ホーム / แฟนตาซี / บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ / บทที่90 ทักษะวิญญาณที่เพิ่มขึ้น

共有

บทที่90 ทักษะวิญญาณที่เพิ่มขึ้น

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยเเล้ว เหวินหวู่ได้พาหนิงอ้ายมายังที่หนึ่งซึ่งอยู่ห่างไปจากหมู่บ้านไร้นามเเห่งนี้ไปไม่ไกลสักเท่าไหร่นัก ตรงหน้าของเด็กหนุ่มเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่ภายในเต็มไปด้วยสมุนไพรที่ให้ความรู้สึกเหมือนสวนสมุนไพรข้างเรือนของอาจารย์

กลิ่นอายของลมปราณฟ้าดินที่ไหลเวียนอยู่โดยรอบเข้มข้นมีความบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย ฟังว่าถ้ำนี้เปรียบได้กับที่พักชั่วคราวในยามที่ท่านอาจารย์ผ่านทางมายังหมู่บ้านนี้ สมุนไพรโดยรอบที่เห็นเป็นระเบียนก็เป็นฝีมือของชายชราเช่นกันที่เลือกสรรนำมาปลูกไว้ในบริเวณถ้ำดั่งกล่าวนี้นั่นเอง

"เจ้าจะพักผ่อนก่อนหรือไม่?" ชายชราถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะก่อนหน้านี้อีกฝ่ายคงเสียพลังวิญญาณไปอย่างมากจากการสังหารอสูรจักรพรรดิแมงมุมรัตติกาลเหมันต์เมื่อครู่ ในความคิดของผู้ที่มีอายุมากกว่าเห็นควรว่าเด็กหนุ่มควรจะพักเสียหน่อยจะเป็นการดีที่สุด

"ข้ายังไหวอยู่ขอรับท่านอาจารย์อย่างไรข้าฝากท่านด้วยนะขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไปเพื่อให้อาจารย์สบายใจ อีกทั้งยังรบกวนอีกฝ่ายไปอีกด้วย

การดูดซับกระดูกวิญญาณในเเต่ละครั้งหากว่าเกิดเหตุการ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ผู้ฝึกตนที่กำลังอยู่ในขั้นตอนดังกล่าวนั้นจะไม่สามารถปกป้องดูเเลตัวเองได้ จึงควรที่มีสุดยอดฝีมือที่คอยดูเเลอยู่ไม่ไกล ดังเช่นตอนที่เขาได้ดูดซับกระดูกวิญญาณตอนอยู่ตระกูลหวังเพราะครั้งนั้นก็มีผู้ฝึกตนที่มากไปด้วยฝีมือคอยดูเเลโดยรอบเช่นกัน

หนิงอ้ายไม่รอช้าจึงทำการปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตนออกมาในทันที พร้อมกันนั้นตรงพื้นยืนได้ปรากฎเป็นวงเเหวนเวทย์ที่มีอักขระหมุนวนไปมาก่อนที่จะหยุดนิ่งทอเเสงสว่างไปทั่วทั้งผนังถ้ำเเห่งนี้ วิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟยามที่ถูกเรียกใช้ในฐานะของผู้ฝึกตนระดับเทวะวิญญาณขั้นต้นนั้น กล่าวได้ว่ามีอาณุภาพความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าเลยทีเดียว

'กระดูกวิญญาณชิ้นนี้เป็นของสัตว์อสูรระดับมายาที่มีอายุเกือบเก้าพันปี หากเทียบดูเเล้วด้วยระดับเทวะวิญญาณนี้ถือได้ว่าเกินขีดจำกัดที่ร่างกายจะรับได้ เเต่หากว่าผู้ดูดซับมีจิตใจที่มั่นคงไม่หวั่นไหวย่อมผ่านไปได้เช่นกัน...' เหวินหวู่เอ่ยพึมพำเสียงเบาคล้ายคุยกับตนเอง

'ผู้ฝึกตนราชทินนามเทวะวิญญาณขั้นต้นที่มีอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเช่นนี้นับว่าหายากในรอบหลายสิบ หลายร้อยปี และหากอีกฝ่ายสามารถสอบเลื่อนขั้นจากนักปรุงโอสถฝึกหัดก้าวข้ามเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่งได้สำเร็จคงเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเหตุใดตาเฒ่าหวังนั้นจึงโชคดีมีลูกหลานที่มากไปด้วยฝีมือเช่นนี้ได้กัน...' ชายชราเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับมองไปยังเด็กหนุ่มด้วยความเป็นห่วงและชื่นชมความโชคดีของสหายเก่าแก่ของตน

หนิงอ้ายไม่รอช้าหยิบกระดูกวิญญาณที่พึ่งได้มานั้นดูดซับเข้าสู่ร่างกาย เพียงครึ่งเค่อหลังจากนั้น ใบหน้างามของหนิงอ้ายถึงกับบิดเบี้ยว ราวกับว่ากำลังพบกับความเจ็บปวดที่มากเกินจะบรรยายก็คงไม่เกินจริงไปนัก แม้ว่าในกระดูกวิญญาณชิ้นนี้จะเทียบไม่ได้กับสัตว์อสูรระดับมายาในตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่ก็จริง

เเต่ถึงอย่างไรนั้นสัญชาติญาณดิบเถื่อนและจิตอาฆาตของสัตว์อสูรก็ยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมเช่นกัน ดังนั้นปัญหาในเรื่องของการต่อต้านไม่ยินยอมในขณะดูดซับกระดูกวิญญาณได้อย่างโดยง่ายเช่นนี้ หนิงอ้ายไม่อาจที่จะควบคุมให้เป็นไปอย่างเรียบง่ายได้เช่นกัน

ภายใต้สภาวะอันกดดันนี้กลิ่นอายของสัตว์อสูรระดับสูงจากชิ้นส่วนที่เรียกกระดูกวิญญาณยังคงแผ่กลิ่นอายออกมาอย่างต่อเนื่อง หากว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นในขณะที่หนิงอ้ายอยู่ในตระกูลหรือในสำนักอาจจะไม่สร้างความเป็นกังวลให้กับเหวินหวู่เช่นนี้

พวกเขาทั้งสองคนอยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรอยู่โดยรอบ ดังนั้นกลิ่นอายจากกระดูกวิญญาณชิ้นนี้สามารถเรียกให้สัตว์อสูรระดับต่ำที่ไร้สติปัญญานึกคิด ที่คล้ายกับตกอยู่ในอำนาจสะกดจิตให้ก้าวล้ำเข้ามาในบริเวณดังกล่าวนี้ได้ เหวินหวู่เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงปลดปล่อยกลิ่นอายอันเเข็งแกร่งของตนออกมาต้านกลับเพื่อปกปิดกลิ่นอายของกระดูกวิญญาณชิ้นนี้ พร้อมกับเพิ่มความเเข็งแกร่งของค่ายกลป้องกันที่อยู่โดยรอบถ้ำที่คาดว่าน่าจะเพียงพอจนที่เด็กหนุ่มผ่านพ้นช่วงของการดูดซับนี้ไปได้

การดูดซับกระดูกวิญญาณชิ้นนี้ได้ใช้เวลาเกือบถึงสามชั่วยาม ตอนนี้กลิ่นอายอันเข้มข้นของสัตว์อสูรจักรพรรดิแมงมุมรัตติกาลเหมันต์ได้ผสานเข้ากับร่างกายของหนิงอ้ายจนเกือบจะสมบูรณ์เเล้ว ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดเหตุการณ์ที่ว่าได้มีขาแมงมุมสีดำม่วงทั้งสิบหกขาที่ได้งอกออกมาจากทางด้านหลังของหนิงอ้ายที่ส่งผลให้เด็กหนุ่มส่งเสียงร้องดังคล้ายกับจะทนไม่ไหว ด้วยเพราะว่ากระดูกวิญญาณชิ้นนี้ถือว่าเกินขีดจำกัดในการดูดซับของพลังวิญญาณในร่างกาย

สิ่งที่ทำให้เหวินหวู่ถึงกับต้องตกตะลึงนั่นคือในขณะที่เขากำลังเรียกวิญญาณยุทธ์ของตนออกมาเพื่อจะช่วยเหลือเด็กหนุ่มให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปให้ได้ ได้ปรากฎเป็นเงาร่างของหงส์เพลิงที่เเผ่กลิ่นอายของพลังชีวิตให้กับเด็กหนุ่มอย่างต่อเนื่อง

เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์นี้นอกจากจะช่วยเด็กหนุ่มปรับในเรื่องของสมดุลระหว่างร่างกายและกระดูกวิญญาณเเล้วนั้น ร่องรอยบาดแผลต่าง ๆ ที่ได้รับก่อนหน้าคล้ายกับว่าได้รับการเยียวยาจนหายดีไปเสียอย่างนั้น รวมไปถึงพลังลมปราณที่ถูกใช้ไปอย่างมหาศาลก่อนหน้าก็ได้รับการเติมเต็มจนกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง

หลังจากที่เวลาได้ล่วงเลยมาจนถึงยามเช้าของวันใหม่ ตอนนี้ขั้นตอนการดูดซับกระดูกวิญญาณของอสูรจักรพรรดิแมงมุมรัตติกาลเหมันต์นั้นได้สิ้นสุดลงมีผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง จิตใจของหนิงอ้ายถือได้ว่ามั่นคงไม่หวั่นไหวต่อความรู้สึกเจ็บปวดใด ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่น่าสนใจเสียจริงคิดถูกเเล้วที่เขายอมรับอีกฝ่ายให้อยู่สังกัดตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาเเห่งนี้

"ท่านอาจารย์ขอรับ..." เปลือกตาของเด็กหนุ่มค่อยลืมขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับเรียกขานชายชราผู้เป็นอาจารย์ของตน

มือเรียวบางนั้นกุมหน้าอกตนคล้ายกับย้ำว่าให้จดจำช่วงเวลาที่เจ็บปวดก่อนหน้า เส้นทางของผู้ฝึกตนนั้นไม่ง่ายดาย ดังนั้นหากเลือกที่จะเดินทางในสายนี้ต้องเปลี่ยนความเจ็บปวดมาเป็นแรงพลักดันให้กับตนเองให้ได้มากที่สุด

"เป็นอย่างไรบ้าง ยังรู้สึกเจ็บปวดที่ใดอยู่หรือไม่??"เหวินหวู่ถามขึ้น แม้จะสัมผัสได้ถึงความั่นคงของพลังวิญญาณเเล้วก็จริง เเต่ถึงอย่างนั้นอาการเจ็บปวดที่มองไม่เห็นก็นับว่าเป็นสิ่งที่ควรกังวลอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

"ตอนนี้รู้สึกปกติแล้วขอรับ ข้าไม่คิดว่ากระดูกวิญญาณของอสูรจักรพรรดิแมงมุมรัตติกาลเหมันต์ตัวนี้จะมากไปด้วยแรงอาฆาตเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่ข้าสามารถดูดซับได้สำเร็จ..." หนิงอ้ายตอบอาจารย์ของตนให้คลายความกังวล เเต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยอมรับว่าการดูดซับกระดูกวิญญาณที่เกินขีดจำกัดของพลังวิญญาณในร่างกายนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายมากเช่นกัน

"ยอดเยี่ยมมาก เเล้วนี่เจ้าได้ทักษะใดเพิ่มขึ้นมาอย่างนั้นรึ??"เหวินหวู่เอ่ยถามขึ้น

"กระดูกวิญญาณของอสูรจักรพรรดิแมงมุมรัตติกาลเหมันต์ได้ประสานเข้ากับวิญญาณยุทธ์จักรพรรดิหมื่นพิษปลิดวิญญาณของข้า เกิดเป็นทักษะวิญญาณที่สองของวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุพิษนี้…"

"มากไปกว่านั้นยังส่งเสริมให้ปราณธาตุพิษในตัวของข้ามีความรุนเเรงเข้มข้นที่เพิ่มมากขึ้นอีกสองถึงสามส่วน ความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ยามเรียกใช้ทักษะวิญญาณนี้จะปรากฎเป็นขาแมงมุมทั้งสิบหกขาจากทางด้านหลังของข้าที่จะช่วยทั้งในการเคลื่อนไหวและการโจมตีศัตรูขอรับ...." หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับเรียกใช้ทักษะนี้ออกมาให้อาจารย์ของตนได้เห็นในทันที

ตรงด้านหลังของหนิงอ้ายปรากฎเป็นขาแมงมุมสีดำม่วงที่มากถึงสิบหกขาที่มีความคมกริบไม่ต่างไปจากหอกคมสักเท่าไหร่นัก ทั่วทั้งส่วนนั้นถูกปกคลุมไปด้วยพิษร้ายที่หากศัตรูหรือเป้าหมายพลาดท่า นอกจากจะทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตไปชั่วขณะเเล้ว พลังลมปราณในร่างกายจะค่อยถูกพิษร้ายจะกัดกินพลังลมปราณนี้ให้ค่อย ๆ ลดลงอีกด้วย

"อสูรจักรพรรดิรัตติกาลเหมันต์นั้นถือว่าเป็นอสูรพิษที่น่าหวั่นเกรงอยู่ไม่น้อย โชคดีที่ก่อนหน้าเจ้าได้ดูดซับกระดูกวิญญาณของอสูรอสรพิษบรรพกาลไปจึงทำให้ร่างกายสามารถต้านทานพิษนี้ได้ การที่เจ้าได้ความสามารถของพิษมาเพิ่มพูนรวมไปถึงได้ทักษะพิฆาตเช่นนี้นับว่าเจ้าโชคดียิ่งนัก..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชม

"ข้าตั้งชื่อทักษะนี้ว่าทักษะวิญญาณสิบหกมัจจุราชคลั่งโลกันต์สังหาร ท่านอาจารย์คิดเห็นเป็นอย่างไรขอรับ??" หนิงอ้ายถามกลับไป

"ช่างเป็นชื่อที่น่าเกรงขามยิ่งนัก เอาละ!! เจ้าจัดการตัวเองให้เรียบร้อย อาจารย์จะเข้าไปจัดการบางอย่างที่หมู่บ้านไร้นามก่อนที่จะพาเจ้าไปสอบเลื่อนระดับนักปรุงโอสถตามจุดประสงค์เเรกที่เราตั้งใจเอาไว้..."

หนิงอ้ายพยักหน้ารับคำของอาจารย์ก่อนที่จะใช้เวลาเล็กน้อยในการจัดการร่างกายให้กลับมาอยู่ในสภาพเรียบร้อยตามที่ควรจะเป็นอีกครั้ง เด็กหนุ่มสัมผัสได้ว่าการดูดซับกระดูกวิญญาณชิ้นนี้ช่างเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก ด้วยเพราะเนตรเเห่งสวรรค์ของเขานั้นได้ถูกยกระดับให้สามารถมองเห็นได้กว้างขวางและคมชัดมากขึ้นไม่ต่างไปจากดวงตาของแมงมุมก็ว่าได้

อีกทั้งญาณสัมผัสในร่างกายก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน หนิงอ้ายเข้าใจเเล้วว่าเหตุใดผู้ฝึกตนจึงต้องทำการดูดซับกระดูกวิญญาณจากสัตว์อสูร ก็ด้วยเพราะสามารถยกระดับขีดจำกัดความสามารถให้มากขึ้น มีสัญชาติญาณที่เฉียบคมและมีความเเข็งแกร่งของร่างกายที่ไม่ต่างไปจากสัตว์อสูรก็ว่าได้ ยิ่งหากได้ดูดซับกระดูกวิญญาณที่มีความเข้ากับกับร่างกายและวิญญาณยุทธ์ต้นกำเนิดของตนแล้วก็จะส่งเสริมให้มีความเหนือชั้นกว่าผู้ฝึกตนในระดับเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด

หนึ่งอาจารย์หนึ่งศิษย์ได้ใช้เวลาไปอีกหนึ่งชั่วยามในการดูเเลรักษาอาการเจ็บป่วยของชาวบ้าน โอสถระดับต่ำที่เด็กหนุ่มที่ได้หลอมสร้างปรุงโอสถเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ต่างไปจากการฝึกฝนฝีมือให้มากขึ้น จากนั้นจึงฝากฝังเน้นย้ำอีกครั้งว่าหากไม่จำเป็นไม่สมควรไปบริเวณดังกล่าวเพราะตรงนั้นยังมีสัตว์อสูรอยู่ไม่น้อย ก่อนที่จะออกไปจากหมู่บ้านไร้นามเเห่งนี้ด้วยเคล็ดวิชาตัวเฉพาะของตน...

บริเวณใจกลางเมืองนั้นแม้จะผ่านการทดสอบรับศิษย์เข้าสำนักศึกษาจนมาถึงวันนี้ที่ผ่านมาเป็นหลายสิบวัน ผู้คนมากมายต่างให้ความรู้สึกที่คึกคักเป็นอย่างมาก เหวินหวู่ได้ผลัดเปลี่ยนเป็นชุดประจำตำหนักศาสตร์แห่งการรักษาสีขาวเขียว ตรงเอวนั้นนอกจากจะมีป้ายหยกยืนยันตัวตนในฐานะเจ้าตำหนักในสำนักเเล้วนั้น ป้ายหยกสีขาวที่มีลวดลายเป็นดอกบัวที่เเสดงให้เห็นถึงฐานะของปรมจารย์โอสถระดับเจ็ด ตัวตนที่ไม่ว่าผู้ใดพบเห็นต่างให้ความเคารพยำเกรงกันทั้งสิ้น อาจจะด้วยความรอบรู้ที่มีหรืออาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดานั้นอีกฝ่ายที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูเข้าออกเมืองจึงเชื้อเชิญให้ทั้งสองคนผ่านไปได้อย่างราบรื่น เป็นที่น่าพอใจยิ่งนัก

เมืองเเห่งนี้เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนนับพันกว่าหลัง สายลมพัดโชยมาเบา ๆ ชวนให้รู้สึกสดชื่นอยู่ไม่น้อย ท่ามกลางผู้คนมากมายทั้งคนสามัญธรรมดาหรือแม้กระทั่งผู้ฝึกตนก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

ร้านค้าขนาดน้อยใหญ่ โรงเตี๊ยมนอนหรือแม้กระทั่งร้านน้ำชาต่างเนืองเเน่นเต็มไปด้วยผู้คนอย่างเเท้จริง ข้างทางนั้นยังมีแผงลอยร้านค้าที่ขายข้าวของแตกต่างกันออกไป กล่าวได้ว่าเป็นรองเพียงเมืองใหญ่ ๆ ของเเต่ละแคว้นก็เพียงเท่านั้น

แม้ว่าหนิงอ้ายอยากที่จะเดินชมตัวเมืองหรือใช้เนตรสวรรค์ในการเลือกซื้อข้าวของที่ไม่ธรรมดา เเต่ทว่าด้วยระยะเวลาที่จำกัดรวมไปถึงเป้าหมายในการเดินทางออกจากสำนักในครั้งนี้นั่นคือการสอบเลื่อนระดับนักปรุงโอสถ เนื่องจากว่าเมืองแห่งนี้นั่นยังมีสมาคมสมาพันธ์หลอมสร้างปรุงโอสถที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้

ดังนั้นแล้วนอกจากผู้ฝึกตนที่มากหน้าหลายตานั้น เมืองนี้จึงเป็นเหมือนกับเมืองสวรรค์ของนักปรุงโอสถเช่นกัน เพราะว่าต่างมีนักหลอมสร้างปรุงโอสถมากมายจากทั่วมุกสารทิศเดินทางมาทดสอบเลื่อนระดับที่เมืองเเห่งนี้

ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้บ่อยครั้งที่โรงประมูลประจำเมืองหมอกทมิฬนี้ต่างมีโอสถระดับสูงหรือโอสถล้ำค่ามากมายที่ถูกนำมาออกประมูลอยู่เสมอ หากมีเงินทองและวาสนามากพอย่อมสามารถครอบครองโอสถล้ำค่าเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ยิ่งกับโอสถระดับสูงที่ไม่อาจหาได้โดยง่ายก็มีให้เห็นอยู่บ้างเช่นกัน ของเเลกเปลี่ยนนั้นหากไม่นับถึงความพึงพอใจส่วนตัวเเล้ว อาจกล่าวได้เช่นกันว่าเพียงเเค่มีเงินทองมากมายก็ไม่อาจหาซื้อหรือประมูลได้อย่างแท้จริง

"ถึงสมาคมสมาพันธ์นักหลอมสร้างปรุงโอสถแล้ว เจ้าตื่นเต้นหรือไม่??"เหวินหวู่เอ่ยถามศิษย์ตัวน้อยของตน

"ข้าตื่นเต้นเพียงเล็กน้อยขอรับ แต่ข้าจะทำให้ดีที่สุดไม่เสียชื่อท่านอาจารย์และตำหนักของเราขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับอาจารย์ของตนไปด้วยความหนักเเน่น

"เจ้าไม่ต้องกดดันตัวเองให้มาก ตอนทำการทดสอบก็คิดเสียว่ากำลังนั่งหลอมสร้างปรุงโอสถกับข้าเพียงสองคนเจ้าจะได้คลายความตื่นเต้นลงไปได้บ้าง..."

''ขอรับท่านอาจารย์...."

ห่างไปไม่ไกลจากใจกลางเมืองเหวินหวู่ได้พาหนิงอ้ายมาถึงที่หมายเเล้วเสียที อาคารของสมาคมสมาพันธ์นักหลอมสร้างปรุงโอสถลักษณะภายนอกดูคล้ายกับอาคารทรงจีนห้าเหลี่ยมทั่วไปที่มีถึงห้าชั้น ตรงภายนอกนั้นถูกตกแต่งด้วยต้นไม้และสมุนไพรไม้ประดับที่ส่งกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์พัดลอยมาตามลม

เหวินหวู่ได้เเสดงป้ายหยกอันเเสดงถึงฐานะนักหลอมสร้างปรุงโอสถระดับเจ็ดออกมาให้กับทหารยามที่เฝ้าอยู่ด้านหน้า เห็นเช่นนั้นจากในตอนเเรกที่พวกเขากำลังจะขับไล่ชายชรากับเด็กหนุ่มจึงแปรเปลี่ยนท่าทีโดยฉับพลัน พร้อมกับเดินนำทางไปยังทิศทางหนึ่งในทันที

"ลมอันใดสามารถมาเจ้ามาที่นี่ได้กันสหายของข้า เด็ก ๆ ไปยกน้ำชาที่ดีที่สุดไปให้ข้าที่ห้องรับรองด้านบนเเล้วเหตุใดจะมาไม่บอกข้าก่อนเล่าตาเฒ่าเหวิน??" ชายชรารูปร่างอวบอ้วนเอ่ยทักขึ้นพร้อมกับตบไหล่เบาๆ เเสดงท่าทีสนิทสนมพร้อมกับเดินนำไปยังห้องรับรองที่อยู่ไปไม่ไกลนัก

"ข้าเพียงมาทำธุระเท่านั้นอย่าได้มากพิธีไป ตาเฒ่านี้มีนามว่าจ้าวเสวี่ยถังเป็นหนึ่งในสามผู้ดูเเลสูงสุดของที่นี่ ส่วนนี่คือหนิงอ้ายศิษย์คนเล็กของข้า วันนี้ข้าพาเขามาทดสอบเลื่อนระดับนักปรุงโอสถ...." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นพร้อมกับแนะนำลูกศิษย์ให้ได้รู้จักกัน

"คำนับผู้อาวุโสจ้าวเสวี่ยถัง หนิงอ้ายศิษย์ลำดับที่เจ็ดตำหนักศาสตร์แห่งการรักษา ขอฝากตัวด้วยนะขอรับ..." หนิงอ้ายลุกขึ้นยืนโค้งตัวประสานมือคำนับพร้อมกับแนะนำตนไปด้วยความหนักเเน่น

"เป็นเจ้านี่เอง ศิษย์คนล่าสุดที่ตาเฒ่าเหวินรับเป็นลูกศิษย์ในการทดสอบเข้าสำนักครั้งนี้...เดี๋ยวนะ!! เจ้าบอกว่าวันนี้มาส่งศิษย์คนนี้สอบเลื่อนขั้นนักปรุงโอสถ ไม่ใช่ว่าพึ่งปิดการทดสอบไปยังไม่ถึงสิบวันอย่างนั่นหรือ..." จ้าวเสวี่ยถังเอ่ยถามสหายของตนด้วยความประกลาดใจพร้อมกับมองเด็กหนุ่มราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเองเสียอย่างนั้น...

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status