจลูกสาวตัวเอง

ฮูหยินใหญ่ อี๋เหนียงสาม กู้ชูฉิงและคนอื่นๆ ต่างส่งยิ้มดูถูกเหยียดหยามให้กู้ชูหลัน

ณ ที่นั้นเหลือเพียงกู้ชูหน่วนและกู้ชูหลันแค่สองคน

สีหน้ากู้ชูหน่วนหยิ่งผยองอย่างเห็นได้ชัด ราวกับตนนั้นสูงส่งเหนือชั้น สายตามองต่ำ ไม่เหลือเค้าคนอ่อนแอเมื่อครู่

"เจ้า out แล้ว"

กู้ชูหลันมึนงง "หมายความว่าอย่างไร"

"แปลว่าเจ้าแพ้แล้ว" ความบริสุทธิ์ของหญิงสมัยโบราณนั้นสำคัญยิ่งกว่าชีวิต หากสิ้นความบริสุทธิ์แล้วก็ไม่ต่างอะไรจากแพ้ไม่ใช่หรือ?

ขณะที่กู้ชูหลันยังคงงงงวยว่านางหมายความว่าอย่างไร กู้ชูหน่วนก็ผิวปากเดินเริงร่าจากไป

แค้น

นางแค้นจนอกแทบระเบิดออกมา

กู้ชูหลันเขวี้ยงแจกันดอกไม้บนโต๊ะแตกกระจาย ร้องตะโกนลั่น "กู้ชูหน่วน สักวันหนึ่ง ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ กรี๊ด..."

ให้ตายสิ ยามอยู่ต่อหน้ากู้ชูหน่วนเมื่อครู่ จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนดั่งมดตัวกระจ้อยร่อย แต่อีกฝ่ายคือผู้กุมอำนาจชี้เป็นชี้ตาย เพียงพลิกฝ่ามือก็เรียกเมฆเรียกฝนได้

อีกฝ่ายเป็นแค่หญิงอัปลักษณ์ที่มีตำแหน่งคุณหนูสายตรงก็เท่านั้น ทั้งยังเป็นคนที่นางดูแคลนที่สุด เหตุในนางถึงได้รู้สึกประหลาดเช่นนั้น
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 585

    ซี้ดดด... ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา คนทั้งสำนักบัณฑิตหลวงต่างก็พากันลนลาน พวกเขารอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว นับประสาอะไรกับแปดปีสิบปี หากต้องรอเป็นสิบปี เช่นนั้นผมคงได้ขาวกันก่อนแน่ "หานอ๋องเฟย หากท่านหิว ท่านก็หาอะไรกินก่อน หากเหนื่อย ก็นอนพักสักงีบ แต่สิบปีมันนานเกินไป พวกข้าได้รอจนว้าวุ่นใจเป็นแน่" "นั่นน่ะสิ หากอ่านเรื่องนี้ไม่จบ ข้าคงค้างคาใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ เฝ้ารอให้ท่านเขียนต่อ" กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ คนเหล่านี้ เห็นนางเป็นนักเขียนนิยายไปแล้วหรืออย่งไร นางว่างขนาดที่มีเวลามาเขียนนิยายให้พวกเขาอ่านกันหรืออย่างไร บัณฑิตหนึ่งในนั้นพูดด้วยความร้อนรน "ปิ่นระย้าด้ามนั้นของอาจารย์ซ่างกวานประณีตงดงาม หยกก็ยังเป็นของชั้นดี หรือว่าท่านไม่อยากได้ที่หนึ่ง ไม่อยากได้ปิ่นระย้าผีเสื้อหยกขาวแล้วหรือ" "ข้าอยากรักษาชีวิตข้าไว้มากกว่า" ทั้งสำนักบัณฑิตหลวงเสียงดังระงม บ้างก็เตือนกู้ชูหน่วน บ้างก็ส่งข้าวส่งน้ำมาให้กู้ชูหน่วน บ้างก็ตัดพ้อหานอ๋องและฮ่องเต้เย่ หากไม่ใช่เพราะพวกเขา มีหรือที่กู้ชูหน่วนจะหยุดเขียน ยังมีบางคนที่คอยวิเคราะห์เนื้อหาตอนต่อไป ซ่าง

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 584

    ณ สำนักบัณฑิตหลวง กู้ชูหน่วนเขียนตั้งแต่เช้ายันค่ำ แล้วก็เขียนต่อตั้งแต่ค่ำยันเช้า เขียนจนปวดระบมไปทั้งแขน ข้างหูมีเสียงกระซิบกระซาบ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นไม่หยุด ทั้งยังมีคนจำนวนไม่น้อยเร่งให้นางเขียนเร็วๆ กู้ชูหน่วนโมโห โยนพู่กันขนสัตว์ในมือทิ้ง "รอดูเฉยๆก็เลยไม่เหนื่อยกันใช่หรือไม่ หากพวกเจ้าเร็วนัก เช่นนั้นก็มาเขียนเองเลย" "หานอ๋องเฟย เป็นเพราะท่านเขียนดีเกินไป พวกเราอ่านแล้วก็อดรู้สึกค้างคางใจไม่ได้ อยากจะอ่านทั้งหมดให้จบ" กู้ชูหน่วนร้อนจนต้องถกแขนเสื้อ คนพวกนี้มุงล้อมนางทั่วทุกทิศ อยากให้นางหายใจไม่ออกหรืออย่างไร "อยากให้ข้าเขียนต่อละก็ พวกเจ้าทุกคนถอยหลังไปคนละยี่สิบก้าว ห้ามเข้าใกล้ข้าอีก" หากไม่ใช่เพราะอยากได้ปิ่นระย้า นางไม่มีทางทนจนถึงตอนนี้ ทุกคนต่างก็ไม่ยอมถอย หากถอยหลังไป พอนางเขียนสิ่งใด พวกเขาก็จะมองไม่เห็น แต่หากพวกเขาไม่ถอยไป ก็กลัวกู้ชูหน่วนจะโมโห แล้วเลิกเขียนไปกะทันหัน ถึงเวลานั้นจะเสียหายหนักกว่าเดิม ทำได้เพียงแค่ถอยไปพร้อมกัน ในระหว่างที่กู้ชูหน่วนกำลังไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง ชิงเฟิงพลันปรากฏตัวขึ้นปุบปับ เขาทำความเคารพ แล

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 583

    "หากพระชายาเขียนตามแบบฉบับนี้และเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องกลับมาที่จวนหานอ๋องอีก" "ขอรับ…" ชิงเฟิงรับคำสั่งด้วยใบหน้าสลด ตั้งแต่ที่พระชายาเข้ามาในจวนอ๋อง เขาก็ไม่เคยได้มีชีวิตที่สงบสุขเลยสักวัน เจี้ยงเสวี่ยรีบโพล่งออกมา "นายท่าน ข้าน้อยจะรีบไปบอกให้เรือนชาลฟ้าดำเนินการสืบหาก่อน" ไม่รอเย่จิ่งหานตอบตกลง เจี้ยงเสวี่ยก็แผ่นแน่บออกไปทันที ชิงเฟิงได้แต่นิ่งอึ้ง เหตุใดเขาถึงได้ลืมวิธีนี้ไปอีกแล้ว ต่อไปเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระชายา เขาก็จะรีบเปิดแน่บไป ทิ้งปัญหาไว้ให้กับเจี้ยงเสวี่ยบ้าง ณ คฤหาสน์หลังหนึ่งในเมืองหนานเฉิง นิ้วเรียวขาวดุจหยกของหัวหน้าเผ่าหมอ ปลายนิ้ววาดผ่านเรื่องสั้นหน้าแล้วหน้าเล่า ใบหน้าที่ร้ายกาจมุ่นคิ้วเป็นระยะ บ้างก็อมยิ้ม บ้างก็เสียใจ อารมณ์เปลี่ยนแปลงไปตามเนื้อหา ในที่สุดเขาก็อ่านจนจบ เขาขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ "ที่เหลือเล่า" "นายท่าน บ่าวรับใช้ยังไม่ส่งมา คงใกล้มาถึงแล้ว" “จะช้าเกินไปหรือเปล่า ในเมื่อเดินช้าเช่นนี้ จะเก็บขาเขาไว้ทำไม ตัดทิ้ง แล้วส่งผู้ที่รวดเร็วกว่าไป” "ขอรับ" เซวี่ยซาปาดเหงื่อ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 582

    ต้องรู้ก่อนว่านางเอกหยางฉู่รั่วไม่เพียงแต่มีสัมพันธ์กับเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อ ยังมีสัมพันธ์กับพระรองเฟิงหลิง ที่สำคัญที่สุดคือ ยังมีสัมพันธ์กับเฟิงหลิงบนเตียงของฉู่หนิงเฉินอีกด้วย เขียนให้ฉู่หนิงเฉินไร้ประโยชน์ขนาดนี้ นายท่านของพวกเขาเป็นถึงผู้ใด ฉู่หนิงเฉินจะเทียบได้อย่างไร เย่จิ่งหานรู้สึกว่าชิงเฟิงพูดถูก แต่ก็เหมือนจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ระหว่างที่มองตัวหนังสือเหล่านั้น เขาก็พึมพำกับตัวเอง "นางใช้หยางฉู่รั่วเป็นร่างสมมติของตัวเอง จงใจจะให้ข้าอ่านเรื่องนี้ ให้ข้ารู้ว่านางต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ให้ข้าทะนุถนอมนางหน่อยเช่นนั้นหรือ" ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยกระตุกมุมปาก หยางฉู่รั่วตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง อ่อนแอบอบบาง พระชายาของพวกเขาใช่ผู้ที่ใจดีอ่อนแอ ปล่อยให้คนรังแกได้เสียเมื่อไหร่ แต่ไหนแต่ไรมาก็มีแต่พระชายารังแกผู้อื่น ยังไม่เคยเห็นผู้ใดจะทำให้พระชายาเสียเปรียบได้ แม้แต่นายท่านของพวกเขาก็ถูกพระชายาควบคุมบงการครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีวิธีต่อกรกับนางเลยสักนิด "พวกเจ้าว่า เฟิงหลิงในเรื่องที่พระชายาเขียนคือผู้ใด หัวหน้าเผ่าหมอหรือว่าเซียวอวี่เชียน?" "เรื่องนี้...นายท่าน ไ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 581

    หากเป็นเยี่ยงนี้ เช่นนั้นนางขอปฏิเสธที่จะเขียน แล้วคิดหาหนทางอื่นเพื่อให้ได้ปิ่นระย้าหยกขาวมาครองดีกว่า อาจเพราะสายตาของนางดูแน่วแน่เกินไป น้ำเสียงของซ่างกวานฉู่จึงอ่อนลงมาเล็กน้อย "เช่นนั้นก็ทั้งเมืองหลวงแล้วกัน ห้ามต่อรองอีก ไม่เช่นนั้นจะยึดรางวัลคืน" "อีกอย่าง ต้องเขียนเรื่องด้วยความตั้งใจ ห้ามจบแบบขอไปที ไม่เช่นนั้นรางวัลก็จะถูกยกเลิกเช่นกัน" กู้ชูหน่วนได้แต่กัดฟันตอบรับ "ได้" ช่างเถอะ เพื่อปิ่นระย้าหยกขาว นางจะสู้สุดแรง วันนี้ทั้งวัน กู้ชูหน่วนเร่งมือเขียนเรื่องด้วยความรวดเร็วที่สำนักบัณฑิตหลวง เพราะเรื่องที่นางแต่งยอดเยี่ยมยิ่งนัก เหล่าบัณฑิตล้วนแต่ถูกดึงดูดจนติดหนึบ บัณฑิตคนอื่นๆ ต่างก็เขียนต่อไม่ได้แล้ว แม้แต่กู้ชูอวิ๋นเองก็เขียนต่อไม่ได้ ทุกคนล้อมวงดูนางเขียน มีบางคนถึงขนาดที่คัดลอกทุกตัวอักษรที่กู้ชูหน่วนเขียน เพื่อส่งไปให้คนในครอบครัวของตนอ่าน ทุกครั้งที่กู้ชูหน่วนเขียนเสร็จหนึ่งแผ่น จะมีคนเก็บรวบรวมเพื่อนำให้ไปอาจารย์ซ่างกวานอ่านโดยเฉพาะ นานๆ ทีอาจารย์ซ่างกวานจะอยู่โต้รุ่งไม่ยอมกลับ เขานั่งอยู่ในห้องเรียนตลอด เพื่อรอต้นฉบับของกู้ชูหน่วน ก่อนหน้

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 580

    ทุกคนล้วนแต่รู้สึกดึงดูดจนดึงสติกลับมาไม่ได้ไปชั่วขณะ บ้างก็น้ำตารื้น ปาดน้ำตาไม่หยุด พลางร้องไห้สะอึกสะอื้น "เรื่องที่หานอ๋องเฟยเขียนช่างอนาถยิ่งนัก นางเอกเดิมเป็นที่รักของทุกคน แต่เมื่อผลัดเปลี่ยนรัชกาล ก็ถูกพาตัวเข้าวังไปทรมานตั้งแต่สิบขวบ ทั้งยังต้องคลอดลูกชายของทรราชอย่างเซวียนหยวนจิ่นเจ๋ออีก ตอนที่นางถูกรังแกเพิ่งจะอายุได้สิบขวบ เรื่องโหดร้ายทารุณเช่นนั้น เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อทำลงได้อย่างไร" "ข้าคิดว่าพี่ชายทั้งเจ็ดของนางเอกหยางฉู่รั่วช่างน่าเวทนายิ่งนัก ทุกคนล้วนแต่มีความสามารถโดดเด่น เก่งกาจทั้งบู๊และบุ๋น แต่กลับต้องตายอย่างทรมาน อีกทั้งตระกูลหยางทั้งตระกูล เป็นตระกูลที่จงรักภักดีแท้ๆ เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก" "ไม่ ที่น่าเวทนาที่สุดคือลูกชายของหยางฉู่รั่ว เดิมทีเขาควรเป็นรัชทายาท แต่เพราะเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อไม่ยอมรับเขา ถึงได้มีชีวิตที่เทียบไม่ได้กับกระทั่งข้าทาสในวังหลวง ตั้งแต่เกิดออกมาก็ต้องอยู่อย่างอดๆ อยากๆ ต้องทนหิวและหนาวเหน็บทุกวันคืน แต่เขาก็ไม่เคยตัดพ้อ เก็บของกินไว้ให้หยางฉู่รั่วทุกครั้ง เด็กคนนี้ ช่างรู้เดียงสาจนทำให้คนสงสารจับใจ" "นั่นน่ะสิ เขาถูก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status