เรือสำราญ
แสงไฟสีสวยจากโคมระย้าประดับประดาบนเพดาน ส่องสว่างทั่วทั้งเรือ เสียงดนตรีสดบรรเลงเพลงช้า ๆ เพิ่มความโรแมนติกได้เป็นอย่างดี ทำให้นักท่องเที่ยวชายหญิง ต่างพากันหลงใหลไปกับค่ำคืนอันแสนหวาน บนชั้นสองของเรือชายร่างสูงยืนจ้องมอง ไปตรงบาร์เครื่องดื่มชั้นล่าง ที่มีบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อผิวขาว กำลังยืนแจกยิ้มหวานให้พวกลูกค้าอย่างอารมณ์ดี แทบไม่กะพริบตา ราวกับว่ากลัวอีกฝ่ายจะหายไปจากสายตาอย่างไงอย่างงั้น
“ไอ้เฟย ในที่สุดกูก็หาตัวมึงเจอจนได้” เอริคพึงพำออกมาเบา ๆ
สายตาก็จ้องมองอยู่ที่ร่างสูงตรงเคาน์เตอร์บาร์ไปด้วย พอได้เห็นใบหน้าและรอยยิ้มยียวน ลอยหน้าลอยตาอยู่ตรงหน้าเขา เอริคก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง เพราะในหัวมันอดคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งก่อนไม่ได้เลยจริง ๆ
หึหึ คืนนี้ละเขาจะตอบแทนความอัปยศที่ได้รับมาในตอนนั้น คืนกลับไปให้เป็นสองเท่าเลย ไอ้เฟย!!
“ให้ผมเข้าไปคุยติดต่อให้ไหมครับนาย” แซมพูดถามเอริคออกมา
แซมเห็นเจ้านายตัวเองยืนจ้องมองบาร์เทนเดอร์คนนี้มาพักใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีทีท่าจะลงไปพูดคุยด้วยสักที เลยคิดว่าเอริคอาจจะกลัวเสียฟอร์ม เลยเสนอตัวลงไปพูดคุยให้แทน
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูเข้าไปคุยเอง” เอริคกลับตอบเสียงเรียบ
“ครับ” แซมพยักหน้ารับ
“พวกมึงจะไปไหนกันก็ไป” เสียงเข้มพูดสั่งลูกน้องทั้งสองออกไปอีกครั้ง เรื่องในคืนนี้เอริคต้องจัดการเพียงคนเดียว เขาจะให้ใครรู้ไม่ได้ทั้งนั้น
“ครับ”
เอริคไม่อยากให้ลูกน้องทั้งสองรู้เรื่องของตัวเองกับเฟย ครั้งนี้เขาเลยจะต้องจัดการไอ้จีนหื่นนั่นเพียงคนเดียว เพื่อไม่ให้ใครสงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะเวลานี้ทั้งเพื่อนและลูกน้องต่างเข้าใจว่า ที่เอริคมายืนอยู่บนเรือลำนี้ ตรงนี้ เวลานี้ เพราะรู้สึกติดใจบาร์เทนเดอร์หนุ่มก็เท่านั้น
...ไม่มีใครรู้ความจริงกันสักคน ว่าที่เอริคให้ตามหาเฟยไม่หยุดนั้น ก็เพราะอยากแก้แค้นกับสิ่งที่เฟย เคยทำไว้กับตัวเองต่างหาก...
บาร์เครื่องดื่ม
แสงไฟสีส้มนวลๆ สาดส่องลงบนเคาน์เตอร์จนเงาแวววับ กลิ่นหอมของเหล้าลอยฟุ้งในอากาศ บวกกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อ ที่กำลังยืนวาดลวดลาย ผสมเครื่องดื่มอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ มันทำให้ผู้คนที่มองมา ยิ่งรู้สึกหลงใหลมากขึ้น
“หาตัวเจอสักทีนะ คุณบาร์เทนเดอร์”
ร่างสูงของหนุ่มลูกครึ่งนั่งลงที่เคาน์เตอร์ แล้วเอ่ยพูดทักทายคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก สายตาจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าขาวหล่อของบาร์เทนเดอร์หนุ่มอย่างไม่ลดละ
...ในที่สุดเอริคก็ลงมาประจันหน้ากับเฟยอีกครั้ง...
“สวัสดีครับคุณเอริค รับอะไรดีครับคืนนี้ หรือว่าจะต้องการรับแบบเดิมเหมือนคืนนั้นดีครับ”
เฟยหันไปตามเสียง พอเห็นว่าใครนั่งอยู่ตรงหน้าตัวเอง ก็ฉีกยิ้มหวานเยิ้มออกมา พร้อมเอ่ยทักทายกลับเสียงใส่ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ แล้วเอ่ยกระซิบพูดถามออกไปเสียงเบา เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน
ซึ่งคำพูดที่ออกจากปากของเฟยนั้น มันแฝงให้คิดถึงเรื่องเก่า ๆ ที่ผ่านมาอย่างจงใจ พอเอริคได้ยินแบบนั้น ใบหน้าก็แดงร้อนขึ้นด้วยความโกรธจัด เมื่อถูกอีกฝ่ายพูดเย้าหยอกเรื่องในคืนนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
“รับ ชีวิตมึงไง”
เอริคกำหมัดแน่นเพื่อควบคุมอารมณ์โกรธที่เริ่มเดือดขึ้นมา ก่อนจะพูดรอดฟันออกมาเสียงแข็ง คืนนี้เขาจะต้องฆ่าไอ้เวรนี่ให้ได้ คอยดูเถอะ
“ไม่ได้เจอคุณเอริคสองสามเดือน ผมคิดถึงคุณมากเลยรู้ไหมครับ” เฟยทำเป็นไม่สนใจสีหน้าท่าทางของเอริค ฉีกยิ้มหวานเยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยพูดเย้าหยอกกลับไปอย่างไม่เกร็งกลัว
“กูก็คิดถึงมึงมาก เหมือนกัน” เอริคปั่นหน้ายิ้มพูดตอบกลับไปเสียงเรียบ
สายตาคมมองจ้องคนตรงหน้านิ่ง เอริครู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ที่เฟยดูไม่ตกใจหรือกลัวเขาเลยสักนิด หรือว่ากลัวแต่เก็บอาการอยู่กันนะ
ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้นจนถึงวันนี้ เอริคไม่เคยหยุดคิดถึงเฟยเลยสักวินาทีจริง ๆ แค่ความคิดถึงของเขาไม่เหมือนที่พวกเพื่อน กับพวกลูกน้องคิดกันก็เท่านั้นเอง เพราะมันคือความคิด ที่อยากจะฆ่าอีกฝ่ายต่างหาก
“จริงเหรอครับ ดีใจจังเลย งั้นคืนนี้ผมขอเลี้ยงเหล้าคุณสักแก้วได้ไหมครับ นาน ๆ จะได้เจอคนคิดตรงกันสักที” เฟยฉีกยิ้มกว้างแสร้งทำท่าดีใจ เมื่อได้ยินคำพูดเอริค เพราะเขารู้ดีว่าที่อีกฝ่ายพูดนั้นหมายความว่าอะไร แต่แล้วยังไงล่ะ...
“หึหึ กูอยากรู้จริง ๆ ว่าหน้าของมึงจะยิ้มแบบนี้ได้นานอีกสักเท่าไหร่”
เอริคหัวเราะในลำคออย่างอดไม่ได้ พอได้เห็นท่าทางยิ้มร่าของเฟยในตอนนี้ เขาก็ยิ่งอยากทำให้มันหายไปเร็วขึ้นอีก
“ได้แล้วครับ วอดก้า มาร์ตินี่ ของคุณ”
เฟยยื่นแก้วเครื่องดื่มให้เอริคด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทำราวกับว่าไม่ได้ยินคำขู่ของอีกฝ่าย
“อีกสิบนาทีเตรียมบอกลา รอยยิ้มน่าขยะแขยงของมึงไปได้เลย”
เอริครับแก้วเหล้าในมือของเฟยมา แล้วยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด สายตาคู่คมจ้องมองคนตรงหน้าอย่างท้าทาย ก่อนจะเอ่ยพูดขู่คนตรงหน้าออกไป จากนั้นก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างเย็นยะเยือก พร้อมยกมือข้างหนึ่งจับเสื้อนอกของตัวเองให้เปิดออกอย่างช้า ๆ เพื่อให้เฟยที่ยืนอยู่ตรงหน้า ได้เห็นปืนด้านในเสื้อของตัวเองอย่างชัด ๆ
เอริคให้ลูกน้องไปสืบว่า เฟยทำงานเลิกกี่ทุ่ม เขาจะได้เข้าหาถูกช่วง และตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาเลิกงานของเฟยแล้ว เอริคอดทนรอเวลานี้มานาน ถึงเขาจะรู้สึกโกรธแค้นคนตรงหน้ามากขนาดไหน แต่ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเขา เอริคเลยอยากทำทุกอย่างให้มันเงียบที่สุด จะได้ไม่ต้องมีปัญหาตามมาทีหลัง
“ครับบบ...ผมก็เริ่มจะอดทนรอไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
เฟยมองลึกเข้าไปในเสื้อของเอริค ก่อนจะค่อย ๆ ยกยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็เอ่ยพูดลากเสียงยาวพูดตอบกลับไปอย่างล้อเลียน
********************
“เดินเร็ว ๆ ถ้ามึงคิดจะตุกติกแม้แต่นิดเดียวละก็ มึงได้กลายเป็นศพอยู่ในลิฟท์นี้แน่ จำเอาไว้”
“ครับบบ”
เอริคพาเฟยเดินไปที่ลิฟท์โดยใช้ปืนขู่จี้จากทางหลังของอีกฝ่าย เพื่อไม่ให้เฟยคิดหนีตัวเองไปไหนได้ ครั้งนี้เขาจะไม่ใจดีเหมือนครั้งก่อนอีกแล้ว
เอริคคิดจะพาตัวเฟยไปจัดการที่ห้องของเฟย เพื่อไม่ให้ใครสงสัยว่าเป็นฝีมือตัวเอง ทั้งคนบนเรือทั้งเพื่อนกับลูกน้องตัวเองด้วย เพราะถ้าเรื่องการตายถึงหูพวกนั้น ก็คงจะมาพูดถามเขาเป็นคนแรกแน่ ๆ ถึงตอนนั้นเอริคก็ค่อยพูดบอกไปว่า ตัวเองไม่รู้เรื่องเขากับเฟยแยกย้ายกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แค่นี้ก็ไม่มีใครสงสัยเขาแล้ว และอีกอย่างเอริคไม่มีเหตุผลที่จะต้องฆ่า บาร์เทนเดอร์หนุ่มของเรือลำนี้ด้วย จริงไหม
“ไอ้เฟย กูบอกแล้วไงว่าให้ยืนนิ่ง ๆ” เอริคพูดตะคอกเสียงดังขึ้น เมื่ออยู่ดี ๆ คนที่ยืนหันหลังให้ ก็เอื้อมมือไปกดหยุดลิฟท์ แล้วหันหน้ามายิ้มระรื่นให้ตัวเองซะดื้อ นี่มันคิดจะทำบ้าอะไรของมันอีกเนี่ย!!
“ก็ผมอยากมองหน้าของคุณเอริคแบบใกล้ ๆ สักครั้งก่อนตายนี่ครับ” เฟยพูดขึ้นยิ้ม ๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน กับกระบอกปืนที่จ่ออยู่หน้าอกของตัวเอง
“มึงคิดจะทำบ้าอะไร...มึง มึง”
เอริคที่กำลังจะพูดว่าเฟยกลับไปนั้น อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนว่าภาพตรงหน้า มันพร่ามัวจนมองไม่ชัดขึ้นมา ร่างกายของเขาก็อ่อนแรงจนแทบทรงตัวไม่ได้ขึ้นมาดื้อ ๆ เอริคยืนพิงผนังลิฟท์ ก่อนจะเงยหน้ามองเฟยด้วยความโกรธจัด เมื่อรับรู้ว่าตอนนี้ตัวเองได้หลงกล ไอ้จีนหื่นที่กำลังยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอีกครั้งซะแล้ว
“...” พอเห็นท่าทางของคนตรงหน้า เฟยก็กระตุกยิ้มร้ายขึ้นมาทันที
“ไอ้เฟย! ไอ้เวร! มึงใส่อะไรลงไปในเหล้า” เอริคยกปืนขึ้นจ่อที่หัวของเฟย แล้วตะคอกถามออกมาสุดเสียง
เมื่อเอริครับรู้ถึงความผิดปกติของร่างกายตัวเอง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองเป็นอะไร และใครเป็นคนทำให้เขาต้องอยู่ในสภาพนี้ ไอ้เฟย! ไอ้ชั่ว!! มันจะต้องแอบว่างยาเขาอย่างแน่นอน บ้าเอ๊ย!!
“หึหึ ดูเหมือนยามันจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วสินะครับ”
ใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม ค่อย ๆ เดินก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวทีละก้าว ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นอย่างช้า ๆ สายตาจับจ้องคนตรงหน้า เป็นประกายวาววับขึ้นเรื่อย ๆ
“ยา...ยางั้นเหรอ มึงเอาอะไรมาให้กูกิน...” เอริคตะคอกถามด้วยความโมโห เขาไม่น่ารับเหล้าแก้วนั้นมาดื่มเลยจริง ๆ
“ก็...ยา ปลุก อารมณ์ไงครับ แถมเป็นแบบแรงที่สุดด้วยนะครับ” เฟยโน้มใบหน้าเข้าไปพูดกระซิบบอกที่ข้างหูของเอริคเสียงเบา
เอริคที่ได้ยินแบบนั้นก็ขนลุกชันไปทั้งตัว เวลานี้ถ้าบอกว่าในเหล้ามียาพิษอยู่ เขายังไม่รู้สึกกระวนกระวายและกลัวมากขนาดนี้เลย แต่ยาที่เขาดื่มกลับเป็นยาบ้าพันนั้น แล้วคืนนี้เขาจะต้องตกอยู่สภาพไหนกัน เอริคไม่อยากคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เลยจริง ๆ ใบหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นมาเรื่อย ๆ นี่เขาหลงกลไอ้จีนบ้าอีกแล้วเหรอวะ โธ่โว้ย!!
ตอนที่เฟยชงเครื่องดื่มให้เอริค เขาได้แอบใส่ยาปลุกอารมณ์ลงไปด้วย เฟยรู้ดีว่าคืนนี้ยังไงเอริคคงไม่ปล่อย ให้เขามีชีวิตรอดอย่างแน่นอน เขาเลยคิดซ้อนแผนกลับคืนซะเลย
“ไอ้เวร!...กูจะ ฆ่ามึง”
ร้านอาหารจีนร้านอาหารจีนชื่อดังกลางใจเมือง ที่ถูกตกแต่งเต็มไปด้วยสีแดงอย่างหรูหราสะดุดตา เป็นเสมือนศูนย์รวมผู้คนที่มีเชื้อสายจีน หรือบางคนที่รู้สึกเบื่ออาหารรสชาติจัดจ้าน ก็หันมานั่งกินเปลี่ยนรสชาติและบรรยากาศกัน โต๊ะอาหารมุมหนึ่งของร้านมีหนุ่มจีนใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว นั่งอยู่เพียงลำพัง บนโต๊ะมีแก้วน้ำเปล่าวางอยู่ข้าง ๆ นาฬิกาข้อมือเรือนหรูถูกยกขึ้นมาดูหลายครั้งติดต่อกัน ใบหน้าขาวซีดหันมองทางเข้าร้านเป็นระยะราวกับว่าเขากำลังนั่งรอใครบางคนอยู่และแล้วใบหน้าขาวซีดของหนุ่มจีนก็ค่อย ๆ ฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นคนที่ตัวเองรอคอยมานาน กำลังก้าวเดินเข้ามาในร้าน แต่รอยยิ้มก็อยู่บนใบหน้าของหนุ่มจีนได้เพียงครู่เดียว ก็ต้องละลายหายไปในที่สุด เมื่อสายตาของเขามองเห็นว่าคนที่ตัวเองกำลังนั่งรออยู่นั้น ไม่ได้เดินมาเพียงคนเดียวอย่างที่เขาคิดไว้“อ้าวเฟยมาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ” ชุนหนุ่มจีนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หันไปเอ่ยทักทายอดีตบอดี้การ์ดหนุ่ม ของตัวเองออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ครับ” เสียงนุ่มทุ้มตอบ
ท้องทะเลสีคราม หาดทรายสีขาวสะอาดตา สายลมทะเลพัดเอื่อย ๆ พาเอาความสดชื่นเข้ามาปะทะใบหน้า บวกกับเสียงคลื่นกระทบเข้าฝั่ง ที่ไพเราะราวกับบทเพลงกล่อมให้ชวนหลับ ช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก หลังจากจบศึกระลึกความหลังที่ยาวนานติดต่อกันเกือบสามวัน ในที่สุดเฟยก็ยอมปล่อยให้เอริค ได้พักผ่อนแบบจริงจังตามที่หวังเอริคนั่งจ้องมองวิวทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา เบื้องหน้าอย่างเคลิบเคลิ้มและหลงใหล นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขามัวแต่หมกมุ่นทำแต่งาน จนแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อนจริง ๆ จัง ๆ แบบนี้ เอริคนั่งคิดย้อนอดีตถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของตัวเอง ถ้าคืนนั้นเขาไม่ได้เจอกับเฟย เวลานี้ชีวิตของเขาจะเป็นยังไง มันจะดีขึ้นหรือจะแย่ลงกันนะเอริคที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดอยู่นั้น ก็ต้องถูกเสียงสั่นของโทรศัพท์เครื่องหรูตัวเอง ปลุกให้ตื่นกลับมาสู่โลกแห่งความจริง เอริคหันมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ แล้วขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าชื่อที่ขึ้นโชว์อยู่นั้นเป็นเบอร์ของเซ็นลูกน้องของตัวเองครืน ครืน ครืน!!“อืม มีอะไร&rd
รีสอร์ตติดทะเลสุดหรูรีสอร์ตสุดหรูที่เป็นห้องพักติดทะเล มีดีไซน์สวยงามทุกมุมเหมาะสมกับคู่รักที่พากันมาสวีท เพื่อเพิ่มความหวานให้แก่กันเป็นอย่างมาก ส่วนด้านหลังก็สามารถนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน สุดแสนโรแมนติกได้แบบใกล้ชิดหาดทรายสีขาวท้องทะเลสีคราม กับท้องฟ้าสีสดใสไร้เมฆ มองไปสุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่เห็นแล้วชวนให้ผ่อนคลาย รู้สึกมีความสุขและจิตใจสงบอย่างบอกไม่ถูกแต่!!สองหนุ่มในห้องนอนรีสอร์ตสุดหรูห้องหนึ่ง ตอนนี้กับอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบสุด ๆ“คุณเอริคจะอยู่ท่านั่นอีกนานไหมครับ”“หนวกหู ขอทำใจหน่อยไม่ได้หรือไง”เสียงพูดของสองหนุ่มโต้เถียงกันดังอยู่บนที่นอน คนหนึ่งนั่งหลังพิงหัวเตียง ส่วนอีกคนก็กำลังนั่งคร่อมอยู่บนตัก ร่างกายของทั้งคู่เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าสวมใส่หลังจากที่พูดเคลียร์เรื่องของเรนจบลงในคืนนั้น เอริคกลัวว่าเด็กหนุ่มยังจะมาวุ่นวายกับคนของตัวเองไม่เลิกอีก เขาเลยลากเฟยหนีออกมาเที่ยวไกลกันสองคน และถือโอกาสมาเปลี่ยนบรรยากาศ มานั่งรับลมทะเล ดื่มด่ำกับธรรมชาติ
“ฮัลโหล”(เฮียเฟย)“เรน!”พอโทรศัพท์เครื่องหรูถูกกดรับ เสียงที่คุ้นเคยจากปลายสาย ก็ร้องเรียกชื่อเจ้าของโทรศัพท์ดังลอดออกมาเฟยที่ได้ยินน้ำเสียงหวานหยดย้อยนั้นเรียกชื่อตัวเอง ก็รู้ได้ทันทีว่าใครกำลังอยู่ในสาย เลยพูดชื่อของอีกฝ่ายออกไปด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าคนในสายจะมีเบอร์ติดต่อของตัวเองด้วยตั้งแต่ที่เฟยเลิกเป็นบอดี้การ์ด เขาก็ได้ตัดสินใจทิ้งอดีตไว้ด้านหลัง รวมถึงได้เปลี่ยนเบอร์ติดต่อทุกอย่างด้วย เพื่อที่จะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เบอร์โทรที่เฟยใช้อยู่ตอนนี้เลยมีแต่เพื่อนสนิท กับเพื่อนที่เป็นบาร์เทนเดอร์ด้วยกันเท่านั้นที่รู้ พอเฟยได้ยินเสียงของเรนในสายเลยตกใจมาก เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะรู้เบอร์ของตัวเองได้(เรนไม่สบาย เฮียมาหาเรนหน่อยได้ไหม เรนลุกไม่ไหว) เสียงแหบแห้งราวกับคนไร้เรี่ยวแรง ดังลอดออกมาจากปลายสายอีกครั้งเรนที่ยังไม่ยอมตัดใจเรื่องของเฟยง่าย ๆ เลยโทรมาเพื่อเรียกร้องความสงสารจากอีกฝ่าย เพราะเขารู้จักนิสัยของอดีตแฟนหนุ่มดี ว่าเป็นคนขี้สงสารและเอ็นดูตัวเองมาก ถ้าเฟยรู้ว่าเขานอนโทรมไม่สบายอยู่บนเตียงค
“โอ๊ย! มันเจ็บนะ”เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด เมื่อร่างเล็กถูกเหวี่ยงติดผนังอย่างแรง จนล้มพับไปกองอยู่กับพื้น เรนชักสีหน้าไม่พอใจใส่เอริคที่ยืนกอดอกมองตัวเองอยู่อย่างไม่เกร็งกลัว“แค่นี้มันยังน้อยไป ถ้ามึงยังไม่เลิกมาตอแยเมียกูอีก มึงได้เจ็บตัวมากกว่านี้แน่” เอริคยืนกอดอกดูผลงานตัวเองอย่างชอบใจ ก่อนจะพูดขู่ออกไปอีกครั้ง ทำแค่นี้ทำมาเป็นร้องโวยวายสำออยจริง ๆ“อย่ามาโกหกซะให้ยากเลย ผมไม่เชื่อหลอกว่าเฮียเฟยเป็นเมียของคุณจริง ๆ” เรนยันตัวเองลุกขึ้นยืนประจันหน้า แล้วพูดเถียงกลับอย่างไม่ยอมเรนรู้จักนิสัยของเฟยดีว่าเป็นคนยังไง ในอดีตเพราะหน้าตาสวยราวกับผู้หญิง เลยทำให้มีผู้ชายมากมายมาสนใจในตัวของเฟย แต่ไม่ว่าคนพวกนั้นจะเอาเงินหรือของมาให้มากเท่าไหร่ เฟยก็ไม่เคยสนใจและมีความคิดเปลี่ยนมาเป็นรับ เพื่อสนองอารมณ์ของผู้ชายพวกนั้นเลยสักครั้ง แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าเฟยเป็นเมีย ใครมันจะเชื่อลง“แล้วทำไมกูจะต้องโกหกมึงด้วย” เอริคชักสีหน้าใส่คนเถียง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะเชื่อคำพูดของตัวเองเลยสักนิด“คนอย่างเฮียเฟย ให้ตายก็ไม่มีทางจะเปลี่ยนใจมาเป็นรับหลอก” เรนพูดขึ้นอย่างมั่นใจ เขารู้จ
ตุบ!เสียงกำปั้นทุบลงโต๊ะทำงานด้วยความโกรธเกรี้ยว จนคนที่ยืนพูดรายงานอยู่ สะดุ้งตกใจรีบก้าวถอยหนีคนโมโหอย่างงง ๆ แซมไม่เข้าใจว่าเอริคโกรธตัวเองเรื่องอะไร เขาแค่มารายงานตามปกติเองนี่นา“ไอ้เด็กบ้า เดี๋ยวมึงได้เจอดีแน่” เอริคสถบด่าออกอย่างไม่พอใจ กล้ามาหาผู้ชายของเขาถึงที่นี่เลยเหรอ“เออ…” แซมยืนนิ่งค้างทำตัวไม่ถูก เมื่ออยู่ ๆ เจ้านายตัวเองก็แสดงท่าทีฉุนเฉียวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ“แล้วเฟยล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน” เอริคถามขึ้นเสียงแข็ง เมื่อนึกถึงตัวต้นเหตุของเรื่องขึ้นมาได้“อ๋อ พึ่งเดินลงไปหาเด็กคนนั้นเมื่อกี้เองครับ” แซมตอบกลับไปตรง ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างไม่ได้คิดอะไร“ใครบอกมัน”เอริคถามต่ออย่างสงสัย เพราะตามปกติแล้วเฟยจะอยู่แต่ชั้นบน ไม่ห้องพักก็จะมาช่วยงานเขาที่ห้องนี้เท่านั้น เฟยไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีคนมาหา ถ้าไม่มีใครขึ้นมาบอก“ผมบอกเองครับ”แซมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง แล้วพูดบอกเอริคออกไปตรง ๆ พร้อมปั้นหน้ายิ้มแป้นรอรับคำชมจากอีกฝ่าย เมื่อคิดว่าตัวเองพึ่งทำเรื่องดี ๆ ไปแต่…สิ่งที่ได้มากับไม่ใช่คำชมเชย แต่กลับเป็นแฟ้มเอกสารเล่มหนา ปามาทางเขาแทน“ไอ้แซม มึงนี่มัน” เอริคตะคอกว่าลูกน้อ