บทที่ 3/2 มหาธาตุหยินหยาง
"โอ้ นี่มันธาตุลมเหมือนกับของฮูหยินเลยเจ้าค่ะ" ดวงตาสองคู่จดจ้องลมหมุนสีเขียวอ่อนบนฝ่ามือเล็กอย่างยินดี พวกนางดีใจที่หวังลี่ถิงมีธาตุลมเหมือนมารดา หาใช่ธาตุไฟเหมือนบุรษใจดำผู้นั้น! หวังลี่ถิงเก็บพลังของตน ก่อนขอให้แม่นมและสาวใช้ตามนางเข้าไปห้องนอน เอ่ยขอให้ทั้งสองนั่งลงบนตั่ง พลางหันไปพูดกับนกกระเต็น "เสี่ยวหลาน ช่วยดูให้ถิงเอ๋อร์ทีว่ามีใครอยู่แถวหน้าบ้านหรือด้านหลังหรือเปล่า" "ได้เลย" นกกระเต็นผละออกไปตามคำขอ ครู่หนึ่งจึงบินกลับมาหาเด็กหญิง ยามได้รับคำตอบว่ารอบบ้านปลอดคน หวังลี่ถิงจึงหันมาหาแม่นมและสาวใช้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ที่มองอย่างไรก็น่าเอ็นดูที่สุดในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสอง "แม่นมเจ้าคะ พี่ชุนอิ่งเจ้าคะ สิ่งที่ถิงเอ๋อร์กำลังจะบอก เป็นเรื่องสำคัญมากเจ้าค่ะ และถิงเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี แต่ก่อนอื่น ถิงเอ๋อร์อยากให้พวกท่านสัญญาก่อนเจ้าค่ะว่าจะไม่ตกใจ" แม่นมชุนหงหันมาสบตากับหลานสาว คล้ายกำลังสื่อสารว่าวันนี้คุณหนูดูมีลับลมคมนัยแปลกๆ ทั้งสองพยักหน้าให้กัน ก่อนหันมาตอบรับคำของเจ้านายตัวน้อยอย่างพร้อมเพรียง "พวกเราสัญญาว่าจะไม่ตกใจเจ้าค่ะคุณหนู!" เมื่อยินได้ดังนั้นหวังลี่ถิงก็ระบายยิ้มกว้าง หลับตาลงพร้อมกำมือน้อยๆทั้งสองข้าง สูดหายใจเข้าลึก ปล่อยลมหายใจออก และแบมือสองข้างออกพร้อมกัน ฟึ่บบ! พลังธาตุสีทองอบอุ่นเปล่งประกายเจิดจ้าอยู่บนมือขวา ลูกไฟพลังธาตุสีดำแผ่ไอเย็นปรากฏอยู่บนมือซ้าย หวังลี่ถิงแย้มยิ้มด้วยความภาคภูมิใจให้แม่นมและสาวใช้ของตน "ถิงเอ๋อร์ไม่ได้มีแค่ธาตุลมนะเจ้าคะ ยังมีธาตุแสงกับธาตุมืดด้วยเจ้าค่ะ" แม่นมชุนและชุนอิ่งนิ่งงันตาค้าง หลังจากพวกนางทั้งสองประจักษ์แจ้งว่า คุณหนูของตนมีพลังธาตุแสงและธาตุมืดสุดแสนหายากตื่นขึ้นมาด้วย ทั้งคู่ไม่ได้แสดงอาการตกใจตามที่ให้สัญญา ทว่า… เฮือกกก!! คราวนี้ทั้งแม่นมและสาวใช้ ตาเหลือกหงายหลังลมจับลงไปกองอยู่บนตั่งตามคาด "ห๊าาา!! แม่นมเจ้าคะ พี่ชุนอิ่งเจ้าคะ ไหนพวกท่านสัญญากับถิงเอ๋อร์ว่าจะไม่ตกใจอย่างไรเจ้าคะ!! ไหงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ย เสี่ยวหลาน จวี๋จื่อช่วยข้าที!" หวังลี่ถิงหน้าตาตื่น ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากสหายเสียงหลง เสี่ยวหลานยกปีกขึ้นมาปิดหน้าอย่างอ่อนใจ ส่วนจวี๋จื่อก็ยกอุ้งเท้าของมันขึ้นมาปิดหน้าเช่นเดียวกัน ความโกลาหลอลม่านพลันบังเกิดขึ้นในห้องนอนของหวังลี่ถิงอีกรอบ ราวหนึ่งเค่อต่อมาแม่นมชุนและชุนอิ่งก็รู้สึกตัว ร่างเล็กรีบยื่นจอกชาใส่น้ำผึ้งให้ทั้งสองจิบตามคำแนะนำของเสี่ยวหลานผู้รอบรู้ "คุณหนู เมื่อตะกี้เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ แม่นมสับสน" แม่นมชุนเริ่มไม่แน่ใจ ตกลงว่าเมื่อสักครู่นางฝันไปหรือสิ่งที่เห็นเป็นความจริงกันแน่ หรือเป็นเพราะนางเริ่มอายุมากขึ้นเลยเห็นภาพหลอน? "นั่นสิเจ้าคะคุณหนู" ชุนอิ่งที่ยังสะลึมสะลืออยู่เล็กน้อย ยกมือนวดขมับ สงสัยว่าช่วงนี้นางปักผ้าเยอะหน่อยไป เลยทำให้ตาลายมองเห็นลายผ้า หน้าตาเหมือนลูกไฟสีทองและดำบนฝ่ามือของคุณหนู ร่างเล็กหายใจออกมาแผ่วเบา บอกกล่าวทั้งสองด้วยวาจา แทนการแสดงพลังธาตุให้ดู เพื่อกันพวกนางเป็นลมอีกรอบ! กล่าวจะช่วยให้ฟื้นได้ทำเอานางกับจวี๋จื่อแทบหมดแรง "นอกจากพลังธาตุลมที่ตื่นขึ้น ถิงเอ๋อร์ยังมีธาตุแสงและธาตุมืดตื่นขึ้นมาด้วยเจ้าค่ะ" 'ชัดเลยพวกนางไม่ได้เห็นภาพหลอน!' แม่นมชุนและชุนอิ่งเผยสีหน้าเหลือเชื่อ "ขอ ขอแม่นมดูไฟธาตุต้นกำเนิดของคุณหนูอีกรอบเถอะนะเจ้าคะ" ชุนหงวางจอกชาลงกล่าวกับหวังลี่ถิงปากคอสั่น หวังลี่ถิงไม่ปฏิเสธ แสดงไฟธาตุให้ดูตามคำขอ จากนั้นจึงเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับนางเมื่อคืนนี้ให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฟัง "ดาวตก ก้อนหินรสชาติเค็มๆมันๆ จากนั้น……" แม่นมชุนยกนิ้วโป้งขึ้นมากัด นั่งพึมพำกับตัวเองอยู่ชั่วขณะหนึ่ง "การที่คุณหนูได้ครอบครองมหาธาตุหยินหยางพร้อมกันแบบนี้ ทั้งมหาพิภพทงเทียนเหอเกรงว่าท่านจะเป็นคนแรกและคนเดียวเจ้าค่ะ" คุณหนูของนางบทพลังธาตุจะตื่น ก็มาทีเดียวพร้อมกันสามธาตุ เรียกว่าสวรรค์ลิขิตได้หรือไม่นะ "อ่าาา ในเมื่อถิงเอ๋อร์มีถึงสามธาตุ การฝึกฝนต้องทำอย่างไรเจ้าคะแม่นม ถิงเอ๋อร์ อยากเก่งไวๆ จะได้กลับไปอวดท่านพ่อและทุกคนที่เมืองหลวง" ยามเอ่ยถึงบิดาใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความวาดหวัง นางอยากให้ท่านพ่ออุ้มนาง กอดนางเหมือนอย่างที่ท่านพ่อกอดน้องหญิงรองและน้องสามบ้าง ครั้นแม่นมได้ยินเช่นนั้น แววตาของนางพลันเข้มขึ้น สองมือกำเข้าหากันแน่แน่น แค่นเสียงในใจอย่างขุ่นเคือง ‘เฮอะ! บุรุษแล้งน้ำใจผู้นั้น หากคุณหนูลืมไปคงจะดีกว่า หรือว่าข้าควรบอกความจริงกับคุณหนูดี…’ *จุดเหยินจง : ตำแหน่งอยู่ตรงร่องใต้จมูก แบ่งออกเป็นสามส่วน จุดเหยินจงจะอยู่ห่างลงมาจากจมูก 1/3 หรือ อยู่เหนือริมฝีปาก 2/3ตอนพิเศษ 2/2 กระต่ายน้อยของข้า ราวกับสวรรค์เป็นใจ จึงได้ดลบันดาลให้ค่ำคืนนั้น ท้องนภาสีหมึกพร่างพราวไปด้วยหมู่มวลดารา คล้ายช่วยสนับสนุนให้กลยุทธ์มัดใจสาวประสบผลสำเร็จ อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ดวงตาทอประกายระยับ งดงามมิต่างจากดวงดาวบนท้องฟ้า ร่างบางแย้มยิ้มจนตาโค้ง ขณะมานั่งเล่นที่หัวเรือหลังกินมื้อเย็นเสร็จ “องค์ชายใหญ่ ขอบคุณท่านมากนะ ข้ามีความสุขมากเลย ท่านใจดีมากจริงๆ ไม่ได้หน้ายู่เลยสักนิดเดียว” “…” หวงฝู่ฮ่าวอวี่มุมปากกระตุก ‘หน้ายู่อะไรกันอีกกระต่ายน้อยจอมซน’ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้อ้าปากถาม กระต่ายน้อยจอมซนพลันขยับมือ ปลดหยกสีม่วงเข้มประจำตัวของนาง มอบให้ชายหนุ่มแทนคำขอบคุณเสียก่อน “นี่คือหยกอินทนิลของข้า ข้าขอมอบให้ท่านแทนคำขอบคุณนะหวงฝู่ฮ่าวอวี่ อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องกลับภูผาหยินซานแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสมาเมืองหลวงอีก ข้าต้องคิดถึงท่านมากแน่ๆเลย ฮึก อยู่ที่นู่นไม่มีใครเล่นกับข้าเลย ฮึก ท่านเป็นสหายคนแรกที่ยอมไปเที่ยวกับข้า ฮึก” เสียงของอวี้เหวินอิงเอ๋อร์สั่นเครือเจือสะอื้น ขอบตารื้นน้ำ เด็กสาวดูบอบบางราวตุ๊กตากระเบื้อง ที่หากไม่ระวังก็อาจแตกสลายได้ทุกเมื่อ ร
ตอนพิเศษ 2/1 กระต่ายน้อยของข้า เมื่อเอ่ยนามองค์หญิงห้า อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ขึ้นมา สิ่งที่ทุกคน ณ ตำหนักเทวาอนธการนึกถึงคือ หน้าตาน่ารักพริ้มเพราราวกระต่ายน้อย นิสัยสดใสร่าเริง ขี้เล่น ดื้อรั้นซุกซน ตามประสาองค์หญิงองค์เล็ก และ… “องค์ชายสามพะย่ะค่ะ รีบแอบเร็วเข้า องค์หญิงห้าหิ้วกล่องใส่อาหารเดินขึ้นบันไดหอตำรามาแล้วพะย่ะค่ะ!” เสียงองครักษ์ส่วนตัวของอวี้เหวินเจาเจวี๋ยดังขึ้นเตือนนายของและศิษย์คนอื่นๆไปในตัว หากไม่อยากเป็นหนูทดลองสูตรยาพิศดารขององค์หญิงห้่า อย่าได้เสี่ยงรับอาหารหรือยาบำรุงร่างกายที่นางปรุงขึ้นเด็ดขาด! บรรดาศิษย์ฝ่ายในที่กำลังรวมตัวแลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่ในหอตำรา หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า เรือนต้นสนแดง ต่างรีบแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง ดูราวผึ้งแตกรังก็มิปาน! เหลือเพียงผู้อาวุโสสองที่เพิ่งเดินเข้าไปหยิบม้วนตำรายังส่วนในของเรือนต้นสนแดง อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ก้าวมาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้า หน้าตาบูดบึ้งอมลมแก้มป่องอย่างขัดใจ นางอุตส่าห์ลุกขึ้นมาทำขนมอบตั้งแต่เช้า ตั้งใจเอามาแบ่งศิษย์คนอื่นๆ ให้ลองชิมกันดูเสียหน่อย แต่เมื่อไม่เห็นเงาใครสักคนร่างบางจึงหมุนตัวเตรียมจากไป ทว่าเผ
ตอนพิเศษ 1/2 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆ ชิงหลง เอ้ย ชิงหลง ในที่สุดเจ้าก็มีวันนี้เหมือนกัน” เสียงหัวเราะเย้ยหยันด้วยความชอบใจของมหาเทพหวงหลงดังขึ้น การได้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนเพราะทำสิ่งใดไม่ถูกของสหายรักคือความบันเทิงอย่างหนึ่ง ทว่าคำกล่าวที่ว่า ความสุขนั้นมักสั้นเสมอคือสัจจะธรรมอันแท้จริง ในขณะที่กำลังเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะโดยมีฮั่วฮ่าวหยางนั่งอยู่บนตัก ความอุ่นวาบเปียกชื้นพลันเกิดขึ้น มหาเทพหวงหลงชะงักค้างหลุบตาร่างเล็กบนตักด้วยสายตาเหลือเชื่อ เจ้าตัวน้อยเงยหน้ามองมหาเทพหวงหลง ที่จู่ๆก็หยุดหัวเราะในบัดดลด้วยแววตาใสซื่อกลับมา “คิกๆๆ เอิ๊กๆๆ” เจ้าก้อนแป้งขาวผ่องอวบอัด ระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจเลียนแบบบ้าง เผยให้เห็นฟันน้ำนมด้านหน้าสี่ซี่ น่ารักน่าเอ็นดูราวกระต่ายอ้วนตัวน้อย สีหน้ารื่นเริงของมหาเทพหวงหลงก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเหยเกจนดูไม่ได้แทน “อ๊าาาา หยางเอ๋อร์เจ้าจะฉี่ทำไมไม่บอกข้า เมียจ๋าาาา มาเอาหยางเอ๋อร์ไปเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ที” “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆๆๆๆ” คราวนี้เป็นมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ที่ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “…” มหาเทพทั้งสอง หัวเราะทีหลังดังกว่าเ
ตอนพิเศษ 1/1 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังรวี่เยว่คลอดแฝดมังกรหงส์ มหาเทพทั้งสามคล้ายได้ของเล่นชิ้นใหม่ พวกเขาต่างรอเวลาให้ฮั่วเฮ่อฉีออกไปข้างนอก หรือนอนหลับสนิท จากนั้นถึงจะแอบทอดเงาออกมาเชยชมเจ้าตัวน้อยทั้งสอง หากคืนไหนองค์ไท่จื่อจู๋จี๋กับภรรยานานหน่อย มหาเทพทั้งสามจะขัดใจมาก เพราะคืนนั้นพวกเขามิอาจปรากฏกายออกมาเยี่ยมหลานศิษย์ทั้งสองได้ แต่ก็มีบางครั้งเช่นกัน ที่มหาเทพหวงหลงคิดถึงหลานจนขี้เกียจรอ เขาเลยส่งเมฆนิทราออกมาจากแดนปราณ สะกดจิตฮั่วเฮ่อฉีจนหลับกลางอากาศก็มี บางครั้งชายหนุ่มนั่งกินข้าวเย็นอยู่ดีๆ หัวทิ่มคาโต๊ะก็เกิดขึ้นมาแล้ว ธรรมดาเสียที่ไหนท่านอาจารย์ของรวี่เยว่! คราแรกรวี่เยว่เองก็ตกใจไม่น้อย ทว่าเมื่อทราบความจริง นางถึงกับหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ท่านอาจารย์ของนางก็มีมุมแสบสันเอาแต่ใจกับเขาเป็นด้วย รวี่เยว่เลยต้องเฉไฉยกข้ออ้างมาบอกสวามีว่า "น้องคิดว่าวันนี้ท่านพี่คงเหนื่อยเกินไปเลยหลับกลางอากาศเจ้าค่ะ" จะให้บอกความจริงว่าโดนมหาเทพเล่นกลก็ไม่ได้เสียด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ “มหาเทพวางยาองค์ไท่จื่อเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ เหตุผลเพียงเพราะคิ
บทที่ 69/2 ครอบครัวที่สมบูรณ์ “เสด็จแม่โตแล้ว ไม่ดื้อแล้ว ไม่โดนเสด็จพ่อหวดก้นแน่นอนเพคะเสด็จลุง” เสียงเล็กของฮั่วเยว่ฉีดังขึ้น ร่างเล็กเอื้อมไปกุมมือผู้เป็นลุงเพื่อขอให้เขาอุ้ม ร่างสูงโน้มตัวช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นมา หอมแก้มป่องขาวกลมไปฟอดใหญ่ ฟ้อดดด “จริงรึ?” ฮั่วเยว่ฉีหยักหน้าหงึกๆ “เช่นนั้น ลุงเชื่อเจ้าก็ได้” เช้าวันนี้ ตำหนักหย่งเทียนครึกครื้นเป็นพิเศษ บรรดาแขกเหรื่อคนสำคัญ ที่มาร่วมงานวันเกิดธิดาเทพรวี่เยว่ ต่างหอบหิ้วของฝากมากมายมาให้เจ้าของวันเกิด หวงฝู่ฮ่าวอวี่ที่สมรสกับอวี้เหวินอิงเอ๋อร์ไปเมื่อห้าปีก่อน อุ้มโอรสองค์โตวัยสามหนาวเดินตามชายารัก ที่เลิกล้มความคิดเรื่องการเป็นนักปรุงโอสถ แต่หันมาเอาดีทางด้านค้าขายผ้าและเครื่องประดับแทน องค์หญิงจอมซนเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ รูปแบบเครื่องประดับและลายผ้าที่นางออกแบบ จึงงดงามแปลกตาไม่เหมือนใคร เป็นที่นิยมชมชอบของสตรีในเมืองหลวงและเมืองใหญ่หลายเมือง “รวี่เยว่ สุขสันต์วันเกิดนะ พวกเราขอให้เจ้ามีแต่ความสุขในทุกๆวัน” ทักทายเจ้าของวันเกิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปทำความเคารพองค์ราชาอวี้เหวินเหิง และเชื้อพระวงศ์ของตำหนัก
บทที่ 69/1 ครอบครัวที่สมบูรณ์ เสียงกรีดร้องเบ่งคลอดของรวี่เยว่ที่ดังขึ้นเป็นระยะ บีบรัดหัวใจของฮั่วเฮ่อฉีจนปวดร้าว เขาสงสารชายาจับใจ “หม่าลั่ว ทำไมนานนักล่ะ ทำไมรวี่เยว่ยังไม่คลอดอีก” ร่างสูงมือเย็นเฉียบจากความประหม่าระคนหวาดกลัว สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้นเรื่อยๆ สุดหล่อเย่หมิงต้องมาพาร่างสูง ที่เดินไปเดินมาจนทำเขาเวียนหัวไปนั่งลง ก่อนยื่นชาให้ดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ “องค์ไท่จื่อ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็คลอด อย่าวิตกจนเกินเหตุไป” หนึ่งชั่วยามต่อมา อูแว้ๆๆๆๆ ฮั่วเฮ่อฉีที่นั่งกระสับกระส่าย หายใจไม่คล่องอยู่หน้าห้องคลอด ลุกพรวดทันทีเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้อง “เป็นองค์ชายน้อยเพคะ” เสียงชุนอิ่งดังมาจากห้องคลอด “ลูกชาย ข้าได้ลูกชาย หม่าลั่ว ท่านเย่หมิง อี้หรง ได้ยินหรือไม่ ข้าได้ลูกชาย ฮ่าๆๆๆ” ครึ่งเค่อต่อมา แว้ๆๆ อุแว้ๆๆๆๆ “เป็นองค์หญิงน้อยเพคะ” คราวนี้เป็นเสียงของจวี๋จื่อ เสียงเฮดังขึ้นหน้าห้องอีกครั้ง ฮั่วเฮ่อฉีกระโดดกอดเย่หมิงและหม่าลั่ว ทั้งสามหัวเราะร่าเสียงดัง “ลูกสาว ข้าได้ลูกสาวอีกคน ฮ่าๆๆ ดี ดียิ่ง หม่าลั่วช่วยแจกรางวัลให้ทุกคนในตำหนัก เปิดโรงทานในเมืองหล