ซินหลินมองดูถังไม้ที่อยู่ใต้เตียงของเขา ถังไม้มีฝาปิดเอาไว้อย่างดีเพื่อปกปิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา “ข้าขอเอาถังไม้ของท่านไปล้างก่อนนะ ท่านต้องใช้ตอนนี้หรือไม่?” นางอยากเอามันไปทิ้ง เพราะถังไม้นั้นช่างสกปรกและไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดีพอ
“เจ้าจะทำอะไรก็เอาไปเถอะ ข้ายังไม่จำเป็นต้องใช้ตอนนี้” วันนี้นางทำไมถามเขามากเสียจริง ทุกครั้งที่นางมาที่ห้องของเขา นางก็แทบจะไม่มองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ “ถ้าอย่างนั้น ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว ท่านพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะมาขอดูแผลของท่านทีหลัง” ตอนแรกนางอยากจะดูแผลตรงขาของเขาเลย แต่ตอนนี้นางอยากให้เขาพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน นางเดินเอาถังไม้เหม็น ๆ ออกไปทิ้งด้านนอก มองดูถังไม้ที่ดำเกินกว่าจะใช้งานได้อีก นางคิดถึงอุปกรณ์ดูแลผู้ป่วยที่อยู่ในคอนโด มันก็มีอุปกรณ์ที่ใช้ในเรื่องพวกนี้อยู่ นางเคยเอาพวกมันมาทำวิจัย โดยใช้วัสดุอื่นมาใช้ทดแทนสำหรับหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลจากผู้คน ‘ถ้าข้าเอาของพวกนั้นมาใช้ เขาจะสงสัยข้าหรือไม่? เพราะของสิ่งนั้นมันดีเกินกว่าที่อยู่ในยุคนี้’ ซินหลินไม่คิดนานมากนัก ก็หายตัวกลับไปที่คอนโดและเอากระโถนสำหรับไว้ถ่ายหนัก กระบอกสำหรับถ่ายเบาที่ทำจากไม้อย่างดีเคลือบด้วยสารบางอย่างที่ทำให้เงา เวลาโดนสิ่งสกปรกก็จะทำให้ไม่เกิดเชื้อราหรือผุพังได้ง่าย มันพอดีกับยุคนี้ที่ส่วนมากของทุกอย่างจะเป็นไม้ ‘ถ้าเป็นไม้ เขาก็คงไม่สงสัยเท่าไหร่’ ถ้าเขาจะสงสัย นางก็จะบอกว่าหมอหลี่เทาให้มาก็แล้วกัน คงทนให้เขาใช้ของพวกนี้ไม่ได้หรอก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเอารถเข็นมาให้เขาด้วย ‘ทำไมมันยุ่งยากขนาดนี้กันนะ!’ นางเลิกสนใจเรื่องน่าปวดหัวพวกนี้ ชีวิตต้องดำเนินด้วยท้อง หลี่เซิงยังไม่ได้กินข้าวเลย นางก็ด้วย ตั้งแต่ย้อนเวลากลับมา อาหารก็ยังไม่ได้ตกถึงท้องเลยสักอย่างเดียว ในตอนที่ทำอาหารอยู่ นางคิดเรื่องหลายอย่าง ทั้งเรื่องที่อยู่ในโลกเดิม และเรื่องที่อยู่ในปัจจุบัน ในเมื่อซินหลินคนเก่าไม่อยู่แล้ว นางก็จะใช้ชีวิตตอนนี้ให้ดี ต่อไปนี้นางคือหยางฉิง! (ต่อไปนี้จะใช้ตัวเองเป็นหยางฉิงนะคะ) หยางฉิงทำอาหารกว่าจะเสร็จก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว คงสำรวจอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ แค่ดูแลหลี่เซิงคนเดียว นางก็แทบไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น นางเอาเสื้อผ้าของหลี่เซิงกลับไปที่คอนโดของนาง นางเปิดใช้เครื่องซักผ้า นางเห็นว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างยังใช้งานได้ปกติ นางก็เอาเสื้อผ้าของเขาลงไปปั่นเอาไว้ นางลองเปิดประตูออกไปนอกคอนโด แต่ประตูห้องก็เปิดไม่ได้ ถึงกลับไปไม่ได้ แต่ห้องของนางก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้เธอเลย หลังจากที่นางทำอาหารเสร็จแล้ว ก็เข้าไปอาบน้ำล้างตัวให้สะอาด นางยกอาหารที่ใส่จานในบ้านของหลี่เซิง ‘เขาจะได้ไม่สงสัย’ นำของที่เตรียมเอาไว้ทั้งสองอย่างเดินถือเข้าไปในห้องของหลี่เซิง เขามีสีหน้าที่อยากถามอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้ซักถามมันออกมา นางบอกว่าของที่นางได้มาจากไหน เขาก็เลิกถามไป ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากพูดคุยกับนางมากกว่า ‘ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องคุย แล้วใครจะอยากคุยกับเขากัน เหอะ! คิดว่าตัวเองหล่อมากมั่ง…’ หลังจากที่นางเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ตั้งแต่วันแรกที่ได้ทะลุมิติเข้ามา หยางฉิงล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม ๆ พร้อมกับคิดว่าจะทำอะไรต่อไปดีในอนาคต ความรู้ก็มีแค่เรื่องกายภาพและรักษาได้บ้างเท่านั้น หรือจะไปรักษาคนเพื่อหาเงิน ‘ว่าแต่ยุคนี้มันยุคไหนกันนะ และยุคนี้ยังมีเรื่องฆ่าฟันกันอยู่หรือเปล่า?’ นางคิดอะไรหลายอย่างจนเผลอหลับไป หลี่เซิงเขาสงสัยว่าหยางฉิงนางเปลี่ยนไปมาก นางทั้งดูแลเขาอย่างดี เขามองอาหารและของทั้งสองอย่างที่นางเอามาให้เขาใช้ ของทั้งสองอย่างนี้เขาไม่คุ้นเคยกับมันเลย แต่นางอธิบายสิ่งของต่าง ๆ ว่าเขาต้องใช้อย่างไร ซึ่งมันสะดวกกว่าถังไม้ที่เขาเคยใช้มาก ยังมีอาหารที่มีทั้งไข่และเนื้อหมู นางไม่เคยทำอะไรพวกนี้ให้เขากินมาก่อนเลย… เขาได้แต่เก็บความสงสัยเหล่านั้นเอาไว้… เช้าวันต่อมา หยางฉิงตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น ‘ตอนนี้มันเป็นเวลาไหนกันแล้วเนี่ย’ นางหันมองไปทางนาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้องนอน เข็มสั้นบนนาฬิกาชี้ไปที่เลขห้าพอดี ‘เวลาในห้องนอนกับโลกที่ข้าอยู่ปัจจุบัน ไม่รู้ว่าเป็นเวลาเดียวกันหรือเปล่า’ มองดูปฏิทินที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ปฏิทินก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ไม่ได้เป็นเวลาของโลกเดิม แต่มันเป็นปีที่นางไม่รู้จัก ซึ่งปีนี้ได้ย้อนกลับไปจากโลกเดิมหลายร้อยปี และเดือนนี้ก็เป็นเดือนมีนาคม ช่วงนี้อาการหนาวเริ่มเบาบางลงแล้ว ชาวบ้านคงเริ่มปลูกข้าว ลงทำนากัน นางลุกจากเตียงนอนเพื่อไปล้างหน้าแปรงฟันและออกไปหาหลี่เซิง ตอนนี้หยางฉิงยืนอยู่หน้าห้องของหลี่เซิง นางเปิดประตูห้องเข้าไปโดยที่ไม่ได้ขอเขาก่อน พอเข้าไปในห้องนอนของเขา สายตากลมโตมองไปเห็นหลี่เซิงนอนเหงื่อออกอยู่บนเตียงนอน นางรีบเดินเข้าไปจับตัวของเขา ‘เขาตัวร้อนมาก! เขาไข้ขึ้นสูงตั้งแต่ตอนไหน’ นางไม่ได้เอายาให้เขากินตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลังจากที่เอาอาหารให้เขากินแล้ว นางก็ไม่ได้สนใจเขาอีก นางเปิดบาดแผลตรงขาของหลี่เซิงออกดู เห็นว่าบาดแผลของเขาเริ่มเป็นหนอง นางต้องเอาหนองที่กัดกินรอบ ๆ บาดแผลออกก่อน นางหันไปมองเขา เห็นว่าเขาหลับตาคงยังไม่ตื่นตอนนี้ หยางฉิงกลับไปในห้องคอนโด เอากล่องผ่าตัดฉุกเฉินที่อยู่ในห้องออกมา กล่องผ่าตัดนี้เคยใช้สมัยเรียน ดีที่ยังเก็บมันเอาไว้ นางไม่ค่อยได้ใช้ผ่าตัดเท่าไหร่ เพราะเรียนหมอด้านกายภาพบำบัดเป็นหลักมากกว่า หยางฉิงเปิดกล่องผ่าตัดออก ใช้แฮกฮอล์ที่อยู่ในกล่องล้างมือของนางให้สะอาดก่อน และก็ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อราดไปบนบาดแผลของหลี่เซิงหนึ่งรอบ “อือ..” เสียงร้องของหลี่เซิงดังออกมาหลังจากที่นางล้างบาดแผลของเขา “ท่านทนหน่อยนะ ข้าจะรีบทำแผลของท่านให้เสร็จเร็ว ๆ มันอาจจะเจ็บนิดหน่อย” นางปลอบเขาเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูเจ็บปวดทรมาน ดีที่กล่องผ่าตัดมีเข็มฉีดยาและยาชาอยู่สามขวด หยางฉิงฉีดยาให้ตรงบริเวณรอบบาดแผล เขาจะได้ไม่เจ็บมาก เมื่อนางทดสอบดูว่าเขาไม่เจ็บแล้ว ก็ใช้มีดผ่าตัดกรีดไปตรงบาดแผลที่ปิดอยู่ มีน้ำสีขาวขุ่นอยู่ด้านใน มันทำให้แผลบวมและไม่หาย นางกรีดมีดเป็นทางยาวลงมาตามบาดแผล พอมีดกรีดลงไปแล้ว ก็เริ่มมีหนองสีขาวขุ่นไหลตามรอยมีดที่นางกรีด นางใช้สำลีซับหนองและเลือดที่ไหลออกมาพร้อมกัน หยางฉิงค่อย ๆ เปิดบาดแผลตรงขาให้กว้างขึ้น นางขูดเอาหนองที่เกาะติดตรงบาดแผลจนสิ่งที่ไหลออกมาเป็นเลือดสีแดงสด จึงหยุดมือ หยางฉิงใช้สำลีซับเลือดที่ไหลออกมาอีกครั้ง นางทำความสะอาดบาดแผลพร้อมทั้งใส่ยาฆ่าเชื้อและเอายาที่ติดมาในกล่องใส่ลงบาดแผลอีกที [4]“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”หยางฉิงได้สติกลับมา “ไม่มีอะไรหรอก” นางไม่อยากบอกความในใจให้เขาไม่สบายใจในเมื่อนางไม่พูด เขาก็ไม่เซ้าซี้ถามอะไรต่อ ยิ่งคุยเรื่องนี้ในโรงเตี๊ยม ยิ่งเสี่ยงอันตราย“ถ้าเจ้าไม่กินแล้ว เรากลับบ้านกันดีกว่า”หยางฉิงพยักหน้า นางเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว นางกินอาหารที่นี่ไม่ลงจริง ๆหลี่เซิงจ่ายเงินค่าอาหาร แล้วสั่งให้ทางโรงเตี๊ยมห่ออาหารทุกอย่างบนโต๊ะกลับไป แม้เขาจะกินไม่ได้ แต่ที่บ้านยังมีสัตว์ที่กินได้ก่อนออกจากเมือง หยางฉิงบอกให้หลี่เซิงหยุดรถแวะซื้อบ๊วยสดกับเกลือ นางซื้อมาค่อนข้างมาก แต่ไม่ได้บอกว่าเอาไปทำอะไร เมื่อซื้อเสร็จ ทั้งสองก็เดินทางกลับบ้าน...“หยางฉิง เจ้าหิวมากหรือไม่? เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่หรือ?” หลี่เซิงเอ่ยถามด้วยความกังวล กลัวว่านางจะหิวก่อนถึงบ้าน“ถ้าอย่างนั้น ท่านหยุดรถแอบไว้สักครู่เถอะ ข้าจะเข้าไปในมิติเพื่อทำก๋วยเตี๋ยวให้ท่านกิน ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่”หลี่เซิงพยักหน้า หาที่ปลอดภัยแล้วหยุดรถ รอให้นางเข้าไปในมิติ ไม่นานนัก นางก็ออกมาพร้อมก๋วยเตี๋ยวกลิ่นหอมกรุ่น แค่ได้กลิ่นก็ทำให้เขาน้ำลายสอ“ดีที่ในตู้เย็นมีก๋วยเตี๋ยวอยู่พอดี จึง
แต่หากเลือกได้ นางยังคงชอบบ้านที่อยู่ในสวนมากกว่า นางไม่ค่อยถูกใจกับการใช้ชีวิตในเมือง แม้ว่ามันจะสะดวกสบายกว่าก็ตามนางจึงหันไปถามความเห็นของหลี่เซิง หากเขาชอบอยู่ในเมือง นางก็จะอยู่กับเขา“หลี่เซิง ท่านคิดว่าที่นี่ดีหรือไม่?” นางถามพลางลอบสังเกตสีหน้าเขาหลี่เซิงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบ “ข้าชอบบ้านสวนของเรามากกว่า ถึงที่นี่จะเจริญก็จริง แต่ข้ารู้สึกว่ามันวุ่นวาย ไม่สงบร่มเย็นเหมือนบ้านของเรา”‘เขาคิดเหมือนข้า’ นางพึมพำในใจโลกก่อนที่นางจากมา นางเคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย บางที การมีชีวิตอยู่ถึงสองชาติอาจทำให้นางโหยหาความสงบก็เป็นได้...นางหันไปยิ้มให้เขา “ข้าก็ชอบบ้านสวนของเราเช่นกัน เอาไว้ถ้าพวกเราเก็บเงินได้ ค่อยสร้างบ้านหลังใหม่ดีหรือไม่? สร้างเผื่อลูกน้อยของเราด้วยเลย”แล้วนางก็เอียงคอถามเขา “ท่านอยากมีลูกกี่คน?”หลี่เซิงเดินไปจับมือนาง มองด้วยสายตาลึกซึ้ง “เจ้าอยากมีกี่คนก็ได้ทั้งนั้น ข้าไม่เหนื่อยอยู่แล้ว ถ้าเจ้าอยากมีสักห้าคน ข้าก็ยินดี”เขายิ้มเจ้าเล่ห์ หยอกล้อนางหยางฉิงฟังแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ นางตีแขนเขาเบา ๆ “ท่านเห็นข้าเป็นแม่วัวหรืออย่างไร
หลี่เซิงจึงพูดขึ้นมา “ทำสัญญาวันนี้เลยก็ดี เราจะได้เริ่มปรับปรุงร้านได้เร็วขึ้น ร้านนี้เจ้าเป็นคนซื้อ เป็นชื่อเจ้าถูกต้องแล้ว ภรรยา” เขาพูดพร้อมกับลูบอกตัวเองเบา ๆหยางฉิงยิ้มมุมปาก ‘เขานี่ช่างเอาตัวรอดเก่งซะจริง’“เรื่องย้ายโฉนดที่ดิน ข้าต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง?” นางเลิกสนใจหลี่เซิง แล้วหันไปพูดกับนายหน้าขายที่ดินแทน“ท่านเพียงแค่จ่ายเงินเพิ่มอีกห้าตำลึงทองเพื่อดำเนินการออกโฉนดที่ดิน เดี๋ยวข้าจะจัดการย้ายชื่อให้ พวกท่านสามารถไปจ่ายเงินที่สำนักทะเบียนที่ดินได้เลย” เขาอธิบายอย่างละเอียด วันนี้เขาช่างโชคดีที่ได้พบเจอคนซื้อง่ายหลี่เซิงยิ้ม ก่อนจะเดินไปหานายหน้าพร้อมยื่นถุงเงินให้ “ข้าขอฝากเรื่องนี้กับท่านด้วย”เงินห้าตำลึงเงินถูกส่งไป นายหน้ารับถุงเงินมา เขย่าดูเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ ‘เงินไม่น้อยเลย’ เขานึกในใจ แล้วตอบกลับไปด้วยอารมณ์ดี “ข้าจะรีบไปดำเนินการออกโฉนดให้พวกท่านเดี๋ยวนี้”จากนั้น ทั้งสามคนก็นั่งรถเกวียนวัวกลับไปยังสำนักทะเบียนที่ดินอีกครั้ง หยางฉิงเข้าไปดำเนินการจ่ายเงิน ไม่นานก็ได้รับโฉนดที่ดินของร้านค้า ซึ่งเป็นชื่อของนางเรียบร้อยแล้วโฉนดนี้มีสองฉบับ ฉบับจริงอยู่กั
หยางฉิงพยักหน้าเบา ๆ รู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปลอบโยนจากหลี่เซิงไม่นานก็ถึงคิวของพวกเขา ทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน พบว่ามีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นผู้ช่วย ส่วนอีกคนเป็นหัวหน้า สังเกตได้จากการแต่งตัวที่แตกต่างกันเจ้าหน้าที่เหลือบมองทั้งสอง ก่อนเอ่ยถามโดยไม่รีรอ“พวกเจ้าต้องการเช่าหรือซื้อ?”หลี่เซิงเป็นคนตอบ “ข้ามาซื้อร้านค้าขอรับ”เจ้าหน้าที่มองพวกเขาเต็มตาขึ้น ก่อนพยักหน้าให้ผู้ช่วยอีกคน“ในเมืองยังมีร้านค้าว่างอยู่หลายแห่ง พวกเจ้าต้องการให้นายหน้าพาไปดู หรือจะดูแค่โฉนดที่ดิน? แต่หากต้องการให้พาไปดู เจ้าต้องจ่ายสามตำลึงทอง”หยางฉิงคิดว่าการได้เห็นหน้าร้านจริง ๆ น่าจะดีกว่า นางจึงบอกให้หลี่เซิงจ่ายเงินห้าตำลึงทองหลี่เซิงที่เตรียมเงินไว้แล้ว จึงทำตามที่นางต้องการ“ข้าน้อยอยากไปดูหน้าร้านขอรับ” เขายื่นถุงเงินสองถุงออกไป “เป็นค่านายหน้าและค่ารบกวนเวลาของนายท่านขอรับ”เจ้าหน้าที่รับถุงเงินมา ก่อนแบ่งอีกหนึ่งถุงให้ผู้ช่วยนำไปจ่ายค่านายหน้า จากนั้นจึงหันมาพูดกับทั้งสองด้วยท่าทีเป็นมิตรขึ้นเล็กน้อย“พวกเจ้าออกไปรอหน้าห้อง จะมีเจ้าหน้าที่พาไปดูร้านค้า” พูดจบก็โบกมือไล่พวกเขา
นางเดินนำทุกคนไปด้านหลังบ้านดีที่ก่อนหน้านี้นางเก็บเจ้าตัวแสบทั้งหลายเข้าไปในมิติแล้ว ตอนนี้จึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวลหลี่จงเดินตามแนวลำธารมายังสวนหลังบ้านของหลี่เซิง เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ตาโตด้วยความตกตะลึงเขาไม่คิดเลยว่าด้านหลังบ้านของหลี่เซิงจะเขียวชอุ่มขนาดนี้!“ดินที่บ้านเจ้าคงดีมากจริง ๆ ถึงได้ปลูกผักผลไม้ได้งอกงามขนาดนี้” เขาอดไม่ได้ที่จะถามออกไปหลี่อี้เหลือบมองต้นมะพร้าวที่ขึ้นเป็นแถวสูงเพียงไม่มากนัก‘ต้นมะพร้าวที่ข้าให้นาง สูงแค่นี้เองหรือ?’ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นพวกมันขึ้นจริง ๆหลี่เซิงมองเพื่อนของเขาพลางยิ้มขำ คงจะตกใจไม่น้อย“นี่คือต้นมะพร้าวที่ข้าได้มาจากเจ้า ข้าได้นำมันมาขยายพันธุ์จนเติบโตหมดแล้ว” เขาอธิบายให้ทั้งสองคนฟังหยางฉิงจึงเสริมขึ้น “ที่พวกท่านเห็นอยู่ตรงนี้เป็นผักและผลไม้ที่เจริญเติบโตได้เร็วเมื่ออยู่ในดินที่ดี ข้าปลูกข้าวไม่เป็น จึงเลือกปลูกแต่พืชผักผลไม้ที่ให้ผลตลอดปี อีกทั้งที่บ้านของข้า ดินก็ดีและมีแม่น้ำไหลผ่าน ทำให้สามารถปลูกพวกมันให้มีรสชาติอร่อยได้ แต่ก็ใช่ว่าใครจะปลูกขึ้นง่าย ๆ ทุกอย่างต้องอาศัยการดูแลหลายอย่าง”นางหันไปมองหลี่อี้กับลุงผู้ใหญ
หยางฉิงเหลือบมองหลี่เซิง ก่อนจะหันกลับมาสบตาผู้ใหญ่บ้าน นางพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เพียงแต่ไม่คิดว่าชาวบ้านจะให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนออกหน้ามาเจรจาแทน“แล้วพวกเขาต้องการสิ่งใดหรือ?” นางเอ่ยถามพลางเอียงคอเล็กน้อย “ผลไม้ที่ข้าปลูกมีมากมายนัก พวกเขาสนใจอยากปลูกชนิดไหน? หรือว่าอยากปลูกทั้งหมด?”หลี่จงกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าหยางฉิงในตอนนี้ช่างน่าเกรงขามนัก...“เอ่อ...พวกชาวบ้านอยากได้วิธีปลูกต้นมะพร้าวของเจ้า และอยากขอพันธุ์ต้นมะพร้าวคนละหนึ่งลูก" เขากล่าวเสียงเบา "แต่ถ้าเจ้าลำบากใจก็ไม่เป็นไร...”หลี่เซิงฟังแล้วถึงกับอดทนไม่ไหว เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“เหตุใดชาวบ้านพวกนั้นถึงได้เห็นแก่ตัวเช่นนี้? พวกข้าต้องใช้ความพยายามและความอดทนมากกว่าจะสร้างทุกอย่างขึ้นมาได้ แล้วพวกเขายังอยากให้ข้าช่วยถึงเพียงนี้อีก? ข้าคงให้ไม่ได้!” คำพูดของผู้ใหญ่บ้านในวันนี้ทำให้เขารู้สึกขัดหูนักหยางฉิงเอื้อมมือไปแตะแขนหลี่เซิงเบา ๆ เมื่อหลี่เซิงหันมามอง นางก็ส่ายหน้าให้เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร“ข้ารู้ว่าท่านลุงผู้ใหญ่บ้านเองก็ไม่ได้เต็มใจมาหาข้าเท่าไรนัก หากไม่ใช่เ