หน้าหลัก / รักโบราณ / นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง / บทที่ 21 สกุลมู่เกิดวิกฤติ (ตอนปลาย)

แชร์

บทที่ 21 สกุลมู่เกิดวิกฤติ (ตอนปลาย)

ผู้เขียน: ชวี่เหว่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-19 21:15:14

บทที่ 21 สกุลมู่เกิดวิกฤติ (ตอนปลาย)

ครู่ต่อมาท่านหมอหูกระหืดกระหอบตามฉวนซื่อมายังบ้านสกุลมู่ ระหว่างทางเขาแอบบ่นในใจว่า คนบ้านนี้ช่างขยันมีเรื่องเสียจริง

มู่ซานและมู่อวิ๋นมาถึงในเวลาอันไล่เลี่ยกัน บุรุษทั้งสามตรงไปยังห้องนอนเจ้าของบ้านทันที

เวลานี้หลัวซื่อที่ถูกฉวนซื่อจับนอนหงายหนุนหมอนอิงจากตั่ง มีผ้าห่มผืนบางคลุมตัวไว้ ใบหน้าของหญิงชราซีดขาว มู่อวี๋โหรวนั่งสะอื้นไห้อยู่ด้านข้าง

"ท่านแม่! อาเหยาเกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่!" มู่อวิ๋นหันไปหาภรรยาที่ยืนหอบหน้าซีดอยู่ข้างประตู

"ฮึก ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านหมอหูเจ้าคะ ช่วยท่านย่าด้วยเจ้าค่ะ นางหมดสติข้าเรียกอย่างไรก็ไม่ตื่น ฮึก" มู่อวี๋โหรวสะอื้นไห้ ร้องเรียกบุรุษทั้งสามเสียงสั่นจากความหวั่นวิตก

หมอหูรีบตรงไปจับชีพจรของหลัวซื่อ เปิดเปลือกตาของหญิงชราดู ก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เริ่มต้นทำการฝังเข็มรักษา จากนั้นจึงขอให้มู่ซานและมู่อวิ๋นอุ้มหลัวซื่อไปนอนบนเตียง

"ท่านหมอ อาอวี๋เป็นอย่างไรบ้างขอรับ นางจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่" สีหน้าของมู่ซานดูไม่ดีนัก ขณะเอ่ยปากถามไถ่อาการของภรรยา

หมอหูถอนหายใจหนัก ก้าวขาออกไปจากห้องนอน มู่ซานและมู่อวิ๋นก้าวต
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง    บทที่ 83 ความลับของชิงเอ๋อร์ (ตอนปลาย)

    บทที่ 83 ความลับของชิงเอ๋อร์ (ตอนปลาย) "นี่คือความลับของอาหารหน้าตาแปลกแต่เลิศรสของชิงเอ๋อร์สินะ ขอบใจมากนะที่ยอมเปิดเผยความลับนี้กับข้า แล้วยังมีเรื่องอื่นที่อยากบอกข้าอีกหรือไม่" "ยังมีอีกเรื่องเพคะ" หญิงสาวรู้สึกประหม่าไม่น้อยที่ต้องเปิดเผยความลับสำคัญเรื่องที่สอง…ครึ่งหนึ่ง เรื่องราวของการพบกันครั้งแรก ณ หอโอสถเสียนเย่า ถูกหยิบยกขึ้นมาสนทนาอีกครั้ง เซียวหนิงชิงยอมเปิดเผยเรื่องที่ตนสามารถมองเห็นทะลุผ่านผนังได้ให้คนรักฟัง ดวงเนตรของซวินเหิงเยว่เบิกกว้างอย่างตกตะลึง จ้องมองคนรักด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “ชิงเอ๋อร์มองเห็นทะลุผนังได้จริงๆหรือ” “เพคะ” เสียงหวานตอบรับหนักแน่น หากแต่แววตาแฝงถึงความกังวล กลัวว่าชายหนุ่มจะโกรธเรื่องที่นางโกหกเขาในคราแรก คนฟังนิ่งเงียบไม่เอ่ยถ้อยคำใดอยู่ชั่วขณะ ทว่าหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่ามุมปากของกระตุกคล้ายกำลังกักกั้นรอยยิ้ม เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปยังห้องข้างๆ หายเงียบไปราวจิบชา ก่อนส่งเสียงถามนางว่าเขากำลังทำสิ่งใด เซียวหนิงชิงยกมือกุมขมับ ที่แท้ท่านอ๋องของนาง ต้องการพิสูจน์ว่าเป็นความจริงหรือไม่ แล้วทำไมไม่บอกกันก่อน

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 83 ความลับของชิงเอ๋อร์ (ตอนต้น)

    บทที่ 83 ความลับของชิงเอ๋อร์ (ตอนต้น) จวนเจ้าเมืองอี้เฉิง นับเป็นเวลามากกว่าสองเดือนที่ท่านเจ้าเมืองอี้เฉิงผู้ปรีชา ทำงานหนักจนแทบไม่มีวันหยุด กองเอกสารรายงานต่างๆ บนโต๊ะทรงงานสูงเกือบท่วมหัว จากที่ตั้งใจว่าจัดงานอภิเษกทันทีที่กลับมาถึง แต่กลายเป็นว่าต้องเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด เช้าวันนี้ก็เช่นเดียวกัน… ดวงเนตรคู่คมจ้องมองกองเอกสารที่ตั้งรออยู่บนโต๊ะ ราวกับกำลังจ้องมองคู่แค้น และหากเอกสารเหล่านั้นสามารถมอดไหม้มลายไปได้ด้วยสายตา พวกมันคงกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว "สุ่ยกงกง นี่มันอะไรกัน เอกสารพวกนี้มาจากไหนอีก?!" ทั้งที่เขานั่งถ่างตาสะสางงานซึ่งคั่งค้างมากว่าสามเดือน ในระหว่างที่เดินทางไปเมืองหลวงจนถึงยามโฉว่ (01:00-02:59) เพิ่งได้นอนไปแค่สองชั่วยามเท่านั้น ตั้งใจว่าวันนี้จะไปออดอ้อนคนรักให้หายคิดถึง เพราะตั้งแต่กลับมา เขาพบหน้านางแทบนับครั้งได้ อาหารทุกมื้อก็เป็นคนของเล่อไฉเฟิ่งนำมาส่งให้ถึงจวน "กองนี้หย่งหนานโหวส่งมาพะย่ะค่ะ ท่านโหวรอให้ท่านอ๋องสะสางรายงานทุกอย่างของภาคตะวันออกให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ค่อยเอารายงานของกองทัพที่ต้องให้ท่านอ๋องตรวจสอบและอนุมัติมามอบให้" สุ่ยกงกงเหงื่

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง    บทที่ 82 เกลี้ยกล่อม (ตอนปลาย)

    บทที่ 82 เกลี้ยกล่อม (ตอนปลาย) หากต้องการปกป้องทุกคนที่นางรัก ไม่ให้ใครหน้าไหนอาจหาญมาแตะต้องได้อีก ย่อมต้องเป็นผู้ที่อยู่สูงสุด มีอำนาจปิดแผ่นฟ้าด้วยมือเดียวอย่างโอรสสวรรค์คอยหนุนหลัง "เพื่อแคว้นต้าซวินและราษฎร หม่อมฉันจะทำสุดความสามารถเพคะ ขอฝ่าบาทโปรดวางพระทัย และขอเวลาให้หม่อมฉันสักระยะ" "เจิ้นจะรอข่าวดีจากท่านหญิง ส่วนเรื่องที่ขอให้ส่งสาส์นไปถึงเฉินอ๋องที่ฮวาล่า เจิ้นจัดการให้เรียบร้อยตามที่ขอแล้วนะ ช่างคิดถึงสหายของเจิ้นผู้นี้จริงๆ" ฮ่องเต้ทรงนึกถึงยามที่ตนยังเป็นเพียงองค์ชาย ร่ำเรียนวิชาการขี่ม้ายิงธนูร่วมกับเฉินอ๋องในสนามฝึก โดยมีเฉาหย่งจิงเป็นผู้ฝึกสอน เวลาช่างเคลื่อนไปผ่านเร็วนัก… ในที่สุดวันเดินทางกลับเมืองอี้เฉิงก็มาถึง ขบวนรถม้าเตรียมเคลื่อนออกจากเมืองหลวง ทว่าติดขัดตรงที่นางคณิกาของหออ้ายเสิน ต่างไม่ยินยอมปล่อยตัวเอ้อร์หลิงออกมา พวกนางหลงใหลชายหนุ่มจนถึงขั้นตบตีกันเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเขา นายเหนือหัวอย่างซวินเหิงเยว่ถึงกับกุมขมับยามทราบเรื่อง กว่าองครักษ์เงาจะแอบพาเอ้อร์หลิงออกมาจากหออ้ายเสินได้ ก็เสียเวลาไปเกือบสองชั่วยาม!! เอ้อร์หลิงอยู่ในสภาพอ่อนระโหยโรยแรง

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 82 เกลี้ยกล่อม (ตอนต้น)

    บทที่ 82 เกลี้ยกล่อม (ตอนต้น) บรรยากาศในเมืองหลวงเต็มไปด้วยความหดหู่ พระราชพิธีศพของไทเฮาพึ่งผ่านพ้น ทว่าทางสำนักพระราชวังต้องจัดงานพระศพขององค์รัชทายาทและพระชายาขึ้นต่อจากนั้นทันที ยังไม่รวมโทษประหารชีวิตคนตระกูลว่านและตระกูลหลินในข้อหาร้ายแรงอย่างการเป็นกบฏ ฤดูเหมันต์ในปีนี้ถูกขนานนามว่า เหมันต์วิปโยค บางคนเรียก เหมันต์มรณะ ในสายตาใครหลายๆ คนต่างพากันเห็นพระทัยฮ่องเต้สุดหัวใจกับความสูญเสียนี้ ทว่าผู้ที่อยู่บนบัลลังก์มังกร หาได้โทมนัสหนักหนาอย่างที่ขุนนางหรือประชาชนเข้าใจ พระองค์อาจรู้สึกสะท้อนพระทัยอยู่บ้าง ในยามรำลึกถึงองค์รัชทายาทและองค์ชายห้าเมื่อครั้งที่ทั้งสองยังคงพระเยาว์ แต่สิ่งที่ทำให้ฮ่องเต้ซวินเสวียนคงกลุ้มพระทัยอย่างหนัก จนถึงขั้นกุมขมับคือเรื่องการแต่งตั้งองค์รัชทายาทคนใหม่ "หวายกงกง เจิ้นควรจะทำอย่างไรดี เจ้าเด็กเย็นชานั่นอย่างไรก็ไม่ยอมรับตำแหน่งนี้ ยืนกรานเสียงแข็ง หนึ่งไม่เอาสองไม่เอา เกลี้ยกล่อมก็แล้ว ข่มขู่ก็แล้ว ระหว่างเจ้าสามหรือเจ้าสี่ก็ไม่มีใครเหมาะสม คนหนึ่งสำมะเลเทเมาบ้าผู้หญิง อีกคนก็มีคนรักเป็นบุรุษ ถึงแม้จะประพฤติตัวดีมีคุณธรรม แต่ในอนาคตคงไร

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 81 สิ้นสุดความแค้น (ตอนปลาย)

    บทที่ 81 สิ้นสุดความแค้น (ตอนปลาย) ร่างบางในชุดดำแสยะยิ้มร้ายอย่างสาแก่ใจ เอ่ยประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงยียวน "อ้อ ข้าลืมไป ยังมีอีกคนที่ตายแล้วเหมือนกัน เพิ่งตายไปสดๆร้อนๆศพยังคงอุ่นอยู่เลย เจ้าลองทายดูสิว่าใคร ฮ่าๆๆ" สีหน้าของหลินเจาถิงดูสับสน นางไม่เข้าใจว่าหญิงสาวเบื้องหน้า ที่อ้างว่าตนคือธิดาของเฉินชิงเหอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร "คะ ใครตาย เจ้าพูดเรื่องอะไร ปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้นะ ทหา…" ส่งเสียงได้เพียงเท่านั้นก็มิอาจร้องขอความช่วยเหลือได้อีก ร่างของหลินเจาถิงถูกโอบล้อมด้วยหมอกสีดำหนาวเยือก แรงกดทับหนักหน่วงจนแทบหายใจไม่ออก ดวงตาสีแดงของปีศาจวาวโรจน์อยู่ในความืดมิด เสียงเย็นยะเยือกแว่วขึ้นข้างหู "ข้าจะช่วยบอกให้เจ้ารู้ก็ได้ คนที่ตายในคืนนี้ก็คือลูกชายสุดที่รักของเจ้าอย่างไรเล่า ตายด้วยน้ำมือองค์ชายห้า แถมไปตายอยู่นอกตำหนักด้วยนะ อีกไม่นานพี่ชายและคนตระกูลหลินของเจ้าก็จะตายตามไป ทำความผิดใดไว้ ข้าคงไม่ต้องบอกกระมัง ฝ่าบาทคงไม่พระทัยดีปล่อยพวกเขาไปแน่" คนฟังน้ำตาไหลพราก เจ็บปลาบในทรวงอกราวถูกกระชากหัวใจ ยามได้ยินว่าโอรสของตนตายแล้ว ร่างผอมบางพยายามดิ้นรน แต่มิอาจหลุดพ้นจากพลานุภาพข

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 81 สิ้นสุดความแค้น (ตอนต้น)

    บทที่ 81 สิ้นสุดความแค้น (ตอนต้น) รายงานเรื่ององค์รัชทายาทและพระชายาถูกลอบปลงพระชนม์ ถูกนำขึ้นถวายฮ่องเต้ในเวลาต่อจากนั้นไม่นาน บรรยากาศในห้องบรรทมเงียบงันและตึงเครียดอย่างถึงที่สุด แม้แต่มหาขันทีอย่างหวายกงกงยังแทบหายไม่ออก ผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดโอรสสวรรค์ก็ขยับพระวรกายก้าวลงจากลงแท่นบรรทม ทรงก้าวไปเปิดบานหน้าต่างออกด้วยองค์เอง พระหทัยวูบโหวงอย่างแปลกประหลาด ซวินเทียนอวิ๋นก็เป็นโอรสองค์หนึ่งของเขา แม้นไม่ได้ทรงโปรดปรานเท่าซวินเหิงเยว่ ทว่าก็ทรงอุ้มชูมาตั้งแต่เล็ก "เขาตายได้อย่างไร" พระเนตรเหม่อมองไปไกลยามรับสั่งถาม สุ้มเสียงสั่นเครืออยู่ชั่วอึดใจ "ถูกมือสังหารขององค์ชายห้าลอบปลงพระชนม์พะย่ะค่ะ" หวายกงกงทูลตอบทั้งที่ยังก้มหน้า หลังได้รับแจ้งเรื่อง หวายกงกงจึงส่งคนของตนไปรีดเค้นเอาความจริง จากปากนักฆ่าทั้งสามที่ถูกควบคุมตัวมาได้ หนึ่งในนั้นยอมสารภาพออกมา เพราะถูกข่มขู่ว่าจะจับตอนและนำส่วนที่เฉือนออกมาไปโยนให้สุนัขกิน มหาขันทีคาดไม่ถึงว่าองค์ชายห้าจะไร้หัวใจ ส่งนักฆ่าไปสังหารพระเชษฐาได้อย่างเลือดเย็น เรื่องที่ว่านซูเฟยถูกจับได้ว่าลอบวางยาพิษฮ่องเต้ยังไม่แพร่ออกไป องค์ชายห้า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status