"รับน้องเหรอนาย" เสียงทักทายดังขึ้น เขียวเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ผิวคร้ามแดดจนค่อนดำ ใบหน้าแหลมยาว ตารีเล็กจนตี่ หนึ่งในคนงานที่สนิทสนมกับปานนท์เข้ามาถามไถ่ เมื่อเห็นปานนท์พาคนงานใหม่มา
"พ่อเลี้ยงน่ะสิ ให้พามาถางหญ้า ฝากดูด้วยได้ไหม จะไหวหรือเปล่า" ปานนท์มองท่าทางเงอะงะของปารดาแล้วได้แต่ส่ายหน้าไปมา
"คนใหม่นี่ แล้วทำไมพ่อเลี้ยงอยากแกล้ง" เขียวเอียงคอยกมือลูบคางตัวเอง
"มองออกเลยเหรอ" ปานนท์เลิกคิ้ว ทำไมเขียวรู้
"นี่ใครนาย นี่เขียวเอง เขียวมองปาดเดียวรู้เลย น้องคนสวยนี่โดนแกล้งแน่ ๆ" ไม่มีใครที่เข้ามาใหม่แล้วได้ถางหญ้า โดยปกติคนงานชายเท่านั้นที่ได้รับหน้าที่นี้ หรือไม่ก็คนงานที่ทำงานมานานและทำงานไหว
เขียวไม่รู้ว่าทำไมเจ้านายตัวเองถึงได้แกล้งคนที่ดูบอบบางและน่าตาน่ารักแบบนั้นได้ลงคอ แต่มันต้องเหตุผลอะไรแน่ ๆ
"ฉันก็ไม่รู้เขียว แต่พ่อเลี้ยงสั่งมาแบบนั้นก็ต้องทำ เช้านี้สิบต้นไม่เสร็จก็ไม่ให้กินข้าว ฝากดูด้วยแล้วห้ามช่วยเข้าใจไหม" ปานนท์สั่ง แล้วโดดขึ้นรถขับออกไป
เขียวมองปารดาแล้วได้แต่ถอนใจ สิบต้นเหรอ ต้นเดียวเอาให้รอดก่อน นี่ผ่านไปสิบนาทีแล้วยังทำท่าเหมือนจะยกจอบไม่ขึ้นอยู่เลยนั่นน่ะ
ปารดาพยายามตั้งใจทำงานไปเรื่อย ๆ มันไม่ได้ช้า แต่ก็ยังไม่ทันคนอื่นเขาอยู่ดี
"โอ้ย แม่คุณ ทำแบบนั้นเมื่อไหร่จะเสร็จ นี่ จับแบบนี้ แล้วออกแรง แบบนี้ ทำได้ไหม" เสียงแหลมๆของชงโคดังขึ้นหลังจากเธอมองปารดาอยู่นานมากแล้วจนเกิดอาการทนไม่ไหว เข้ามาช่วยสอนงานให้
"ขอโทษจ้ะ ฉันยังไม่ชิน" ปารดารีบบอก หันมองหญิงสาววัยไล่เรี่ยกันที่หน้าตาสะสวย ทาปากแดงดัดขนตาจนงอนเด้ง แก้มนั่นก็ปัดจนออกแดงมากกว่าร้อนแดดด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้ดูขัดตาแต่อย่างใด ผมหยักถูกรวบเอาไว้เป็นมวยอยู่กลางหัว มีผ้าขาวม้าพันโดยรอบ นี่คงเป็นชงโค สาวสวยประจำไร่ที่กระถินเคยพูดถึงแน่ ๆ
"แล้วทำไมไม่ใส่ถุงมือ ไม่มีใครบอกเหรอ จับจอบจับเสียมมือมันจะพองนะ ใส่ถุงมือสิมันจะได้ลดแรงกระแทก" ชงโคบ่นยืดยาวใส่ เธอเห็นปานนท์พาผู้หญิงคนนี้เข้ามาทำงาน ดูท่าทางเก้กังเหมือนคนไม่เคยผ่านการทำงานมาก่อนก็สังเกตอยู่นาน จนเริ่มทนไม่ไหวต้องเข้ามาช่วยดูนี่แหละ
"ฉันยังไม่มีจ้ะ พี่คนสวยตรงนี้เราต้องทำยังไงจ้ะ จอบมันไปไม่ถึง" ปารดาตอบกลับไป แล้วถามชงโคที่คลี่ยิ้มเมื่อถูกเรียกว่าคนสวย
"ตรงนั้นเอาจอบไม่ได้ เอานี่ไปถุงมือ นั่งแบบนี้แล้วก็ใช้มือดึง ไหนลองทำสิ" เพราะบริเวณโคนต้นจะใช้จอบถางออกลำบาก จึงต้องใช้แรงคนช่วย ต้องมุดเข้าไปแล้วใช้มือถอนอย่างเดียวเท่านั้น
"ขอบใจจ้ะพี่คนสวย" ปารดายิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่น่ารักมากเลยทีเดียว ชงโคมองแล้วได้แต่หลิ่วตา ทำไมผู้หญิงที่ดูสารรูปอ้อนแอ้นอ่อนแอขนาดนี้ ถึงได้มาทำงานในไร่กันล่ะ
"นังเด็กนี่มันอยู่เป็น ทำไปนะไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามนะ ฉันชื่อชงโค" แนะนำตัวก่อนเดินออกไปเพื่อเก็บส้มในส่วนของตัวเองเสร็จ
ปารดาถึงกับทำปากร้องอ๋อขึ้นมาอีกครั้ง จริงๆด้วยสินะ เธอเดาไม่ผิดเลย คนนี้นี่เองที่ว่าขาใหญ่ตัวจี๊ด ดีนะที่เธอรู้จักเอาตัวรอด ปากหวานไว้ก่อนนะปารดา เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
ผ่านไปหลายชั่วโมง สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ยิ่งใกล้เที่ยงแดดเริ่มแรงจนปารดาเริ่มจะไม่ไหว แต่หญิงสาวก็อดทน พยายามทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด โชคยังพอเข้าข้าง ชงโคน่ะคอยมาดูอยู่บ่อยครั้ง หยิบยื่นน้ำให้บ้าง ผ้าโพกหัวให้บ้าง มันพอจะช่วยให้ปารดาคลายร้อนได้
"ไหวไหมน้อง" เขียวตะโกนถามหลังจากที่ทำงานในส่วนของตัวเองเรียบร้อยแล้ว พอมองไปรอบๆ ปารดาทำได้ดีกว่าที่คิด
"ไหวจ้ะ ขอบใจนะจ๊ะ" ปารดารีบบอก
ตอนนี้เธอเหลืออีกสองต้นก็จะเสร็จแล้ว ถึงแดดจะร้อนจนเหงื่อไหลไคลย้อยเธอก็ยังสู้ทน แถมตอนนี้เธอก็เริ่มรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือแล้วด้วย
ไม่นานนัก ปารดาก็สามารถทำงานจนแล้วเสร็จในส่วนของตอนเช้า เธอนั่งแหมะลงกับพื้นอย่างหมดแรง มองไปรอบๆไม่เจอใครแล้ว พอมองนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่าเป็นเวลาเที่ยงกว่า มิน่าเล่าถึงไม่มีใครก็เพราะทุกคนไปพักเที่ยงกันหมดน่ะสิ
"เก่งนี่ ไปกินข้าวกัน" เสียงเรียกของปานนท์ทำให้ปารดายันตัวเองลุกขึ้นแล้วเดินตามไป
ปานนท์พาปารดามาที่โรงอาหารสำหรับคนงานในไร่ ที่นั่นปารดาได้เจอกระถินที่มากินข้าวอยู่ก่อนแล้ว กระถินรีบเข้าไปหาทันทีที่เห็นเพื่อนใหม่เดินเข้ามา
"ไง เห็นว่าไปถางหญ้าเหรอ โดนรับน้องหนักเลยสิ" กระถินพาปารดามานั่งลงที่โต๊ะซึ่งเธอยังกินข้าวไม่เสร็จ กระถินให้คนตัวเล็กวางข้าวของลงบนโต๊ะและถอดถุงมือออก และนั่นทำให้ปารดาได้เห็นว่ามือของเธอพองจากการจับจอบ
"โห ไม่เจ็บเหรอป่าน มันพองมากเลยนะ" กระถินตกใจมากที่เห็นมือเพื่อน เธอแสดงอาการร้อนใจออกมาทันที มองก็รู้ว่าปารดาไม่เคยผ่านงานแบบนี้มาก่อน เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้
"ไม่เจ็บหรอก ขอบใจนะที่เป็นห่วง" ปารดาฝืนพูดว่าไม่เป็นไรทั้งที่จริงๆเจ็บมากเลยทีเดียว มันเริ่มพองมาจนครบทุกนิ้วแล้วไม่อยากคิดว่าถ้าตุ่มๆนี่มันแตกจะเจ็บแสบแค่ไหน แต่ก็นั่นแหละ เธอไม่มีสิทธิ์เจ็บตัวเสียหน่อยนั่นมันงานที่เธอต้องทำ ยังไงก็หนีไม่พ้นอยู่ดี
"ไป พาไปเอาข้าว" กระถินเดินนำไปเพื่อสอนให้ปารดาใช้จานชามช้อนแบบคนงานทั่วไป
ที่นี่ใช้เป็นถาดหลุม และมีชมพูเป็นคนจัดการอาหารทั้งหมดที่มีสายใจเป็นแม่ครัวใหญ่ แต่สงวนกับชมพูก็มาช่วยที่นี่อีกที พอเห็นปารดาเดินเข้ามาชมพูก็ทำท่าไม่อยากจะตักอาหารให้ เด็กสาวกระแทกกระบวยตักข้าวใส่ในถาดของปารดาจนมันเกือบหล่นจากมือ
"นี่ เบาๆสิชมพู ทำไมต้องรุนแรง" กระถินอดที่จะท้วงติงไม่ได้ เพราะเห็นตำตาว่าอีกคนตั้งใจทำแบบนั้น
"ก็แล้วจะทำไมล่ะ" ชมพูพูดห้วนกลับมา มองจ้องปารดาด้วยสายตาไม่ชอบใจ ไม่ชอบตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรก สวยน่ะไม่เถียงแต่ไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย ยิ่งได้ยินมาว่าพ่อเลี้ยงใหญ่รับมาเองกับมือก็เลยคิดไปไกลว่าอาจจะหวังมาจับพ่อเลี้ยงวินของเธอหรือเปล่า ทำไมพ่อเลี้ยงใหญ่ถึงได้รับคนงานมาตอนนี้ทั้งที่ในไร่ก็ไม่ได้ขาดคน แล้วที่สำคัญยัยนี่กลับมาพร้อมพ่อเลี้ยงวินของเธอ ไม่น่าไว้ใจจริงๆเชียว
ชมพูตักกับข้าวให้ปารดาแบบจงใจแกล้งชัดๆ ผัดผักที่มีแต่ผักไม่มีเนื้อเลยสักชิ้นหรือแม้แต่ต้มยำที่มีแต่น้ำกับบรรดาขิงข่าตะไคร้ใบมะกูดมาเต็ม
"เกินไปมั้ง เนื้อมีเยอะแยะทำไมไม่ตักให้" กระถินท้วงขึ้นมาอีกเมื่อเห็นชัดเจนว่าอีกคนทำทุกอย่างด้วยความจงใจ
"กินได้ไหม ไม่ได้ไม่ต้องกิน" ชมพูเชิดหน้าไม่ได้สนใจท่าทีขึงขังของกระถิน แถมยังตีหน้ายียวนกวนโมโหทำเอากระถินของขึ้นเกือบมีเรื่องกัน
"ไม่เป็นไรๆ ฉันกินได้ ไปเถอะ" ปารดาไม่อยากมีเรื่อง ก็เลยดึงกระถินออกมาจากตรงนั้น กระถินหันไปชี้หน้าคาดโทษชมพู แต่เด็กสาวไม่ได้สนใจหรอก แล้วก็ยิ้มอย่างพอใจที่แกล้งคนงานใหม่ได้
"ยอมทำไม ยัยนั่นก็คนงานเหมือนเรา" กระถินไม่พอใจจนหน้านิ่วคิ้วขมวด ชมพูชอบคิดว่าตัวเองทำงานที่บ้านใหญ่แล้วเหนือกว่าคนอื่นที่ทำงานในไร่ กระถินไม่ค่อยพอใจเพราะสุดท้ายแล้วทำที่ไหนก็คนงานเหมือนกัน
"ช่างเขาเถอะนะ ฉันกินได้" ปารดาบอกแล้วยิ้ม ตักน้ำแกงราดใส่ข้าวแล้วกินมันอย่างเอร็ดอร่อย ก็ดีเหมือนกัน ทำให้มันชิน จะได้ตอกย้ำว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ในฐานะอะไร
ทั้งคู่มาเล่นกับหลานอยู่คู่ใหญ่ และกลับไปทำงาน ปารดาพาลูกๆเข้าบ้าน ปล่อยเด็กๆให้คลานบนเสื่อที่ปูเตรียมไว้ และมีคอกล้อมขนาดกว้างขวาง มีของเล่นที่ไม่เป็นภัยอยู่ในนั้น ทั้งสองแบ่งกันเล่น ตีกันบ้างแต่ก็ไม่หนักหนาอะไร"พี่โรมอย่ากัดน้องลูก" ปารดาหน้าเหวอที่คนพี่เริ่มจับแขนคนน้องมางับ"น้องรันอย่าดึงผมโรมพี่ค่ะ" เสียงร้องห้ามของคนเป็นแม่ดังเป็นระยะ ชนาวินที่เดินเข้ามาพร้อมป่าสนต้องอมยิ้มกับความยุ่งเหยิงของสองเสือ"วิถีลูกผู้ชายไงครับที่รัก ตีกันบ้างไม่เป็นไรหรอก" เขาเข้ามาโอบไหล่เอาไว้"พี่โรมก็งับน้องจังเลยค่ะฟันก็ไม่มี ไม่รู้คิดอะไรนะคะ สงสัยคันเหงือก" ปารดาฟ้อง"น้องก็แสบนะนั่น ดึงผมพี่แบบนั้น" ชนาวินหัวเราะออกมา"แสบทั้งคู่แหละค่ะ" ปารดาขำออกมาบ้าง"คุณหนูครับ เล่นอันนี้ไหมเอาอันนี้ไหม" คนที่ดูจะเห่อไม่น้อยไปกว่าใครก็ป่าสนนี่แหละ ตั้งแต่ที่สนามบินก็เล่นกับคุณหนูของเขาไม่หยุด นี่ก็ถึงกับปีนเข้าไปนั่งเล่นกับสองหนุ่มทำตัวเหมือนพี่เลี้ยงเด็กก็ไม่ปาน"มอบหน้าที่พี่เลี้ยงให้เลยแล้วกันนะป่าสน" เจ้านายพูดแบบนี้ป่าสนมีหรือจะไม่รับ"ได้เลยครับพ่อเลี้ยง คุณหนูครับ พี่เลี้ยงป่าสนมาแล้ว"ปารดากับชนา
ใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลไม่กี่วันปารดาก็ได้กลับบ้าน เธอกำลังให้นมแฝดคนพี่ในอ้อมแขน ขณะที่คนน้องนอนรออยู่ในเบาะ พอคนพี่อิ่ม เธอก็ส่งให้กับสามีและอุ้มคนน้องมาเข้าเต้า ชนาวินมีหน้าที่ทำให้ลูกเลอออกมา ก่อนจะมองเมียให้นมลูกด้วยความทึ่ง แล้วยังจะตอนที่ปารดาปั๊มนมไว้ให้ลูกจนเต็มตู้ไปหมด"สุดยอดคุณแม่จริงๆ" ชนาวินพูดขึ้น"แค่ให้นมลูกเองค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วย" เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ชนาวินเดินมาหอมที่หัว เขาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบาย เขาอยากขอบคุณผู้หญิงคนนี้ที่ยอมอุ้มท้องเจ้าแฝดมาตั้งเก้าเดือน มีเรื่องงอแงหงุดหงิดกันบ้างแต่ก็ยังอดทน ไม่ได้กินของที่ชอบ ไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ แล้วก็ยังต้องให้นมลูก นอนไม่เป็นเวลาจื่นกลางดึก ปารดานั้นเป็นสุดยอดคุณแม่จริงๆ"มาขอแม่อุ้มบ้าง มาหาย่านะคะพี่โรม" รังรองรับเอาคนพี่ไปอุ้มไว้"กินนมอิ่มแล้วก็หลับเลยเหรอเสือ" ชนะพลแซวหลานชาย"วัยกำลังโตครับพ่อ อย่าแซวสิ อิ่มแล้วก็นอนไง ปกติ" ชนาวินแก้ตัวแทนลูกชาย"จะเป็นลูกหมูก่อนสิ" อดที่จะแซวอีกไม่ได้"เฮียคะเรียบร้อยค่ะ" ปารดามองทุกคนแล้วยิ้มให้ ก่อนจะส่งคนน้องให้กับสามี แล้วจัดการปั๊มนมต่ออีกหลายถุง"ให้กินไปจนโตเลยนะ" รัง
เขาทบทวนมาหลายวันหลังจากทราบเรื่อง มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ก่อนหน้านั้นชนะพลส่งคนไปเฝ้าดู ด้วยกลัวว่าอีกคนจะเจ็บแค้นจนคิดจะทำร้ายปารดาขึ้นมาหรือเปล่า แต่เท่าที่ได้รับรายงาน พาขวัญเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเธอเสียใจร้องไห้งานการไม่ทำให้ลูกจ้างเป็นคนจัดการทุกอย่างภายในร้าน เมาหัวราน้ำทุกวันชนะพลเข้าใจได้ว่าคนอกหักมักจะเสียศูนย์ แต่ผ่านมาร่วมสี่เดือน พาขวัญกลับยิ่งแย่ลง ลูกค้าเริ่มลดลง แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ไฟไหม้ร้านขนมของเธอและเธอก็บาดเจ็บสาหัส“ผมพยายามแล้วพ่อ ผมพยายามทำให้เขาตัดใจแต่เขาดื้อมาก เขายึดมั่นว่ารักผมและไม่ยอมง่ายๆ ถึงแม้ว่าผมจะพูดไปตรงๆเขาก็ยังไม่ยอมแพ้” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ในสวน สีหน้าเคร่งเครียดและรู้สึกผิด เขารู้ทุกอย่างเพราะพาขวัญทำตัวเอง แต่เขาก็เป็นต้นเหตุเช่นกัน“พ่อจะบอกแกให้นะ เราไปกำหนดชีวิตใครไม่ได้ แกอาจจะเป็นสาเหตุ แต่นั่นมันจบแล้ว และเรื่องหลังจากนั้นต่างหาก ที่พาขวัญไม่ยอมรับความจริง ทำตัวเองให้กลายเป็นขี้เมาแล้วทำให้ตัวเองบาดเจ็บ”“ขวัญรักษาตัวที่ไหนครับ”“รพ.จังหวัด”“ผมอยากไปดูเธอ”“วิน ที่พ่อบอกแก เพราะพ่อไม่อยากปิดบัง แต่พ่อว่าตอนนี้ไ
หลังจากรู้ว่าได้ลูกแฝด คุณพ่อขี้เห่อก็เอาใจใส่ดูแลภรรยาและลูกเป็นอย่างดี ดีจนปารดาจะเสียนิสัยและต้องคอยห้ามเอาไว้ตลอดเวลา ชนาวินทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้ปารดาสบายที่สุดท้องลูกแฝดไม่เหมือนท้องปกติ ขนาดท้องที่ใหญ่โตกว่าทำให้คนตัวเล็กๆอย่างปารดามีความเสี่ยงมาก“ไหนหลานปู่ ดิ้นไหมวันนี้” ชนะพลเดินทางมาจากเชียงใหม่เดือนละครั้งเพื่อเยี่ยมลูกๆและหลานชาย ยิ่งตอนนี้เขาต้องอยู่ที่ไร่คนเดียวเพราะรังรองมาคอยดูแลคุณแม่ท้องแก่ใกล้คลอดที่กรุงเทพฯ มันทำให้เขาเหงาที่ต้องห่างจากลูกเมีย“ดิ้นเก่งมากค่ะ ไม่รู้คนพี่หรือคนน้อง” ปารดาท้องใหญ่เธอเอนตัวใช้มือหนึ่งลูบท้องอีกมือดันหลังไว้“พ่อเอาส้มมาฝากด้วยนะ” ชนะพลค่อยๆวางมือลงที่ท้องนูน เหมือนแฝดจะรับรู้ว่าปู่มา ยันเท้าทักทายเป็นการใหญ่“เจ้าแสบของปู่ ทักทายกันหน่อยทักทายกันหน่อย” รอยนูนเป็นรูปฝ่าเท้าเล็กๆยันขึ้นมา คนเป็นปู่ย่ายิ้มหน้าบาน“รู้จักเอาใจคนแก่แต่ในท้องเลยนะ” สุรเดชว่า เขามักจะมาเล่นกับเหลนเป็นประจำนั่นคือความสุขของเขาในวัยเกษียรแบบนี้“เจ็บท้องบ้างหรือยัง นี่จะครบกำหนดแล้วใช่ไหม” ชนะพลลูบเบาๆที่ท้องของปารดา“เริ่มมีบ้างแล้วค่ะ เหมือนเจ็บเตือน”“คล
หลังจากวันนั้นชนาวินก็เริ่มทำกายภาพบำบัด เขาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลราวสองสัปดาห์ก่อนได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ต้องมาทำกายภาพจนกว่าจะครบชั่วโมงที่หมอกำหนด"อีกนิดนะคะ" นักกายภาพกำลังช่วยหัดเดินให้กับชนาวิน คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าเขาจะเริ่มเดินได้คล่องแคล่วเช่นเดิมปารดายืนมองชนาวินทำกายภาพด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึกทุกครั้ง เหมือนเธอยืนตรงนั้นแทนที่เขาและพยายามจะก้าวเดินออกไป เธอไม่เคยเหนื่อยที่จะช่วยเขาเลย บีบนวดขาให้เขาในทุกๆวันเพื่อให้กลับมาเดินได้อย่างรวดเร็วชนาวินเริ่มกลับมาเดินได้แต่ต้องใช้ไม้ค้ำเพื่อทรงตัว แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมากจากก่อนหน้า เขาขยันทำกายภาพและฝึกเดินตลอดจนวามารถกลับมาเป็นปกติได้ในเร็ววัน แต่ยังไม่วามารถวิ่งหรือทำกิจกรรมหนักๆได้มากเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาชนาวินต้องข้ามผ่านความเจ็บปวดและจิตใจของตัวเองโดยมีลูกกับเมียเป็นเป้าหมาย เขาคิดว่าคงไม่ดีแน่หากไม่สามารถพาลูกวิ่งเล่นในสนามได้"ร่างกายคุณฟื้นตัวเร็วมากครับ ผมยินดีกับคุณด้วยนะครับคุณหายเป็นปกติแล้ว" หมอยิ้มให้อย่างยินดี"คือผมหายดีแล้วเหรอครับ""ใช่ครับ จากที่ทดสอบวันนี้ผ
"เฮียจะสงสารเขาหนูเข้าใจ แต่ทำแบบนี้เขาก็ยิ่งแทรกกลางระหว่างเรา มันก็ไม่จบสักที" ปารดายังบ่นเรื่องของพาขวัญ และชนาวินก็หมดโอดาสแก้ตัวเพราะเรื่องมันเกิดจากเขาทั้งนั้น"เฮียบอกแล้วไงคะ ขวัญเขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไรที่เขาทำแบบนั้นเพราะเขารักพี่มากก็แค่นั้น""นี่แก้ตัวแทนเหรอ ใช่สิคะ เฮียกับคุณขวัญรู้จักกันมาก่อน รักกันมาก่อน หนูมันคนอื่น" กอดอกแน่นทำปากคว่ำ บอกให้รู้ว่าไม่พอใจ"ที่รักครับ มันไม่ใช่แบบนั้น" คนบนเตียงกอดเธอเอาไว้หลวมๆ คนน้องนั่งหันหน้าออกไปที่ประตู ชนาวินไม่รู้จะต้องพูดยังไงเพื่อให้อีกคนหายโกรธ"มันเป็นแบบนั้นแหละค่ะ เฮียเข้าข้างเขาเพราะรู้จักกันมานานทั้งที่เฮียก็เห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่เฮียเคยรู้จัก ผู้หญิงคนนั้นดูถูกหนู ข่มขู่หนู ทำให้หนูเสียใจ แต่เฮียก็ยังเข้าข้าง ปล่อยค่ะหนูจะกลับ" ดิ้นหนีจะลงจากเตียง แต่ชนาวินไม่ยอม"ไม่เอาสิคะถ้าหนูกลับไปทั้งที่เรายังทะเลาะกันแบบนี้มันไม่ดีเลยนะ" เขาพยายามพูดเสียงอ่อน เพื่อให้อีกคนเย็นลง"ถ้าเฮียยังเข้าข้างคุณขวัญ มันก็ไม่มีวันจบหรอกค่ะ" เธอพูดเสียงแข็ง ปัญหาที่ตอนนี้ยังทะเลาะกันมันเพราะชนาวินยังพูดจาปกป้องพาขวัญทั้งที่ก็เห็นว่าอีกคนทำอะไรเอ