“มะ มัมมี้!” เสียงเล็ก ๆ ที่แสนสดใสดังขึ้น ตามด้วยอีกเสียงที่ฟังเหมือนกับว่าเพิ่งผ่านพ้นการร้องไห้อย่างหนักมา
“น้อง หิว... หิว!”
หญิงสาวลืมตาช้า ๆ การหายใจของเธอยังไม่เป็นปกติ และรู้สึกว่าตัวชื้นเหนียวเหนอะไปด้วยเหงื่อ แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่มือเล็ก ๆ ที่พอจะอุ่นอยู่สักหน่อยลูบแก้มเธอเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจหญิงสาวอ่อนยวบ
“มะ มามี้ มะ ไม่ ตะ ตาย!”
เธอฉงนแต่ก็พยายามตั้งสติ การที่ต้องอยู่ในรถคันนั้นและไม่มีอากาศหายใจทำให้เธอกลัวจัด และเธอเชื่อว่าตนเองตายไปแล้ว ทว่าระหว่างที่เธอกำลังอยู่ในช่วงของความเป็นและความตาย เธอกลับได้ยินเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ จวบจนลืมตาได้อีกครั้ง จึงเห็นพวกเขาทั้งสองคน
“หนู...” เสียงของเธอแหบจัดและอ่อนแรง
“มามี้... น้องไม่ร้อง แต่เฮียผิง งอแงจะกินขนมตลอด”
คนที่เอ่ยกับเธอเป็นเด็กผู้ชายที่คุยเก่ง อายุคงราว ๆ สี่ถึงห้าขวบ
ส่วนอีกคนจ้ำม่ำกว่า แก้มย้อยน่ารัก กำลังทำหน้าบึ้ง เขาสื่อสารติด ๆ ขัด ๆ อยู่สักหน่อย เพราะทำท่าเหมือนกับพยายามจะพูด แต่อ้าปากแล้วหุบอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะมีเสียงดังให้ได้ยิน
“ผะ ผิงเกอ”
ผิงเกอเรียกชื่อตัวเองก่อนจะทุบที่อกของเขาเสียงดังปั้ก ๆ ดวงตาคู่นั้นแดงระเรื่อ ดูแล้วน่าสงสารยิ่งนัก
คนที่ฟื้นจากความตายเลยรีบเข้าไปสวมกอด และปลอบขวัญ
“ผิงเกอ หนูหิวใช่ไหม”
“ผิง หะ หิว และ กะ กลัวมัม มะ มี้ ทะ ทิ้งผิง... ไป!” เขาบอกพร้อมกอดหญิงสาวไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะจากเขาไป
“มามี้ไม่ตาย” ผิงกั่วเอ่ยได้เท่านั้นแล้วก็ร้องไห้โฮ พลอยให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันที่ตอนแรกยังยิ้มแย้มอยู่ สะอื้นไปด้วย
“มัมมี้ เจียวเกอ ก็หิว!” คราวนี้ฝาแฝดคนน้องร้องเอาอย่างผิงกั่ว
คนที่เพิ่งฟื้นจากความตายต้องรีบปรับตัวโดยด่วน สิ่งที่เธอรู้ตอนนี้คือ ตัวเองกลายเป็นคุณแม่ลูกฝาแฝด พอเด็ก ๆ มีความอยากอาหาร เธอก็พลอยแสบท้องไปด้วย ก่อนที่มันจะดังโครกครากน่าขายหน้าจนผิงกั่วที่กอดเธออยู่ทำหน้าประหลาดใจ เธอเลยต้องหาเรื่องกลบเกลื่อน
“คนนี้ผิงเกอ...” เธอลูบศีรษะเด็กชายที่กอดเธอเอาไว้แน่นมาก และยังคงสะอื้นไม่หยุด
“คนนี้เจียวเกอ” ฝาแฝดคนน้องตอบเธอ ก่อนจะยิ้มกว้าง รอยยิ้มนี้ช่างสดใส ทำเอาหญิงสาวน้ำตาคลอหน่วยอย่างไม่รู้ตัว
ความซื่อ และบริสุทธิ์ปลอบโยนหัวใจของวิญญาณที่มาสิงร่างผู้อื่น
“มัมมี้ ร้องไห้” เซียงเจียวไม่อยากเห็นภาพแบบนี้ เขายื่นมือเล็กป้อมพยายามเช็ดน้ำตาให้คนเป็นแม่
“ฮึบ ๆ ๆ ไม่ร้อง มัมมี้ น้องจะดูแลมัมมี้และเฮียผิง เจียวเกอเก่ง” เซียงเจียวเอ่ยแล้วก็ลุกขึ้น เป็นยามนั้นที่หญิงสาวเห็นว่า เขาไม่ได้สวมเสื้อ แต่กลับห่อตัวเองด้วยผ้ากันเปื้อนของผู้ใหญ่ มืออีกข้างถือตะหลิวไม้เอาไว้ ท่าทางเช่นนี้ดูแล้วพาให้เธอปลื้มใจ เมื่อเห็นว่าเขาทั้งเป็นเด็กดี ทั้งแจ่มใส เขาเป็นลูกชายของเจ้าของร่างที่เธอมาอาศัย ช่วงเวลานี้คงจะเป็นในอดีต เนื่องจากเมื่อกวาดตาดูรอบห้องนอนแล้วทำให้รู้ว่า คงแตกต่างจากปัจจุบันหลายสิบปี นอกจากนั้นบ้านหลังนี้คงไม่ใช่คนร่ำรวยสักเท่าไร
“เจียวเกอจะทำข้าวผัดไข่ให้ทุกคนกิน!” เด็กน้อยเสนอและกำลังจะเดินไปยังห้องครัว แต่จู่ ๆ กลับหยุดเสียอย่างนั้น ก่อนหันมาบอกแม่ว่า
“แหะ ๆ น้องลืม เราไม่มีข้าวสวย!”
ได้ยินอย่างนั้นเธอก็อยากจะหัวเราะ เพราะทั้งชีวิตของหญิงสาวไม่เคยขาดแคลนสิ่งใด เธอหาเงินร้อยล้านเหรียญได้ในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการที่จะไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ!
หญิงสาวตัดสินใจลุกจากฟูก ตั้งสติอยู่เพียงเล็กน้อย เธอก็เตรียมเดินเข้าครัว โดยมีร่างเล็ก ๆ แสนน่ารักของเซียงเจียวนำทาง เป็นตอนนั้นที่ประตูด้านหลังบ้านมีเสียงกุกกัก ก่อนที่ร่างของเด็กสาวจะก้าวเข้ามา
“คุณผู้หญิง...” เยว่จือเอ่ย ก่อนที่จะทำถุงยาและถุงมันฝรั่งในมือหล่นลงไปบนพื้น เด็กสาวนึกว่าตนเห็นผีกลางวันแสก ๆ ก่อนหน้านี้คุณผู้หญิงของเธอได้สลบไป ซ้ำร้ายยังนอนตัวสั่น ร้องครางด้วยพิษไข้ เธอจึงตัดสินใจออกไปขอร้องเถ้าแก่โจว อยากให้เขาตามรถพยาบาลให้ แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ทำได้แค่มอบยามาจำนวนหนึ่ง กระนั้นเยว่จือก็ต้องเสียเวลากลางทางเนื่องจากถูกแก๊งมังกรซิ่งข่มขู่และขวางทางไว้
“คุณผู้หญิงหรือ...” หญิงสาวทวนคำอีกฝ่าย เธอไม่ชอบคำนี้ ปกติคนอื่นจะเรียกเธอว่า ‘ตั่วเจ้’ หรือ ‘มาดาม’ ไม่ก็เชฟเจ้าหญิงผู้กอบกู้วงการอาหารริมทาง การเป็นคุณผู้หญิงช่างห่างไกลจากตัวตนเธอเหลือเกิน
“ใช่แล้ว เอ... หรือว่าพิษไข้ทำให้คุณผู้หญิงสติเลอะเลือน”
เยว่จือเอ่ยเช่นนั้น เพราะสองสามคืนที่ผ่านมาคุณผู้หญิงของเธอฝันร้าย และในบางคืนก็ถึงกับกรีดร้องว่าเธอกำลังจะจมน้ำตาย!
****************
เมื่อถูกเยว่จือเรียกเช่นนั้น เธอก็เหมือนจะระลึกหลายสิ่งได้ แน่นอนยามนี้เธอไม่ใช่ ลิซ่า จาง หากอยู่ในร่าง ม่านอวี้อัน คุณแม่ลูกแฝด ซึ่งถ้าโชคดีหน่อย สามีเธออาจแค่หายสาบสูญไปในเหตุการณ์ระทึกขวัญระดับชาติเมื่อหลายปีก่อน แต่ถ้านึกถึงขั้นร้ายแรงที่สุดแล้วละก็ เขาคงจะตายไปแล้ว และเป็นซากศพไหม้เกรียมที่ระบุตัวตนไม่ได้ อย่างไรก็ตามมันช่างน่าสมเพชเหลือเกินที่ในความจริงเธอกับ แจ็คสัน หยวน นับว่าเป็นคนแปลกหน้ากัน อีกฝ่ายคือสามีคืนเดียวของเธอ และน้ำเชื้อของเขาคงดีมาก เพราะหลังจากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในคืนเข้าหอ เธอก็ตั้งครรภ์ในเวลาต่อมา
ในอดีต ม่านอวี้อันถูกป้ากับลุงใจร้ายบีบบังคับให้แต่งงานแทนแม็กกี้ หรือ ม่านลี่ถี ลูกพี่ลูกน้องที่ป่วยอย่างกะทันหัน ซึ่งอาการป่วยที่ว่าคือการที่ฝ่ายนั้นรักสนุกไปใช้ยาเสพติดจนมีอาการประสาทหลอน จึงถูกส่งเข้าบำบัดในโรงพยาบาลก่อนที่เธอจะหลบหนีไป และทั้งหมดเป็นเพราะเธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมีอิทธิพลทั้งที่ตัวเองกำลังคบหาอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งอย่างลึกซึ้ง แต่เขาเป็นพวกขี้ขลาด ไม่กล้าเปิดเผยฐานะอันแท้จริงของตนให้ม่านลี่ถีรู้ ดังนั้นม่านลี่ถีจึงแอบคบหาผู้ชายคนอื่นเพื่อให้ตนมีความสุขโดยไม่ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ อย่างที่ผู้ชายคนนั้นปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นนางบำเรอ
เวลาต่อมาม่านหงกับถานเซียะจึงส่งม่านอวี้อันเข้าหอกับผู้ชายตระกูลหยวนแทนม่านลี่ถี และการเข้าหอกับชายหนุ่มอย่างไม่จำยอมในครั้งนั้นก็ส่งผลให้ม่านอวี้อันช้ำใจหนักจนเธอเกือบคิดสั้นฆ่าตัวตาย แต่สุดท้ายลุงกับป้าทั้งปลอบและขู่ พร้อมสัญญาว่าเมื่อเธอได้เป็นภรรยาแจ็คสันแล้ว เขาย่อมดูแลเธอตามสมควร
ทว่าสิ่งที่ทั้งสองคนบอกเธอมันเป็นเรื่องโกหก อีกทั้งแจ็คสันยังไม่ได้สนใจเลยว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร สำหรับเขาการแต่งงานครั้งนั้นก็เหมือนกับว่าเธอเป็นแค่สมบัติชิ้นเล็ก ๆ ที่มีเลือดเนื้อซึ่งถูกส่งมาขัดดอก เพื่อที่ลุงกับป้าของหญิงสาวจะได้ไม่ต้องถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมด ฝ่ายเขาก็แค่ทำตามหน้าที่เจ้าบ่าวไปเท่านั้น ทว่าเรื่องราวดังกล่าวกลับสร้างบาดแผลในใจแก่ม่านอวี้อันจนเธอไม่อาจลืม
“อันเอ๋อร์ที่ผ่านมา แม่ไม่น่าเป็นตัวอย่างไม่ดีแก่หนูเลย ต่อไปไม่เอานะ อย่าเท้าสะเอว ตีหน้ายักษ์ และแยกเขี้ยวขู่คนอื่นอีก ดูสิพวกเขาเหมือนหมาจนตรอกแค่ไหน ไม่มีทางสู้ลูกได้เลย” ม่านอวี้อันหันมาทางลี่ฮุ่ย และตอบว่า “สบายใจได้ค่ะ ฉันแค่ทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเขารู้ว่า คุณแม่ลูกแฝด ที่ชื่ออวี้อันไม่ได้อ่อนแอ ใครจะมารังแกไม่ได้เด็ดขาด ที่สำคัญเมื่อกี้ฉันไม่ได้จำมาจากที่แม่เคยโวยวายใส่ ทั้งหมดมันออกมาจากความรู้สึกข้างในต่างหากค่ะ” “ยังไงก็เถอะ ห้ามเลยนะ ถ้าต้องจัดการคนพวกนี้อีก ให้แม่กับเพื่อนๆ ไล่ดีกว่า อันเอ๋อร์จะได้ไม่ต้องเก็บเรื่องไร้สาระมาหนักหัวเปล่าๆ ลูกสมควรทำอาหาร และดูแลหลานให้แม่ดีที่สุด” ลี่ฮุ่ยว่าอย่างเป็นห่วง “ขอบคุณนะคะ เอาเป็นว่าลูกสาวคนนี้ จะพยายามเชื่อฟังให้มากที่สุด” ลี่ฮุ่ยส่ายหน้า และเอ่ยว่า “ไม่ใช่พยายามเชื่อฟัง อันเอ๋อร์ต้องทำตามที่แม่ขอร้องรู้ไหม” หญิงวัยกลางคนเอ่ยจบ หล่อนก็พาลูกสาวบุญธรรมกลับเข้าไปในงาน เป็นตอนนั้นที่ประทัดถูกจุดขึ้นนับพันดอกเพื่อแสดงความยินดี ในงานมงคล ผิงกั่ววิ่งมาหาม่านอวี้อัน และยิ้มกว
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ คุณนี่เอง ลูกชายนายท่านหยวน มีข่าวว่าตายในกองเพลิงหาศพไม่เจอ นั่นคงเป็นการกุเรื่องสินะ คงกลัวคนจะรู้ว่าคุณเป็นต้นเหตุทำให้พี่ชายตาย!” แจ็คสันไม่ได้หลงกลสิ่งที่ม่านหงกล่าว ซึ่งเขาไม่ได้ทำให้ปีเตอร์เสียชีวิต ทุกอย่างเป็นอุบัติ มันเกิดขึ้นจากการก่อการร้ายครั้งใหญ่ และหลังจากเขาบาดเจ็บหนัก ก็นอนสลบไปหลายเดือน เมื่อฟื้นขึ้นก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนสกุลหยวนอีก นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่า ครอบครัวทำธุรกิจมืด และเงินที่ได้มาไม่บริสุทธิ์ “ดูเหมือน คุณจะรู้หลายสิ่ง เลยคิดเอาเรื่องนี้มาบีบบังคับผมกับภรรยา แผนตื้นเขินแบบนี้ ใช้ไม่ได้หรอก อีกอย่างผมนามสกุลหยวนก็จริง และเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถึงอย่างนั้นผมได้เลือกใช้ชีวิตเรียบง่ายกับภรรยา และลูกๆ เรื่องไหนที่เป็นอดีต ไม่ขอรื้อฟื้น” ม่านหงยิ้มเยาะ แจ็คสันช่างเป็นคนขี้ขลาด เขาเป็นถึงลูกชายคนกลางหยวนเฉาคัง ทว่ามักน้อย ไม่กล้ากลับตระกูลใหญ่ นั่นเพราะแต่เดิมก็อยู่หลังพี่ชายคนโต คอยหลบเลี่ยงปัญหา ทว่าลูกชายแจ็คสัน มีประโยชน์ต่อม่านหงในยามนี้ เด็กฝาแฝดสองคนนั้นต้องหาเงินให้เขาเป็นกอบเป็นกำ “ถึงอย่างไร ทายาทของนา
ฝ่ายลี่ฮุ่ยชิมโดนัทไปสองชิ้นเล็ก และหล่อนทึ่งทีเดียว “ของแบบนี้ จะมาทำกินกันแค่ในบ้านไม่ได้ แม่ว่าใช้เป็นเมนูพิเศษ เลยดีไหม ทำป้ายขายตามไฟแดง หรือทำเพิงเล็กๆ ติดถนนให้คนจอดซื้อได้สะดวกๆ เราเอากำไรน้อยๆ ขายจำนวนมาก เพื่อสร้างอาชีพให้คนอื่น” ม่านอวี้อันพยักหน้าเห็นด้วย ซึ่งความตั้งใจเธอเป็นเช่นนี้ อาหารที่ทำราคาต้องจับต้องได้ เหมาะกับคนหลากหลายวัย พอหญิงสาวหันไปมองแจ็คสันที่อมยิ้มในสีหน้า เธอก็เอ่ยถาม “บอกได้หรือยังคะว่า ทำไมถึงให้ฉันเป็นเหมือนขนมโดนัท” “อ่อ เพราะเมียจ๋าของผัว น่ารักแสนดีและหอมหวาน อีกอย่าง...ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุข เหมือนโดนัทไง ตัวกลมๆ มีรูปตรงกลาง ดูแล้วยิ้มได้ตลอด” ม่านอวี้อันฟังสิ่งที่เขาพูดแล้วนึกแปลกใจ “ถึงจะพิลึกอยู่สักหน่อย แต่ฉันถือว่าเหล่ากงชมนะคะ แล้วนี่สองแฝดอยู่ไหน” เธอถาม และมองหาลูกชาย ก่อนต้องนิ่งค้าง เมื่อเห็นเซียงเจียววิ่งร้องไห้จ้าเข้ามาเธอ ส่วนผิงกั่วยืนขวางแขกที่ไม่ได้รับเชิญเอาไว้ ม่านหงไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นความสำเร็จของหลานสาว ส่วนถานเซียะในวันนี้นั่งรถเข็น มีพยาบาลช่วยดูแล พร้อมเ
เรื่องชวนขายหน้าของเหล่ากง เนื่องจากการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่เหลืออีกสามทีมจะจัดแข่งขันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ลี่ฮุ่ยจึงตั้งใจจัดการเลี้ยง ต้อนรับม่านอวี้อัน และยังเปิดโอกาสให้แจ็คสันแสดงตัวว่า เขาคือสามีของหญิงสาวด้วย “เหล่ากงไม่ต้องทำอย่างนี้ก็ได้” ม่านอวี้อันบอกคนรัก “ตอนนี้พี่เหลือคนในครอบครัวคือยายหวัง อยากให้แกมีความสุขอีกสักครั้ง และเราก็จดทะเบียนกันให้ถูกต้อง เป็นผัวเมียตามกฎหมาย” “ถ้าอย่างั้นตามใจเลยค่ะ แล้วเหล่ากงจะบอกยายหวังหรือไม่คะ ว่าไม่ใช่ลูกชายของแก” แจ็คสันไม่เสียเวลาคิด ในอดีตที่ผ่านมา เขาเคยบอกยายหวังแล้วว่า ตนไม่ใช่ลูกชาย รวมถึงพยาบาลและคุณหมอหลายคนที่ใช้เหตุผลกับแก ทว่ายายหวังกลับไม่ได้สนใจสิ่งนั้น ดูเหมือนว่าลึกๆ หญิงชรารับรู้ความจริงเรื่องนี้ แต่แสร้งว่า แจ็คสันเป็นลูกชายของตนที่จากไปในเหตุการณ์ร้ายแรง อีกทั้งแจ็คสันอยากตอบแทนน้ำใจเหรินซือห่าว ที่ช่วยเขาให้รอดพ้นจากความตาย “อาหมวยที่รัก...” ชายหนุ่มทอดเสียงหวานทุ้ม ดวงตาคมของเขาก็ทอแสงอ่อนถึงเธอ จึงช่วยไม่ได้ที่ม่านอวี้อันจะเก้อเขินอย่างหนัก “เอ มันใช่เวล
จานอาหารสุดท้ายดูเหมือนทุกทีมจะมีการเสิร์ฟอาหารที่ใช้ลูกเล่นต่างกันไป ทั้งสาวสวยใส่รองเท้าสเก็ตซ์ บริกรหนุ่มๆ ถีบรถจักรยานล้อเดียว ลี่ฮุ่ยมองม่านอวี้อันอยู่อย่างนั้น แน่นอนหล่อนเชื่อมั่นว่าเค้กต้องอร่อย แต่อดไม่ได้ที่อยากให้โต๊ะสีน้ำเงินมีสีสันกว่าที่เป็นอยู่ “เอาอย่างไรดีล่ะ แม่หมั่นไส้พวกนั้นเหลือเกิน” ม่านอวี้อันแต่เดิมเธอชอบทำอาหารเพียงอย่างเดียว ทว่าในโลกเก่า ต้องต่อสู้กับคู่แข่งมากมาย การไลฟ์ขายของที่เธอเคยทำนั้น นับว่าสร้างความสนุกให้ผู้คนเสมอ ระหว่างขายของจึงมีทีมนักเต้น นักดนตรีคอยเรียกลูกค้าตลอด “แม่ไม่ต้องห่วง เหล่ากงกับสองแฝด คงไม่ปล่อยให้เรายืนเหงาๆ แน่นอน” “แจ็คสันกับผิงเกอ เจียวเกอนั่นหรือ...ให้หลานฉันมาช่วยยกของ เสิร์ฟของอะไรหนักๆ ไม่ดีแน่” ม่านอวี้อันหัวเราะน้อยๆ และตอบลี่ฮุ่ย “สองแฝด แค่ยิ้ม โบกมือ เต้นนิดๆ หน่อยๆ คนก็เทคะแนนให้เราแล้วล่ะค่ะ อย่าลืมว่าพวกเราคือคนในถนนเนี่ยอิน ฉะนั้น ขายความเป็นตัวตนของเราดีที่สุด” ลี่ฮุ่ยยังไม่เข้าใจ แต่เยว่จือกับเจ้าอิงเตรียมตบมือรอแล้ว เพราะเห็นสองแฝดถูกจับใส่น่ารักเป็นหมีกั
เมื่อทุกทีมส่งอาหารขึ้นโต๊ะเรียบร้อย ก็ยังไม่ได้มีการประกาศผลคะแนน เนื่องจากจะรวมคะแนนทั้งหมดกับของหวาน จากนั้นคัดเพียงสามทีมเข้าไปแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ลี่ฮุ่ยได้ข้อมูลจากคนของเธอที่เป็นหนึ่งในกรรมการทั่วไป มาแจ้งผลว่า รสชาติอาหารแต่ละทีมล้วนมีข้อดีกับข้อด้อยต่างกันไป “ทีมสีเขียวหมึกช็อตนั้นอร่อย และเนื้อหมึกหวาน แต่คนเกือบครึ่งเลือกที่จะไม่รับประทาน ส่วนที่โดดเด่นตีคู่มากับหมูสะเต๊ของเราก็คือ ทีมสีแดงจากเชฟสองดาว ฝ่ายนั้นทำซาโมซ่าซอสผักชี” “พวกเขาทำการบ้านมาดี ผักชีมีกลิ่นเฉพาะตัว แล้วนำมาทำคล้ายซอสเพลสโต้ แบบนี้คงได้คะแนนไม่น้อย” ม่านอวี้อันไม่ได้ชิม จานดังกล่าว แต่เธอเห็นตอนทีมสีแดงเตรียมจัดเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ “จริงอย่างที่อันเอ๋อร์บอก ซอสผักชีทำง่าย เครื่องปรุงไม่ยุ่งยาก แต่กลับเสริมให้ซาโมซ่าอร่อยเข้าไปอีก” เยว่จือกับเจ้าอิง ไม่รู้จักซาโม่ซา ฝ่ายโรสที่เคยกินจึงบอกว่า “มันเป็นแป้งทอดไส้หมูสับ หรือไก่สับปรุงให้รสจัดจ้านนิดหน่อย ปกติจิ้มกับซอสมะขาม หรือซอสมะเขือเทศ แต่บางครั้งฉันเห็นซาโมซ่าเป็นไส้ผลไม้ เช่นกล้วยหอม หรือไส้ฝักทอง”