“อ้อจริงสิ จะว่าไปข้าลืมไปอย่างหนึ่งนะ อยู่ที่นี่เจ้าจะมีพี่น้องอีกสามคน มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปแนะนำตัว”
“เจ้าค่ะ”
ท่านแม่ทัพเดินนำนางไปยังห้องโถงรับแขกเล็กสำหรับครอบครัวที่จะมารวมตัวกัน ด้านในมีฮูหยินของเขาและบุตรสาวอีกสองคนนั่งรออยู่เพราะวันนี้ท่านแม่ทัพแจ้งแล้วว่าท่านอ๋องจะพาว่าที่พระชายามาที่นี่และทุกคนรู้แล้วว่านางจะมาเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของจวนแม่ทัพ
“อันเฟย นี่ฮูหยินของข้า ต่อไปเจ้าก็เรียกนางว่าท่านแม่”
“คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”
“นี่หรือว่าที่พระชายาท่านอ๋อง หน้าตางดงามจริง ๆ”
“ส่วนนี่พี่รองของเจ้า นางชื่อฮั่วชิงอัน”
“ผู้หญิง….พี่รองเป็นสตรีหรอกหรือเจ้าคะ ข้านึกว่า…”
ฮั่วชิงอันหันมามองหน้านางและลุกขึ้น นางสวมชุดเกราะราวกับบุรุษและเดินหน้ามาหานางด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก
“ทำไม ข้าเป็นสตรีแล้วเช่นไรงั้นหรือ แน่จริงมาสู้กับข้าสิ”
“ว้าว ชุดเกราะของท่านงดงามมากจริง ๆ ดูสิ ท่านหมุนตัวหน่อย แบบนั้นแหละ ๆ ยอดเยี่ยมไปเลย พี่รองท่านสวมแล้วดูองอาจมากกว่าบุรุษจนคิดว่าข้ามีพี่ชายเสียอีกเจ้าค่ะ ท่านแม่ท่านพ่อท่านว่าจริงหรือไม่เจ้าคะ”
ฮั่วชิงอันทำท่าราวแปลกใจแต่เมื่ออันเฟยกล่าวชื่นชมนางต่อหน้าท่านแม่ทัพและฮูหยินจึงทำให้นางเริ่มพอใจมากขึ้นจนหันมามองให้นางที่ยืนยิ้มและชื่นชมชุดเกราะของนางด้วยใจจริง
“อะฮึ่ม เจ้าจะเป็นน้องสี่ของข้าสินะ ข้าชิงอันเรียกข้าพี่รองเถอะ ต่อไปไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมารังแก ข้าเป็นพี่สาวเจ้าข้าปกป้องเจ้าเอง”
“ลำบากพี่รองแล้วเจ้าค่ะ ชุดท่าน…งดงามมากจริง ๆ ข้าชอบยิ่งนัก”
“ข้ายังมีอีกหลายชุดหากว่าเจ้าอยากเห็น”
“จริงหรือเจ้าคะ ให้ข้า…”
“อะแฮ่ม!! พี่รอง ดูเหมือนว่าพี่รองจะลืมไปเลยนะเจ้าคะว่าท่านพ่อท่านแม่อยู่ตรงนี้”
“นั่นหลินอี น้องสามของข้าเองอย่าได้ถือสานางเลย นางปากร้ายไปเช่นนั้นเองแต่จริง ๆ ไม่มีอะไรหรอก”
“พี่รอง ท่านซุบซิบกับผู้อื่นต่อหน้าข้าอีกแล้ว!! ท่านพ่อ!!”
“เอาน่า ๆ อันเฟย นี่พี่สามของเจ้า ฮั่วหลินอี”
“คารวะพี่สามเจ้าค่ะ”
“คารวะอะไรกัน ได้ข่าวว่าเจ้าก็ยี่สิบเท่าข้า พี่สงพี่สามอันใดกัน”
“พี่สาม ข้าให้เกียรติท่านเพราะว่าท่านเป็นถึงบุตรท่านแม่ทัพ สวยกว่าข้าและงดงามกว่าข้า ในเมื่อข้ามาทีหลังย่อมต้องเชื่อฟังพี่สามถึงจะถูก”
ดูเหมือนว่าอันเฟยจะเข้าใจวิธีการเอาชนะใจผู้อื่นในจวนแม่ทัพเป็นอย่างดี แม้ว่าฮั่วหลินอีที่มีใจนึกชอบท่านอ๋องอยู่แต่นางก็อดจะยิ้มกับคำชื่นชมของคนตรงหน้าไม่ได้ อย่างน้อยนางก็ยิ้มออกมาได้แล้ว
ฮั่วฮูหยินเองก็รู้สึกเอ็นดูบุตรสาวคนใหม่ไม่น้อยเพราะกิริยามารยาทและการเอาตัวรอดของนางนั้นนับว่าถูกใจนางยิ่งนัก
“นี่น้องสี่เจ้าบอกว่าอยากได้ชุดเกราะมิใช่หรือ ไปห้องข้ากัน”
“พี่รอง!! แล้วข้าเล่า”
“ก็เจ้าบอกว่าไม่ชอบมิใช่หรือ”
“พี่รองเจ้าคะ ไหน ๆ ก็จะไปแล้ว พี่สามเราไปด้วยกันเถอะ ท่านพ่อ ท่านแม่ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
“นี่เจ้า!! มาจับแขนข้าทำไม ปล่อยเลยข้าเดินเองได้”
“ไปเถอะ ๆ พี่สามอย่าบ่นเลยเจ้าค่ะ พี่รองไปกัน นำทางเลยเจ้าค่ะ”
“ก็บอกว่าไม่ต้องดึง โอ๊ย อย่ามากอดข้านะ อึดอัด”
ห้องของชิงอัน
“จริงหรือ เจ้าบอกว่า เป็นแค่พระชายาจำเป็นงั้นหรือ งั้นก็ไม่ต้องแต่งจริง ๆ น่ะสิ”
“นี่พี่สาม เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้าชอบอีตาอ๋องน้ำแข็งนั่น”
“จะบ้าหรือ ว่าเข้าไปโน่นชอบเชิบอะไรกัน น่าเกลียด”
“อืม นางชอบท่านอ๋อง”
“พี่รอง!! ข้าไม่พูดกับพวกเจ้าแล้ว”
ทั้งสองแอบนึกยิ้มกับความเอียงอายของบุตรคนเล็กของจวนแม่ทัพ ก่อนหน้านี้นางเป็นบุตรคนเล็กมาโดยตลอด บัดนี้กลับมีบุตรคนที่สี่โผล่มา แม้ว่าจะชั่วคราวแต่นางก็ไม่ชอบอันเฟยเท่าใดนักแต่ก็รู้ตัวดีว่าท่านอ๋องก็คงไม่ได้ชอบนางเช่นกัน
“พี่สาม เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านอ๋องนั่นฆ่าคนได้นะ”
“ฆ่าคนงั้นหรือ เจ้าเคยเห็น…”
“ใช่สิข้าเคยเห็น ไม่อย่างนั้นเขาจะเลือกข้าเป็นพระชายาจำเป็นนี่หรือ”
“งั้น…เขาก็โหดมากเลยน่ะสิ”
“เจ้าดูสายตาเขาแล้วคิดว่าอย่างไรเล่า”
“ก็ น่าค้นหา สุขุมและ….นี่!! เจ้าหลอกถามข้า”
“ฮ่า ๆ เจ้านี่นะน้องสาม มัวเมาแต่รูปหน้าดุจพญาเซียนนั่นแต่กลับไม่รู้ พี่ใหญ่เคยเล่ามาเขาน่ะฟันคอข้าศึกขาดสะบั้นโดยไม่กะพริบตาแม้แต่นิดเดียว ขนาดขุนพลแม่ทัพต่างแดนเมื่อรู้ว่าท่านอ๋องออกศึกด้วยตนเองก็หวั่นใจจนล่าถอยเลยล่ะ”
“พี่รอง…ท่านอ๋องโหดเหี้ยมถึงเพียงนั้นเลยหรือเจ้าคะ มิน่าเล่าหานจินซือผู้นั้นถึงได้เปลี่ยนใจไปเลือกองค์รัชทายาทแทน”
“เหอะ พี่ใหญ่บอกว่าพอทราบข่าวว่าท่านอ๋องบาดเจ็บและอาจจะไม่รอด แม่นั่นก็หันไปหาองค์รัชทายาททันที แพศยาเช่นนั้นก็สมควรแล้ว อีกคนก็ขี้ขลาดหัวหดอีกคนก็ใช้ความงามยั่วบุรุษและเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเอง หรือเจ้าไม่ทันเห็นสีหน้าของนางวันที่ท่านอ๋องกลับมาถึงเมืองหลวง”
“พี่รอง ท่านหมายถึงพระชายางั้นหรือเจ้าคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ พอเห็นหน้าชินอ๋องแม่นั่นก็แทบเข่าทรุด คงนึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะรอดมาได้กระมังน่าสมเพชชะมัด ข้านี่แหละเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าท่านอ๋องน่าจะได้เจอคนที่ดีกว่านี้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะเลือกทำเช่นนี้ นี่อันเฟย เจ้าคิดเช่นไรถึงได้รับทำเช่นนี้”
“นั่นสิอันเฟย เจ้าบอกเองว่าเขาโหดเหี้ยมแล้วทำไมต้องรับทำงานนี้เล่า”
อันเฟยหันไปมองทั้งคู่ ในตอนนี้คงถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันได้แล้วเพราะท่านแม่ทัพเองก็ยอมเล่าทุกอย่างให้คนในบ้านฟัง นั่นแสดงว่าพวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและรักษาสัจจะ
“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้ากับพี่ใหญ่เป็นทหารในกองทัพขึ้นตรงกับท่านอ๋อง ท่านพ่อเป็นอาจารย์ของท่านอ๋อง ทุกเรื่องในจวนนี้ไม่มีพุ่งออกจากประตูจวนไปได้นอกจากหัวของผู้ที่กล้าพูดออกไป”
“ข้าก็ไม่ได้อยากรับปาก เพียงแต่ว่าบังเอิญพบเขาตอนที่ตามจับคนร้ายที่ฆ่าสตรีเก้าศพนั่นจนพบเลยได้รู้จักท่านอ๋องโดยบังเอิญ”
“นี่เจ้า…..เจ้าเป็นคนจับคนร้ายนั่นได้…งั้นหรือ”
“หลินอี….เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ”
อันเฟยหันไปมองฮั่วหลินอีที่เริ่มหน้าซีดและมือไม้สั่นเมื่อมองหน้าอันเฟยอีกครั้ง แม้แต่ฮั่วชิงอันเองก็หันมามองนางอย่างไม่เชื่อสายตาเช่นกัน
“เจ้า…เมื่อครู่นี้เจ้าพูดว่าเจ้าเป็นคนที่จับเจ้าคนร้ายฆ่าคนเก้าศพนั่น จริง ๆ งั้นหรือ”
“ใช่ ข้าเป็นผู้ล่อจับมันด้วยตัวเอง ท่านอ๋องเองก็ออกติดตามมันเช่นกันและเป็นคนที่ช่วยข้าจับได้ หลังจากนั้นข้าจึงมอบตัวมันให้ท่านอ๋องจัดการต่อ ว่าแต่พวกท่านรู้จักกับคนร้ายงั้นหรือ”
เมื่อพูดมาถึงตอนนี้ พี่รองหันกลับไปมองที่น้องสามที่กำลังร้องไห้น้ำตาไหลรินอยู่อย่างเงียบ ๆ อันเฟยเองก็พึ่งหันไปมองนางเช่นกันจึงได้ตกใจ หรือว่านางจะจับคนร้ายผิดคน หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“หลินอี เจ้า…ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
“ไม่หรอก นางแค่ดีใจน่ะ เพราะเจ้าคนชั่วนั่นฆ่าเพื่อนสนิทของน้องสามไปเป็นศพที่เจ็ด ก่อนที่เจ้าจะจับมันได้”
“ท่านเป็นใครกันแน่นะ แล้วเหตุใดต้องบอกว่าจะได้พบกันอีก”จวนสกุลฮั่วหน้ากากลายดอกเหมยถูกวางเอาไว้ในกล่องอย่างดีก่อนที่ฮั่วหลินอีจะปิดฝาลงและเดินมานอนนึกถึงเรื่องราวในค่ำคืนนี้ช่วงที่นางเต้นรำดอกไม้ ท่วงท่าในการรำแม้ว่าจะเป็นของฉินโจว แต่บุรุษหนุ่มต่างแคว้นผู้นั้นกลับเต้นรำได้อย่างคล่องแคล่วจนน่าตกใจ“ข้าต้องบ้าไปแล้วเป็นแน่ พบกันเพียงครั้งเดียวเองนะ”วังหลวงฮั่วหลินอีรู้สึกว่ามีคนจ้องมองอยู่ที่ใดสักแห่งตั้งแต่พวกนางลงมาจากรถม้า นางสอดสายตาไปทั่วจนเงยขึ้นไปพบคนผู้หนึ่งที่รู้สึกคุ้นตาแต่ก็รีบหันหน้าหนีในทันที“เหตุใดคนผู้นั้น…”“หืม น้องสามเจ้าเป็นอะไรไป”“เปล่าเจ้าค่ะพี่รอง รีบเข้าไปด้านในกันเถอะเจ้าค่ะ”“ช่วงนี้เจ้าพูดน้อยลงนะรู้ตัวหรือไม่”“งั้นหรือเจ้าคะ ข้าก็แค่….”“เจ้ากำลังโกรธอะไรพวกข้าอยู่หรือเปล่าหลินอี”ฮั่วชิงอันมองน้องสาวด้วยความรู้สึกผิดเพราะตั้งแต่พวกนางกลับมาจากเมืองชุ่น พี่ใหญ่ก็กลับบ้านน้อยลงเพราะมัวแต่ไปเฝ้าลี่ฟางกับแม่ทัพลี่ที่หอต้าหรง ส่วนนางเองก็มีองค์ชายคุณหลิงที่มาหาที่จวนหรือไม่ก็จะไปที่จวนท่านอ๋อง แม้จะพานางไปด้วยแต่ก็ไม่ได้มีเวลาสนใจนางมากนักเกรงว่านางจะน้อย
นางโอบรอบคอของเขาเอาไว้แน่นเมื่อเขารับนางที่กำลังตกจากต้นไม้ที่นางพยายามปีนไปเก็บผลของมันแล้วพลัดตก เขาพานางมาที่ลำธารใสเพื่อล้างแผลที่แขน มือหนาค่อย ๆ ดึงแขนเสื้อนางขึ้นเพื่อล้างแผลและดึงผ้าที่ฉีกจากเสื้อของเขามาพันให้นาง“เอาพันไว้ก่อน กลับไปที่ค่ายแล้วค่อยทายาและเปลี่ยนใหม่”“ขอบคุณท่านแม่ทัพ”ลี่ฟางหันไปขอบคุณ ปากนางจึงหันไปชนแก้มของเขา แต่นางไม่อาจขยับได้เพราะนางกำลังตกใจ ส่วนฮั่วเทียนอี้นั้นรู้ใจตัวเองก่อนนางนานแล้ว เขาดึงนางออกพร้อมกับมองหน้านางที่แดงระเรื่ออีกครั้ง“อยากขอบคุณข้าจริง ๆ งั้นหรือ ข้าช่วยเจ้าครั้งนี้เป็นครั้งที่สามสิบแปดแล้วตั้งแต่ออกเดินทางมา”“ท่านนั่งนับด้วยหรือเจ้าคะ นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ข้า…ขอบคุณจริง ๆ เจ้าค่ะ”“เช่นนั้นข้าขอ….”เขาไม่พูดต่อแต่ช้อนหน้าขึ้นมาจูบนางในทันทีจนนางเริ่มเงยหน้ารับจูบเขา ร่างบางถูกรวบขึ้นมาและเดินออกไปจากลำธารใสในป่าที่ไร้ผู้คน ลิ้นเกี่ยวตวัดจนทั้งคู่ไม่อยากให้ผู้ใดได้พบเห็น เทียนอี้ค่อย ๆ วางนางลงที่โคนต้นไม้ที่มีพื้นหญ้านิ่ม ๆ รองรับอยู่“ลี่ฟาง….ข้าคิดว่าข้า…”“ฮั่วเทียนอี้ ท่านเอาแต่มองข้า เดินตามข้าและช่วยเหลือข้า แม้หลับตาก็รู้
“คำสั่งพิเศษงั้นหรือ นี่มันแผนอันใดกัน เหตุใดข้าต้องไปแดนใต้เพื่อขอร้องแม่ทัพลี่ด้วย อันเฟยต้องการจะทำอะไรกันแน่น้องรอง”“ข้าเองก็หารู้แผนการของนางทั้งหมดไม่เจ้าค่ะ แต่ว่าในตอนที่ไปที่หอต้าหรงและรับตรากิเลนไฟมา พวกเราต้องฟังคำสั่งนางในฐานะแม่ทัพและข้าเชื่อใจอันเฟยว่านางจะคิดไม่ผิด”“เช่นนั้นข้าก็จะไม่ถาม ในเมื่อท่านอ๋องไว้วางพระทัยให้นางถือป้ายควบคุมกองทัพ นั่นแสดงว่าท่านอ๋องมองเห็นบางอย่างในตัวนาง ชิงอันเจ้าอยู่กับนางคอยคุ้มกันไปจนถึงเมืองชุ่น อย่าลืมว่านางเป็นแม่ทัพ ต้องคุ้มกันนางอย่างดี”“พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง ข้าทราบแล้ว”“ข้าจะเดินทางไปคืนนี้เลย ที่เหลือฝากเจ้าด้วย”“เจ้าค่ะ พี่ใหญ่….เดินทางปลอดภัยรักษาตัวด้วย”“เจ้าก็เช่นกัน…นายกองฮั่ว”กองทัพแดนใต้“ท่านแม่ทัพ แม่ทัพฮั่วน้อยขอเข้าพบขอรับ”แม่ทัพลี่หวงผู้คุมแดนใต้ของแคว้นฉินรีบเดินออกมาต้อนรับแม่ทัพหนุ่มอย่างรีบร้อน เขาต้องยอมรับว่าฮั่วเทียนอี้เป็นแม่ทัพที่ดูน่าเกรงขามไม่ต่างกับแม่ทัพฮั่วตูผู้เป็นบิดา เมื่อเดินเข้ามาเขาเองยังต้องรู้สึกเกรงใจ“แม่ทัพฮั่ว”ฮั่วเทียนอี้หันมาและคำนับให้ลี่หวงอย่างนอบน้อมจนแม่ทัพลี่ถึงกับนับถือเขา ที่จร
เมืองชุ่นฮั่วชิงอันที่คอยดูแลอันเฟยเป็นอย่างดีทั้งคอยเปลี่ยนผ้าพันแผลให้และดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นสิ่งที่อยู่ในสายพระเนตรขององค์ชายใหญ่แห่งหงหนานตลอดเวลา“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงมิได้ใช้หมอหลวงของหงหนานเลยพ่ะย่ะค่ะ แม่นางผู้นั้น….”“ไม่ต้องห่วงหรอกพวกนางรักกันดั่งพี่น้อง นางไม่ทำร้ายอันเฟยแน่ พวกเจ้าไปดูแลคนที่บาดเจ็บเถอะข้าจะไปดูอันเฟยหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ”เขาเดินเข้าไปในกระโจมของอันเฟย ด้วยความเคยชินที่เป็นพี่น้องกัน ทหารยามจึงปล่อยให้องค์ชายเข้าไปโดยไม่ทันระวัง แต่เขากลับไม่เห็นนางอยู่ในนั้นพบเพียงสตรีอีกนางที่กำลังเปลี่ยนชุดอยู่“นั่นผู้ใด”นางหันไปคว้าผ้ามาพันตัวเอาไว้ได้ทันและคว้าดาบที่ชั้นวางออกมาพร้อมกับหันมาชี้ใส่องค์ชายคุณหลิงที่ยืนตัวแข็งตกใจอยู่เพราะนึกไม่ถึงว่าบุตรสาวแม่ทัพฮั่วผู้นี้จะมีวรยุทธ์สูงเช่นนี้“องค์ชาย!!”“คือว่า…ขออภัย ข้ามาหาอันเฟยไม่คิดว่าเจ้า…จะอยู่ด้วย”เขารีบหันกลับไปเพื่อให้นางแต่งกายให้เรียบร้อย ชิงอันหน้าแดงจัดเพราะความอับอายเพราะนางไม่เคยเปลือยกายจนให้ผู้อื่นเห็นเนื้อหนังเช่นนี้มาก่อน“องค์หญิงไปเปลี่ยนชุด นางอยู่ด้านในเพคะ หม่อมฉันพึ่งทำแผลให้นางเส
เขากำชับกอดนางแน่นกว่าเดิมเมื่อนึกถึงว่าหากคลาดกันในคืนที่จับฆาตกรต่อเนื่องนั้นไป อาจจะไม่ได้พบกับนางและเรื่องทุกอย่าง เขาคงจะยังจัดการไม่ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้หากไม่มีนางคอยช่วย“โชคดีงั้นหรือเพคะ แต่ว่าคืนที่เราพบกันที่หอต้าหรงในวันทำสัญญานั่น พระองค์ยังเป็นผู้ที่ถือดี เจ้ายศเจ้าอย่าง เย็นชาและไร้น้ำใจอยู่เลยนะเพคะ”“นั่นเพราะว่าข้า…หลังจากสูญเสียเสด็จแม่ไปและถูกหานจินซือและท่านพี่หักหลัง ข้าก็เลยไม่คิดจะไว้ใจผู้ใดอีกจึงได้แสดงออกเช่นนั้นแต่พอเจ้าเข้ามาอยู่ในจวนข้าก็มิได้เป็นเช่นนั้นแล้วมิใช่หรือ ข้าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองจนดีขึ้น”“หากตอนนั้นพระองค์ไม่มีตัวเลือก เรื่องพระสนมทั้งสองจะเป็นเช่นไรกันนะเพคะ”“เฮ้อ….ข้าอาจจะมีสนมเพิ่ม หรือไม่คนที่ถูกฆ่าตายอาจจะเป็นข้า มิใช่พี่ใหญ่ก็ได้”“เพราะเหตุใดกันเพคะ”“เพราะว่าแผนการของหานจินซือนั้นมีมากมายเกินคาดเดา นางไม่มีทางยอมเสียตำแหน่งพระชายาองค์รัชทายาทไปโดยง่าย และอุปสรรคใหญ่ของพวกเขาก็คือข้าอย่างไรเล่า การที่นำพระสนมสองคนมามอบให้ข้า นั่นก็เท่ากับคอยหาโอกาสเพื่อจะทำร้ายข้า เพียงแต่โอกาสนั้นมาช้าเกินไป”“นึกไม่ถึงว่านางจะคิดเรื่องนี้ไว้ลึก
หลินอีถึงกับตกใจจนแทบจะดึงมือหนีแต่องค์ชายไม่ยอม เขาดึงมือนางเอาไว้พร้อมกับส่งยิ้มมาให้นาง รอยยิ้มนี้เองที่ทำให้หลินอียอมแพ้“องค์ชายเพคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”“ข้าแค่ถามเจ้าดู ได้หรือไม่”“พระองค์ทรงหมายถึง….”“เต้าหู้หวานที่เจ้าทำมานั่นอย่างไร มันอร่อยมากข้าขออีกชิ้นหนึ่งได้หรือไม่”“อ้อ!! ท่าน…เอ่อ ได้สิเพคะ ข้าจะ…รีบไปเอามาให้รอสักครู่เพคะ”“เอ่อ…หลินอีเจ้าไม่จำเป็นต้องลนลานขนาดนั้น ข้าทำให้เจ้ากลัวงั้นหรือ”“หม่อมฉันมิได้ลนลานแค่อยากจะ…”นางไม่ทันรู้ว่าเขาเดินตามมาเมื่อจะหันไปตอบกลับหันไปชนเข้ากับแก้มที่มีลักยิ้มของเขาเข้า ท่าทางของจิ่น หยางเองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อถูกแก้มของนางชนเข้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เขาคว้ารอบเอวนางเอาไว้ได้ก่อนที่นางจะเซล้ม“เต้าหู้นี้…ก็อร่อยนะ”เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มที่พร้อมกับขยับปากมาใกล้ ๆ นาง วันนี้เขาคิดว่าเขาเองก็รุกหนักพอสมควรทั้งตอนที่ไหว้พระในวัดและเดินจับมือนางเดินในตลาดหน้าเมือง ซื้อปิ่นปักผมและมุกประดับสวมให้นาง แต่หลินอีที่ไม่เคยถูกบุรุษใดเกี้ยวมาก่อนจึงทำตัวไม่ถูก“ขอชิมได้หรือไม่”“องค์ชายเพคะ นี่มันออกจะ….”มีหรือที่เขาจะทนไหวเมื่อได้อยู่ใกล้นา