ฟ่านรั่วเจี๋ยไม่อยากเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ แต่เมื่อมีหมากตัวสำคัญหลุดเข้ามาอยู่ในมือก็เหมือนสวรรค์ชี้ทางสว่าง และนางจำเป็นต้องรักษาบ้านเกิดของตน ยามนี้กองกำลังของเกาเจียวหั่วซุ่มตัวอยู่ทางทิศใต้ของกำแพงเมือง นางต้องหาวิธีแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายนี้ด้วยการส่งข่าวแก่เขา เพราะภายในแคว้นหมิงมีไส้ศึกที่พร้อมเปิดประตูเมืองให้แก่พวกต้าหลาง ซึ่งนางจะยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้ ด้วยทุกชีวิตจะไร้ซึ่งอิสรภาพ อีกทั้งสตรีที่อยู่ในตำหนักซึ่งไร้คนเหลียวแล ไม่มีอำนาจใด ย่อมถูกปล่อยให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ
แต่ระหว่างทางที่นางพยายามไปให้ถึงกองกำลังของเกาเจียวหั่วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝัน สตรีชาวบ้านหลายคนถูกพวกทหารเลวไล่ปลุกปล้ำ ตัวนางไร้วรยุทธ์แต่ไม่ใช่พวกที่จะงอมืองอเท้าเห็นคนอ่อนแอกว่าถูกข่มเหง
“ปล่อยพวกนางเสีย พวกเจ้ายังเป็นชายอกสามศอกอยู่หรือไม่”
“ฮ่าๆ ไม่ใช่แค่อกสามศอก น้องชายข้ายังยาวใหญ่ดั่งม้าศึก เจ้าอยากพิสูจน์หรือไม่” ทหารกลุ่มนั้นมองสตรีตรงหน้า นางนุ่งชุดคล้ายหมอยา สวมหมวกและมีตาข่ายอำพรางใบหน้า กระนั้นก็เห็นได้ชัดว่าทรวดทรงเย้ายวนใจโดยเฉพาะหน้าอกนางซึ่งอวบอิ่มสะดุดตา
“ก่อนที่เจ้าจะได้แสดงให้ข้าได้เห็นว่าขาที่สามของเจ้ายาวใหญ่และแข็งแกร่ง ข้าเกรงว่ามันคงเน่าจนต้องตัดทิ้งเสียก่อน” ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยจบจึงล้วงเข้าไปในสาบเสื้อ ในมือนางมีขวดเล็กๆ พอเปิดจุกออกก็มีกลิ่นของสมุนไพรลอยออกมา จากนั้นไม่นานด้วงกว่างหลายสิบตัวก็บินเข้าไปรุมจัดการทหารต้าหลาง
“จะ...เจ้าเป็นนางมารโดยแท้!” ทหารโฉดเอ่ยออกมาเช่นนั้น และเกิดความโกลาหลในเวลาต่อมา
ฟ่านรั่วเจี๋ยใช้ช่วงเวลาดังกล่าวหลบหนีไปด้วย แต่ถึงนางจะคล่องแคล่วเพียงใดทว่ามิอาจสู่แรงบุรุษ อีกทั้งคนพวกนั้นยังเป็นทหารเสียด้วย หัวไหล่บางถูกกระชากจากด้านหลัง ตัวนางลอยหวือหล่นลงไปตกอยู่บนผืนหญ้าที่มีหนามแหลมคม
“เจ้าทำให้ข้าต้องเสียเวลา ฉะนั้นเย็นนี้ข้าจะชดเชยทุกสิ่งที่เสียไปกับเจ้าแทน เป็นเมียข้าก่อน จากนั้นก็แขวนป้ายรับแขกในค่ายทหาร”
“ยะ...อย่า ข้ามีหน้าที่นำจดหมายไปส่งมอบให้แก่ชินอ๋องชิงซาน” นางประกาศออกไปเพื่อหวังป้องกันภัย
“เหลวไหล เจ้าเป็นใครถึงจะได้รับเกียรติสำคัญนั้น”
“แต่ข้ามีสิ่งนี้” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะแสดงป้ายหยก มือใหญ่ของทหารเลวได้ต่อยเข้าที่ท้องน้อยของนางด้วยต้องการทำให้สิ้นฤทธิ์
ฟ่านรั่วเจี๋ยรู้สึกปวดมวนท้อง อาการดังกล่าวส่งผลให้นางมิอาจขยับตัวหนีไปไหน
“อยากเป็นจอมยุทธ์หญิงพิทักษ์คุณธรรมใช่หรือไม่ ข้าชอบนักสตรีดื้อด้าน ไม่กลัวความตาย”
ทหารคนเดิมแลบลิ้นน่าเกลียด ดวงตาของมันวาววามและมองฟ่าน-รั่วเจี๋ยด้วยความหื่นกระหาย
“บัดซบ เจ้ามันก็แค่เศษสวะ คิดว่าจะข่มเหงข้าได้รึ”
“ฮ่าๆ เหตุใดจะไม่ได้ ตอนนี้ใครกันที่ขึ้นคร่อมเจ้าอยู่” มันว่าและฉีกเสื้อผ้านางอย่างไม่ปรานี ตามด้วยการดึงหมวกตาข่ายออก
ดวงตากลมโตของฟ่านรั่วเจี๋ยแดงก่ำ นางมองคนเลวแสนกักขฬะอย่างชิงชัง
“เอ ไฉนถึงมีผ้าปกปิดใบหน้าเอาไว้อีก เจ้าเป็นใครกันแม่นางน้อย”
ทหารโฉดเอ่ยถาม มือใหญ่ข้างหนึ่งพยายามกระชากเสื้อผ้าออกจากร่างนาง พอฟ่านรั่วเจี๋ยดิ้นขัดขืนมันก็คิดจะตบลงบนหน้านาง
“ดิ้นแรงๆ อย่างนี้ เดี๋ยวข้าจะจัดการให้สาสมความพยศของเจ้า แต่ก่อนอื่นขอชมใบหน้างามๆ นี้ก่อนว่าคุ้มค่าเหนื่อยแค่ไหน”
มันเอ่ยจบจึงดึงผ้าผืนบางที่นางผูกติดใบหน้าออก และพริบตาต่อมาเสียงร้องโหยหวนพลันดังลั่น
“ผะ...ผีหลอก!”
ทหารผู้นั้นเกือบเสียสติ ภาพที่ประจักษ์ต่อสายตามันยากลบเลือนได้ง่ายๆ ราวกับเป็นคำสาปร้ายที่จะติดตัวมันไปจนวันตาย
“อัปลักษณ์โดยแท้ เจ้าช่างเสียชาติเกิด ข้าสมควรควักลูกตาทิ้ง!”
เมื่อได้ยินถ้อยคำเหยียดหยามจึงทำให้นางได้สติกลับคืน
ฟ่านรั่วเจี๋ยสบโอกาสที่อีกฝ่ายตกใจ นางใช้เข่ากระแทกเข้ากลางจุดบอบบางใต้แท่งหยกของมัน เป็นเหตุให้ทหารคนนั้นจุกเจ็บ พอมันดิ้นปัดไปมาบนพื้น นางเลยเคลื่อนตัวหนีและมุ่งหน้าตั้งใจไปส่งข่าวให้แก่แม่ทัพเกา
“จับตัวนางไว้ อย่าให้หนีรอดไปได้”
เสียงที่ดังก้องจากด้านหลังมิอาจทำให้ฟ่านรั่วเจี๋ยหยุดฝีเท้าตน นางต้องไปให้ถึงกำแพงเมืองทางทิศใต้ซึ่งมีกองทัพของแคว้นหมิง แล้วส่งข่าวให้แก่แม่ทัพหนุ่มเกาเจียวหั่วทราบว่านางจับตัวชายผู้หนึ่งเอาไว้ได้
ทว่าความตั้งใจของนางคงไม่เป็นผล เมื่อวิ่งไปได้ราวๆ ครึ่งลี้ เบื้องหน้าก็มีทหารของต้าหลางปิดล้อมทางเอาไว้ ดังนั้นนางจึงมิอาจฝ่าไปได้ จำเป็นต้องวิ่งหลบไปอีกทาง
หัวใจนางเต้นแรงเหลือเกิน ในหัวคิดถึงแม่ทัพเกา ยามนี้นางกำลังเดินหมากครั้งสำคัญ ซึ่งต้องใช้ทั้งชีวิตเดิมพัน
ยามนั้น มู่ชิงซานไม่เคยพบสตรีนางใดอัปลักษณ์มาก่อน เขานิยมของสวยงาม เมื่อเห็นใบหน้านางผู้นี้ก็ต้องเบือนหน้าหนี ความรู้สึกตึงเครียดเกิดขึ้นฉับพลัน ทว่าในหัวกลับคิดถึงสิ่งที่มารดาเคยกล่าวไว้ หรือนางผู้นี้มีวาสนาผูกพันต่อเขา หาใช่ฟ่านเยี่ยฉี ไซซีแห่งแคว้นหมิง!
“เสียลูกตาโดยแท้ ข้าคงโชคร้ายไปหลายวัน หรือถึงอาจต้องนั่งสมาธิปัดเป่าความน่ากลัวของเจ้าออกจากตัว” เขาทำเสียงฮึ่มฮั่ม นางอัปลักษณ์ใช่...คำนี้ถูกต้องแน่แท้ ตั้งแต่เกิดมาความงามของสตรีคืออาหารชั้นเลิศของเขา หญิงงามควรมีดวงตาสวยดำขลับรับแพขนตางอน ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อ แก้มเนียนใสแต้มสีสันดั่งลูกท้อ และอันที่จริงนางผู้นี้พอจะมีสิ่งที่กล่าวมาให้เห็นอยู่บ้าง ทว่าสิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาตอนนี้คือจมูกของนาง!
“น่าเกลียดน่าชังโดยแท้!”
มู่ชิงซานไม่ใช่คนที่นิยมเหยียดหยามสตรี ทว่าการพบเห็นนางผู้นี้กลับทำให้เขาหลุดปากด้วยถ้อยคำร้ายๆ ติดกันหลายหน
“ชะ...ช่วยข้าด้วย” ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยแล้ววิ่งถลามาหาเขาราวกับไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
มู่ชิงซานกวาดตามองไปรอบๆ ตัว เขามั่นใจว่าสตรีอัปลักษณ์คงอยู่ไม่ห่างจากที่นี่ นางเหมือนภูตผีซึ่งหลบซ่อนคอยกัดกินซากสัตว์เน่าตายร่างสูงใหญ่ก้าวไปเบื้องหน้าโดยไม่เกรงกลัวใคร กระทั่งหูแว่วได้ยินเสียงน้ำตก ด้วยความที่เมื่อยล้าและอยากล้างเนื้อตัว จึงเปลื้องผ้าหวังชำระร่างกายเมื่อเขาลงสู่ผืนน้ำใส ความสดชื่นทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าหายเครียด แต่พอเงยหน้าขึ้นเขารู้สึกวูบเล็กน้อย อีกทั้งปวดศีรษะอย่างรุนแรงยามนั้นชายหนุ่มคิดถึงความผิดพลาดที่ตนไม่ทันเฉลียวใจแต่แรก ด้วยประมาทว่าแคว้นหมิงอ่อนด้อยหลายอย่าง แต่สุดท้ายเขากลับเดินเข้าสู่กับดัก มู่ชิงซานนึกย้อนถึงป้ายหยกของน้องชายและกล่องไม้ที่มีนิ้วมือมนุษย์ หรือเป็นไปได้ว่าของสองสิ่งนี้ล้วนแอบแฝงด้วยพิษร้ายและตอนนี้มันกำลังเล่นงานเขาหลังจากที่ใช้พลังภายในเพื่อป้องกันตนเองมู่ชิงซานปวดศีรษะรุนแรงกว่าเดิมและมีเลือดไหลออกจากจมูกกับรูหูทั้งสองข้าง อาการหน้ามืดเล่นงานเขาอย่างฉับพลัน แต่เขาพยายามทรงตัวเอาไว้ด้วยได้ยินเสียงฝีเท้าคน แม้ว่าแผ่วเบาแต่มีจำนวนไม่น้อย“ใครมันบังอาจรบกวนข้า” มู่ชิงซานตวาด ก่อนกระโดดตัวลอยเหนือผิวน้ำ เมื่อมีมีดสั้นซึ่งเป็นอาวุธล
อ๋องปีศาจ ท่านทำให้ข้า...คลั่งมู่ชิงซานไม่ได้ประมาท เขารับมือในยามคับขันได้ดีเสมอ ดาบเล่มยักษ์ในมือกวัดแกว่งป้องกันตนเอง กระทั่งไร้ลูกธนูที่พุ่งมาหมายสังหารเขาจึงมีเสียงร้องข่มขวัญก่อนปรากฏร่างของผู้คนที่วิ่งไล่กวดชายหนุ่มผู้หนึ่งดวงตาคมกริบจ้องเขม็งไปยังคนซึ่งวิ่งหนีตาย“พี่รอง ชะ...ช่วยข้าด้วย”“น้องเล็ก!”มู่หรูซื่อพยายามเอาตัวรอดจากโจรชุดดำนับสิบชีวิต เขาวิ่งหลบหน้าหลบหลัง ปากร้องเรียกพี่ชาย กระทั่งถูกจับตัวไว้ได้จึงออกแรงดิ้นขัดขืน มือข้างหนึ่งใช้มีดสั้นจ้วงแทงใส่คนที่ทำร้ายเขา ทว่าด้วยจำนวนคนที่มาก มู่หรูซื่อจึงเพลี่ยงพล้ำชายหนุ่มถูกจับลากไปตามพื้น และในขณะที่หวิดโดนฟันเข้าบริเวณหัวไหล่ ร่างสูงใหญ่ของพี่ชายพลันทะยานเข้ามาแล้วใช้ฝ่าเท้าถีบใส่กลางหลังศัตรูเต็มแรง “น้องเล็ก หลบมาอยู่ด้านหลังพี่” มู่ชิงซานออกคำสั่ง ดาบในมือเขาฟันไปเบื้องหน้า ร่างคนร้ายซึ่งพุ่งเข้ามาถึงกับขาดเป็นสองท่อน โลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วเมื่อกลุ่มชายชุดดำเห็นอย่างนั้นจึงปรับกลวิธีจัดการชินอ๋องจากต้าหลางใหม่“ถ้าไม่อยากให้ร่างกายแยกออกเป็นห้าส่วน จงถอยกลับไปเสีย” มู่-ชิงซานตวาดเสียงก้อง พวกที่ตั้งท่าอยู่จึงละ
ฟ่านรั่วเจี๋ยไม่ได้คิดว่านางจะต้องกระทำเรื่องน่ากลัวเช่นนี้มาก่อนแต่เกาเจียวหั่วได้พบร่างของทหารต้าหลาง และคนผู้นั้นได้รับพิษประหลาดพิษซึ่งดูเหมือนจะมีต้นตอมาจากตำหนักเย็นที่นางอาศัยอยู่ “อาเจี๋ย เจ้ากระทำเรื่องใหญ่เกินตัว เช่นนี้หัวอาจหลุดออกจากบ่า!”“พี่หั่ว ข้าอยากบอกให้ท่านรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นหาใช่ฝีมือสตรีผู้นี้ มีคนต้องการใส่ความข้า อีกอย่างพิษดังกล่าวคล้ายคนเป็นไข้หวัด ทว่ามันอันตรายถึงแก่ชีวิต ติดต่อทางการสัมผัสและไอจาม นี่คงเป็นเหตุให้ทหารต้าหลางล้มป่วยลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรเราต้องป้องกันคนของเราด้วย มิเช่นนั้นอาจเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่” “พี่เข้าใจ” เกาเจียวหั่วพยักหน้า ก่อนเอ่ยถามต่อ“แล้วบุรุษที่เจ้าจับตัวไว้จะทำเช่นใดต่อ”“ชายผู้นี้ควรเป็นผู้นำทัพแทนพี่ชายเขา ส่วนมู่ชิงซานอ๋องปีศาจ หากหายสาบสูญไปได้ แผ่นดินนี้ย่อมเป็นสุข”“เฮ้อ เจ้ากำลังกล่าวเรื่องตลกอันใดอาเจี๋ย”“ฮึๆ เดี๋ยวพี่หั่วก็รู้ หากคาดการณ์มิผิด ตอนนี้บุรุษแซ่มู่คงกำลังคลั่งเหมือนหมาบ้า ด้วยกองทัพระส่ำระสาย และน้องชายยังตกอยู่ในมือผู้อื่น”“เจ้านี่มัน!” เกาเจียวหั่วยื่นมือหมายจะขยี้ผมเส้นเล็กดำละเอียดบนศีรษะของฟ่
“ฮ่าๆ เก่งกาจถึงเพียงนี้ หากไร้ประโยชน์ ในเมื่อบ้านเมืองของเจ้ากำลังจะล่มสลาย” มู่ชิงซานไม่คิดขู่สตรี เขาเพียงแต่เอ่ยความจริงเพื่อให้พวกนางเข้มแข็ง ดีเท่าไรแล้วที่มาพบกับเขา มิใช่พวกเผ่าคนเถื่อนที่นอกด่านหากพบเห็นสตรีเช่นนี้ ทั้งสามนางคงไม่แคล้วถูกย่ำยีราวกับเป็นหญิงจากหอนางโลม“ท่านอ๋อง ให้ข้าได้ปรนนิบัติท่านก่อนเถิด” จางหลิงเวยซึ่งเป็นลูกของพ่อค้าเอ่ย นางสืบเท้าเข้ามาหาชายหนุ่ม ท่าทางนางเป็นกุลสตรี แต่ก็ชวนให้เขารู้สึกเร่าร้อนจนเป้ากางเกงพองขยาย“เจ้ามีแซ่อันใด”“ผู้น้อยแซ่จาง นามว่าหลิงเวย”ชายหนุ่มทำเสียงคำรามในลำคอ เขาชมชอบความงามเพราะเป็นสิ่งที่สตรีพึงมี ทว่าหลายปีมานี้ไม่ได้ตบแต่งพระชายา ด้วยยังไม่ถูกใจใครเป็นพิเศษ อีกทั้งไอสังหารรุนแรงที่อยู่ในร่างกายเขาอาจทำให้ธาตุไฟแตกได้ง่ายๆหลายปีที่ผ่านมาจึงติดตามหาคนผู้หนึ่งที่จะมาช่วยทำให้เขาควบคุมสิ่งที่อยู่ในร่างกายให้เป็นปกติ กระนั้นของสวยงามริมทางเขาก็เชยชมมิขาด ด้วยมันช่วยทำให้เลือดลมสูบฉีด ลดอาการงุ่นง่าน“หากเจ้าแน่ใจที่จะรับใช้ข้า จงรีบปรนนิบัติเสีย”แม้จะทำใจดีสู้เสือ แต่จางหลิงเวยยังอดกลัวมิได้ นางค่อยๆ ถอดเสื้อคลุมตัวนอกของเข
ความคิดแรกของมู่ชิงซาน ถึงอย่างไรก็ไม่อยากถอยทัพห่างจากกำแพงแคว้นหมิง ทว่าความอ่อนแอของทหารที่เขานำทัพสร้างความเครียดให้ชายหนุ่ม อีกทั้งสถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นทุกที ซึ่งดูเหมือนฟ้าดินกำลังลงโทษเขา ดังนั้นมู่ชิงซานจึงต้องออกคำสั่งลงไปเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจเหล่าทหารกลับคืนยามนี้ ศพทหารเกือบสามร้อยนายเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าแผ่นดินเล็กๆกำลังเปิดศึกกับแคว้นหมิง โดยใช้หมอตำแยชั่วร้ายวางยาพิษ ใช่...เขาต้องควานหาคนผู้นั้นให้ได้ และนำเลือดของมันมาล้างเท้าชดเชยความผิดที่มันก่อขึ้น“อ๋องชิงซาน ข้าเกรงว่าตอนนี้ท่านก็ควรระวังชีวิตเอาไว้ด้วย เพราะหน่วยแพทย์ของเรายังมิอาจหาวิธีรักษาพิษดังกล่าว”มู่ชิงซานได้ยินเข้าพลันตบโต๊ะเสียงดัง เขาไม่กลัวตาย แต่ตอนนี้ความอ่อนแอของทหารต้าหลางทำให้เขาอยากสั่งโบยพวกมันให้เนื้อแตกเพื่อเลิกคร่ำครวญหามารดา“ใครป่วยก็ดูแล แต่ถ้าใครสำออยจงโยนมันลงหลุมแล้วฝังดินเสีย อย่าให้ข้าได้เห็นหน้าอีก ต้าหลางยิ่งใหญ่เกรียงไกร จะมาพ่ายแพ้ต่อไข้ป่าเช่นนี้ได้หรือ”หยวนซางถอนหายใจออกมาหลายเฮือก เขาติดตามมู่ชิงซานมาหลายปีรู้ถึงความเลือดร้อนของอีกฝ่าย แต่ก็รักพวกพ้องยิ่ง หากยามนี้ดูเหมือนผ
บุรุษรูปงามที่ข้าจับตัวได้ฟ่านรั่วเจี๋ยกลับมายังตำหนักของตน เสียงเป็ดที่ร้องต้อนรับทำให้นางรู้สึกปลอดภัย จากนั้นนางจึงเปลื้องผ้าแล้วก้าวลงไปยังบ่อน้ำพุซึ่งก่อนหน้านี้ได้แช่สมุนไพรลับเอาไว้ อีกทั้งใต้บ่อน้ำพุแห่งนี้มีหินวิเศษและแร่ธาตุซึ่งช่วยทำให้ผ่อนคลาย แต่เหนืออื่นใดคือมันมีสรรพคุณช่วยทำให้ความอัปลักษณ์ของนางหายไป!นางหลับตาพริ้ม รู้สึกถึงความผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ขัดเนื้อขัดตัวกระทั่งรู้สึกสบายเนื้อตัวและหายปวดเมื่อยตามร่างกายก็ลุกออกจากบ่อน้ำพุ แล้วสวมใส่เสื้อผ้าในชุดสีเข้มๆ ประหนึ่งเป็นผู้ถือศีลกินเจ นางตรงไปยังกระท่อมหลังเล็กที่อยู่ห่างออกไปเพื่อพบคนผู้หนึ่งเสียงกระแอมไอดังลอดมาจากด้านใน นางจึงรู้ว่าเชลยที่นางได้พบเห็นตรงหน้าปากถ้ำฟื้นแล้วร่างทรงเสน่ห์ก้าวไปมองบุรุษที่นอนอยู่ใกล้ๆ กองฟืน นางมัดผ้าปิดตาเขาไว้ และยังฝังเข็มเพื่อไม่ให้เขาเคลื่อนไหวร่างกายได้“แม่นาง เป็นแม่นางผู้นั้นใช่หรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ท่าทางเขาดูเหมือนจะมีเรี่ยวแรงกว่าเดิม บาดแผลต่างๆ ก็มีเพียงภายนอก ซึ่งมิอาจส่งผลต่อชีวิต“เหตุใดถึงไม่ตอบข้า” เขาถาม น้ำเสียงดูร้อนรนฟ่านรั่วเจี๋ยหัวเราะน้อยๆ นับว่าเขาไ