ชายหนุ่มกลั้นลมหายใจลึก เขาเผลอทำอย่างนั้นด้วยตะลึงงันต่อใบหน้านาง กระนั้นถึงจะมีดวงหน้าแสนขี้ริ้วขี้เหร่ ทว่าเมื่อพิศรูปร่างนาง เขาต้องนึกขบขันตนที่มีจิตใจวิปลาส หน้าอกหน้าใจนางอวบสวย ตรงยอดถันนูนเด่นชัดในเสื้อผ้าตัวบางพลิ้วซึ่งยามนี้มันแนบเนื้อ แต่เขาคงทำใจไม่ได้ยามต้องมองใบหน้าแสนอัปลักษณ์
“คุณชายโปรดช่วยข้า”
ฟ่านรั่วเจี๋ยร้องเรียกเขาและวิ่งตรงมาอย่างแน่วแน่ ทว่าด้วยความตกใจและตื่นตระหนกจึงไม่ได้สังเกตว่าอีกฝ่ายเป็นชายที่นางไม่ควรเข้าใกล้อย่างที่สุด
“เหตุใดข้าต้องลำบากเพราะเจ้า” มู่ชิงซานตวาดใส่ เพื่อปรามอีกฝ่ายที่กำลังจะโผเข้ามาหาตน
“บ้านเมืองกำลังมีภัยใหญ่หลวง ผู้อ่อนแอกำลังถูกคนใจดำอำมหิตรุกราน บุรุษเช่นท่านยังเพิกเฉยได้หรือ”
“ฮ่าๆ ช่างน่าขัน แล้วใครใช้ให้พวกมันเอาแต่หดหัวไม่สามัคคีกันล่ะฮ่องเต้แคว้นหมิงก็อ่อนแอ แผ่นดินนี้สมควรตกเป็นของต้าหลาง”
เมื่อหญิงสาวเข้ามาอยู่ใกล้ๆ มู่ชิงซาน นางจึงอ้าปากค้าง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และด้วยแสงแดดสุดท้ายของวันจึงทำให้นางเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนของแคว้นหมิง!
“ทะ...ท่าน เป็นท่านใช่หรือไม่”
นางมองอีกฝ่าย ยามนี้มู่ชิงซานไม่ได้สวมหน้ากากเหล็กหัวหมาป่ากระนั้นด้วยไอสังหารที่แผ่อยู่รอบตัวเขาทำให้นางมั่นใจว่าไม่ผิดตัว และผ้าคลุมสีแดงที่เขาสวมอยู่ก็ปักชื่อมู่ชิงซาน!
“บัดซบ ควรเป็นข้ามากกว่าที่ต้องถามเช่นนั้น เจ้าเป็นคนหรือตัวประหลาด ไขข้อข้องใจให้ข้ารู้เดี๋ยวนี้”
หญิงสาวที่วิ่งมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยจนตัวโยนมองหน้าปีศาจแห่งสงคราม ก่อนหวีดเสียงแหลมใส่เขา “มู่ชิงซาน คนเลวต้าหลาง ท่านจะทำให้แผ่นดินหมิงลุกเป็นไฟ!”
“นับว่าเจ้าตาถึง อัปลักษณ์เช่นนี้ยังมีความดีอยู่บ้าง อย่างน้อยคงหากินด้วยการทำนายที่แม่นยำ ใช่...ข้าคือบุรุษผู้นั้น ชายตระกูลมู่แห่งต้าหลาง”
เป็นยามนั้นที่นางผู้พลัดหลงมาดึงเสื้อที่ขาดปิดเต้านมของตน คราแรกมู่ชิงซานไม่คิดอยากแลเนื้อตัวนางด้วยซ้ำ แต่แผ่นหยกสีขาวเนื้อดีที่สะท้อนกับแสงสุดท้ายของวันที่นางถือไว้ในมือข้างหนึ่งทำให้เขาฉงนฉงาย
“จะ...เจ้าได้มันมาเยี่ยงไร”
รอยยิ้มกว้างบนดวงหน้าที่ใครต่างเห็นว่าอัปลักษณ์ฉายขึ้นอย่างเป็นปริศนา ซึ่งแจ้งชัดแก่มู่ชิงซานว่า นางผู้นี้เป็นสตรีอัปมงคล และเขามิอาจไว้ใจ!!
มู่ชิงซานกระโดดลงจากม้าศึกตัวโตแล้วเข้าไปกระชากหยกจากมือเรียวสวย ดวงตาคมกริบยามนั้นคล้ายก่อเกิดลูกไฟที่พร้อมแผดเผาร่างงามที่มีผิวสีขาวละเอียด สองแก้มนางทาบด้วยเลือดฝาด ริมฝีปากอิ่มสวยเผยอน้อยๆ คล้ายต้องการเย้ายั่ว กระนั้นเขาไม่คิดแยแส สตรีผู้นี้จงใจใช้วิชามารลวงใจเขา แต่นางกลับไม่เจียมสังขารตน!
“ต่ำช้า...เจ้าได้ป้ายหยกนี้มาเยี่ยงไร”
ฟ่านรั่วเจี๋ยไม่ตอบ นางจ้องดวงตาเขาอย่างท้าทาย ในใจคิดลำพองมิอยากเชื่อว่าจุดอ่อนของปีศาจกระหายสงครามคือน้องชายของเขา มู่หรูซื่อนางจะปล่อยให้เขารับป้ายหยกนี้ไปเป็นของต่างหน้า ส่วนชายผู้ที่นางบังเอิญจับตัวเขาไว้ได้คงใช้เป็นหมากต่อรองกับศัตรูของแคว้นหมิง
“ท่านไม่เห็นความงามของข้ารึ” ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ย
“ฮ่าๆ สวรรค์เมตตา สตรีที่ดูแล้วไม่แจ้งชัดว่าเป็นคนหรือผียังกล้าอวดอ้างโฉมของตน เจ้าช่างไม่เจียมตัว”
แม้จะแค้นใจ แต่ฟ่านรั่วเจี๋ยมีความประสงค์อย่างแรงกล้า นางต้องหาทางต่อรองกับบุรุษปีศาจ การได้เข้าใกล้เขาอย่างประชิดตัวนับว่าสวรรค์เป็นใจ “ข้าได้มันมาจากชายผู้หนึ่ง ตอนนี้เขาได้รับพิษร้ายแรง เกรงว่าอาจรักษาชีวิตไว้ได้อีกไม่เกินสามชั่วยาม”
“ฮึๆ แล้วข้าจะมั่นใจคำพูดสตรีที่มีรูปโฉมเยี่ยงสัตว์ประหลาดได้หรือ”เขากล่าวออกไป และมิวายสำรวจนางราวกับเป็นสินค้า ก่อนจะต้องทำหน้าแขยงเมื่อจ้องไปที่จมูกอันใหญ่โตของนาง สิ่งที่เห็นติดอยู่ที่ปาก และคิดเปรียบเทียบจมูกของสตรีผู้นี้กับสิ่งใด
“จริงหรือลวง ท่านคงต้องตรองดูเอง ข้าไม่ได้มีหน้าที่แจ้งสิ่งใดต่อท่าน”
“เกรงว่าที่เจ้าเอ่ยคงเป็นเพราะไม่อยากมีลมหายใจสืบต่อไป ถึงได้กล้าต่อรองข้า!” มู่ชิงซานกัดฟันเสียงดังกรอดๆ หากใครว่าเขาเป็นหมาบ้านางก็คงเชื่อ!
“หามิได้ ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้านั้นต่ำต้อยที่เสี่ยงชีวิตออกมาเพื่อส่งข่าวให้ท่าน เป็นเพราะไม่อยากให้มีการสูญเสีย โดยเฉพาะชีวิตของคุณชายสูงศักดิ์ผู้นั้น” ฟ่านรั่วเจี๋ยรู้สึกเป็นต่อ ผู้ชายที่นางจับตัวไว้ช่างเป็นหมากสำคัญที่จะนำชัยชนะมาสู่แคว้นหมิง
“หมู!” จู่ๆ มู่ชิงซานก็โพล่งขึ้น เขาลืมเรื่องที่สนทนากับนางไปชั่วครู่
ดวงตากลมโตถลึงมองเขาพร้อมแยกเขี้ยวขู่
“ใช่ จมูกนี้เหมือนแม่หมูตัวอ้วนพีก็มิปาน มันใหญ่โตน่าเกลียด และรูทั้งสองข้างประหนึ่งมันจะสูดร่างกายข้าเข้าไปในตัวเจ้า อัปลักษณ์สิ้นดี!”
ฟ่านรั่วเจี๋ยขุ่นเคืองจัด จึงพ่นลมหายใจแรงๆ ใส่หน้าเขา ชายหนุ่มพลันกระโดดโหยงหลบทันที
“บังอาจ! การกระทำของเจ้าน่าขนลุกโดยแท้!”
“รังเกียจโฉมงามเช่นข้าถึงเพียงนี้หรือ ชินอ๋องแห่งต้าหลาง”
“ถูกต้อง เจ้าถอยห่างข้าสักสองวาเดี๋ยวนี้!” คนที่ถูกขนานนามว่าเป็นปีศาจสงครามตวาดใส่ฟ่านรั่วเจี๋ย
หญิงสาวทำตาพองใส่คนตัวโต และยอมถอยหลังไปสองก้าว
“ตอนนี้ข้ากำลังต่อรองท่านอยู่ บุรุษแห่งต้าหลาง”....
“ฮึ ต่อรองข้า เจ้าช่างโอหัง ปากพล่อยเช่นนี้ ข้าสมควรสั่งโบยสักร้อยไม้!” ชายหนุ่มโกรธจนใบหน้าหล่อเหลากระตุกรุนแรง เขาขบกรามแน่นอารมณ์นั้นเดือดดาลจัด
เจ้าสาวอัปลักษณ์ก่อนเข้าพิธีวิวาห์กับมู่ชิงซาน เกิดเรื่องที่หวิดทำให้ฟ่านรั่วเจี๋ยต้องถูกหยามเกียรติ เพราะมู่หรูซื่อกลับกลายเป็นคนพยายามเข้ามาตีสนิทนางในช่วงนั้นมู่ชิงซานมีภาระต้องไปประชุมกับรองแม่ทัพที่ค่ายในเมืองอื่นซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ราวๆ สามร้อยลี้ “พี่รองคงไม่ได้สนใจเจ้าดีพอ ข้าจึงพานางรับใช้มามอบให้ อย่างไรช่วงนี้เจ้าต้องดูแลหลายสิ่ง การเป็นสตรีข้างกายชินอ๋องไม่ใช่เรื่องง่าย”ฟ่านรั่วเจี๋ยมองไปยังนางรับใช้สองคนที่ท่าทางเหมือนสตรีชาวบ้านทั่วไป ทั้งคู่เป็นฝาแฝดอายุราวๆ สิบเจ็ดปีเห็นจะได้“รบกวนจวิ้นอ๋องหรูซื่อมากเกินไปแล้ว”“เล็กน้อย เพราะข้าเห็นว่าเจ้าปฏิเสธคนของแคว้นหมิง เลยให้บ่าวสองคนนี้มาช่วยงานแทน”ในครานั้นที่นางปฏิเสธองค์หญิงเล็ก ไม่รับสาวใช้เอาไว้ เพราะฟ่าน-รั่วเจี๋ยไม่รู้ว่าชะตากรรมของตนจะเป็นเช่นไร การให้คนที่อยู่ในแคว้นหมิงมาติดตามก็รังแต่จะสร้างภาระมากกว่าคอยรับใช้ สองฝาแฝดหน้าตาไม่ได้เหมือนกัน ทั้งคู่เป็นคนในแคว้นต้าหลางติดตามกองทัพมาตั้งแต่เล็กเพื่อช่วยงานในครัว คนพี่ชื่อจางฉี มีไฝที่มุมปากด้านซ้าย คนน้องชื่อจางหมิ่น ดวงตาโตและชอบยิ้มอยู่เสมอ“เอาละ ธุระข้ามีเพ
“รั่วเจี๋ย ข้าสั่งเจ้าได้ยินหรือไม่”นางส่ายหน้าปฏิเสธ ความกลัวครอบคลุมจิตใจอย่างเร็ว นางจึงถอยหลังหนีเขา แต่ร่างสูงกระโดดออกจากอ่างน้ำและคว้าตัวนางไปกอดรัดในอึดใจต่อมา“ทะ...ท่านอ๋อง อย่าได้ข่มเหงน้ำใจข้าจนเกินไป”“ข่มเหงเจ้า ฮ่าๆ เหลวไหล ทั้งหมดที่ทำ ข้าต้องการช่วยเจ้าต่างหากรั่วเจี๋ย” เขาเอ่ยแล้วก็ค่อยๆ ดึงผ้าที่ปิดใบหน้าครึ่งล่างของนางออก หญิงสาวสะเทือนใจต่อการกระทำนั้น ขอบตาแดงระเรื่อ น้ำตาเอ่อคลอหน่วย“ใครอยากเห็นน้ำตาของเจ้า หยุดร้อง ไม่อย่างนั้นข้าจะกัดจมูกเจ้าเสีย” เขาเอ่ย พอเห็นว่านางเริ่มสะอื้นจึงใช้นิ้วยาวๆ บีบจมูกของฟ่านรั่วเจี๋ยซึ่งเป็นตอนนั้นที่นางต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก ถึงจะรู้ว่าตนเองมีสมุนไพรปรุงเอาไว้เพื่อช่วยรักษาความอัปลักษณ์และหินจากบ่อน้ำพุในตำหนักเย็นแต่ยามนี้ได้เกิดความมหัศจรรย์ขึ้น เมื่อไออุ่นจากเรือนกายของมู่ชิงซานมอบความรู้สึกซาบซ่านแก่นาง ซึ่งนอกจากทำให้กายสาวสั่นสะท้าน มันยังช่วยรักษาความน่าเกลียดของฟ่านรั่วเจี๋ยด้วย“คราวนี้เจ้าเข้าใจหรือยังว่าความอัปลักษณ์ที่ติดตัวเจ้านี้ เหตุใดจึงต้องมีข้าคอยดูแล!”ฟ่านรั่วเจี๋ยยังคงปกปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุมเช่นเดิม แม้จ
“ฮึ แล้วข้าสมควรอยู่ที่ใดถึงจะมีชีวิตรอด อย่าบอกนะว่าข้างกายท่าน”เมื่อคนที่วางสีหน้าขึงขังคำรามออกมาอีกหน นางก็ครั่นคร้ามใจ แต่ถึงขั้นนี้ ชีวิตย่อมต้องกลัวสิ่งใดอีก“ข้าคิดว่าตอนนี้เจ้าคงไม่เห็นชอบ แต่หากอยากทวงความยุติธรรมคืนให้ตนเองกับมารดา คงเหลือเพียงทางเลือกเดียวคือเป็นสตรีที่อยู่ข้างกายข้าเท่านั้น”“มะ...มู่ชิงซาน คนเลว! ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะท่านหลอกลวงข้า” นางเจ็บแค้นใจอย่างที่สุด มองร่างสูงใหญ่นี้แล้วอดคิดถึงเจ้าเป็ดน้อยของตนไม่ได้“ฮ่าๆ ข้าหรือจะมีเวลาล้อเล่นกับเจ้าถึงเพียงนั้น กินอาหารพวกนี้เสียแล้วเตรียมทำหน้าที่ของตนให้ดี”“หน้าที่อันใด!” ฟ่านรั่วเจี๋ยถามเขาเสียงเกรี้ยวกราด เป็นตอนนั้นที่ดวงตาคมกริบมองนางราวกับเป็นของหวาน หรือไม่ก็เนื้อสดๆ ที่เขาจะกลืนลงท้องอย่างโอชะ“เจ้าคิดว่าที่ข้ายอมเสียเกียรติไปรับเจ้ามาจากแคว้นหมิงเพื่อการใดหากไม่ใช่...” เสียงทุ้มตั้งใจยั่วแหย่ฟ่านรั่วเจี๋ย“ตะ...ต่ำช้า ทะ...ท่านคิดล่วงเกินข้าหรอกรึ” หญิงสาวหวีดใส่ชายหนุ่มและมิวายดึงปิ่นปักผมของตนออก พอเลื่อนสลักเล็กๆ มันก็กลายเป็นมีดสั้น ซึ่งนางไม่ได้คิดจะทำร้ายเขา หากใช้มันจี้ลำคอขาวผ่อง
ตกอยู่ในมืออ๋องปีศาจฟ่านรั่วเจี๋ยถูกพามาอยู่ในกระโจมที่พักส่วนตัวซึ่งสร้างขึ้นใหม่อย่างเร่งด่วน โดยอยู่ด้านหลังสุดของค่ายทหารต้าหลาง พื้นที่ตรงนี้เป็นเนินสูงและมีสายลมพัดผ่านเย็นสบาย สามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านล่างรอบทิศถึงแม้ตบแต่งเน้นความเรียบง่ายเข้าไว้ แต่ฟ่านรั่วเจี๋ยก็พึงใจ ด้วยมันสงบมีความเป็นส่วนตัวเมื่อนางสำรวจรอบๆ กระโจมจึงพบว่ามีหลายสิ่งชวนให้ประหลาดใจทั้งกลิ่นกำยานหอมอ่อนๆ พร้อมต้นไม้ ดอกไม้ในกระถาง มองแล้วต้องฉงนมันคล้ายจำลองให้เหมือนในตำหนักเย็น เห็นดังนี้จะให้นางไว้ใจหมาป่ามู่ชิงซานได้อย่างไร น้ำหน้าอย่างเขาคงมีแผนร้ายเอาไว้ล่อลวงนางด้านนอกกระโจมมีทหารยามเฝ้าอยู่ พวกเขาถูกสั่งไม่ให้สื่อสารสิ่งใดเมื่อนางเอ่ยถามต่างพากันปั้นสีหน้านิ่งเฉย และทำได้เพียงแค่ชี้มือบอกว่านางห้ามออกไปไหนยามนี้มีสิ่งที่กังวลใจมาก นางไม่ได้อยู่ที่ตำหนักเย็น ดังนั้นหากไม่ได้รับไอความร้อนจากหินในบ่อน้ำพุและแร่ธาตุที่อยู่ในบ่อ ความอัปลักษณ์ก็จะอยู่บนใบหน้านางและประจักษ์ต่อสายตาทุกคนกระทั่งบ่ายคล้อยหยวนซางก็มาหานาง อีกฝ่ายเป็นคนสนิทของมู่ชิง-ซาน ฟ่านรั่วเจี๋ยคิดว่าคนเป็นนายกับลูกน้องช่างแตกต่างกันร
ฟ่านรั่วเจี๋ยทำตาโต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คนสมองทึบไม่รู้มารยาร้อยเล่มเกวียนของบุรุษกลับเป็นนางหรอกหรือ! ความคิดของหญิงสาวสับสนหมุนวนไปมา พลางยกมือเรียวสวยข้างหนึ่งขึ้นอย่างเผลอไผล แล้วสัมผัสริมฝีปากอิ่มสวยของตน ยามนั้นนางคิดถึงรอยจูบที่เขาฝากเอาไว้ มือใหญ่ที่สัมผัสเรือนร่าง ทั้งเนินหน้าอกอวบ เอวคอด รวมถึงบั้นท้ายกลมงอน และพื้นที่แสนหวาน ทั้งที่นางบริสุทธิ์ใจ แต่เจ้าหมาป่าตัวร้ายนั้นคิดคด ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นมู่ชิงซานที่ตั้งใจหยามหมิ่นเกียรตินาง!“คนเลวตัวใหญ่...ทะ...ท่านต่ำช้า ข้าจะไม่ยอมให้ท่านดูแลข้าไม่ว่าในฐานะใด” ฟ่านรั่วเจี๋ยใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห สองมือกำหมัดแน่นดวงตาคมกริบเกิดประกายวิบวับ เขาชอบใจที่นางกราดเกรี้ยว ฟ่าน-รั่วเจี๋ยย่อมต้องเป็นสตรีที่กล้าแกร่ง ยอมหักไม่ยอมงอ เช่นนี้นับว่าเขาไม่เสียเวลาเปล่ากับสิ่งที่กระทำมาทั้งหมด“ฮ่าๆ ถ้าไม่ยอมให้ตอบแทนน้ำใจ ฉะนั้นข้าก็จะเอาผิดเจ้าโทษฐานล่วงเกินชินอ๋องแห่งต้าหลาง อย่าลืมว่าเจ้าข่มเหงข้าอย่างไร และเรื่องนี้หากใครล่วงรู้ ข้าก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”ดวงตากลมโตมองคนหน้าด้านอย่างเหลือใจ“ชั่วช้า ท่านไม่สมควรเป็นลูกผู้ชาย”“ถูกต
ภาพเย้าหยอกของมู่ชิงซานกับฟ่านรั่วเจี๋ยทำให้สถานการณ์ที่ดูเหมือนตึงเครียดผ่อนคลายลงไปหลายส่วน กระนั้นหมิงอ๋องกลับคิดไม่ตก ตามที่จ้าวหานรายงาน บุรุษที่ฟ่านรั่วเจี๋ยเรียกว่า ‘เป็ดน้อย’ ย่อมเป็นชายคนนี้มู่ชิงซาน หรือชินอ๋องผู้เก่งกาจของต้าหลางเด็กหนุ่มครุ่นคิดอย่างหนักพลางมองมู่ชิงซานและพี่สาวแสนอัปลักษณ์ของตน มีทางใดที่เขาจะทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลให้บัลลังก์มังกรของเขาไม่สั่นคลอน จริงอยู่ แคว้นหมิงเป็นแผ่นดินเล็กๆ เทียบไม่ได้กับแคว้นอื่น กระนั้นถึงจะเล็ก ทว่าดินแดนแห่งนี้กลับอุดมสมบูรณ์ด้วยการเพาะปลูกมีการแพทย์ที่เจริญรุ่งเรือง เป็นแหล่งการค้าทั้งทางแม่น้ำและถนน นอกจากนั้นยังมีสมบัติล้ำค่ามากมายจากธรรมชาติ หากผู้ใดคิดทำลายนับว่าโง่เขลา แต่หากต้องการยึดครอบครองก็ใช่ว่าจะกระทำได้ง่าย ดังนั้นแคว้นใหญ่อย่างต้าหลางจึงกระทำเพียงแค่ตั้งทัพมาคุมเชิงเอาไว้ เพื่อป้องกันการรุกรานด้านอื่นๆ พร้อมส่งไส้ศึกเข้ามาอยู่ในแผ่นดินนี้ เพื่อคอยรายงานข่าวและตัดแขนขาไม่ให้คนในแคว้นหมิงติดต่อขอความช่วยเหลือจากสิบสองเผ่าคนเถื่อนด้วยนานมาแล้วฝ่ายนั้นเคยปกครองที่นี่มาก่อนฟ่านเฉิงซีก้าวขามาข้างหน้าหนึ่งก้าว