ดวงตาคมกริบมองสตรีตรงหน้า แม้นางจะดูผิดแผกจากผู้คนทั่วไปทว่ากลิ่นกายสาวและเลือดเนื้อที่ส่งไออุ่นมาได้สร้างความรัญจวนให้แก่เขาอย่างประหลาด หรือจะเป็นนางผู้นี้ที่มารดาอยากให้เขาตามหา
“อ๋องชิงซาน...สตรีเช่นข้ามีหน้าที่ส่งข่าวเพียงเท่านี้ หากต้องการรักษาชีวิตคน จงถอยทัพออกไปหนึ่งร้อยลี้ เช่นนั้นข้าจะส่งคืนชายผู้นั้นแก่ท่าน”
มู่ชิงซานคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดที่กล้าล่วงเกินตน และนางยังจงใจพ่นลมหายใจประหลาดออกมาจากจมูกใหญ่โตไม่หยุด ซึ่งไม่แน่ว่ามันอาจมีพิษร้ายซ่อนอยู่
“หากอดีตฮ่องเต้แคว้นหมิงแสดงความกล้าหาญได้สักเสี้ยวหนึ่งของเจ้า ข้าคงมีสิ่งให้กระทำมากกว่านี้”
หญิงสาวโกรธเหลือเกิน หากปั้นสีหน้าเรียบเฉยด้วยไม่อยากให้เขาเห็นถึงความกลัวและอ่อนแอ
“แล้วเจ้าจะเสนอสิ่งใดเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับเจ้าของป้ายหยกนี้”
ฟ่านรั่วเจี๋ยอมยิ้มน้อยๆ ดวงตาคู่สวยหวานเกิดประกายขึ้น
“ถอยทัพของท่านออกไปหนึ่งร้อยลี้ และข้าจะส่งบุรุษรูปงามคืน” นางย้ำคำเดิมด้วยเสียงหนักแน่น
“ข้าจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าเจ้าไม่เล่นกลอันใด มารยาหญิงเชื่อถือได้หรือ โดยเฉพาะสตรีที่มีรูปโฉมเยี่ยงตัวประหลาด”
ฟ่านรั่วเจี๋ยใช้เวลาตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ความบริสุทธิ์ของข้า คือข้อยืนยันว่าคำพูดทั้งหมดนี้เชื่อถือได้”
ดวงตาคมกริบหรี่มองสตรีตรงหน้า
“ฮ่าๆ เจ้ากำลังล้อข้าเล่น” ชายหนุ่มหัวเราะด้วยเสียงน่าเกลียด
“เปล่าเลย...ความบริสุทธิ์ของข้ามีไว้ให้สำหรับผู้ชายที่คู่ควร” นางยังย้ำด้วยถ้อยคำเดิม
“ฮ่าๆ ฉะนั้นข้ามิบังอาจพรากมันมาจากเจ้าหรอก มิมีวัน” เขากล่าวด้วยเสียงหนักแน่น แจ้งเจตนาตน
“ข้าจะจดจำถ้อยคำนี้ไว้ เมื่อใดที่ท่านคืนคำ สตรีแซ่ฟ่าน...จะทำให้ท่านกระอักออกมาเป็นเลือด!” เมื่อนางเอ่ยจบจึงเตรียมผละจากเขา
“เจ้าคิดว่าจะไปจากข้าได้ง่ายๆ เยี่ยงนั้นรึ”
ฟ่านรั่วเจี๋ยอมยิ้มน้อยๆ จากนั้นจึงชี้ให้เขามองด้านหลัง ยามนั้นมีควันไฟลอยขึ้น ต่อมามีเสียงเป่าเขากวางส่งสัญญาณเตือนภัยของทัพต้าหลาง
“จงอย่าลืมถอยทัพของท่านออกไปหนึ่งร้อยลี้ แล้วจะได้บุรุษผู้นั้นกลับคืน”
มู่ชิงซานมองหน้าหญิงสาวอีกครั้งอย่างพินิจ สตรีแซ่ฟ่านผู้นี้สร้างความฉงนแกมขวัญลุกให้เขาโดยแท้ อีกทั้งยังมีใจกล้าที่โยนเงื่อนไขให้เขาถอยทัพห่างจากกำแพงแคว้นหมิง
“เจ้ามั่นใจในสิ่งที่กล่าวออกมาเพียงใด”
“ชินอ๋อง คำพูดนี้สามารถพิสูจน์ด้วยความบริสุทธิ์ของฟ่านรั่วเจี๋ย”นางเอ่ยอย่างเป็นปริศนา และครานี้มู่ชิงซานไม่นึกขำสักนิด
หญิงสาวลูบหน้าอกตนเองไปมา อีกทั้งพยายามเรียกขวัญของตนเองกลับคืน เมื่อครู่นางตื่นเต้นจนแทบควบคุมสติไม่ได้ อีกทั้งกลัวเหลือเกิน ทว่าจะให้ทำเช่นไร ในเมื่อคนที่อยากพบหน้ากลับไม่พบ แต่ศัตรูที่อยากตัดศีรษะเอาเลือดชั่วๆ มาล้างเท้าจู่ๆ ก็ปรากฏตัวโดยมิได้คาดคิดมาก่อน บุรุษแซ่มู่และนางได้เผชิญหน้าเขาแล้ว เช่นนี้นับว่าไม่เสียชาติเกิด!!
ฟ่านรั่วเจี๋ยก้าวเข้าไปในซอกหินเล็กๆ นางวิ่งลัดเลาะไปอย่างรวดเร็วกระนั้นในหัวยังเห็นใบหน้าของปีศาจกระหายสงครามฉายซ้ำไปมา ชายผู้นั้นถูกขนานนามว่าเป็นหมาป่ารัตติกาล เขาสูบกินเลือดมนุษย์ เรือนกายสูงใหญ่กว่าคนธรรมดา แต่ทว่าตัวจริงๆ ของเขายามหายใจรินรดกันกลับไม่ได้ดูน่ากลัวหรือชวนให้ขวัญหนีดีฝ่อสักเท่าไร อีกทั้งรูปงามมาก มากเสียจนนางรู้สึกร้อนวูบวาบบริเวณท้องน้อย
ชายผู้นี้คือมู่ชิงซานจริงหรือ ไฉนเขาถึงได้งามจนน่าหลงใหล นางรำพึงรำพันในใจ พลางพยายามเตือนสติตนเองมิให้เผลอไผลไปกับกลิ่นอายบุรุษ!แถมเป็นบุรุษชั่วใจโฉดที่คิดจะรุกรานแผ่นดินผู้อื่น
สองขาของนางก้าวไปได้อีกเล็กน้อยจึงพบกับกองกำลังของเกาเจียว-หั่ว หนุ่มวัยฉกรรจ์ที่ตั้งแต่เกิดมานางก็เรียกเขาว่า ‘พี่หั่ว’ และชอบเล่นสนุกกับเขาเรื่อยมา ด้วยชายหนุ่มเป็นลูกของอำมาตย์เกา ซึ่งสมัยก่อนได้ให้ความช่วยเหลือมารดาฟ่านรั่วเจี๋ยอยู่เนืองๆ กระทั่งฝ่ายนั้นสิ้นลมหายใจไปแล้วเขายังยื่นมือมาดูแลสตรีผู้อับโชคคนนี้ด้วยความมีเมตตา
เมื่อเข้าไปใกล้กองกำลังเกาเจียวหั่ว นางจึงใช้ผ้าผืนหนึ่งพันใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้เพื่ออำพรางผู้อื่น น้อยคนนักที่จะไม่ตกใจเมื่อเห็นจมูกของนาง อีกทั้งรูจมูกเมื่อมองแล้วก็สร้างเสียงหัวเราะขบขัน ซึ่งมิผิดหรอกหากใครจะล้อเลียนนางว่า ‘แม่หมู’ คิดถึงคำพูดนั้นแล้ว ฟ่านรั่วเจี๋ยก็นึกแค้นใจต่อคนแซ่มู่!!
กระทั่งเข้าไปใกล้แนวกำแพงเมืองนางก็ส่งสัญญาณให้แก่เกาเจียวหั่วเวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปดับ แม่ทัพหนุ่มของแคว้นหมิงก็ยิ้มกว้างอวดฟันขาวมาอยู่ตรงหน้านาง
“อาเจี๋ย เจ้าซุกซนอีกแล้วใช่หรือไม่”
“พี่หั่ว ข้าจะทำเช่นนั้นได้หรือ รู้ไหมข้าต้องเสี่ยงภัยสักเพียงใด แต่นับว่าทุกอย่างยังเข้าข้างเรา ชายผู้นั้นจู่ๆ ก็ปรากฏตัวให้ข้าเห็น ตอนนี้ข้าได้สั่งให้เขาถอยทัพลูกหมาห่างออกไปหนึ่งร้อยลี้แล้ว” หญิงสาวกล่าวอย่างอวดอ้าง พลางนึกถึงใบหน้าของมู่ชิงซาน คนอย่างเขาให้ดีก็แค่ชอบขู่ ให้กัดจริงคงไม่กล้า!
“เจ้าหมายถึงทหารเลวของต้าหลาง”
“มิผิด รู้หรือไม่ ข้าจับตัวน้องชายของชินอ๋องชิงซานเอาไว้ เขาย่อมไม่อยากให้น้องชายผู้อ่อนแอสิ้นลมหายใจในมือของข้า”
แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น เขายังตามฟ่านรั่วเจี๋ยไม่ทัน นางเห็นดังนั้นจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเล่าเรื่องต่างๆ อย่างรวบรัดให้เขาฟัง
“ข้าออกมาเก็บสมุนไพร และตั้งใจไปสืบเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในวังอีกทั้งได้ข่าวว่าองค์หญิงใหญ่กำลังไม่สบายใจ นางถูกบีบบังคับให้ไปรับใช้...ปีศาจสงครามชิงซาน” ฟ่านรั่วเจี๋ยหมายถึงฟ่านเยี่ยฉี สตรีที่เป็นของกำนัลจากสวรรค์ นางเลอโฉมหาผู้ใดเทียบได้ เปรียบเสมือนสิ่งล้ำค่าของแคว้นหมิง
“มันช่างเหิมเกริม ไอ้ลูกหมาชิงซานตั้งใจลบหลู่เกียรติพวกเรา องค์-หญิงใหญ่คือไซซีแห่งแผ่นดินหมิง ไฉนจะทำตัวเป็นของเล่นคนแซ่มู่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจฟ่านรั่วเจี๋ยสั่นไหว นางอดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมิได้ ผู้ชายทุกคนล้วนเห็นความงามของฟ่านเยี่ยฉีสำคัญต่อแผ่นดิน ส่วนสตรีที่อยู่ตำหนักด้านหลังวังกลับไร้ผู้เหลียวแล ถึงเก่งกาจเพียงใด แต่ในสายตาผู้ชาย ฟ่านรั่วเจี๋ยย่อมเป็นรององค์หญิงใหญ่ ใช่ เรื่องนี้นางรู้และเข้าใจ ผู้คนย่อมมองสตรีที่ภายนอก กระนั้นฟ่านรั่วเจี๋ยก็หวังอยู่ลึกๆ ว่าเกาเจียวหั่วจะไม่เหมือนคนอื่น!
“เช่นนั้น ข้าจึงสั่งให้เขาถอยทัพออกห่างจากกำแพงเมือง”
“ทุกอย่างมันง่ายดายเช่นนั้น?”
ฟ่านรั่วเจี๋ยรู้ว่าแม่ทัพหนุ่มไม่ใช่คนเฉลียวฉลาด แต่เขานับว่าเป็นบุรุษองอาจและกล้าหาญ อีกอย่างใครที่ได้ฟังนางกล่าวคงนึกประหลาดใจอยู่หลายส่วนที่หมาป่ารัตติกาลจะยกทัพถอยไปง่ายๆ
“ใช่ พี่หั่วฟังไม่ผิด ตอนนี้ในพวกทหารเลวของต้าหลางกำลังได้รับพิษบางอย่าง พิษที่จะค่อยๆ แทรกซึมทำให้พวกมันต้องถอยร่นไปจากกำแพงเมืองเรา” ซึ่งเรื่องนี้ฟ่านรั่วเจี๋ยได้รับการช่วยเหลือจากคนผู้หนึ่ง เขาตัดขาดความวุ่นวายของวังหลวงไปหลายปี กระนั้นเขาก็ยังรักบ้านเมือง ไม่คิดปล่อยให้ศัตรูบุกมาทำลายแผ่นดินเกิด
หัวคิ้วเข้มๆ ที่หนาและยุ่งอยู่สักหน่อยของเกาเจียวหั่วขมวดเข้าหากัน ดวงตาเรียวมองหญิงสาวตรงหน้า ก่อนเอ่ยเสียงขึงขังเจือด้วยคำตำหนินาง “แคว้นหมิงย่อมไม่เล่นสกปรกในการศึก หากกระทำเช่นนั้นนับว่าไร้ศักดิ์ศรี”
“พี่หั่ว ข้าเป็นสตรีที่แผ่นดินหมิงทิ้งไว้ให้อยู่เบื้องหลัง เป็นคนที่ใครๆอยากลืม แม้แต่หน้าก็ไม่คิดมอง ฉะนั้นย่อมไร้เกียรติอันใด การช่วยให้ท่านเอาชนะมู่ชิงซานด้วยวิธีสกปรกเช่นนี้ นับว่าสมควรที่เขาจะได้รับบทเรียนที่คิดชั่วต่อบ้านเมืองเรา”
เกาเจียวหั่วส่ายศีรษะ แล้วถอนหายใจติดกันอีกหลายหน
“เวรกรรมหนอเวรกรรม เจ้าก่อเรื่องใหญ่โตอีกแล้วอาเจี๋ย!!”
มู่ชิงซานกลับมาถึงกองทัพของตนและหยวนซาง ผู้สงบนิ่งเป็นวิสัยมาโดยตลอดมีสีหน้าไม่สู้ดี อีกทั้งเดินรอบกระโจมเป็นวงกลมราวกับถูกมดรุมกัด
“หากยังไม่หยุดก้าว ข้าจะสั่งทหารตัดขาทั้งสองข้างของเจ้าเสีย”
กุนซือหนุ่มถอนหายใจหลายเฮือก สถานการณ์ตอนนี้สุ่มเสี่ยงมากอีกทั้งเขาต้องหาวิธีแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นโดยด่วน
“โถ ชินอ๋อง เรื่องนี้มันเป็นภัยที่พวกเราไม่รู้จัก และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คราแรกนึกว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา แต่เหตุใดทหารจึงได้และเสียชีวิตนับร้อย!”
ผู้นำทัพต้าหลางขบกรามแน่น เขาพยายามคาดเดาไปต่างๆ นานากระทั่งภาพสตรีผู้นั้นปรากฏขึ้นในหัว สิ่งนี้เป็นลางบอกเหตุใช่หรือไม่ มู่ชิงซานอยากไขคำตอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
“แคว้นหมิงอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชผัก ผลไม้ และเพาะปลูกได้ดี”
“ข้ารู้!” มู่ชิงซานตอบกลับด้วยสุ้มเสียงหงุดหงิด
“เป็นเช่นนั้น และยังมีแม่น้ำไหลผ่านหลายสาย ที่สำคัญ...” หยวนซางเว้นจังหวะเล็กน้อย พลางยกมือลูบเนื้อตัวตนเอง
“เจ้าต้องการกล่าวถึงสิ่งใด”
“สมุนไพรบนแผ่นดินเล็กๆ นี้คือสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องเล่ามากมายกลุ่มหมอตำแยมักดั้นด้นมาที่นี่ เพื่อค้นหาวัตถุดิบชั้นเลิศเพื่อปรุงยา ทั้งรักษาผู้คนและวางยาให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”
“เหลวไหล เรื่องเหล่านี้มีแต่เขียนไว้ในนิทานหลอกเด็ก”
“หามิได้ชินอ๋อง ครั้งหนึ่งฮ่องเต้แคว้นหมิงได้สั่งจับตัวหมอยาและหมอตำแยมากมาย เพื่อสืบค้นถึงยาลับของสกุลหนึ่งที่ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก เชื่อกันว่ายาพิษชนิดนี้ยังคงมีอยู่ และได้รับการสืบทอดถึงลูกหลานมาจนถึงทุกวันนี้”
“ฮ่าๆ เจ้ากำลังหมายความว่า ทหารต้าหลางถูกมือชั่วลอบวางยางั้นรึ”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น และการคาดการณ์ของข้าย่อมไม่ผิด” หยวนซางตอบ
“ฮึ คนชั่วช้าทำเรื่องบัดซบเช่นนี้ ย่อมเป็นชาวหมิง”
หยวนซางปั้นสีหน้ายุ่งยากใจ แล้วกล่าวตอบคนเป็นนายของตนว่า“ถ้าหากผู้ที่กระทำการดังกล่าวเป็นคนของต้าหลางเสียเอง ชินอ๋องจะสั่งตัดหัวพวกเขาหรือไม่!”
เจ้าสาวอัปลักษณ์ก่อนเข้าพิธีวิวาห์กับมู่ชิงซาน เกิดเรื่องที่หวิดทำให้ฟ่านรั่วเจี๋ยต้องถูกหยามเกียรติ เพราะมู่หรูซื่อกลับกลายเป็นคนพยายามเข้ามาตีสนิทนางในช่วงนั้นมู่ชิงซานมีภาระต้องไปประชุมกับรองแม่ทัพที่ค่ายในเมืองอื่นซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ราวๆ สามร้อยลี้ “พี่รองคงไม่ได้สนใจเจ้าดีพอ ข้าจึงพานางรับใช้มามอบให้ อย่างไรช่วงนี้เจ้าต้องดูแลหลายสิ่ง การเป็นสตรีข้างกายชินอ๋องไม่ใช่เรื่องง่าย”ฟ่านรั่วเจี๋ยมองไปยังนางรับใช้สองคนที่ท่าทางเหมือนสตรีชาวบ้านทั่วไป ทั้งคู่เป็นฝาแฝดอายุราวๆ สิบเจ็ดปีเห็นจะได้“รบกวนจวิ้นอ๋องหรูซื่อมากเกินไปแล้ว”“เล็กน้อย เพราะข้าเห็นว่าเจ้าปฏิเสธคนของแคว้นหมิง เลยให้บ่าวสองคนนี้มาช่วยงานแทน”ในครานั้นที่นางปฏิเสธองค์หญิงเล็ก ไม่รับสาวใช้เอาไว้ เพราะฟ่าน-รั่วเจี๋ยไม่รู้ว่าชะตากรรมของตนจะเป็นเช่นไร การให้คนที่อยู่ในแคว้นหมิงมาติดตามก็รังแต่จะสร้างภาระมากกว่าคอยรับใช้ สองฝาแฝดหน้าตาไม่ได้เหมือนกัน ทั้งคู่เป็นคนในแคว้นต้าหลางติดตามกองทัพมาตั้งแต่เล็กเพื่อช่วยงานในครัว คนพี่ชื่อจางฉี มีไฝที่มุมปากด้านซ้าย คนน้องชื่อจางหมิ่น ดวงตาโตและชอบยิ้มอยู่เสมอ“เอาละ ธุระข้ามีเพ
“รั่วเจี๋ย ข้าสั่งเจ้าได้ยินหรือไม่”นางส่ายหน้าปฏิเสธ ความกลัวครอบคลุมจิตใจอย่างเร็ว นางจึงถอยหลังหนีเขา แต่ร่างสูงกระโดดออกจากอ่างน้ำและคว้าตัวนางไปกอดรัดในอึดใจต่อมา“ทะ...ท่านอ๋อง อย่าได้ข่มเหงน้ำใจข้าจนเกินไป”“ข่มเหงเจ้า ฮ่าๆ เหลวไหล ทั้งหมดที่ทำ ข้าต้องการช่วยเจ้าต่างหากรั่วเจี๋ย” เขาเอ่ยแล้วก็ค่อยๆ ดึงผ้าที่ปิดใบหน้าครึ่งล่างของนางออก หญิงสาวสะเทือนใจต่อการกระทำนั้น ขอบตาแดงระเรื่อ น้ำตาเอ่อคลอหน่วย“ใครอยากเห็นน้ำตาของเจ้า หยุดร้อง ไม่อย่างนั้นข้าจะกัดจมูกเจ้าเสีย” เขาเอ่ย พอเห็นว่านางเริ่มสะอื้นจึงใช้นิ้วยาวๆ บีบจมูกของฟ่านรั่วเจี๋ยซึ่งเป็นตอนนั้นที่นางต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก ถึงจะรู้ว่าตนเองมีสมุนไพรปรุงเอาไว้เพื่อช่วยรักษาความอัปลักษณ์และหินจากบ่อน้ำพุในตำหนักเย็นแต่ยามนี้ได้เกิดความมหัศจรรย์ขึ้น เมื่อไออุ่นจากเรือนกายของมู่ชิงซานมอบความรู้สึกซาบซ่านแก่นาง ซึ่งนอกจากทำให้กายสาวสั่นสะท้าน มันยังช่วยรักษาความน่าเกลียดของฟ่านรั่วเจี๋ยด้วย“คราวนี้เจ้าเข้าใจหรือยังว่าความอัปลักษณ์ที่ติดตัวเจ้านี้ เหตุใดจึงต้องมีข้าคอยดูแล!”ฟ่านรั่วเจี๋ยยังคงปกปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุมเช่นเดิม แม้จ
“ฮึ แล้วข้าสมควรอยู่ที่ใดถึงจะมีชีวิตรอด อย่าบอกนะว่าข้างกายท่าน”เมื่อคนที่วางสีหน้าขึงขังคำรามออกมาอีกหน นางก็ครั่นคร้ามใจ แต่ถึงขั้นนี้ ชีวิตย่อมต้องกลัวสิ่งใดอีก“ข้าคิดว่าตอนนี้เจ้าคงไม่เห็นชอบ แต่หากอยากทวงความยุติธรรมคืนให้ตนเองกับมารดา คงเหลือเพียงทางเลือกเดียวคือเป็นสตรีที่อยู่ข้างกายข้าเท่านั้น”“มะ...มู่ชิงซาน คนเลว! ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะท่านหลอกลวงข้า” นางเจ็บแค้นใจอย่างที่สุด มองร่างสูงใหญ่นี้แล้วอดคิดถึงเจ้าเป็ดน้อยของตนไม่ได้“ฮ่าๆ ข้าหรือจะมีเวลาล้อเล่นกับเจ้าถึงเพียงนั้น กินอาหารพวกนี้เสียแล้วเตรียมทำหน้าที่ของตนให้ดี”“หน้าที่อันใด!” ฟ่านรั่วเจี๋ยถามเขาเสียงเกรี้ยวกราด เป็นตอนนั้นที่ดวงตาคมกริบมองนางราวกับเป็นของหวาน หรือไม่ก็เนื้อสดๆ ที่เขาจะกลืนลงท้องอย่างโอชะ“เจ้าคิดว่าที่ข้ายอมเสียเกียรติไปรับเจ้ามาจากแคว้นหมิงเพื่อการใดหากไม่ใช่...” เสียงทุ้มตั้งใจยั่วแหย่ฟ่านรั่วเจี๋ย“ตะ...ต่ำช้า ทะ...ท่านคิดล่วงเกินข้าหรอกรึ” หญิงสาวหวีดใส่ชายหนุ่มและมิวายดึงปิ่นปักผมของตนออก พอเลื่อนสลักเล็กๆ มันก็กลายเป็นมีดสั้น ซึ่งนางไม่ได้คิดจะทำร้ายเขา หากใช้มันจี้ลำคอขาวผ่อง
ตกอยู่ในมืออ๋องปีศาจฟ่านรั่วเจี๋ยถูกพามาอยู่ในกระโจมที่พักส่วนตัวซึ่งสร้างขึ้นใหม่อย่างเร่งด่วน โดยอยู่ด้านหลังสุดของค่ายทหารต้าหลาง พื้นที่ตรงนี้เป็นเนินสูงและมีสายลมพัดผ่านเย็นสบาย สามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านล่างรอบทิศถึงแม้ตบแต่งเน้นความเรียบง่ายเข้าไว้ แต่ฟ่านรั่วเจี๋ยก็พึงใจ ด้วยมันสงบมีความเป็นส่วนตัวเมื่อนางสำรวจรอบๆ กระโจมจึงพบว่ามีหลายสิ่งชวนให้ประหลาดใจทั้งกลิ่นกำยานหอมอ่อนๆ พร้อมต้นไม้ ดอกไม้ในกระถาง มองแล้วต้องฉงนมันคล้ายจำลองให้เหมือนในตำหนักเย็น เห็นดังนี้จะให้นางไว้ใจหมาป่ามู่ชิงซานได้อย่างไร น้ำหน้าอย่างเขาคงมีแผนร้ายเอาไว้ล่อลวงนางด้านนอกกระโจมมีทหารยามเฝ้าอยู่ พวกเขาถูกสั่งไม่ให้สื่อสารสิ่งใดเมื่อนางเอ่ยถามต่างพากันปั้นสีหน้านิ่งเฉย และทำได้เพียงแค่ชี้มือบอกว่านางห้ามออกไปไหนยามนี้มีสิ่งที่กังวลใจมาก นางไม่ได้อยู่ที่ตำหนักเย็น ดังนั้นหากไม่ได้รับไอความร้อนจากหินในบ่อน้ำพุและแร่ธาตุที่อยู่ในบ่อ ความอัปลักษณ์ก็จะอยู่บนใบหน้านางและประจักษ์ต่อสายตาทุกคนกระทั่งบ่ายคล้อยหยวนซางก็มาหานาง อีกฝ่ายเป็นคนสนิทของมู่ชิง-ซาน ฟ่านรั่วเจี๋ยคิดว่าคนเป็นนายกับลูกน้องช่างแตกต่างกันร
ฟ่านรั่วเจี๋ยทำตาโต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คนสมองทึบไม่รู้มารยาร้อยเล่มเกวียนของบุรุษกลับเป็นนางหรอกหรือ! ความคิดของหญิงสาวสับสนหมุนวนไปมา พลางยกมือเรียวสวยข้างหนึ่งขึ้นอย่างเผลอไผล แล้วสัมผัสริมฝีปากอิ่มสวยของตน ยามนั้นนางคิดถึงรอยจูบที่เขาฝากเอาไว้ มือใหญ่ที่สัมผัสเรือนร่าง ทั้งเนินหน้าอกอวบ เอวคอด รวมถึงบั้นท้ายกลมงอน และพื้นที่แสนหวาน ทั้งที่นางบริสุทธิ์ใจ แต่เจ้าหมาป่าตัวร้ายนั้นคิดคด ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นมู่ชิงซานที่ตั้งใจหยามหมิ่นเกียรตินาง!“คนเลวตัวใหญ่...ทะ...ท่านต่ำช้า ข้าจะไม่ยอมให้ท่านดูแลข้าไม่ว่าในฐานะใด” ฟ่านรั่วเจี๋ยใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห สองมือกำหมัดแน่นดวงตาคมกริบเกิดประกายวิบวับ เขาชอบใจที่นางกราดเกรี้ยว ฟ่าน-รั่วเจี๋ยย่อมต้องเป็นสตรีที่กล้าแกร่ง ยอมหักไม่ยอมงอ เช่นนี้นับว่าเขาไม่เสียเวลาเปล่ากับสิ่งที่กระทำมาทั้งหมด“ฮ่าๆ ถ้าไม่ยอมให้ตอบแทนน้ำใจ ฉะนั้นข้าก็จะเอาผิดเจ้าโทษฐานล่วงเกินชินอ๋องแห่งต้าหลาง อย่าลืมว่าเจ้าข่มเหงข้าอย่างไร และเรื่องนี้หากใครล่วงรู้ ข้าก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”ดวงตากลมโตมองคนหน้าด้านอย่างเหลือใจ“ชั่วช้า ท่านไม่สมควรเป็นลูกผู้ชาย”“ถูกต
ภาพเย้าหยอกของมู่ชิงซานกับฟ่านรั่วเจี๋ยทำให้สถานการณ์ที่ดูเหมือนตึงเครียดผ่อนคลายลงไปหลายส่วน กระนั้นหมิงอ๋องกลับคิดไม่ตก ตามที่จ้าวหานรายงาน บุรุษที่ฟ่านรั่วเจี๋ยเรียกว่า ‘เป็ดน้อย’ ย่อมเป็นชายคนนี้มู่ชิงซาน หรือชินอ๋องผู้เก่งกาจของต้าหลางเด็กหนุ่มครุ่นคิดอย่างหนักพลางมองมู่ชิงซานและพี่สาวแสนอัปลักษณ์ของตน มีทางใดที่เขาจะทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลให้บัลลังก์มังกรของเขาไม่สั่นคลอน จริงอยู่ แคว้นหมิงเป็นแผ่นดินเล็กๆ เทียบไม่ได้กับแคว้นอื่น กระนั้นถึงจะเล็ก ทว่าดินแดนแห่งนี้กลับอุดมสมบูรณ์ด้วยการเพาะปลูกมีการแพทย์ที่เจริญรุ่งเรือง เป็นแหล่งการค้าทั้งทางแม่น้ำและถนน นอกจากนั้นยังมีสมบัติล้ำค่ามากมายจากธรรมชาติ หากผู้ใดคิดทำลายนับว่าโง่เขลา แต่หากต้องการยึดครอบครองก็ใช่ว่าจะกระทำได้ง่าย ดังนั้นแคว้นใหญ่อย่างต้าหลางจึงกระทำเพียงแค่ตั้งทัพมาคุมเชิงเอาไว้ เพื่อป้องกันการรุกรานด้านอื่นๆ พร้อมส่งไส้ศึกเข้ามาอยู่ในแผ่นดินนี้ เพื่อคอยรายงานข่าวและตัดแขนขาไม่ให้คนในแคว้นหมิงติดต่อขอความช่วยเหลือจากสิบสองเผ่าคนเถื่อนด้วยนานมาแล้วฝ่ายนั้นเคยปกครองที่นี่มาก่อนฟ่านเฉิงซีก้าวขามาข้างหน้าหนึ่งก้าว