หลินอีโผเข้ากอดพี่รองของตัวเอง อันเฟยไม่ทราบจริง ๆ ว่าจะมีโอกาสได้พบกับผู้ที่ประสบเหตุเช่นนี้ด้วยตนเอง นางจึงมั่นใจแล้วว่าตราบใดที่ยังอยู่ที่นี่จะช่วยหอต้าหรงและทางการกำจัดคนชั่วเหล่านี้ไป
“เป็นเจ้างั้นหรือ เจ้า…เป็นผู้จับเจ้าชั่วนั่น…ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ตามจับมันอยู่นานแต่ก็….”
“นั่นเพราะมันเลือกเฉพาะเหยื่อที่เป็นสตรี หากไม่มีตัวล่อ มันไม่มีทางลงมือ ข้าใช้ตัวเองเป็นตัวล่อก็เลย…”
ฮั่วหลินอีหันมาและดึงแขนอันเฟยออกมาจับจนแน่นพร้อมกับน้ำตาที่นองบนใบหน้าขาวนวลนั้น
“เจ้าสัญญากับข้ามา ว่าเจ้า….จะไม่ทำเช่นนั้นอีก สัญญามา!!”
“น้องสาม!!”
“เจ้าเป็นน้องสี่ของข้ามิใช่หรือ!! สัญญามาสิว่าจะไม่ทำเช่นนั้นให้พบกับอันตราย สัญญามา!!”
อันเฟยถึงกับตกใจ นี่นางยังใช่คนที่ก่อนหน้านี้ในห้องโถงเกลียดและไม่พูดจาดี ๆ กับนางอยู่หรือไม่ แต่ตอนนี้ใบหน้าที่ร้องไห้และสายตาที่ขอร้องนางกลับไม่ได้โกหกแม้แต่น้อย
“หลินอี เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนนะทำเช่นนี้น้องสี่จะตกใจ”
“ไม่ ข้าไม่อยาก…ไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว เจ้าสัญญามาสิอันเฟย”
“ได้ ๆ หลินอี ข้าสัญญากับเจ้าว่าจะไม่เอาตัวเองไปเป็นตัวล่อเช่นนั้นอีก ข้าสัญญากับเจ้า”
“จริงนะ เจ้าพูดแล้วนะ พูดจริง ๆ นะ”
“ข้า…ข้ารับปากแล้วเจ้าใจเย็น ๆ และหยุดร้องไห้ก่อนนะ พี่รอง”
พี่รองของนางหันมากอดน้องสามเอาไว้แน่น ที่จริงฮั่วหลินอีทำเป็นปากแข็งไปเช่นนั้นเองตามประสาบุตรสาวคนเล็ก แต่นางมิได้เกลียดอันเฟยจริง ๆ ที่จริงยังชอบนางอีกด้วย และยิ่งได้รู้ว่านางคือผู้ที่จับคนชั่วที่ฆ่าเพื่อนสนิทนางได้ นางยิ่งรักอันเฟยมากเข้าไปอีก
“เช็ดน้ำตาได้แล้วน้องรอง นี่เราต้องจัดหาชุดใหม่ให้น้องสี่นะเจ้าจำได้หรือไม่”
“นั่นสิ ท่านแม่บอกมาแล้วว่าแม้ว่าจะไม่กี่วันแต่ก็ต้องไม่เสียเกียรติว่าเจ้าเป็นบุตรีท่านแม่ทัพหลวงนะ”
พวกนางเร่งหาชุดที่เหมาะสมกับอันเฟยได้ไม่ยากนักเพราะอันเฟยรูปร่างพอ ๆ กับพวกนางทั้งสอง อันเฟยปฏิเสธที่จะซื้อชุดใหม่แพง ๆ ขอแค่ชุดสักสองสามชุดเอาไว้ใส่ไปก่อนเท่านั้น สี่วันที่อยู่ในจวนแม่ทัพ อันเฟยมีความสุขราวกับอยู่บ้านของตัวเองก็มิปาน เพราะพี่รองของนางมักจะชวนนางประลองและนางเองก็สอนวรยุทธ์ของนางเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน พี่สามเองก็เพียรหาชุดและเครื่องประดับมาให้และสอนนางทำขนมหลายอย่าง
“เจ้าไปเก็บดอกกุ้ยฮวามาให้ข้าที ไม่ต้องเยอะมากนะแค่เอามาทำขนม”
“ได้เลยข้าไปไม่นานจะรีบกลับ”
อันเฟยไปที่ต้นดอกกุ้ยฮวาที่อยู่ริมสระหลังสวน นางเห็นช่อดอกที่อยู่สูงจึงนึกอยากได้ นางจึงปีนขึ้นไปพร้อมกับแม่ทัพฮั่วน้อยที่พึ่งเดินเข้ามาและเขาเห็นว่านางกำลังจะปีนขึ้นบนต้นไม้
“น้องสามนั่นเจ้าจะทำอะไร”
“ห๊ะ เหวอ…..”
“ระวัง!!”
แม่ทัพฮั่วน้อย หรือ “ฮั่วเทียนอี้” บุตรชายคนโตสกุลฮั่ววิ่งมารับนางแต่อันเฟยนั้นมีวรยุทธ์ นางพลิกตัวและตีลังกาและหมุนตัวลงมาอยู่ตรงหน้าเขาอย่างงดงาม ฮั่วเทียนอีพึ่งจะเห็นว่านางมิใช่น้องสาวของเขา
“แม่นาง เจ้าเป็นผู้ใดกัน”
“แล้วท่านคือผู้ใดกัน”
“ข้า….”
“พี่ใหญ่!! น้องสี่!!”
“น้องสี่?? ข้ามีน้องตั้งแต่เมื่อใด”
“พี่ใหญ่ ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
“น้องรอง นี่…..”
“อ้อ ท่านพ่อยังมิได้บอกท่านเพราะท่านนำทหารไปฝึกนอกเมืองมาสินะเจ้าคะ นี่คือน้องสี่ของพวกเรา ฮั่วอันเฟย น้องสี่ นี่คือพี่ใหญ่ของพวกเรา ฮั่วเทียนอี้”
“คารวะพี่ใหญ่”
ท่าทางที่อ่อนน้อมและรอยยิ้มที่เป็นมิตรของนางทำเอาแม่ทัพฮั่วน้อยเผลอมองนางจนยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดู คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีน้องสาวมาเพิ่มอีกหนึ่งคนแต่ด้วยเหตุอันใดก็ไม่อาจแน่ใจ หรือว่าบิดาของเขาจะมีภรรยาที่ใดเพิ่มโดยที่เขาไม่รู้งั้นหรือ
ห้องหนังสือ
“อะไรนะขอรับ ว่าที่พระชายาาท่านอ๋อง”
“ใช่ แต่ว่าเป็นเพียงพระชายาชั่วคราว ทั้งคู่ทำสัญญากันว่าจะอภิเษกและเล่นบทพระชายานี้ให้หกเดือน”
“เหตุใดขอรับท่านพ่อ”
“ท่านอ๋องไม่อยากรับตัวปัญหาเข้ามาในจวนเพิ่มน่ะสิ ไม่ทันไรฝ่าบาทก็ประทานสนมมาให้พระองค์ถึงสองคน หากไม่มีพระชายาเสียที องค์ชายใหญ่คงหาเรื่องให้ฝ่าบาทประทานผู้ที่ไม่เหมาะสมมาเป็นพระชายให้ท่านอ๋อง ดังนั้นท่านอ๋องก็เลย….”
“เช่นนี้แล้วนางจะไม่เสื่อเสียหรือพ่ะย่ะค่ะ นาง….”
“เทียนอี้ เรื่องนี้เป็นข้อตกลงระหว่างทั้งสองคน และนางก็ทำข้อตกลงไปแล้วเจ้าไม่ต้องห่วงนางหรอก”
“แล้วหลังจากนี้หากเรื่องนี้จบแล้วเล่าขอรับ นางจะ…ไปอยู่ที่ใด”
“นั่น…ข้าเองก็ยังไม่เคยถามนางเลยแต่เจ้าก็เห็น นางเข้ากับทุกคนในจวนเราได้ดี ข้าเองก็ยังคุยกับแม่ของเจ้า อยากรับนางเป็นบุตรสาว”
“แต่ว่านาง…จะยอมหรือขอรับ”
“ยังเหลืออีกหกเดือน เรื่องนี้เอาไว้เราค่อยคิดหาทางทีหลังเถอะ ว่าแต่เจ้าล่ะ เรื่องการฝึกนอกเมืองเป็นอย่างไรบ้าง”
“เป็นอย่างที่ท่านอ๋องและท่านพ่อคาดการณ์เอาไว้ องค์รัชทายาทส่งคนไปซุ่มดูจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ท่านอ๋องคาดการณ์ไม่มีผิดเลยจริง ๆ เขาไม่หยุดเลยจนกว่า…เฮ้อ สตรีคนรักก็แย่งไปแล้ว ตำแหน่งรัชทายาทก็ได้ไปแล้ว พระองค์ยังไม่ยอมหยุดอีก เห็นทีครั้งนี้อันเฟยเข้าจวนอ๋อง ข้านึกห่วงจริง ๆ ว่านางกับท่านอ๋องจะเอาตัวรอดได้หรือไม่”
ประชุมราชสำนัก
“ว่าอย่างไรนะ ฟู่เฉิน…องค์ชายรองเจ้าบอกว่า....”
“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ลูกจะสู่ขอบุตรสาวท่านแม่ทัพฮั่วเป็นพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
“ถังเย่จวิน” องค์รัชทายาทถึงกับหันไปมองคนข้าง ๆ ที่ยืนอยู่ สีหน้าและแววตาเขายังคงนิ่งได้อย่างน่าหมั่นไส้ มิใช่ว่าน้องรองคนนี้ของเขาหลงรักพระชายาของเขาหัวปักหัวปำงั้นหรือ ขนาดส่งสนมไปตั้งสองคนเขายังไม่แตะต้องพวกนาง แต่เหตุใดวันนี้จึงมาทูลขอเสด็จพ่อให้ออกราชโองการสมรสกับบุตรแม่ทัพฮั่ว
“น้องรอง เจ้า…คิดจะแต่งงานงั้นหรือ เหตุใดข้าจึงมิได้ยินข่าวมาก่อนหน้านี้เลยแล้วเช่นนี้พระสนมของเจ้าเล่าจะทำเช่นไรดี”
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อเสด็จพี่เป็นผู้ทูลขอพวกนางให้กระหม่อม เช่นนั้นทรงนำไปไว้ที่วังบูรพาของพระองค์เพื่อปฏิบัติหน้าที่แทนพระชายาดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้า!!”
“เอาล่ะ ๆ พอทีพวกเจ้าดูเวลาเสียบ้าง นี่มันเวลาใดกันแล้ว ฟู่เฉินเรื่องนี้ข้าฟังมาจากฮั่วตูแล้ว เรื่องเป็นเช่นนี้ข้าก็คงจะต้องรีบจัดการงานสมรสให้เจ้าแล้วละนะ”
“เสด็จพ่อ แต่ว่า..”
“ทำไม พระชายาเจ้าก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก”
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ พระชายาลูกกำลังตั้งครรภ์อยู่เช่นนั้นในเมืองหลวงก็ไม่ควรจะมีข่าวดีทับซ้อนเช่นนี้นะพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นมิรอให้พระชายาคลอดก่อนแล้วค่อย…สมรส เจ้าว่าดีหรือไม่น้องรอง”
“เห็นทีคงจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ทำไมเล่า เจ้ากลัวอะไรงั้นหรือน้องรอง หรือว่าว่าที่เจ้าสาวของเจ้ากลัวจะไม่ได้แต่งงาน หรือเป็นเจ้า…ที่กลัว..”
เซียวฟู่เฉินหันไปมองพระพักตร์พี่ชายต่างมารดาอีกครั้งพร้อมกับตอบไปด้วยเสียงเรียบ ๆ
“กระหม่อมมิได้กลัวสุนัขคาบไปกินเหมือนครั้งก่อนหรอก เพราะนางเป็นคนที่ฉลาดเลือกมากพอพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านเป็นใครกันแน่นะ แล้วเหตุใดต้องบอกว่าจะได้พบกันอีก”จวนสกุลฮั่วหน้ากากลายดอกเหมยถูกวางเอาไว้ในกล่องอย่างดีก่อนที่ฮั่วหลินอีจะปิดฝาลงและเดินมานอนนึกถึงเรื่องราวในค่ำคืนนี้ช่วงที่นางเต้นรำดอกไม้ ท่วงท่าในการรำแม้ว่าจะเป็นของฉินโจว แต่บุรุษหนุ่มต่างแคว้นผู้นั้นกลับเต้นรำได้อย่างคล่องแคล่วจนน่าตกใจ“ข้าต้องบ้าไปแล้วเป็นแน่ พบกันเพียงครั้งเดียวเองนะ”วังหลวงฮั่วหลินอีรู้สึกว่ามีคนจ้องมองอยู่ที่ใดสักแห่งตั้งแต่พวกนางลงมาจากรถม้า นางสอดสายตาไปทั่วจนเงยขึ้นไปพบคนผู้หนึ่งที่รู้สึกคุ้นตาแต่ก็รีบหันหน้าหนีในทันที“เหตุใดคนผู้นั้น…”“หืม น้องสามเจ้าเป็นอะไรไป”“เปล่าเจ้าค่ะพี่รอง รีบเข้าไปด้านในกันเถอะเจ้าค่ะ”“ช่วงนี้เจ้าพูดน้อยลงนะรู้ตัวหรือไม่”“งั้นหรือเจ้าคะ ข้าก็แค่….”“เจ้ากำลังโกรธอะไรพวกข้าอยู่หรือเปล่าหลินอี”ฮั่วชิงอันมองน้องสาวด้วยความรู้สึกผิดเพราะตั้งแต่พวกนางกลับมาจากเมืองชุ่น พี่ใหญ่ก็กลับบ้านน้อยลงเพราะมัวแต่ไปเฝ้าลี่ฟางกับแม่ทัพลี่ที่หอต้าหรง ส่วนนางเองก็มีองค์ชายคุณหลิงที่มาหาที่จวนหรือไม่ก็จะไปที่จวนท่านอ๋อง แม้จะพานางไปด้วยแต่ก็ไม่ได้มีเวลาสนใจนางมากนักเกรงว่านางจะน้อย
นางโอบรอบคอของเขาเอาไว้แน่นเมื่อเขารับนางที่กำลังตกจากต้นไม้ที่นางพยายามปีนไปเก็บผลของมันแล้วพลัดตก เขาพานางมาที่ลำธารใสเพื่อล้างแผลที่แขน มือหนาค่อย ๆ ดึงแขนเสื้อนางขึ้นเพื่อล้างแผลและดึงผ้าที่ฉีกจากเสื้อของเขามาพันให้นาง“เอาพันไว้ก่อน กลับไปที่ค่ายแล้วค่อยทายาและเปลี่ยนใหม่”“ขอบคุณท่านแม่ทัพ”ลี่ฟางหันไปขอบคุณ ปากนางจึงหันไปชนแก้มของเขา แต่นางไม่อาจขยับได้เพราะนางกำลังตกใจ ส่วนฮั่วเทียนอี้นั้นรู้ใจตัวเองก่อนนางนานแล้ว เขาดึงนางออกพร้อมกับมองหน้านางที่แดงระเรื่ออีกครั้ง“อยากขอบคุณข้าจริง ๆ งั้นหรือ ข้าช่วยเจ้าครั้งนี้เป็นครั้งที่สามสิบแปดแล้วตั้งแต่ออกเดินทางมา”“ท่านนั่งนับด้วยหรือเจ้าคะ นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ข้า…ขอบคุณจริง ๆ เจ้าค่ะ”“เช่นนั้นข้าขอ….”เขาไม่พูดต่อแต่ช้อนหน้าขึ้นมาจูบนางในทันทีจนนางเริ่มเงยหน้ารับจูบเขา ร่างบางถูกรวบขึ้นมาและเดินออกไปจากลำธารใสในป่าที่ไร้ผู้คน ลิ้นเกี่ยวตวัดจนทั้งคู่ไม่อยากให้ผู้ใดได้พบเห็น เทียนอี้ค่อย ๆ วางนางลงที่โคนต้นไม้ที่มีพื้นหญ้านิ่ม ๆ รองรับอยู่“ลี่ฟาง….ข้าคิดว่าข้า…”“ฮั่วเทียนอี้ ท่านเอาแต่มองข้า เดินตามข้าและช่วยเหลือข้า แม้หลับตาก็รู้
“คำสั่งพิเศษงั้นหรือ นี่มันแผนอันใดกัน เหตุใดข้าต้องไปแดนใต้เพื่อขอร้องแม่ทัพลี่ด้วย อันเฟยต้องการจะทำอะไรกันแน่น้องรอง”“ข้าเองก็หารู้แผนการของนางทั้งหมดไม่เจ้าค่ะ แต่ว่าในตอนที่ไปที่หอต้าหรงและรับตรากิเลนไฟมา พวกเราต้องฟังคำสั่งนางในฐานะแม่ทัพและข้าเชื่อใจอันเฟยว่านางจะคิดไม่ผิด”“เช่นนั้นข้าก็จะไม่ถาม ในเมื่อท่านอ๋องไว้วางพระทัยให้นางถือป้ายควบคุมกองทัพ นั่นแสดงว่าท่านอ๋องมองเห็นบางอย่างในตัวนาง ชิงอันเจ้าอยู่กับนางคอยคุ้มกันไปจนถึงเมืองชุ่น อย่าลืมว่านางเป็นแม่ทัพ ต้องคุ้มกันนางอย่างดี”“พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง ข้าทราบแล้ว”“ข้าจะเดินทางไปคืนนี้เลย ที่เหลือฝากเจ้าด้วย”“เจ้าค่ะ พี่ใหญ่….เดินทางปลอดภัยรักษาตัวด้วย”“เจ้าก็เช่นกัน…นายกองฮั่ว”กองทัพแดนใต้“ท่านแม่ทัพ แม่ทัพฮั่วน้อยขอเข้าพบขอรับ”แม่ทัพลี่หวงผู้คุมแดนใต้ของแคว้นฉินรีบเดินออกมาต้อนรับแม่ทัพหนุ่มอย่างรีบร้อน เขาต้องยอมรับว่าฮั่วเทียนอี้เป็นแม่ทัพที่ดูน่าเกรงขามไม่ต่างกับแม่ทัพฮั่วตูผู้เป็นบิดา เมื่อเดินเข้ามาเขาเองยังต้องรู้สึกเกรงใจ“แม่ทัพฮั่ว”ฮั่วเทียนอี้หันมาและคำนับให้ลี่หวงอย่างนอบน้อมจนแม่ทัพลี่ถึงกับนับถือเขา ที่จร
เมืองชุ่นฮั่วชิงอันที่คอยดูแลอันเฟยเป็นอย่างดีทั้งคอยเปลี่ยนผ้าพันแผลให้และดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นสิ่งที่อยู่ในสายพระเนตรขององค์ชายใหญ่แห่งหงหนานตลอดเวลา“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงมิได้ใช้หมอหลวงของหงหนานเลยพ่ะย่ะค่ะ แม่นางผู้นั้น….”“ไม่ต้องห่วงหรอกพวกนางรักกันดั่งพี่น้อง นางไม่ทำร้ายอันเฟยแน่ พวกเจ้าไปดูแลคนที่บาดเจ็บเถอะข้าจะไปดูอันเฟยหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ”เขาเดินเข้าไปในกระโจมของอันเฟย ด้วยความเคยชินที่เป็นพี่น้องกัน ทหารยามจึงปล่อยให้องค์ชายเข้าไปโดยไม่ทันระวัง แต่เขากลับไม่เห็นนางอยู่ในนั้นพบเพียงสตรีอีกนางที่กำลังเปลี่ยนชุดอยู่“นั่นผู้ใด”นางหันไปคว้าผ้ามาพันตัวเอาไว้ได้ทันและคว้าดาบที่ชั้นวางออกมาพร้อมกับหันมาชี้ใส่องค์ชายคุณหลิงที่ยืนตัวแข็งตกใจอยู่เพราะนึกไม่ถึงว่าบุตรสาวแม่ทัพฮั่วผู้นี้จะมีวรยุทธ์สูงเช่นนี้“องค์ชาย!!”“คือว่า…ขออภัย ข้ามาหาอันเฟยไม่คิดว่าเจ้า…จะอยู่ด้วย”เขารีบหันกลับไปเพื่อให้นางแต่งกายให้เรียบร้อย ชิงอันหน้าแดงจัดเพราะความอับอายเพราะนางไม่เคยเปลือยกายจนให้ผู้อื่นเห็นเนื้อหนังเช่นนี้มาก่อน“องค์หญิงไปเปลี่ยนชุด นางอยู่ด้านในเพคะ หม่อมฉันพึ่งทำแผลให้นางเส
เขากำชับกอดนางแน่นกว่าเดิมเมื่อนึกถึงว่าหากคลาดกันในคืนที่จับฆาตกรต่อเนื่องนั้นไป อาจจะไม่ได้พบกับนางและเรื่องทุกอย่าง เขาคงจะยังจัดการไม่ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้หากไม่มีนางคอยช่วย“โชคดีงั้นหรือเพคะ แต่ว่าคืนที่เราพบกันที่หอต้าหรงในวันทำสัญญานั่น พระองค์ยังเป็นผู้ที่ถือดี เจ้ายศเจ้าอย่าง เย็นชาและไร้น้ำใจอยู่เลยนะเพคะ”“นั่นเพราะว่าข้า…หลังจากสูญเสียเสด็จแม่ไปและถูกหานจินซือและท่านพี่หักหลัง ข้าก็เลยไม่คิดจะไว้ใจผู้ใดอีกจึงได้แสดงออกเช่นนั้นแต่พอเจ้าเข้ามาอยู่ในจวนข้าก็มิได้เป็นเช่นนั้นแล้วมิใช่หรือ ข้าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองจนดีขึ้น”“หากตอนนั้นพระองค์ไม่มีตัวเลือก เรื่องพระสนมทั้งสองจะเป็นเช่นไรกันนะเพคะ”“เฮ้อ….ข้าอาจจะมีสนมเพิ่ม หรือไม่คนที่ถูกฆ่าตายอาจจะเป็นข้า มิใช่พี่ใหญ่ก็ได้”“เพราะเหตุใดกันเพคะ”“เพราะว่าแผนการของหานจินซือนั้นมีมากมายเกินคาดเดา นางไม่มีทางยอมเสียตำแหน่งพระชายาองค์รัชทายาทไปโดยง่าย และอุปสรรคใหญ่ของพวกเขาก็คือข้าอย่างไรเล่า การที่นำพระสนมสองคนมามอบให้ข้า นั่นก็เท่ากับคอยหาโอกาสเพื่อจะทำร้ายข้า เพียงแต่โอกาสนั้นมาช้าเกินไป”“นึกไม่ถึงว่านางจะคิดเรื่องนี้ไว้ลึก
หลินอีถึงกับตกใจจนแทบจะดึงมือหนีแต่องค์ชายไม่ยอม เขาดึงมือนางเอาไว้พร้อมกับส่งยิ้มมาให้นาง รอยยิ้มนี้เองที่ทำให้หลินอียอมแพ้“องค์ชายเพคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”“ข้าแค่ถามเจ้าดู ได้หรือไม่”“พระองค์ทรงหมายถึง….”“เต้าหู้หวานที่เจ้าทำมานั่นอย่างไร มันอร่อยมากข้าขออีกชิ้นหนึ่งได้หรือไม่”“อ้อ!! ท่าน…เอ่อ ได้สิเพคะ ข้าจะ…รีบไปเอามาให้รอสักครู่เพคะ”“เอ่อ…หลินอีเจ้าไม่จำเป็นต้องลนลานขนาดนั้น ข้าทำให้เจ้ากลัวงั้นหรือ”“หม่อมฉันมิได้ลนลานแค่อยากจะ…”นางไม่ทันรู้ว่าเขาเดินตามมาเมื่อจะหันไปตอบกลับหันไปชนเข้ากับแก้มที่มีลักยิ้มของเขาเข้า ท่าทางของจิ่น หยางเองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อถูกแก้มของนางชนเข้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เขาคว้ารอบเอวนางเอาไว้ได้ก่อนที่นางจะเซล้ม“เต้าหู้นี้…ก็อร่อยนะ”เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มที่พร้อมกับขยับปากมาใกล้ ๆ นาง วันนี้เขาคิดว่าเขาเองก็รุกหนักพอสมควรทั้งตอนที่ไหว้พระในวัดและเดินจับมือนางเดินในตลาดหน้าเมือง ซื้อปิ่นปักผมและมุกประดับสวมให้นาง แต่หลินอีที่ไม่เคยถูกบุรุษใดเกี้ยวมาก่อนจึงทำตัวไม่ถูก“ขอชิมได้หรือไม่”“องค์ชายเพคะ นี่มันออกจะ….”มีหรือที่เขาจะทนไหวเมื่อได้อยู่ใกล้นา