“คุณหนู หากท่านคิดจะทำร้ายคุณชายของพวกข้า ต่อให้พวกข้าตายเป็นผีไปแล้วข้าก็จะมาหักคอท่าน” เพ่ยตงที่ถูกชายร่างใหญ่สามคนจับตัวไว้ร้องบอก แววตาเต็มไปด้วยความโกรธที่ตนเองไม่สามารถทำอันใดได้ เพราะคุณชายไม่ยอมให้พวกตนเผยความสามารถยามอยู่ในจวนหมิง มิเช่นนั้นเขาคงหักคอสตรีผู้นี้ไปหลายต่อหลายครั้งที่มาหาเรื่องคุณชายแล้ว
“หากตั้งแต่วันนี้ไปข้ากลั่นแกล้งหรือใส่ร้ายทำให้คุณชายของพวกท่านโดนลงโทษอีก ข้าจะยอมให้พวกท่านหักคอข้า” นางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังหันไปพยักหน้าให้ท่านหมอที่คล้ายจะยกมือปาดเหงื่อไปแล้วหลายรอบให้เดินตามเข้าเรือนไป
แต่เมื่อได้เห็นสายตาของคุณชายใหญ่ที่จับจ้องคุณหนูตระกูลหมิงแล้ว ท่านหมอก็กระจ่างแจ้งในใจว่าแท้จริงคุณหนูวัยใกล้ปักปิ่นผู้นี้คงร้ายกาจมากทีเดียว
“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา” แม้สีหน้าของคนที่นอนคว่ำบนเตียงจะเรียบเฉย แต่ทว่าแววตาที่จ้องมองนางกลับแฝงความไม่พอใจ
“ข้าอนุญาตตนเองเจ้าค่ะ พวกเจ้าลงมือ” สิ้นเสียงคุณหนู ผู้คุ้มกันก็ตรงเข้าไปจับตัวคุณชายให้อยู่นิ่ง
“หึ! ไม่คิดว่าเจ้าจะชั่วช้าถึงเพียงนี้” ใส่ร้ายว่าเขาผลักตกน้ำ ทั้งที่ลื่นตกสระไปเอง พอชี้นิ้วว่าเขาเป็นคนทำเสร็จก็แสร้งไม่ได้สติสามวันสามคืน เขาจึงถูกโบยจนมาอยู่ในสภาพนี้ยังไม่พอ ยังคิดจะพาคนมาวางยาเขาอีกหรือ ชั่วช้ายิ่งนัก
“ท่านจะต่อว่าอันใดข้าก็เชิญเจ้าค่ะ แต่ที่ข้าพาท่านหมอมาเพราะอยากรักษาท่านจริง ๆ ก่อนที่แผลโดนโบยจะเกิดปัญหา”
“คิดว่าข้าจะเชื่อหรือ”
“ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจเจ้าค่ะ เชิญท่านหมอรักษาเขาเถิดเจ้าค่ะ” นางกล่าวก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะซึ่งมีป้านชาวางอยู่
“ปล่อยข้านะ” หมิงเลี่ยงรุ่ยส่งเสียงร้องโวยวาย แต่จนใจที่เขาบาดเจ็บจึงไม่อาจสู้แรงผู้คุ้มกันสี่คนที่นางพามาด้วย
“คุณชาย ท่านอาจจะไม่วางใจคุณหนูรอง แต่ข้าเป็นหมอที่เปิดโรงหมออยู่ในตลาด ถูกคุณหนูรองจ้างให้มารักษาท่านจริง ๆ ขอรับ ได้โปรดให้ความร่วมมือกับข้าเถิดขอรับ” วาจาและแววตาที่จริงใจของท่านหมอทำให้คุณชายใหญ่หมิงนิ่งไปก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายรักษาไป
แต่สายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจกลับจ้องมองสตรีที่กำลังนั่งจิบชาในห้องของเขาอย่างไม่รู้สึกรู้สา
‘หากสายตาของเขาเป็นมีด ยามนี้บนตัวข้าคงถูกแทงจนไม่เหลือที่ว่างแล้ว’ โกรธแค้นนางมากถึงเพียงนี้ไม่แปลกใจเลยที่จะฆ่ายกจวนอย่างไร้ความปรานี
“ชารสชาติแย่เสียจริง หลินถงเจ้าไปแบ่งใบชาที่เรือนมาสักครึ่ง เอามาไว้ที่นี่ ยามข้ามาเยือนจะได้มีชารสดีจิบ” นางกล่าวก่อนจะโบกมือเร่งให้สาวใช้คนสนิทไปทำตามคำสั่ง ก่อนจะแสร้งทำเป็นจิบชาต่อ มองผ่านสายตาโกรธแค้นของเขา
สายตาช่างน่ากลัวเสียจริง เอาเถิด...ต่อจากนี้ยามพบเจอนางจะมองเมินทำเป็นไม่เห็นก็แล้วกัน มิเช่นนั้นนางคงไม่อยากแม้แต่จะย่างกรายเข้าใกล้
ผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปท่านหมอก็เก็บล่วมยาของตนก่อนจะมาโค้งตัวรายงานสตรีที่สั่งให้คนเชิญตนมา
“คุณหนูรองหมิง”
“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงท่าทางนอบน้อมนางก็รีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยถามอาการของบุรุษที่นางจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อลดความโกรธแค้นในใจเขา
“คุณชายหมิงมีอาการบาดเจ็บภายในไม่น้อย เลือดลมปั่นป่วนส่วนแผลภายนอกเริ่มจะแห้งแล้วขอรับ”
“เช่นนั้นรบกวนท่านหมอช่วยจัดยาให้ด้วยเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าจะให้หลินถงตามไปรับ”
“ได้ขอรับคุณหนูรองหมิง”
“คุณหนูเจ้าคะชามาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางเดินกลับมาพอดี
“เช่นนั้นไปสนทนากันที่ด้านนอกเถิดเจ้าค่ะ พี่ใหญ่จะได้พักผ่อน” แท้จริงนางไม่อยากรู้สึกเหมือนถูกสายตาอำมหิตจับจ้องอยู่ตลอดต่างหาก
หมิงเลี่ยงรุ่ยจ้องมองการกระทำของน้องสาวนอกไส้อย่างไม่วางตา พลางจ้องจับผิดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะลงมือทำอันใดคล้ายยังไม่วางใจ
เมื่อออกมาด้านนอกเรือนแล้ว นางสั่งปล่อยบ่าวรับใช้คนสนิทของพี่ใหญ่
“ท่านหมอตรวจคุณชายของพวกเจ้าเสร็จแล้ว ข้าทราบดีว่าพวกเจ้าไม่วางใจพวกข้า ดังนั้นข้าจะให้เจ้าตามท่านหมอไปรับยาที่โรงหมอ หลินถงมอบตำลึงให้เขา”
“คุณหนู ท่านคิดจะทำอันใดกับคุณชายของพวกเรากันแน่”
“ข้าเชิญหมอมาเช่นนี้ พวกเจ้ายังมองไม่ออกอีกหรือว่าข้าจะรักษาพี่ใหญ่ ไป ๆ ใครจะตามท่านหมอไปรับยาก็รีบไป ประเดี๋ยวอาการบาดเจ็บภายในของคุณชายพวกเจ้าก็ไม่หายหรอก”
“ข้าไปเองขอรับ” เป็นฉงซานตอบรับก่อนจะรับก้อนตำลึงสีทองมาจากสาวใช้คนสนิทของคุณหนู
“เชิญ” สิ้นเสียงคุณหนู ท่านหมอผู้นั้นก็ได้แต่ส่ายหัว พลางคิดว่าเนื้อแท้ของคุณหนูผู้นี้ไม่ได้เลวร้ายเช่นที่ผู้คนเล่าลือ
“หากจะให้นุ่มจนแทบไม่ต้องเคี้ยวบ่าวคิดว่าน่าจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ เห็นท่านลุงพ่อครัวกล่าวว่ายิ่งเคี่ยวนานน้ำแกงยิ่งหอมหวานเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นข้าจะเก็บเห็ดเอง เจ้าไปต้มกระดูกหมูรอข้า” “จะดีหรือเจ้าคะ” “หรือเจ้าจะให้ข้าที่ก่อไฟยังไม่เป็นไปทำกันเล่า” “คุณหนูแค่ไปแจ้งท่านลุงพ่อครัว” “เจ้าลืมแล้วหรือวันนี้ท่านลุงอู๋ขอออกไปดูมารดาที่ป่วย ใกล้เวลารับสำรับเย็นถึงจะกลับมา” “บ่าวลืมไปเลยเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นเจ้าจงรีบไปที่ครัวแล้วต้
6 สัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างพี่น้อง ทันทีที่กลับถึงจวนหยวนลี่หมิงหรือที่ผู้อื่นเข้าใจว่าเขาคือคุณชายตระกูลหมิง หมิงเลี่ยงรุ่ยก็ลอบเข้าเรือนของน้องสาวนอกไส้ เนื่องจากช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาเขาลอบเข้ามาสังเกตนางอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงหาตัวนางได้ไม่ยาก ‘วันนี
“ไม่ดีกว่า...เจ้าค่ะ ข้าให้หลินถงไปส่งก็ได้” หากเขาไปด้วย นางก็อดหนีกลับจวนก่อนน่ะสิ “เช่นนั้นรีบไปรีบกลับ” “เจ้าค่ะ” หมิงเจียวซือลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบร้อนก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับสาวใช้คนสนิท ห้องที่ฝูหว่านอิ๋งเลือกเป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัว เมื่อนางออกจากห้องมาคนที่อยู่ภายในห้องก็ไม่มีทางทราบแล้วว่านางเลี้ยวไปทางใด แต่เมื่อจะถึงทางแยกเลี้ยวไปห้องปลดทุกข์ นางก็เดินเลี้ยวไปที่ทางลงไปด้านล่าง “คุณหนู...” หลินถงกำลังจะเอ่ยบอกคุณหนูว่าเลี้ยวผิดทาง แต่ถูกคุณหนูยกนิ้วชี้แตะบริเวณปากเป็นเชิงให้เงียบ ก่อนจะชี้ไปยังทางออก
“ขออภัยนะเจ้าคะที่ข้าเสียมารยาทเอ่ยแทรก แต่ตัวข้านั้นที่เป็นน้องสาวของพี่ใหญ่ ฟังจากคุณหนูฝูเล่า ท่านกับพี่ใหญ่ดูเหมือนจะมีวาสนาต่อกันนะเจ้าคะ” นางกล่าวพร้อมกับพยายามดึงรั้งชายอาภรณ์ของตนคืนมา แต่พี่ชายต่างมารดาที่เปลี่ยนเป็นคนเกเรตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ไม่ยอมปล่อยมือ ทั้งยังมองนางด้วยสายตาดุอีก “คุณหนูรองหมิงช่างเป็นคนตรงไปตรงมา” คุณหนูตระกูลฝูกล่าวพลางก้มหน้าเล็กน้อยคล้ายเขินอาย “เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้ารีบกลับเรือนไม่ใช่หรือ จะรอช้าอยู่ไย รีบไปกันได้แล้ว” พี่ชายนิสัยแย่กล่าวพร้อมกับกระตุกชายอาภรณ์นางอย่างแรงคล้ายกับส่งสัญญาณให้นางพยักหน้าตอบรับ “ยังเจ้าค่ะ นี่ก็ใกล้ยามอู่ (11.00-12.59) ข้าเริ่มรู้สึกหิวแล้วอยากจะหาอาหารเลิศรสกินก่อนแล้วค่อยกลับ” “เช่นนั
‘เรื่องอันใดข้าจะหยุด’ นางคิดก่อนจะเอื้อมไปจับมือสาวใช้คนสนิทให้เดินไปด้วยกัน ซึ่งหลินถงก็คล้ายจะเข้าใจจึงทำตามที่คุณหนูต้องการอย่างเงียบ ๆ ไม่เอ่ยวาจา “คุณหนูรองหมิงเจ้าคะ ได้โปรดหยุดสนทนากับข้าก่อนเจ้าค่ะ” ‘ไม่ ข้าไม่หยุด’ นางไม่สนใจด้วยว่าคนที่ส่งเสียงเรียกจะเป็นใคร “คุณหนูรองหมิงเจียวซือ ท่านได้ยินข้าหรือไม่เจ้าคะ” ‘ไม่ได้ยิน อ๊ะ! นั่นพี่ใหญ่ ข้าทำกรรมอันใดไว้ ข้างหน้าก็เป็นพี่ชายตัวเอง ข้างหลังก็เป็นคนที่กำลังเริ่มจองเวรข้า’ เมื่อรีบเลี้ยวไปอีกทางแต่เห็นพี่ชายต่างมารดายืนอยู่ นางจึงรีบเลี้ยวเข้าตรอกแคบไปแทน “ตรอกนั้นเป็นทางตัน เข้าไปแล้วต้องออกทางเดิม” เสียงทุ้มของบุรุษดั
‘ในเมื่อเจ้าเปลี่ยนแปลงตน ข้าก็จะเปลี่ยนแปลงตนเองเช่นกัน’ หากต่อจากนี้นางทำดีกับเขา เขาก็จะดีตอบแทนนางเช่นกัน แต่ทว่าหลังจากนั้นหยวนลี่หมิงกลับไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้นเป็นปี เพราะหมิงเจียวซือหายหน้าไปตามที่บอกจริง ๆ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งจ้องมองไปนอกโรงเตี๊ยมที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนซึ่งมารอต้อนรับคังอ๋องที่ไปรบกับชนเผ่าทะเลทรายและได้รับชัยชนะกลับมาและหากนางไม่ได้รับจดหมายทวงสัญญาเป็นการส่วนตัวนางก็คงไม่มาอยู่ที่นี่ในตอนนี้หรอก ตอนนั้นที่นัดกันไปจิบน้ำชาที่โรงเตี๊ยมปินฉาน คังอ๋องคล้ายอยากให้คุณหนูในชนชั้นสูงทั้งหลายเห็นว่ามากับนาง แน่นอนว่าเย็นวันเดียวกันข่าวลือก็แพร่ไปอย่างรวดเร็วว่าคังอ๋องนั้นใกล้ชิดสนิทสนมกับบุตรสาวคหบดีผู้หนึ่ง แต่น่าเสียดายงานของนางยังไม่ทันได้เสร็จลุล่วง เขาก็ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้นำทัพหล