แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
แววตาของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความสับสน มีพลังที่มองไม่เห็นกำลังล่อลวงหัวใจของนาง เพื่อให้นางทำตามคำพูดของฉินตวนหยาง

นางพยายามทรงตัวไว้และอดความเจ็บปวดไว้

ไม่แปลกเลย ชะตากรรมอันเดิมของเจ้าของร่างคนนี้ราวกับคนตาบอด นางรักคนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางขนาดนี้ แท้จริงแล้ว นางถูกอาคมหนอนพิษกู่ควบคุมสติไว้

พิษแปลก ๆ ดังกล่าวแปลกอย่างมากจนทำให้เจ้าของร่างเดิมโดนอาคมหนอนพิษกู่โดยไม่รู้ตัว แม้ตายไปก็ไม่ทราบว่าตัวเองโดนหนอนพิษกู่ หากจั๋วซือหรานไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ร่างเดิมคงใช้ชีวิตอันน่าสงเวชอย่างชะตากรรมอันเดิมที่กำหนดไว้

แต่ในเมื่อจั๋วซือหรานมาแล้ว นางจะไม่มีวันฉินตวนหยางสมหวัง

ฉินตวนหยางเห็นนางไม่ตอบ จึงเสกเป่าอีกที "เสี่ยวจิ่ว เจ้าเชื่อข้าไหมขอรับ"

จั๋วซือหรานมองไปที่ฉินตวนหยาง นางค่อย ๆ อ้าริมฝีปากอันสีแดงให้กว้างขึ้น

“เจ้าฝันไปเสียเถิด”

เสียง 'คลิก'ดังขึ้น

“อา”ขาของฉินตวนหยางถูกคนหัก และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

เขาตกใจด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้นั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ตราบใดเสน่ห์หนอนพิษกู่นี้ยังคงอยู่ จั๋วซือหรานก็สามารถเชื่อฟังเขาไปตลอดชีวิต ทำไมหนอนพิษกู่จึงใช้งานไม่ได้ล่ะ

“พี่ฉิน” จวงเหยาเหยาร้องไห้และพูดว่า “พี่จั๋ว โปรดไว้ชีวิตด้วยเถิด”

“นางจั๋ว เจ้านี่มันช่างใจร้ายเสียจริง”

“เจ้านี่เป็นผู้หญิงร้ายกาจ กล้าก็ทำลงมืออย่างโหดกับสามีของเจ้า”

บิดาและมารดาของฉินรุ่ยหยางร้องไห้และตะโกนออกมา บรรยากาศในเวลานี้ช่างสนุกเสียจริง

แขกต่างพากันกระซิบกระซาบ

“เห้อ ข้าได้ยินมาว่า เพื่อที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ จั๋วจิ่วไม่เพียงแต่ต่อต้านตระกูลจั๋วเท่านั้น นางยังถอนการหมั้นระหว่างนางกับเฟิงเหยียน ข้ายังคิดอยู่ว่า พวกเขาจะรักกันมากเสียอีก ทว่าตอนนี้ดูไปดูมา พวกเขาคงไม่ไม่ได้รักกันมาก”

“ทีนี้จั๋วจิ่วมีสติกลับมาแล้ว หรือว่านางรู้เสียดายภายหลังนะ”

ทันใดนั้นก็มีเสียงเยาะเย้ยมาจากประตู

“นางอยากเสียใจภายหลัง แล้วจะให้นางเสียใจจริง ๆ หรือ เจ้าคิดว่าตระกูลเฟิงของพวกข้าเป็นคนอะไร”

มีเด็กผู้หญิงที่มีอายุประมาณสิบห้า หรือสิบหกปีเดินเข้ามาฃ

เอวของนางห้อยกระบี่สั้นที่มีความยาวราวปลายแขน ระหว่างด้ามกับใบมีดได้ติดทับทิมหนึ่งเม็ดไว้ และที่ปลาย้ามได้สลักคำว่า “หร่าน”

มีคนจำดาบประจำตระกูลที่อยู่บนเอวของนางได้

“นี่คือคุณหนูคนที่สิบของตระกูลเฟิง—เฟิงหร่าน”

“นางกับเฟิงเหยียนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เพราะจั๋วจิ่วถอนการหมั้นกับพี่ชายของนาง ทันทีที่นางฝึกซ้อมในตระกูลจบลง นางก็รีบมาที่นี่เพื่อแก้แค้นให้พี่ชายของนางหรือ”

เฟิงหร่านดึงกระบี่ออกจากเอวของนาง แล้วนำกระบี่ไปชี้ยังจั๋วซือหราน “จั๋วจิ่ว ก่อนหน้านี้เจ้าได้ยินว่าพี่ชายของข้าได้รับบาดเจ็บที่ขาระหว่างการซ้อม ก็เลยรีบหาข้ออ้างมาถอนการหมั้น ก็เพราะเจ้าต้องการชู้กับชายคนนี้มิใช่หรือ คนต้อยต่ำอย่างชายคนนี้ เอามาเปรียบเทียบกับพี่ชายข้าได้อย่างไร”

“เจ้าพูดถูก แน่นอนเลยว่าเขาสู้มิได้ ฝูซู ฝูซาน โยนคนของฉินตวนหยางออกไปให้หมด”

“...?” เฟิงหร่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงรู้ตัว “เดี๋ยวก่อน อย่างที่พวกเขาพูดกัน เจ้าเสียใจแล้วหรือ”

“ใช่สิ ข้าขอคืนคำ ข้ารักเฟิงเหยียนอย่างมากและข้าจะไม่เสียดายภายหลังแม้แต่น้อย อย่าว่าแค่เขาบาดเจ็บที่ขาเลย ต่อให้เขาสูญเสียขาไป ข้าก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจเด็ดขาด”

จั๋วซือหรานเจ็บปวดอย่างรุนแรง เนื่องจากนางต้องต่อต้านเสน่ห์ของหนอนพิษกู่

นางเพียงแค่อยากจบเรื่องที่น่าขันในตอนนี้โดยเร็วที่สุด แล้วค่อยมาศึกษาว่า เสน่ห์หนอนพิษกู่ในร่างนี้มาจากไหนกันแน่

นางพูดต่ออีกว่า "ความารักที่ข้ามีต่อเฟิงเหยียนสามารถพูดได้ว่า ไม่มีที่สิ้นสุดราวกับสายน้ำที่ทอดยาว มิเช่นนั้น ข้าคงไม่สามารถหลุดพ้นจากเสน่ห์หนอนพิษกู่ที่ฉินตวนหยางใส่ในร่างกายของข้า และมีสติกลับมาได้"

คำพูดของจั๋วซือหรานทำให้แขกต่างพากันตกใจ

“เสน่ห์หนอนพิษกู่หรือ ลัทธิกู่จากดินแดนใต้เป็นผู้ที่ขัดเกลาพิษนี้มาเพื่อควบคุมจิตใจของผู้คนมิใช่หรือ”

นางสังเกตถึงเสน่ห์หนอนพิษกู่แล้วหรือ

“เจ้า…เจ้ากำลังพูดบ้าบอเรื่องใด เสน่ห์หนอนพิษกู่อะไรกัน ข้าเป็นเพียงบัณฑิต ไม่รู้จักสิ่งเหล่านี้” ฉินตวนหยางตื่นตระหนกเล็กน้อย

แม่ฉินร้องไห้ "นางร้ายกาจ เจ้าเป็นคนร้องห่มร้องไห้ตะโกนขอแต่งงานกับลูกชายของข้าเอง ตอนนี้เจ้าลงมืออย่างหนัก แล้วยังอยากทำลายชื่อเสียงของเขาอีกหรือ"

แขกในงานพากันกระซิบ

“นั่นน่ะสิ เขาก็เป็นเพียงบัณฑิตที่ยากจน เขาจะมีเสน่ห์หนอนพิษดู่ได้อย่างไร”

“และข้าได้ยินมาว่า ผู้ที่หลุดจากเสน่ห์หนอนพิษกู่ต้องแบกรับความเจ็บปวดอย่างมาก จั๋วจิ่วกลับดูเหมือนไม่ได้เป็นอะไรนะ”

เฟิงหร่านมีอคติต่อจั๋วจิ่วอยู่แล้ว ดังนั้นแน่นอนว่านางไม่เชื่อเรื่องเสน่ห์หนอนพิษกู่ และนางมองว่า คำพูดของจั๋วซือหรานเป็นข้อแก้ตัวของจั๋วซือหรานเท่านั้น

นางยกกระบี่ประจำตระกูลของเธอไว้ในมือ ห้ามฝูซางและฝูซูพาคนออกไป นางจ้องมองที่จั๋วซือหราน ”เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ตัดสินความผิดหรือความถูกต้องหรือ ในเมื่อเจ้ายอมถอนการหมั้นเพื่อแต่งงานกับผู้นี้แล้ว วันนี้อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องแต่งงานกับชายคนนี้ให้ได้ เจ้าจะได้ไม่มาพัวพันกับพี่ชายของข้าเสียที“

เฟิงหร่านลากฉินตวนหยางและกดเขาไว้หน้าโต๊ะ "คุกเข่าลง กราบไหว้ฟ้าดิน"

ฉินตวนหยางแอบดีใจมาก "ขอบคุณมากที่คุณหนูเฟิงสือช่วยดำเนินการพิธีให้สมบูรณ์"

เฟิงหร่านนำปลายกระบี่ของนางชี้ไปที่จั๋วซือหราน “จั๋วจิ่ว ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว”

ดวงตาของพ่อฉินและแม่ฉินเป็นประกาย

แม่ฉิน "ใช่สิ ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว เลิกสร้างปัญหาได้แล้ว รีบมาไหว้ฟ้าดิน"

พ่อฉิน "หลังจากแต่งงานกับลูกชายของข้าแล้ว เจ้าเชื่อฟังดี ๆ นะ พวกข้าจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไป และเจ้ายังคงเป็นภรรยาหลวงเช่นเดิม"

พวกเขาเห็นจั๋วซือหรานอยู่เฉย ๆ ฉินตวนหยางขยับริมฝีปากเล็กน้อยและท่องอาคมเสน่ห์หยอนพิษกู่ต่อโดยไม่ออกเสียงใด ๆ

ความเจ็บปวดค่อย ๆ กัดเซาะไปยังร่างกายและกระดูกเรื่อย ๆ และจั๋วซือหรานจ้องไปยังริมฝีปากของฉินตวนหยางอย่างเย็นชา บัดนี้ฉินรุ่ยหยางกำลังค่อยขยับริมฝีปาก

จั๋วซือหรานมีเจตนาที่อยากฆ่าชายคนนี้ และเจตนานี้หนักแน่นขึ้นเรื่อย ๆ

กระบี่ของเฟิงหร่านเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ กระบี่นั้นแทบชิดกับแก้มของจั๋วซือหราน เห็นได้ชัดว่าเฟิงหร่านกำลังบังคับจั๋วซือหราน

“จั๋วจิ่ว รีบไหว้ฟ้าดิน”

ทว่าจั๋วซือหรานเป็นวิญญาณของสายสืบที่มาจากยุคปัจจุบัน และนางได้สืบทอดศิลปะการต่อสู้โบราณด้วย และนางไม่เคยกลัวการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย

เห็นแต่นางเอาสองนิ้วจับปลายกระบี่ของเฟิงหร่าน และค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น “เฟิงหร่าน เจ้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของข้ามากเกินไปหรือไม่ ข้าเคยบอกว่า ข้ามีความรู้สึกอันลึกซึ้งต่อเฟิงเหยียน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ข้าจะอดทนกับเจ้าได้ทุกเรื่อง”

“เจ้าช่างไร้ยางอาย” เฟิงหร่านจ้องมองจั๋วซือหรานด้วยความโกรธแค้น และนางอยากจัดการจั๋วซือหรานให้รู้แล้วรู้รอด

แต่ทันใดนั้นนางตระหนักขึ้นได้ว่า นางไม่สามารถดึงกระบี่กลับได้

เป็นไปได้อย่างไร

จั๋วจิ่วใช้เพียงสองนิ้วเท่านั้น

ในขณะที่เฟิงหร่านกำลังต่อสู้กับจั๋วซือหราน ฉินตวนหยางคุกเข่าบนพื้นและรีบท่องอาคมเสน่ห์หนอนพิษด้วยความโกรธแค้น

“เอ่อ...แค้ก”

จั๋วซือหรานรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงในทันที นางได้กลิ่นโลหิตที่คาวและหวานในลำคอ นางไอคราบเลือดสีแดงก่ำออก และเลือดนั้นเปื้อนริมฝีปากของนาง

นิ้วของจั๋วซือหรานสูญเสียเรี่ยวแรงไปชั่วขณะ กระบี่ของเฟิงหร่านก็สูญเสียแรงบังคับและแทงไปข้างหน้า

แม้ว่าจั๋วซือหรานจะเอียงศีรษะอย่างรวดเร็ว แต่กระดูกโหนกแก้มของนางยังถูกบาดจนมีแผลเล็ก ๆ

เลือดไหลไหลตามแก้มของนาง เลือดนั้นเสมือนน้ำตาที่เปื้อนเลือด

สะท้อนกับสีของผ้าคลุมไหล่ได้สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์

เฟิงหร่านตกตะลึงและกัดริมฝีปาก "เจ้า ที่เจ้าอาเจียนเป็นเลือดออกมา ข้าไม่เกี่ยวนะ"

จั๋วซือหรานไม่มีเจตนาที่จะโต้เถียงกับเฟิงหร่าน นางหรี่ตาลงแล้วมองไปที่ฉินตวนหยางด้วยความเย็นชา "ฉินตวนหยาง เจ้าคิดว่าข้าอ่อนแอ ข้าเป็นคนที่ถูกรังแกง่าย ๆ จนไม่กล้าฆ่าเจ้าเลยหรือ"

ฉินตวนหยางหวาดกลัว "เกี่ยว เกี่ยวอะไรกับข้า เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้าอีกนะ เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่เจ้าพูดถึง ข้าไม่รู้มันคืออะไร"

แต่จั๋วซือหรานยังไม่ทันลงมือ

"อ๊าก——!"

ทันใดนั้นฉินตวนหยางก็กรีดร้องอย่ากะทันหัน

ผู้ที่มาสวมชุดสีดำ เขารูปร่างอันงดงาม

วินาทีที่เขาปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เขาเสมือนภูตผี คุณหนูสิบของตระกูลเฟิงที่มีการกระทำอย่างเผด็จการก่อนหน้านี้กลับไม่กล้าทำตัวเช่นนั้นอีก บัดนี้นางทำตัวเสมือนกระต่ายน้อย ๆ ที่เชื่อฟัง

“พี่ชายเจ้าคะ หนูรู้ตัวทำผิดแล้วเจ้าค่ะ”

พี่ชายหรือ นั่นหมายความว่า...ไม่ใช่หรือ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
ออนกนก โพธิรักษ์
อ่านเรื่องเดิมตรงไหนคะ
goodnovel comment avatar
ออนกนก โพธิรักษ์
ดูชื่อเรื่องทั้งหมดคะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1401

    ชิ่งหมิงได้ยินคำนี้ สายตาก็ชะงักไปตอนที่เงยหน้าขึ้นมองปันอวิ๋น ก็ไม่ได้รู้สึกตกตะลึงอะไร ดูสงบนิ่งมาก "ฝีมือก็ดีขึ้นมากจริงๆ เพียงแต่ว่า...ข้ากับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันมากมายนัก"ปันอวิ๋นไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ เขาโบกไม้โบกมือ "ไม่เป็นไร ถึงยังไงพวกเราก็ไม่ได้มีพ่อที่ดีกันนักหรอก"จั๋วซือหรานขมวดคิ้วมองเขา "เจ้ามองออกตั้งแต่เมื่อไรกัน?""ข้าไม่ได้ตาบอดนะ เหล่าจวงเองก็แอบมองจวงชิ่งหมิงอยู่ตลอด ทั้งสองคนสกุลจวงเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นในแววตาของเหล่าจวงกับจวงชิ่งหมิงก็คล้ายคลึงกันด้วย แค่มองเฉยๆ อาจไม่รู้สึก แต่ถ้าสองคนอยู่ในภาพเดียวกัน ก็จะสัมผัสได้เลย"ปันอวิ๋นบางครั้งดูแล้วก้เหมือนเป็นคนขี้เกียจที่เหมือนไม่ใส่ใจกับอะไรเลยแต่อันที่จริง เขาเป็นคนละเอียดอ่อนและเฉียบแหลมมากมีหลายเรื่อง ที่แม้เขาจะไม่พูด แต่อันที่จริงในใจก็รู้แจ้งเห็นจริงทุกอย่างปันอวิ๋นเอ่ยต่อ "ไม่เป็นไร ถ้าไม่ชอบฟังคราวหลังจะไม่พูดอีก"แต่เขาคิดๆ จากนั้นก็เสริมมาอีกคำหนึ่ง "น่าจะเพราะว่า ข้ากับเฟิงเหยียนแต่ก่อนรู้ว่าตนเองต้องแบกภาระโชคชะตาแบบไหนไว้ ดังนั้นจึงค่อยๆ ปรับความเข้าใจกับตนเอง จะพูดถึงยังไงก็ได้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1400

    ถึงยังไงการทำงานในโรงคณิกา บ่อยครั้งที่จะตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกแม่เล้ากลอกตาไปมา "ทั้งสามท่านมาที่นี่เพื่อหาความสำราญแบบใดหรือ? เคาะประตูดีดีก็พอนี่นา ไม่เห็นต้องพังประตูใหญ่แบบนี้..."นางจ้องปันอวิ๋นไม่วางตา "แขกท่านนี้ต้องการจะฟังดนตรี หรือจะค้างคืนกันล่ะ? ต้องการแม่นาง...หรือว่าต้องการชายหนุ่ม?"ปันอวิ๋นฟังครึ่งประโยคแรก ก็ขมวดคิ้วแล้ว พอได้ยินครึ่งประโยคหลังก็หนักเลย "อะไรนะ?"แม่เล้าเห็นความเย็นชาในสายตาเขา ก็รู้สึกสันหลังวาบ สั่นเทาไปทั้งตัวจั๋วซือหรานที่อยู่ข้างๆ ฟังแล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ปันอวิ๋นหน้าตาดี ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นความงามเฉพาะตัวด้วย บุคลิกเย้ายวนชวนหลงใหลแต่กำเนิดนั่น ก็ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจะอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะต้องการแม่นาง...หรือว่าต้องการชายหนุ่มกันแน่...จั๋วซือหรานกระแอมแล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เอ่ยขึ้นว่า "...แค่ก พวกเรามากินข้าวน่ะ พวกเจ้าที่นี่มีกับข้าวและสุราอะไรที่อร่อยก็ยกมาให้หมดเลย"หลังจากที่แม่เล้าได้ยิน เดิมทียังคิดจะถามอยู่ว่าพวกเขาต้องการแม่นางหรือชายหนุ่มไหม แต่ก็รู้สึกว่าถ้าทำแบบนั้นมันจะเหมือนว่าตนเองเบื่อชีวิตแล้วก็เลยอ้าปากพะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1399

    ทั้งซื่อหนานล้วนเป็นขอบเขตขั้วอำนาจของเนี่ยคุน ดังนั้นข่าวของบ่อนพนัน ไม่นานนักก็ส่งไปถึงหูของเนี่ยคุนแล้วเขาโมโหจนแทบกระอักเลือด!ใครจะคิดว่าหญิงสาวคนนี้ เอาจวนของเขาไปแล้วก็ยังไม่พอตอนนี้ยังคิดจะทำลายกิจการของเขาอีก!เนี่ยคุนทำได้แค่รีบกำชับออกไป "หญิงสาวคนนี้น่าจะจงใจเล่นงานข้า เร็ว กำชับออกไป ให้โรงคณิกาทางนั้นวันนี้ปิดประตูไม่รับแขก จะได้ไม่ให้นังมารร้ายนั่นพอเบื่อบ่อนพนันแล้วหันไปเล่นทางโรงคณิกาต่อ"คนใช้รู้สึกว่าเนี่ยคุนจะคิดมากเกินไป "ท่านเจ้าเมือง คงไม่หรอกกระมัง? นางเป็นหญิงสาวนะ จะไปโรงคณิกาทำไมกัน..."นั่นมันที่ที่ชายหนุ่มไปเล่นกับหญิงสาวนะ!เนี่ยคุนหัวเราะเย็นชา "นางเป็นโหว ขนาดบ่อนพนันยังไปได้ ยังมีเรื่องอะไรที่นางไม่กล้าทำอีกกัน...?"ตอนนี้ต่อให้มีคนมาบอกเขาว่า หญิงสาวคนนี้บินได้!เนี่ยคุนก็อาจจะรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรด้วยซ้ำ!ส่วนอีกด้านหนึ่ง จั๋วซือหรานก็พาปันอวิ๋นกับชิ่งหมิงมาอยู่หน้าประตูโรงคณิกาอย่างสบายอารมณ์"เจ้ามาจริงๆ ด้วยแฮะ" ปันอวิ๋นขมวดคิ้ว จมูกก็ย่นลง เหมือนได้กลิ่นเครื่องประทินเข้มข้นลอยออกมาจากในโรงคณิกา"เจ้าเด็กนี่ยังเด็กอยู่เลยนะ" ป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1398

    "ได้"จั๋วซือหรานมองเขา ถามขึ้นว่า "ถ้างั้น ใครจะมาเขย่าล่ะ?"ผู้ดูแลเอ่ยขึ้น "ข้า ข้าเอง ข้าเขย่าเอง...ข้าเขย่าเสร็จจะปล่อยมือทันที ไม่มีโอกาสทำอะไรแน่นอน!"จั๋วซือหรานพยักหน้ายิ้มๆ "ได้ได้ งั้นเจ้าเขย่าเลย"ผู้ดูแลให้คนเอากระบอกเขย่าลูกเต๋ามาด้านในมีลูกเต๋าไม้สามลูกวิธีการก็เหมือนกับกติกาในชาติที่แล้วของจั๋วซือหราน เป็นวิธีเล่นที่ง่ายที่สุดจริงๆจั๋วซือหรานไม่ได้ติดใจที่จะเล่นกับเขาสักตา ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเขามือสะอาดจริง ชนะก็ชนะแพ้ก็แพ้ นางก็ไม่ใช่จะเล่นไม่ได้แต่ใครจะรู้ ว่าก็ยังมีวิะีการโกงอยู่จริงๆคนผู้นี้น่าจะรู้สึกว่าตัวเขามั่นในใจในแรงควบคุมลูกเต๋าเป็นพิเศษ ดังนั้นพริบตาที่นางตอบตกลงให้เขามาเขย่าลูกเต๋า บนหน้าเขาก็มีสีหน้าถอนใจโล่งออกมาอย่างชัดเจนมันชัดเสียจนทำให้จั๋วซือหรานมองข้ามไปไม่ได้เลยจั๋วซือหรานดูท่าทางเขย่าลูกเต๋าของเขา น่าจะเป็นท่าทางบวกกับการสร้างขึ้นเป็นพิเศษของลูกเต๋า ดังั้นพอรวมกับการเคลื่อนไหวที่พิเศษของเขา สามารถหมุนไปตามที่เขาคิดได้และสามารถทำให้เขาได้แต้มที่เขาต้องการแม้จั๋วจะไม่ได้ดูล้ำสมัยเหมือนพวกอุปกรณ์การพนันที่จั๋วซือหรานรู้ในชาติ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1397

    น่าจะเพราะกลุ่มของหญิงสาวคนนี้ พอเข้ามาถึงก็มีแรงคุกคามมหาศาลกระทั่งท่าทีของผู้ดูแลที่มีต่อพวกเขาก็ยังหวาดหวั่นมากเขาเป็นแค่คนแจกไพ่ แน่นอนว่าไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแต่ก็ไม่กล้ามองสายตาของผู้ดูแลด้วย จึงทำได้แค่เปิดไพ่อย่างว่าง่ายไปจั๋วซือหรานจึงชนะสองตาของผู้ดูแลดำเมี่ยมไปแล้ว ถ้าปล่อยให้นางชนะต่อไป...แล้วยังมีสหายที่เก่งกาจเรื่องพนันของนางกวาดเรียบที่โต๊ะอื่นด้วยแบบนี้ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้พวกนางไม่เอาชีวิตเขา หลัจากนี้เนี่ยคุนก็เล่นเขาตายอยู่ดีดังนั้นสีหน้าผู้ดูแลจึงบิดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังกลัดกลุ้มกับเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากมากมองออกว่าค่อนข้างลำบากใจแล้วจั๋วซือหรานยืนขึ้นมา เดินไปทางโต๊ะของปันอวิ๋น บอกกับเขาว่า "เอาล่ะ พอจบตาของเจ้าแล้ว พวกเราก็พอเถอะ"ปันอวิ๋นมองตั๋วทองบนมือจั๋วซือหราน ตาก็เป็นประกาย "ถ้างั้นข้าก็ชนะแล้วสิ?"จั๋วซือหรานยิ้มๆ "ได้ได้ ข้ายอมแพ้แล้ว"เดิมทีนางก็ไม่คิดจะเอาชนะปันอวิ๋นอยู่แล้ว ก็แค่ให้เขาได้เป็นพ่อทูนหัวอย่างสมใจอยากก็เท่านั้นเห็นท่าทางนี้ของเขา จั๋วซือหรานรู้สึกว่าเขาน่าจะไม่คิดมีลูกหลานสืบทอดอะไรแล้วเห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1396

    "เอาล่ะไม่พูดแล้ว ข้าต้องรีบหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวปันอวิ๋นได้ชนะพอดี เขาดูแล้วก็ไม่ใช่พวกเคี้ยวง่ายด้วยนี่สิ"ไม่นานนักบรรยากาศในบ่อนพนันก็ผิดปกติไปแล้วโต๊ะที่ปันอวิ๋นอยู่ อารมณ์ของทุกคนก็เหมือนจะไม่ไหวแล้ว...ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มหน้าตางดงามคนนี้ทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงราวกับมีเนตรสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น ไม่แพ้เลยสักตาเดียว?ส่วนหญิงสาวที่อยู่อีกโต๊ะคนนั้นเองก็สุดยอดมาก...ไม่แพ้เลยสักครั้งเดียวเหมือนกันแต่พวกเขาก็ดูเป็นแค่นักพนันเท่านั้น...มาขลุกอยู่แต่ในบ่อนพนันคับแคบแบบนี้ ไม่ได้เข้าใจและไม่คิดจะไปทำความเข้าใจโลกภายนอกเลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง...ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ตัวตนฐานะของจั๋วซือหรานกับปันอวิ๋นและคนอีกหลายคนก็ไม่ค่อยจะรู้ ว่าพวกเขาเป็นคนแบบไหน สังหารคนที่ประตูเมืองไปแล้วเท่าไร...และผู้ดูแลบ่อนพนันที่ถูกตั๋วทองทำให้เคลิ้มก่อนหน้าคนนั้น ตอนนี้ก็คลายลงมาจากสภาพนั้นแล้วเสียใจ ตอนนี้คือความสำนึกเสียใจขีดสุดเขารีบตรงไปข้างโต๊ะของจั๋วซือหราน เอ่ยอย่างอ้อนวอนว่า "แม่นาง เอ่อไม่ใช่สิ ใต้เท้า...ใต้เท้า! กิจการของเราเล็กๆ มีทุนน้อย ไม่ทราบว่าท่าน..."เขาชูตั๋วทองขึ้นมาสองใบ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status