บทที่ 16 ภารกิจพิสูจน์ความสามารถ /1
เมื่อเสร็จจากธุระในเมืองเฉินเปี้ยน รวี่เยว่ก็เดินทางกลับสู่ตำหนักเทวาอนธการในคืนวันนั้น หญิงสาวสังหรณ์ใจว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เพราะทุกครั้งที่หนังตากระตุก เป็นต้องมีเรื่องตีรันฟันแทงเสียทุกครั้งไป! ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนที่แล้ว ระหว่างที่นางเดินทางลงจากภูผา เพื่อนำโอสถต่างๆ ที่หลอมไว้ ไปมอบให้หม่าลั่วและชุนอิ่งนำกลับไปยังหอโอสถของนางที่เมืองหลวง ซึ่งเปิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีที่ผ่าน …ในวันนั้น รวี่เยว่เพิ่งก้าวเท้าพ้นเขตวงกตมายามาได้เพียงไม่กี่ก้าว กลุ่มนักฆ่ารับจ้างจำนวนสามสิบคน ซึ่งมาดักรออยู่ก่อนแล้ว เข้าจู่โจมแบบกะทันหันจนนางตกใจทำถังหูลู่ตกพื้น! น่าโมโหที่สุด! ท่านอ๋องอุตส่าห์ทำให้นางกินเองกับมือ! โชคดีที่นางไม่ได้พาสาวใช้ทั้งสองคนมาด้วย มิฉะนั้นเรื่องนี้คงได้ถึงหูผู้ปกครองของนาง ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยา หากเขารู้เข้ามีความเป็นไปได้สูงว่า นางจะถูกสั่งห้ามลงจากตำหนักเทวาอนธการไปอีกหลายเดือน และนั่นจะมีผลกระทบกับกิจการทั้งหลายทั้งปวงของนาง เรื่องนี้รวี่เยว่ยอมไม่ได้ เวลาของนางเป็นเงินเป็นทอง!! ตำหนักชินอ๋อง เรือนพักธิดาเทพ รวี่เยว่อาศัยความมืดบดบัง ค่อยๆ ย่องกลับห้องพักอย่างเงียบเชียบ เมื่อรอดพ้นสายตาขององครักษ์ที่เดินตรวจตราตำหนักมาได้ ร่างบางจึงกลับสู่สภาพเด็กสาวตามปกติ เสี่ยวหลานรีบบินมาหานางทันที “รวี่เยว่ เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ข้านึกว่าเจ้าจะมาพรุ่งนี้เสียอีก มีเรื่องสำคัญที่เจ้าต้องรู้ สหายนกกระจิบหยกมาแจ้งข่าวกับข้าว่า สตรีสกุลเมิ่งเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว พวกนางวางแผนกันว่า…” เสี่ยวหลานรีบถ่ายทอดเรื่องราวที่ได้ยินมาจากสายข่าวของมันให้รวี่เยว่ฟัง… ห้าวันถัดมา ในแดนปราณ รวี่เยว่นั่งชงชาอย่างพิถีพิถัน จากนั้นยกไปให้อาจารย์ทั้งสาม ที่กำลังเสวนากันอย่างออกรสออกชาติ มือบางรินชาให้มหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์เป็นคนแรก ก่อนรินให้มหาเทพหนุ่มทั้งสององค์ “ขอบใจมากศิษย์รัก” มหาเทวีแอบสังเกตดวงตาคู่งาม ที่ยามปกติเย็นชาไม่ยี่หระต่อสิ่งใดของรวี่เยว่ ทว่ากลับปรากฏคลื่นอารมณ์ให้เห็นในวันนี้ “เจ้าไม่ต้องกังวลไปรวี่เยว่ ถึงแม้ในเขตป่าอสูรชั้นในของภูผาหยินซาน จะเต็มไปด้วยสัตว์อสูรระดับสูง และอันตรายมากมาย แต่อย่าลืมว่าเจ้าเป็นศิษย์ของข้า ข้าไม่ปล่อยให้สัตว์อสูรพวกนั้นกล้ากำแหงกับเจ้าแน่นอน จริงหรือไม่เจ้าคะท่านพี่” มหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ปลอบใจรวี่เยว่ หลังได้ยินเรื่องที่นาง ต้องเดินทางไปจับเป็นสัตว์อสูรระดับสูงกลับมา เพื่อพิสูจน์ความสามารถว่าตน เหมาะสมกับธิดาเทพของตำหนักเทวาอนธการตามกฎ ซึ่งนางเพิ่งได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ จากผู้อาวุโสของหอบำเพ็ญในช่วงเช้าวันนี้ ใบหน้างดงามหยาดเยิ้มในชุดสีแดงเพลิงของมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ หันไปขยิบตาให้สามี ผู้เป็นนายเหนือหัวของสัตว์ทั้งปวงในโลกา มหาเทพหวงหลงมีลางสังหรณ์ไม่ดี สายตาของภรรยามองแล้วไม่น่าไว้ใจชอบกล… ‘ทำไมจู่ๆ ขนต้นคอถึงได้ลุกเกรียวแบบนี้นะ’ “รวี่เยว่น้อย ไหนๆเจ้าจะมีโอกาสได้แสดงความสามารถทั้งที มิสู้ไปพาเจ้าหนูนั่นกลับออกมาด้วยเลยล่ะ” เจ้าหนูนั่นที่มหาเทวีหมายถึงคือ พยัคฆ์อนธการ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นราชันย์แห่งภูผาหยินซาน สัตว์อสูรระดับจักรพรรดิ! พรูดดด!! “แค่กๆๆๆ นั่นสัตว์อสูรระดับจักพรรดิเลยนะเมียจ๋า! รวี่เยว่จะพามันออกมาได้อย่างไร เจ้าไม่คิดว่ามันอันตรายเกินไปหน่อยหรือ” มหาเทพหวงหลงถึงกับสำลักน้ำชา ยามได้ยินนามของสัตว์อสูร มหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์หันมาส่งยิ้มหวานหยดย้อยให้สวามี พร้อมแบมือกระดกปลายนิ้วเป็นสัญญาณ ขอให้เขามอบบางสิ่งที่นางต้องการออกมา มหาเทพชิงหลงที่นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ออกความเห็น ถึงกับหลุดขำออกมาเสียงดัง ยามได้เห็นสีหน้าขมขื่นของสหายรัก “ฮ่าๆๆๆ หวงหลง ลำบากเจ้าแล้วนะ” “เร็วซิเจ้าคะ มัวชักช้าอยู่นั่นแหละ หรือต้องให้น้องช่วย” มหาเทวีเอ่ยเร่งสวามี มหาเทพหวงหลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี ใบหน้าหล่อเหลาหลับตาปี๋ ยกมือขึ้นดึงบางสิ่งออกมาจากคอ “อ๊ากกก” เสียงร้องของมหาเทพหวงหลงดังขึ้น พร้อมเกล็ดสีทองงดงามเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าวางอยู่บนฝ่ามือ เขายกมืออีกข้างลูบคอตนเองป้อยๆ สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวดจนน่าเห็นใจ ”ก็แค่นี้เอง ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่ น้องเห็นท่านบ่นว่าเจ็บจนรำคาญมานาน แต่ก็ไม่ยอมดึงออกมาเสียที เจ้าเกล็ดย้อนเนี่ย” มหาเทวียิ้มหวานหยิบเกล็ดมังกรทองมายื่นให้รวี่เยว่ “รับไปรวี่เยว่ พกสิ่งนี้ติดตัวไว้ รับรองว่าไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนกล้ากำแหงกับเจ้าแน่นอน และนี่สิ่งที่เจ้าต้องใช้กำราบพยัคฆ์อนธการ” มหาเทวีอธิบายวิธีกำราบพยัคฆ์อนธการ พร้อมมอบสมุนไพรชนิดหนึ่ง กลุ่มไหมพรมและกระพรวนสีรุ้งส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง ฟังแล้วประหนึ่งต้องมนต์สะกดให้รวี่เยว่ “…” รวี่เยว่ “นี่ นี่มัน…ต้นกัญชาแมวกับของเล่นแมวมิใช่หรือเจ้าคะอาจารย์?!” “ก็ใช่น่ะสิ กัญชาแมวสวรรค์ที่ข้าปลูกเองกับมือเชียวนะ ห้าร้อยปีถึงจะแตกใบหนึ่งครั้ง ในมือของเจ้ามีสี่ใบ ของดีเชียวล่ะ เจ้าหนูนั่นก็แมวยักษ์มีปีกดีๆ นี่เอง หุหุ” สีหน้าของมหาเทวีเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ ยามเอ่ยถึงต้นกัญชาแมวสวรรค์ ที่นางเอาไว้ใช้ทำข้อแลกเปลี่ยนกับเทพไป๋หู่ยามต้องการความช่วยเหลือ ‘เจ้าเสือขาวนั่นก็แมวยักษ์เหมือนกัน’ตอนพิเศษ 2/2 กระต่ายน้อยของข้า ราวกับสวรรค์เป็นใจ จึงได้ดลบันดาลให้ค่ำคืนนั้น ท้องนภาสีหมึกพร่างพราวไปด้วยหมู่มวลดารา คล้ายช่วยสนับสนุนให้กลยุทธ์มัดใจสาวประสบผลสำเร็จ อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ดวงตาทอประกายระยับ งดงามมิต่างจากดวงดาวบนท้องฟ้า ร่างบางแย้มยิ้มจนตาโค้ง ขณะมานั่งเล่นที่หัวเรือหลังกินมื้อเย็นเสร็จ “องค์ชายใหญ่ ขอบคุณท่านมากนะ ข้ามีความสุขมากเลย ท่านใจดีมากจริงๆ ไม่ได้หน้ายู่เลยสักนิดเดียว” “…” หวงฝู่ฮ่าวอวี่มุมปากกระตุก ‘หน้ายู่อะไรกันอีกกระต่ายน้อยจอมซน’ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้อ้าปากถาม กระต่ายน้อยจอมซนพลันขยับมือ ปลดหยกสีม่วงเข้มประจำตัวของนาง มอบให้ชายหนุ่มแทนคำขอบคุณเสียก่อน “นี่คือหยกอินทนิลของข้า ข้าขอมอบให้ท่านแทนคำขอบคุณนะหวงฝู่ฮ่าวอวี่ อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องกลับภูผาหยินซานแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสมาเมืองหลวงอีก ข้าต้องคิดถึงท่านมากแน่ๆเลย ฮึก อยู่ที่นู่นไม่มีใครเล่นกับข้าเลย ฮึก ท่านเป็นสหายคนแรกที่ยอมไปเที่ยวกับข้า ฮึก” เสียงของอวี้เหวินอิงเอ๋อร์สั่นเครือเจือสะอื้น ขอบตารื้นน้ำ เด็กสาวดูบอบบางราวตุ๊กตากระเบื้อง ที่หากไม่ระวังก็อาจแตกสลายได้ทุกเมื่อ ร
ตอนพิเศษ 2/1 กระต่ายน้อยของข้า เมื่อเอ่ยนามองค์หญิงห้า อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ขึ้นมา สิ่งที่ทุกคน ณ ตำหนักเทวาอนธการนึกถึงคือ หน้าตาน่ารักพริ้มเพราราวกระต่ายน้อย นิสัยสดใสร่าเริง ขี้เล่น ดื้อรั้นซุกซน ตามประสาองค์หญิงองค์เล็ก และ… “องค์ชายสามพะย่ะค่ะ รีบแอบเร็วเข้า องค์หญิงห้าหิ้วกล่องใส่อาหารเดินขึ้นบันไดหอตำรามาแล้วพะย่ะค่ะ!” เสียงองครักษ์ส่วนตัวของอวี้เหวินเจาเจวี๋ยดังขึ้นเตือนนายของและศิษย์คนอื่นๆไปในตัว หากไม่อยากเป็นหนูทดลองสูตรยาพิศดารขององค์หญิงห้่า อย่าได้เสี่ยงรับอาหารหรือยาบำรุงร่างกายที่นางปรุงขึ้นเด็ดขาด! บรรดาศิษย์ฝ่ายในที่กำลังรวมตัวแลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่ในหอตำรา หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า เรือนต้นสนแดง ต่างรีบแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง ดูราวผึ้งแตกรังก็มิปาน! เหลือเพียงผู้อาวุโสสองที่เพิ่งเดินเข้าไปหยิบม้วนตำรายังส่วนในของเรือนต้นสนแดง อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ก้าวมาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้า หน้าตาบูดบึ้งอมลมแก้มป่องอย่างขัดใจ นางอุตส่าห์ลุกขึ้นมาทำขนมอบตั้งแต่เช้า ตั้งใจเอามาแบ่งศิษย์คนอื่นๆ ให้ลองชิมกันดูเสียหน่อย แต่เมื่อไม่เห็นเงาใครสักคนร่างบางจึงหมุนตัวเตรียมจากไป ทว่าเผ
ตอนพิเศษ 1/2 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆ ชิงหลง เอ้ย ชิงหลง ในที่สุดเจ้าก็มีวันนี้เหมือนกัน” เสียงหัวเราะเย้ยหยันด้วยความชอบใจของมหาเทพหวงหลงดังขึ้น การได้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนเพราะทำสิ่งใดไม่ถูกของสหายรักคือความบันเทิงอย่างหนึ่ง ทว่าคำกล่าวที่ว่า ความสุขนั้นมักสั้นเสมอคือสัจจะธรรมอันแท้จริง ในขณะที่กำลังเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะโดยมีฮั่วฮ่าวหยางนั่งอยู่บนตัก ความอุ่นวาบเปียกชื้นพลันเกิดขึ้น มหาเทพหวงหลงชะงักค้างหลุบตาร่างเล็กบนตักด้วยสายตาเหลือเชื่อ เจ้าตัวน้อยเงยหน้ามองมหาเทพหวงหลง ที่จู่ๆก็หยุดหัวเราะในบัดดลด้วยแววตาใสซื่อกลับมา “คิกๆๆ เอิ๊กๆๆ” เจ้าก้อนแป้งขาวผ่องอวบอัด ระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจเลียนแบบบ้าง เผยให้เห็นฟันน้ำนมด้านหน้าสี่ซี่ น่ารักน่าเอ็นดูราวกระต่ายอ้วนตัวน้อย สีหน้ารื่นเริงของมหาเทพหวงหลงก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเหยเกจนดูไม่ได้แทน “อ๊าาาา หยางเอ๋อร์เจ้าจะฉี่ทำไมไม่บอกข้า เมียจ๋าาาา มาเอาหยางเอ๋อร์ไปเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ที” “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆๆๆๆ” คราวนี้เป็นมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ที่ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “…” มหาเทพทั้งสอง หัวเราะทีหลังดังกว่าเ
ตอนพิเศษ 1/1 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังรวี่เยว่คลอดแฝดมังกรหงส์ มหาเทพทั้งสามคล้ายได้ของเล่นชิ้นใหม่ พวกเขาต่างรอเวลาให้ฮั่วเฮ่อฉีออกไปข้างนอก หรือนอนหลับสนิท จากนั้นถึงจะแอบทอดเงาออกมาเชยชมเจ้าตัวน้อยทั้งสอง หากคืนไหนองค์ไท่จื่อจู๋จี๋กับภรรยานานหน่อย มหาเทพทั้งสามจะขัดใจมาก เพราะคืนนั้นพวกเขามิอาจปรากฏกายออกมาเยี่ยมหลานศิษย์ทั้งสองได้ แต่ก็มีบางครั้งเช่นกัน ที่มหาเทพหวงหลงคิดถึงหลานจนขี้เกียจรอ เขาเลยส่งเมฆนิทราออกมาจากแดนปราณ สะกดจิตฮั่วเฮ่อฉีจนหลับกลางอากาศก็มี บางครั้งชายหนุ่มนั่งกินข้าวเย็นอยู่ดีๆ หัวทิ่มคาโต๊ะก็เกิดขึ้นมาแล้ว ธรรมดาเสียที่ไหนท่านอาจารย์ของรวี่เยว่! คราแรกรวี่เยว่เองก็ตกใจไม่น้อย ทว่าเมื่อทราบความจริง นางถึงกับหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ท่านอาจารย์ของนางก็มีมุมแสบสันเอาแต่ใจกับเขาเป็นด้วย รวี่เยว่เลยต้องเฉไฉยกข้ออ้างมาบอกสวามีว่า "น้องคิดว่าวันนี้ท่านพี่คงเหนื่อยเกินไปเลยหลับกลางอากาศเจ้าค่ะ" จะให้บอกความจริงว่าโดนมหาเทพเล่นกลก็ไม่ได้เสียด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ “มหาเทพวางยาองค์ไท่จื่อเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ เหตุผลเพียงเพราะคิ
บทที่ 69/2 ครอบครัวที่สมบูรณ์ “เสด็จแม่โตแล้ว ไม่ดื้อแล้ว ไม่โดนเสด็จพ่อหวดก้นแน่นอนเพคะเสด็จลุง” เสียงเล็กของฮั่วเยว่ฉีดังขึ้น ร่างเล็กเอื้อมไปกุมมือผู้เป็นลุงเพื่อขอให้เขาอุ้ม ร่างสูงโน้มตัวช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นมา หอมแก้มป่องขาวกลมไปฟอดใหญ่ ฟ้อดดด “จริงรึ?” ฮั่วเยว่ฉีหยักหน้าหงึกๆ “เช่นนั้น ลุงเชื่อเจ้าก็ได้” เช้าวันนี้ ตำหนักหย่งเทียนครึกครื้นเป็นพิเศษ บรรดาแขกเหรื่อคนสำคัญ ที่มาร่วมงานวันเกิดธิดาเทพรวี่เยว่ ต่างหอบหิ้วของฝากมากมายมาให้เจ้าของวันเกิด หวงฝู่ฮ่าวอวี่ที่สมรสกับอวี้เหวินอิงเอ๋อร์ไปเมื่อห้าปีก่อน อุ้มโอรสองค์โตวัยสามหนาวเดินตามชายารัก ที่เลิกล้มความคิดเรื่องการเป็นนักปรุงโอสถ แต่หันมาเอาดีทางด้านค้าขายผ้าและเครื่องประดับแทน องค์หญิงจอมซนเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ รูปแบบเครื่องประดับและลายผ้าที่นางออกแบบ จึงงดงามแปลกตาไม่เหมือนใคร เป็นที่นิยมชมชอบของสตรีในเมืองหลวงและเมืองใหญ่หลายเมือง “รวี่เยว่ สุขสันต์วันเกิดนะ พวกเราขอให้เจ้ามีแต่ความสุขในทุกๆวัน” ทักทายเจ้าของวันเกิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปทำความเคารพองค์ราชาอวี้เหวินเหิง และเชื้อพระวงศ์ของตำหนัก
บทที่ 69/1 ครอบครัวที่สมบูรณ์ เสียงกรีดร้องเบ่งคลอดของรวี่เยว่ที่ดังขึ้นเป็นระยะ บีบรัดหัวใจของฮั่วเฮ่อฉีจนปวดร้าว เขาสงสารชายาจับใจ “หม่าลั่ว ทำไมนานนักล่ะ ทำไมรวี่เยว่ยังไม่คลอดอีก” ร่างสูงมือเย็นเฉียบจากความประหม่าระคนหวาดกลัว สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้นเรื่อยๆ สุดหล่อเย่หมิงต้องมาพาร่างสูง ที่เดินไปเดินมาจนทำเขาเวียนหัวไปนั่งลง ก่อนยื่นชาให้ดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ “องค์ไท่จื่อ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็คลอด อย่าวิตกจนเกินเหตุไป” หนึ่งชั่วยามต่อมา อูแว้ๆๆๆๆ ฮั่วเฮ่อฉีที่นั่งกระสับกระส่าย หายใจไม่คล่องอยู่หน้าห้องคลอด ลุกพรวดทันทีเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้อง “เป็นองค์ชายน้อยเพคะ” เสียงชุนอิ่งดังมาจากห้องคลอด “ลูกชาย ข้าได้ลูกชาย หม่าลั่ว ท่านเย่หมิง อี้หรง ได้ยินหรือไม่ ข้าได้ลูกชาย ฮ่าๆๆๆ” ครึ่งเค่อต่อมา แว้ๆๆ อุแว้ๆๆๆๆ “เป็นองค์หญิงน้อยเพคะ” คราวนี้เป็นเสียงของจวี๋จื่อ เสียงเฮดังขึ้นหน้าห้องอีกครั้ง ฮั่วเฮ่อฉีกระโดดกอดเย่หมิงและหม่าลั่ว ทั้งสามหัวเราะร่าเสียงดัง “ลูกสาว ข้าได้ลูกสาวอีกคน ฮ่าๆๆ ดี ดียิ่ง หม่าลั่วช่วยแจกรางวัลให้ทุกคนในตำหนัก เปิดโรงทานในเมืองหล