เสียงกัดฟันกรอดดังจากริมฝีปากหนาเมื่อคิดถึงดาราหนุ่มเจ้าบทบาทอย่างอัศวิน กาญกิติ มารหัวใจที่บังอาจแย่งชิงดวงใจของเขาไปครอบครองแต่กลับไม่ดูแลรักษาเธอ มันกล้าทิ้งขว้างดวงใจของเขาทั้งที่เธอเลือกมัน
“สืบดูสิว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แล้วให้คนคอยติดตามดูพฤติกรรมของมันด้วย อย่าให้มันทำร้ายสายป่านได้”
“หมอนั่นไม่เคยทำร้ายคุณสายป่านสักครั้งครับนาย ดูจะรักเธอมากเสียด้วยซ้ำ”
“รักอย่างนั้นเหรอ ถ้ามันรักสายป่านอย่างที่แกว่าจริงมันคงไม่คั่วอยู่กับผู้หญิงกลางผับของฉันหรอก”อสิรวิสแสยะยิ้มเยาะหยัน ใบหน้าคมดุกระด้างเมื่อคิดถึงมารหัวใจที่แย่งชิงคนรักของเขาอย่างอัศวิน
ในห้องพักของดาราสาวหลังจากหลบสายตากวนอารมณ์ของเจ้าของเรืออย่างอสิรวิสมาได้เธอก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาก สายตาคมราวพญาเหยี่ยวจ้องเหยื่อของเขาทำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลัง แพรพลอยแน่ใจว่าคนอย่างอสิรวิสไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอและเธอก็ไม่อยากต่อสู้กับเขา ทางทีดีเธอจึงต้องเลี่ยงให้ไกลจากเขาเป็นดีที่สุด ผู้ชายเจ้าอารมณ์ ปากจัดอย่างเขาทำให้เธอขยาดไม่อยากอยู่ใกล้
“เหนื่อยสิท่าลูกแพร” ส้มจีบปากจีบคอถามเพื่อนสาว
“เหนื่อยใจมากกว่าพี่ส้ม” เธอถอนหายใจ
“เพราะคุณอสิรวิสเหรอ... คนสวยก็ต้องทำใจแหละลูกแพร” ส้มถามพร้อมกับพยักหน้าให้เพื่อนสาวเมื่อเธอถอนหายใจแรงอย่างยอมรับว่าหนักใจด้วยเรื่องของเจ้าของเรือหนุ่ม
“ลูกแพรไม่อยากอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้เลยพี่ส้ม มีความรู้สึกว่าเขาจะสร้างความเดือดร้อนให้ลูกแพร”
“โธ่...คิดมากน่า คุณรวิสหล่อแถมรวยจะตายไป เขาคงไม่บังคับคนที่ไม่เต็มใจอย่างลูกแพรแน่ สาว ๆ ของเขาเยอะจะตาย” ส้มกล่าวปลอบใจ
“ลูกแพรขอให้เป็นอย่างนั้นค่ะพี่ส้ม”
เธอกล่าวเบา ๆ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อหามารดาด้วยความเป็นห่วง มารดาของเธอนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลมานานกว่าสองเดือนแล้วด้วยโรคไตวาย ทำให้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพราะเหตุนี้เธอถึงต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อหาเงินไปรักษามารดา แต่ที่ทำให้แพรพลอยเสียใจก็คือความใจดำของแฝดผู้น้องที่ไม่เคยไยดีอาการเจ็บป่วยของมารดา มิหนำซ้ำยังคอยแต่สร้างเรื่องสร้างข่าวฉาว ๆ ให้กับเธอเสมอ
“แม่เหรอคะ นี่ลูกแพรนะคะแม่”
“ลูกแพรหรือลูก หนูสบายดีใช่ไหม” คุณเพชรลัดดาถามบุตรสาวด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“ลูกแพรสบายดีค่ะแม่ น้องมาดูแลแม่บ้างหรือเปล่าคะ” เธอตอบและไม่ลืมจะถามถึงน้องสาวฝาแฝด
“ลูกจันทร์หรือจะมาสนใจดูแลแม่” คุณเพชรลัดดาเอ่ยถึงบุตรสาวอีกคนด้วยน้ำเสียงหม่นเศร้า
“ไม่เป็นไรนะคะแม่ ถึงลูกจันทร์ไม่มาก็ไม่เป็นไร ลูกแพรจะรีบกลับไปดูแลแม่เองนะคะ” เธอปลอบมารดา
“แม่สงสารลูกเหลือเกินลูกแพร เพราะแม่ทำให้ลูกต้องลำบากแท้ ๆ เชียว” คุณเพชรลัดดากล่าวเสียงเบา
“อย่าพูดอย่างนี้สิคะแม่ ลูกแพรเป็นลูกแม่ ถ้าไม่ดูแลแม่จะให้ลูกแพรดูแลใครล่ะคะ”
“แม่รักลูกนะ ลูกแพร” เสียงสั่นของมารดาดังมาตามสายทำให้หญิงสาวน้ำตาคลอ
“ลูกแพรก็รักแม่ค่ะ ดูแลตัวเองให้ดีนะคะแม่ ลูกแพรจะรีบกลับไปหาแม่ให้เร็วที่สุดนะคะ อย่าคิดมาก”
“จ้ะ ลูกก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ขอให้บุญรักษาลูกของแม่อย่าให้มีอันตรายเลย”
“ขอบคุณค่ะแม่ พรของแม่จะคุ้มครองลูกแพร แม่ก็ต้องรักษาตัวนะคะ อย่าดื้อกับคุณหมอนะคะ”
“จ้ะ”
“หนูรักแม่นะคะ”
“แม่ก็รักลูกจ้ะ”
แพรพลอยเช็ดน้ำตาที่เจิ่งนองล้นออกทางหางตาและวางสายมารดา ครอบครัวของเธอมีกันสามคนแม่ลูกหลังบิดาตายจากไปไม่นานนัก เธอเหลือแต่มารดากับน้องสาว ซึ่งแม้จะทำตัวเหลวไหลอย่างไรแพรจันทร์ก็เป็นน้องคนเดียวที่เธอต้องดูแล แพรจันทร์ หรือ ลูกจันทร์เป็นฝาแฝดของเธอที่เธอไม่เคยเปิดเผยว่ามีน้องสาวฝาแฝดเพราะถูกแพรจันทร์ขอร้องแต่น้องสาวกลับชอบสร้างข่าวฉาวให้เธอราวกับตั้งใจแกล้ง เธอรู้ว่าน้องอิจฉาตนเอง แต่เคยคิดว่าวันหนึ่งเมื่อน้องโตขึ้นจะเข้าใจและกลับมาเป็นน้องสาวที่น่ารักของตนอีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนความเข้าใจของเธอจะผิดพลาดเพราะไม่ว่าผ่านมานานแค่ไหนแพรจันทร์ก็ยังอิจฉาและคอยกลั่นแกล้งเธอไม่เลิก
“ยัยลูกจันทร์ไม่เคยแวะไปดูแลแม่เลยสิท่าลูกแพร” ส้มเบะริมฝีปากเมื่อคิดถึงคู่แฝดของเพื่อนสาว
“น้องคงวุ่นวายอยู่กับการทำงานมั้งคะพี่ส้ม” แพรพลอยถอนหายใจ
“หรือว่าวุ่นวายอยู่กับการมั่วผู้ชายเพื่อสร้างข่าวฉาวให้เธอกันแน่จ๊ะ” ส้มกล่าวด้วยความหมั่นไส้
“ลูกจันทร์แค่ล้อลูกแพรเล่นค่ะพี่ส้ม”
“จ้า แม่พี่สาวแสนดี ไม่ว่าน้องจะทำยังไงก็เข้าข้างเสมอ” ส้มลากเสียงยาวด้วยความหมั่นไส้
“ถึงยังไงลูกจันทร์ก็เป็นน้องลูกแพรนี่คะพี่ส้ม” เธอถอนหายใจแรง
“ถ้าแม่นั่นจะคิดบ้างว่าเป็นน้องของเธอนะลูกแพร” ส้มประชด
“ช่างเถอะค่ะพี่ส้ม อีกหน่อยน้องคงเข้าใจลูกแพร”
“ย่ะแม่พี่สาวแสนดี อีกหน่อยน้องของเธอคงเข้าใจเธอเองนั่นแหละนะ” ส้มเอ่ยอย่างหมั่นไส้พร้อมกับตวัดหางตามองเหมือนค้อนวงกว้างใส่แพรพลอย
ชาญชัยย่อตัวลงช้อนตัวคนรักอุ้มก้าวตรงไปยังเตียงกว้าง ดวงตาสบกันแน่วนิ่ง น้ำตาเพิ่งเหือดแห้งจากแก้มนวล มือเรียวคล้องคอของเขาไว้มั่นและเธอเป็นฝ่ายยืดศีรษะขึ้นจนริมฝีปากอิ่มอยู่ระดับเดียวกับเรียวปากหนา เรียวลิ้นร้อนตวัดไล้เบา ๆ กับริมฝีปากล่างของเขา หน้าอกอิ่มเบียดแนบแผ่นอกกว้าง ปลายลิ้นร้อนแทรกเข้าทักทายลิ้นร้อนที่ตอบรับการหยอกเย้าน่ารักของเธอทันที“เราจะทำสนธิสัญญากันใช่ไหมค่ะพี่ชาญ” เธอกระเซ้าชิดริมฝีปากนุ่ม“อื้ม ฉบับสุดท้ายที่นี่หนูนิด เพราะพรุ่งนี้เราจะกลับบ้านเสียที”“แต่นิดยังไม่ได้ลางานเลยนะคะ”“ฝากหมอนั่นทำแทนก็ได้มั้ง”“ใครค่ะ”“ก็อาจารย์วิลเลี่ยมของคุณไง”“ของพี่ชาญต่างหาก”เธออมยิ้มในขณะที่ชาญชัยส่งสายตาเอาเรื่องให้เธอพร้อมกับแผ่นหลังเนียนสัมผัสที่นอนนุ่ม แล้วร่างใหญ่ที่แนบสนิททาบทับลงมาบนตัวเธอ ดวงตาสบกันด้วยแววหวานฉ่ำปลายเล็บแหลมกรีดเบา ๆ กับแผ่นอกกว้างเรื่อยต่ำลงไปจนถึงเอวหนา หัวคิ้วยกท้าทายเมื่อสอดมือเล็กผ่านเข้าไปสัมผัสก้นสอบได้รูปบีบเบา ๆ คล้ายกำลังหมั่นเขี้ยวอยากสัมผัสให้มากกว่านี้ เธอดึงมือกลับมาวางทาบที่แผ่นอกกว้างพร้อมดันเบา ๆ ให้เขาล้มตัวลงนอนให้เธอพลิกตัวขึ้นอยู่
วันและคืนล่วงเลยผ่านมาห้าปีทั้งที่ชาญชัยกับวนิดาตั้งใจกันไว้ว่าจะแต่งงานกันทันทีหลังฝ่ายหญิงสำเร็จการศึกษาระดับปริญาตรี แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นไปอย่างที่ทั้งคู่ตั้งใจ เมื่อบิดาของฝ่ายหญิงขอร้องแกบังคับให้เธอเรียนต่อจนจบปริญญาโทอีกสองปีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยระยะแรกวนิดาก็ประท้วงเพราะไม่อยากอยู่ห่าง ชาญชัย อสิรวิสจึงยื่นข้อเสนอให้ชาญชัยเดินทางตามไปดูแลเธอด้วย หญิงสาวจึงยอมเดินทางไปเรียนต่อพร้อมคนรักที่ตามไปดูแลเธอ ระยะเวลาสองปีถูกทอดยาวจนเธอเรียนจบปริญญาเอกและเพลินกับการทำงานต่อในต่างประเทศอีกกว่าปี ทำให้ชาญชัยต้องยื่นคำขาด หากหญิงสาวยังไม่ยอมเดินทางกลับและแต่งงานกับเขา ทางรักของทั้งคู่คงต้องสิ้นสุดกันและนั่นเป็นสิ่งที่วนิดาไม่มีทางยินยอม“อะไรนะคะ” เสียงหวานตวาดลั่นเมื่อถูกยื่นคำขาดด้วยใบหน้าขรึมดวงตาดุดัน“พี่จะกลับเมืองไทย” ชาญชัยยืนยัน“ทำไมคะ พี่ชาญไม่เป็นห่วงหนูนิดจริง ๆ เหรอคะ” เธอกะพริบตางงงันกับคำขาดของคนรัก“ตอนนี้พี่คงไม่จำเป็นต้องดูแลเราแล้ว เพราะด็อกเตอร์วนิดาไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ต้องมีคนดูแลแล้วนี่นะ” เสียงทุ้มกล่าวเรียบ ๆหลายปีที่ผ่านมาเขาพยายามโน้มน้าวและชักชวนให้เธอเดิน
พฤทธิ์กลืนน้ำลายลงคอเมื่อซับในชิ้นเล็กถูกถอดออกจนเหลือเพียงบราเกาะอกอะร้าอร่ามยืนส่งตาหวานแสนเซ็กซี่ให้เขาได้ตื่นไปทั้งตัว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากบางทำให้เขาแทบคลั่งเมื่อคิดถึง “ไฟแดง”“ที่รัก นี่คุณจงใจยั่วให้ผมทำผิดกฎจราจรจริง ๆ ใช่ไหมฮึ” เขาเข่นเขี้ยวเธอด้วยความหมั่นไส้ท่าทางนางแมวยั่วสวาทที่เธอจงใจแสดงแกล้งให้เขาคลั่ง“ใครยั่วใครที่ไหน ไม่มี๊ไม่มี แพรวแค่จะไปอาบน้ำ ว่าแต่...อาบน้ำด้วยกันไหมคะสามี”เธอหัวเราะร่วนก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเดินหายเข้าไปในห้องน้ำทิ้งให้คนเป็นสามีทำหน้าง้ำหงายหลังล้มตัวลงบนเตียงด้วยท่าทางเซ็งสุดชีวิตทีเดียว“ไฟเขียวเมื่อไหร่จะเอาให้ยั่วไม่ออกเลย มิ้วกี้ ฝากไว้ก่อนเถอะนางแมวป่า” เขาบ่นพึมพำแพรวพรรณตัดสินใจยื่นใบลาออกจากงานหลังแต่งงานได้เพียงหนึ่งเดือนโดยยังไม่บอกสามี ที่เธอต้องลาออกก็เนื่องมาจากสามีขี้หวงของเธอขอร้องทั้งออดอ้อนจนเธอใจอ่อนด้วยเหตุผลเพียงแค่เขาอยากอยู่ใกล้เธอตลอดเวลาหลังเลิกงาน แต่อาชีพของเธอทำให้มีเวลาให้ครอบครัวไม่แน่นอน ทั้งที่ตอนแรกเธอตั้งใจจะไม่ยอมทำตามคำขอร้องของเขาแต่พฤทธิ์นั้นเชี่ยวชาญในการออดอ้อนภรรยาจนเธออ่อนใจและยอมทำตามด้วยความเต็มใ
ขบวนแห่ขันหมากถูกจัดเตรียมเมื่อถึงฤกษ์งามยามดี ซึ่งในขบวนเพียบพร้อมไปด้วยพาขวัญ กลุ่มหน้าเป็นพวกดนตรีพื้นเมือง เต็มไปด้วยพวกนางรำที่สนุกสนานรื่นเริงกันเต็มที่ ต่อด้วยเจ้าบ่าวและบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวที่ยิ้มแย้มกันสนุกสนานไปพร้อมขบวนนางรำ ถัดจากขบวนเพื่อนเจ้าบ่าวเป็นพาขวัญ ขันหมาก เครื่องบริวารและตามด้วยญาติพี่น้อง เถ้าแก่ พ่อล่าม จนกระทั่งขบวนเคลื่อนเข้ามาถึงประตูบ้านเจ้าสาวลูกสาวป้าปริกทำหน้าที่ญาติฝ่ายหญิงลงมาเปิดประตูบ้านแต่ยังไม่ยอมให้เข้าได้ง่าย ๆ มีการซักถามเพื่อเอาเคล็ดเอาฤกษ์ตามธรรมเนียมพร้อมกับถามว่า“มาทำไมเฮอะ”“มาขอลูกสาวบ้านนี้ เขาว่าเป็นทั้งสวย ทั้งเก่งแถมยังขยันทำมาหากิน” ญาติฝ่ายชายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“อืม...สมกันเหลือเกินเนอะ ขอให้ร่ำรวย เงินทองไหลมาเทมา เชิญ...เชิญ ข้างในบ้าน ฤกษ์งามยามดีเหลือเกิน” ลูกสาวป้าปริกตะโกนตอบพร้อมกับเปิดประตูให้ขบวนเจ้าบ่าวเข้าไปพิธีดำเนินต่อจนเสร็จสิ้นพิธีกว่าบ่าวสาวจะได้อยู่กันตามลำพังทั้งคู่ก็ถึงกับเหงื่อตกกันเลย แต่ใบหน้าทั้งสองยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มอิ่มสุขโดยเฉพาะเจ้าบ่าวที่ยิ้มไม่หุบตั้งแต่เริ่มพิธีจนกระทั่งถึงตอนนี้รอยยิ้มกรุ่มกริ่มยิ่ง
ปลายลิ้นหยาบยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยมจนเสียงหวานหวีดร้องขึ้นอีกครั้งเมื่อเรียวลิ้นตวัดไล้แทรกลึกเข้าครอบครองความรุ่มร้อนชุ่มชื้น ริมฝีปากหนาขบเม้มไปทั่วกลีบเกสรจนเธอทนแทบไม่ไหว“โอ้...ไม่ พฤทธิ์ขา อย่าทรมานแพรวอีกเลยนะคะ” ใบหน้าสวยส่ายสะบัดไม่เข้าใจอารมณ์ของตนเองเลยแม้แต่นิดเดียวรู้เพียงแต่ว่าเธอต้องการบางอย่างที่มากกว่านี้“มิ้วกี้ คุณเป็นผู้หญิงที่หวานที่สุดเลยรู้ไหม”เสียงห้าวกระซิบกระซาบในขณะที่ดันตัวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกัน ริมฝีปากร้อนประกบจูบเรียวปากอิ่มที่เผยอตอบรับด้วยความเต็มใจ อารมณ์ของพฤทธิ์ถึงจุดเดือดทันทีเมื่อเธอเบียดอกอวบเข้าเสียดสีราวกับต้องการปลดปล่อยความทรมานจากฝีมือเขาด้วยร่างกายของเธอ“อย่ากลัวผมที่รัก ผมสัญญาว่าทุกอย่างจะดี เชื่อผมมิ้วกี้ กอดผมไว้แน่น ๆ ยาหยี”แพรวพรรณได้แต่ทำตามคำสั่งของเขาแต่เพียงแค่ส่วนขยายของร่างกายแกร่งขยับเสียดสีกับความรุ่มร้อน เธอก็จิกเล็บเข้ากับไหล่กว้างด้วยความลืมตัว ความซ่านสยิวทำให้เธอครวญคล้ายสะอื้นพร้อมกับขยับตัวเข้าหาเขาราวเสนอตัว เรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากริมฝีปากกว้างที่แย้มยิ้มเยือนเรียวปากหนาตรงเข้าสัมผัสปลายถันเบี่ยง
มือเรียวถูกปล่อยให้เป็นอิสระแต่เธอก็ไม่คิดผลักไสแต่กลับร่วมมือด้วยการรั้งบ่าแข็งแรงนั่นให้แนบสนิทกับร่างกายของตนเองมากขึ้นอีกด้วยพฤทธิ์สะกดเธอไว้ด้วยความร้อนจากริมฝีปากในขณะที่มือใหญ่ค่อย ๆ สะกิดกระดุมเสื้อด้านหน้าของเธอจนหมดแถว บราตะขอหน้าเป็นใจให้เขาปลดและครอบครัวนวลเนื้อนุ่มที่เขาหลงใหลตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นความอลังการของนวลเนื้อน่าสัมผัสของแพรวพรรณทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ปลายลิ้นแตะแผ่วบนยอดอก แพรวพรรณก็ผวาสุดตัวพร้อมเปล่งเสียงครวญร้องหวานแหลม“โอ้ว...”ร่างบางแอ่นหยัดเปิดทางให้ชายหนุ่มดึงเครื่องแบบสีขาวพร้อมบราสีหวานโยนลงกองกับพื้นไม่ไยดี กระโปรงเครื่องแบบสีขาวถูกล่นขึ้นมากองอยู่กับเอวบางฝ่ามือหยาบลูบไล้ไปตามแผ่นหลังขาวนวล ริมฝีปากร้อนเลื่อนลงมาสร้างความเสียวซ่านให้กับร่างเล็กอยู่บริเวณหน้าท้องเรียบแบน เธอพยายามบิดกายหนี ในขณะที่ฝ่ามือเล็กคว้าข้อมือแข็งแรงที่ยุ่มย่ามอยู่กับทรวงอกอิ่ม“พอแล้วคุณพฤทธิ์ ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ”“อย่าห้ามผมเลยนะมิ้วกี้ ให้ผมเถอะนะที่รัก”เสียงแผ่วหวิวดังเบาชิดเนื้ออุ่น ลมหายใจรินรดผิวหนังชวนวาบหวามจนเธอขนลุกเกรียวยิ่งปลายลิ้นร้อนแตะ